ตอนที่แล้วตอนที่ 20 : ลู่หมิงคือคนดี (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 : หวังซ่ง: ฉันน่าจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยนะ

ตอนที่ 21 : ฮีโร่โดยกำเนิด


ตอนที่ 21 : ฮีโร่โดยกำเนิด

แม้ว่าหวังซ่งจะเป็นผู้ตื่น แต่เขาและจางหลี่ซินก็ยังใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงกว่าที่จะขนร่างของซอมบี้ออกไปจากถนนจนหมด

หลังจากเสร็จภารกิจ มันก็เป็นเวลาค่ำแล้ว เมื่อเขากลับมาที่บ้าน เขาก็พบว่าเมิ่งเจียได้นำศพของซอมบี้ยักษ์กลับมาที่บ้านแล้ว

กลิ่นเน่าเหม็นอบอวลไปทั่วทั้งบ้านและทำให้หวังซ่งขมวดคิ้ว อย่างไรก็ตาม เมิ่งเจียก็พูดกับหวังซ่งด้วยความตื่นเต้นว่า “นี่คือตัวอย่างวิจัยชั้นยอดเลย บางทีฉันอาจจะพบความลับการเติบโตของผู้ตื่นจากซอมบี้ตัวนี้ก็ได้”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘การเติบโตของผู้ตื่น’ หวังซ่งก็ดูเหมือนจะถูกกระตุ้นและเกิดความสนใจขึ้นมาทันที

เขาเดินวนรอบๆ ซอมบี้ยักษ์อยู่สองสามรอบ หวังซ่งไม่สนใจกลิ่นเหม็นและหัวเราะเบาๆ แล้วก็กล่าวว่า “เมิ่งเจียสุดยอดมาก!”

เมิ่งเจียโบกมือของเธอและกล่าวว่า “มันไม่ได้น่าประทับใจอะไรหรอก นี่คือสิ่งที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว… เพียงแต่ว่าที่นี่เรามีอุปกรณ์ทดลองน้อยเกินไป ฉันคงไม่สามารถทำการทดลองได้มากนัก”

แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้

หลังจากคุยกันคร่าวๆ แล้ว หวังซ่งก็ลากจางหลี่ซินไปหาอาหารและน้ำด้วยกัน และในคราวนี้ พวกเขาก็ไม่ได้เคาะประตูบ้านของลู่หมิงด้วย

สุดท้ายค่ำคืนนี้จึงผ่านไปอีกคืน

ในวันอังคาร วันที่สิบของปฏิทินแห่งวันสิ้นโลก วันฝึกส่วนหลัง

ลู่หมิงลุกขึ้นจากเตียง อาบน้ำ ทำอาหาร กินข้าว และสังเกตกาณ์ผ่านหน้าต่าง

บังเอิญที่ลู่หมิงเห็นหวังซ่งและจางหลี่ซินออกไปจากบ้านพอดี

สายตาอันเฉียบคมของหวังซ่งเห็นลู่หมิง และเขาก็ทักทายลู่หมิงด้วยรอยยิ้ม ส่วนลู่หมิงก็พยักหน้าตอบ

เพื่อกระสุนล่ะนะ…

หลังจากเห็นหวังซ่งและจางหลี่ซินเดินออกไปแล้ว ลู่หมิงก็ปิดช่องสังเกตการณ์และเริ่มการฝึกฝนในวันนี้

หลังจากออกกำลังกายไปได้หนึ่งชั่วโมงครึ่ง หน้าต่างข้อมูลของลู่หมิงก็เป็นดังนี้

พละกำลัง: 13.9 (14.7) ↑

ความแข็งแกร่ง: 14.4 (15.2) ↑

ความว่องไว: 15.5 (16.3) ↑

ทักษะฟิตเนส ระดับ 3 (100/300)

หลังจากดื่มผงโปรตีนไปหนึ่งแก้ว ลู่หมิงก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง และเดินไปที่ช่องสังเกตการณ์เพื่อมองออกไปข้างนอก

ในไม่ช้า ลู่หมิงก็ปิดช่องสังเกตการณ์ด้วยความผิดหวัง

“น่าเสียดายที่วันนี้หวังซ่งไม่ได้ล่อพวกซอมบี้เข้ามา”

มันแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างความก้าวหน้าจากการยิงซอมบี้และการยิงเป้า หลังจากการต่อสู้เมื่อวาน ลู่หมิงก็พบว่ามันไม่ค่อยอันตรายเท่าไรที่จะหมอบอยู่บนชั้นสองและต่อสู้กับพวกซอมบี้ร่วมกับคนอื่น

เมื่อคิดว่าถ้าหวังซ่งไม่ล่อซอมบี้มาในวันนี้ แม้ว่าลู่หมิงจะร่วมมือกับเขาอย่างไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอยู่ดี

เขาหยิบธนูและลูกศรขึ้นมาจากโต๊ะ ลู่หมิงเล็งเป้า และยิงธนูออกไป มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาต้องฝึกฝนทักษะของเขาต่อไป แม้ว่ามันจะช้ามากก็ตาม

“พี่จาง ทางนี้”

บนอาคารที่ไม่สูงนักใกล้ๆ กับทางเข้าหมู่บ้าน หวังซ่งกระซิบกับจางหลี่ซิน

จางหลี่ซินย่อมคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่อยู่ข้างหน้า เพราะกองทหารของเขาได้รับความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับตรงนี้

เมื่อกลับมาที่สถานที่เก่าๆ ไม่เพียงแต่จางหลี่ซินจะรู้สึกแปลกๆ เท่านั้น แต่เขายังรู้สึกทำอะไรไม่ถูกด้วย

เพราะมันยังมีฝูงซอมบี้เหลืออยู่

เมื่อไม่มีเสียงอะไรคอยดึงดูดความสนใจของพวกมัน เหล่าซอมบี้จึงรวมตัวกันอยู่แถวนี้ และเดินไปรอบๆ โดยไม่ขยับไปไหนไกล เพื่อที่จะให้ได้รถหุ้มเกราะและอาวุธมา มันก็มีแค่การทำตามวิธีของหวังซ่งเท่านั้น—ล่อพวกซอมบี้ออกไป

อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนขนาดนั้น แม้ว่ามันจะไม่มีซอมบี้ยักษ์ แต่หวังซ่งที่แม้จะเป็นผู้ตื่นก็คงจะได้รับบาดเจ็บหนักถ้าเขาไม่ระวังตัว

“เห้อ”

จางหลี่ซินพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ “ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป… ช่างเถอะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย พวกเราแค่ออกมาหาอาหาร น้ำ และร่องรอยของผู้รอดชีวิตเท่านั้น”

“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็คิดว่า…”

ในขณะที่เขาพูด จางหลี่ซินก็ลังเล

เขาอยากรวบรวมผู้รอดชีวิต

ประการแรกก็เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านจำนวน และการอยู่ร่วมกันในภัยพิบัติเช่นนี้ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องผิด

ประการที่สอง การปกป้องผู้คนย่อมเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของทหาร

ประการที่สาม การมีเพื่อนบ้านอย่างลู่หมิงก็ค่อนข้างปลอดภัยแล้ว

การมีผู้ตื่นสองคนคอยรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยย่อมดีกว่าการปล่อยให้ผู้รอดชีวิตเอาตัวรอดด้วยตัวเอง

เหตุผลที่เขาลังเลก็เป็นเพราะจางหลี่ซินกลัวว่าหวังซ่งจะไม่เห็นด้วยกับเขา

เพราะวันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว และทุกคนก็สนใจแต่การเอาตัวรอดเท่านั้น

ผู้ตื่นอาจจะมีความสามารถที่แข็งแกร่ง แต่จางหลี่ซินก็ไม่มีเหตุผลที่จะเรียกร้องให้เหล่าคนที่มีความสามารถอันแข็งแกร่งนั้นต้องแบกรับความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย

ไม่น่าเชื่อว่าจู่ๆ หวังซ่งก็ได้เอื้อมมือออกมาตบไหล่ของจางหลี่ซิน

“ผมเองก็อยากรวบรวมผู้รอดชีวิตและปกป้องผู้คนเหมือนกัน”

เมื่อหันไปมองหวังซ่ง จางหลี่ซินก็มองเห็นถึงคุณธรรมที่ดูเหมือนจะเปล่งประกายออกมาจากใบหน้าของเขา

หวังซ่งพูดเบาๆ “ผมชอบดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่สุดเลย ประโยคโปรดของผมคือ ‘พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง!’”

“เหตุผลที่ผมเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แบบผสม เหตุผลแรกก็เป็นเพราะผมมีพรสวรรค์ด้านนี้ และข้อสองก็เพราะผมอยากผดุงความยุติธรรมในอนาคต…”

จางหลี่ซินยิ้ม “ก่อนวันสิ้นโลกมาถึง พวกเราต้องอาศัยอยู่ในสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมาย มันเป็นความรับผิดชอบของตำรวจที่จะต้องลงโทษคนชั่วและส่งเสริมคนดี”

หวังซ่งเกาหัวและยิ้มแหยๆ “อืม ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่และไม่เข้าใจอะไรเท่าไร…”

“แต่ผมก็เข้าใจความคิดของพี่นะ นอกจากนี้ นี่ยังเป็นความคิดของผมด้วย ที่พักพิงที่พี่พูดถึงอยู่ไกลเกินไป… และที่พักพิงก็อาจจะไม่สามารถปกป้องทุกคนได้ อันที่จริง หลังจากที่ผมได้พบกับพี่หนังสติ๊กเมื่อวาน… ไม่สิ หลังจากที่ได้พบกับลู่หมิง ผมก็ได้ตัดสินใจแล้ว”

“ผมตัดสินใจว่าจะสร้างที่พักพิงขึ้นมาโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ถนนหน้าบ้านของลู่หมิง ด้วยการทำแบบนี้ ผมคิดว่าผมน่าจะช่วยคนได้เยอะเลย”

ในขณะที่เขาพูด ดวงตาของหวังซ่งก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง

จางหลี่ซินเข้าใจได้ในทันที

เขาถูกหลอกโดยพลังต่อสู้ที่น่าเกรงขามของหวังซ่งเข้าให้แล้ว

เพราะโดยพื้นฐานแล้ว หวังซ่งคือเด็กหนุ่มอายุ 23 ปีที่มีคุณธรรมและกล้าหาญเท่านั้น

เมื่อคิดได้เช่นนี้ จางหลี่ซินก็พูดออกมาเบาๆ “นายคือฮีโร่โดยกำเนิดจริงๆ”

หวังซ่งเกาหัวอย่างอายๆ

“พี่จาง พี่คือทหาร พี่คือผู้กล้าตัวจริง”

ทั้งสองถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถพอตัวเลย

ในบ่ายวันนั้น พวกเขาก็ได้พาผู้รอดชีวิตกลับมาด้วย 3 คน

สามคนนี้คือครอบครัวเดียวกันที่ประกอบไปด้วยพ่อและแม่อายุประมาณ 30 ปี และลูกที่อายุแค่ 8 ขวบ

หวังซ่งให้ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในบ้านใกล้ๆ ชั่วคราว ซึ่งถูกทำความสะอาดไปแล้ว และจากนั้นเขาก็ตรงไปที่บ้านของลู่หมิง

เขากดออด และในไม่ช้า เสียงของลู่หมิงก็ดังขึ้น

“มีอะไร?”

“พี่ลู่หมิง มีผู้รอดชีวิตมาเพิ่มอีกสามคนนะครับ ผมคิดว่าพวกเราน่าจะมากินข้าวด้วยกันและทำความรู้จักกันหน่อย…”

“ไม่ไป”

ไม่ว่าจะมีใครมาใหม่หรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับลู่หมิง

แค่อย่าเข้ามาในบ้านของฉันก็พอ

ลู่หมิงยิ่งไม่สนใจการกินข้าวร่วมกันหรือการทำอะไรทำนองนั้น

เขากำลังจะวางสาย แต่ก็ได้ยินเสียงของหวังซ่งดังขึ้นซะก่อน

“โอเคครับ ผมเข้าใจพี่นะ ผมแค่อยากจะอธิบายสถานการณ์เกี่ยวกับข้างนอกเพิ่มเติม”

“ในเมืองผมไม่รู้ แต่ในหมู่บ้านกู๊ดโฮปของพวกเรานั้นก็เหลือผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนแล้ว และมันก็มีซอมบี้มากขึ้นเรื่อยๆ พรุ่งนี้ผมเตรียม…”

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหวังซ่งเป็นคนดี

แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็เป็นคนช่างพูด

เขายืนอยู่นอกบ้านของลู่หมิงและพล่ามไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้เลยว่าลู่หมิงได้เดินจากไปแล้วและกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว

จนกระทั่งปากของหวังซ่งแห้ง เขาจึงเดินกลับไปด้วยความพึงพอใจ

เขาไม่รู้เลยว่าลู่หมิงไม่ได้ยินประโยคที่เขาพูดแม้แต่นิดเดียว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด