ตอนที่แล้วบทที่ 48 : ซาโตรุถูกผนึกงั้นเหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 50 : ยางิว ซาโรตุผู้ทรงพลัง

บทที่ 49 : ตรึงไว้ห้านาทีงั้นเหรอ?


บทที่ 49 : ตรึงไว้ห้านาทีงั้นเหรอ?

กุเร็นผงะเล็กน้อย และเธอก็ตัวแข็งทื่อ

ผนึกผลึกอันแข็งแกร่งของเธอสามารถผนึกจักระและเซลล์ของมนุษย์ได้

เรียกได้ว่าเป็นการแช่แข็งทั้งตัว

ยางิว ซาโตรุก็เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป แต่ทำไมสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเช่นนี้?

ผู้ชายที่ดูเหลาะแหละคนนี้...เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ!

มีเหงื่อผุดบนหน้าผากของกุเร็น จากนั้นเธอก็พูดอย่างเย็นชาว่า "ไม่มีใครสามารถออกจากผนึกของฉันได้หรอก"

เหตุผลที่โอโรจิมารุให้ความสำคัญกับเธอ ก็เพราะว่าเธอมีสายเลือดพิเศษที่สามารถยับยั้งสัตว์ที่มีพลังถึงสามหางได้

คาถาผลึก!

สัตว์หางยังถูกผนึก เขาเป็นเพียงมนุษย์จะออกมาจากผนึกได้ยังไง?

“ซากุระ เธอกลัวเหรอ?” ซาโตรุไม่ได้สนใจกุเร็น แต่มองซากุระแทน

เหตุผลที่เขาไม่เคลื่อนไหวเมื่อครู่นี้ ก็เพราะเขากำลังสังเกตเด็กๆ ในทีมที่เจ็ดว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร

ความสามารถในการรับมือของทีมที่ 7...แย่มาก

ความสามารถของทีมที่เจ็ดในการรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้นแย่เกินไป

แต่ซากุระที่ตั้งใจจะฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้ทุกคนมาห่วงตัวประกันนั้น

เอาคะแนนเต็มไปเลยสำหรับความกล้าหาญนี้

คะแนนเต็มสำหรับความกล้าหาญ คะแนนเต็มสำหรับการตัดสินใจ

เมื่อใครคนหนึ่งกลายเป็นตัวประกัน แม้นจะเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการต่อสู้ การเอาชีวิตให้รอดก็เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สุดเช่นกัน

ซากุระกัดริมฝีปากของเธอ ตัวสั่นไปทั้งตัวเพราะความกลัว แต่เธอยังฝืนยิ้มแล้วพูดว่า "น...หนูสบายดีอาจารย์ซาโตรุ ไม่ต้องสนใจหนูหรอก"

เธอเป็นนินจาที่ซื่อสัตย์และยอดเยี่ยม

ถ้าเธอกลายเป็นภาระเพื่อนร่วมทีม เธอจะเป็นนินจาแบบไหนกันนะ?

ซาโตรุดูดอมยิ้มเบาๆ แล้วถามซากุระ “อย่าทำเป็นกล้าหาญสิ บอกฉันมาเลยว่ากลัวไหม?”

เขาเห็นว่าซากุระนั้นหวาดกลัวมาก

"หนู" ซากุระกระอึกกระอักที่จะพูดออกมา

แม้ว่าเธอจะเป็นนินจา แต่เธอก็เป็นเพียงเด็กหญิงอายุสิบสองปีเท่านั้น

เธอไม่แข็งแกร่งเท่านารูโตะและซาสึเกะ และเธอก็กลัวมากเมื่อต้องตกอยู่ในอันตราย

“จำจุดอ่อนนี้เอาไว้ มันจะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น” ซาโตรุพูดเบาๆ “ถ้ากลัวก็หลับตาแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยเสียงที่ดังที่สุดสิ”

“ซาโตรุ?” คุเรไนรู้สึกสับสน

ซาโตรุถูกขังอยู่ในผนึกระดับสูง

และยังมีกำแพงของคาถาระดับสูงปกคลุมทับอีกชั้น ในสถานการณ์นี้เขาจะทำอะไรได้?

นินจาจากโอโตะทั้งสี่ก็อยู่ตรงนี้ กุเร็นและคนอื่นๆ ต่างก็สับสนไม่ต่างกัน

ให้ซากุระขอความช่วยเหลือเหรอ?

นี่มันบทละครอะไรหรือไงกัน?

ซาโตรุเอามือล้วงกระเป๋า และพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าว่า "เจ้าเด็กแสบ ฉันเคยบอกเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันน่ะไร้เทียมทาน"

ซากุระนึกถึงประโยคที่ซาโตรุพูดในตอนนั้น

'ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร ฉันก็ไร้เทียมทาน'

ซากุระร้องเสียงดัง “อาจารย์ซาโตรุ ช่วยหนูด้วยค่ะ!”

“เอาล่ะ ในเมื่อเธออ่อนแอและก็ต้องการความช่วยเหลือ…” ทันทีที่ซาโตรุพูดจบ

*บูม*

ซาโตรุที่อยู่ตรงกลางผลึกได้ใช้พลังที่มองไม่เห็นเขย่าผลึกแข็งทั้งหมดแตกออกไป

ในพริบตาเดียวเท่านั้น

ซาโตรุประสานมือของเขาเข้าด้วยกัน และหายไปในอากาศจาก เปลวไฟสีม่วงทั้งสี่ดวงที่แยกทุกสิ่งออกจากเขา

ซาโตรุเปิดใช้งาน [ไสยเวทย์ไร้ขีดจำกัด] และสลับตัวกับซากุระ

กุเร็นกอดซาโตรุไว้ในอ้อมแขนของเธอ และซากุระก็ปรากฏตัวในกำแพงแห่งเปลวไฟสีม่วงทั้งสี่ทิศที่แยกทุกสิ่งออกจากกัน

“ไอ้หมอนี้...เร็วมาก” รูม่านตาของกุเร็นหดตัวลง และเธอก็ดันคุไนในมือเข้าไปที่คอของซาโตรุ

ซาโตรุทำลายผนึกและเปลี่ยนตำแหน่งกับตัวประกัน

ทุกอย่างใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น!

คุไนที่แหลมคมหยุดอยู่ตรงหน้าคอของซาโตรุราวกับถูกแช่แข็ง

“อย่ามากอดฉันแบบนี้สิ เดี๋ยวผู้หญิงทั้งโลกจะอิจฉาเธอเอาหรอกนะ” ซาโตรุจับผมของกุเร็นแล้วโยนกุเร็นลงไปที่พื้น

ซาโตรุเติมพลังแห่งคำสาปใส่หมัดและชกหน้ากุเร็นอย่างแรง

*ปัง*

ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว ร่างของเธอก็ทรุดตัวลงบนพื้นและจากนั้นก็มีหลุมเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนพื้น

"แค่ก แค่ก แค่ก" กุเร็นพ่นเลือดออกมาจำนวนมาก ล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสและร่างของเธอก็ถูกฝังไว้ในก้อนหิน

เธอตกตะลึง เพราะมันเป็นเพียงหมัดแค่หมัดเดียว

พลังหมัดของซาโตรุมีอะไรผิดปกติเกินไปหรือไป?

นั่นไม่ใช่การโจมตีธรรมดาเลย!

ตอนแรกเธอคิดว่าเธอสามารถยื้อซาโตรุไว้ได้เป็นห้านาที

มันคงเป็นภารกิจที่ง่ายมาก

เพราะเธอมีสายเลือดพิเศษคาถาผลึกที่ทรงพลังมาก ซึ่งมีชื่อเสียงในการผนึก

นอกจากนี้ เธอยังเป็นโจนินที่ทรงพลังมากอีกด้วย

แต่เมื่อซาโตรุทำลายผนึกของคาถาผลึกอย่างง่ายดาย เธอก็เริ่มตระหนักว่าอีกฝ่ายนั้นร้ายกาจแค่ไหน

ซาโตรุมีวิชาที่เทียบได้กับคาถาเวลาและมิติ

ยิ่งไปกว่านั้น หมัดของซาโตรุยังทำให้จักระของกุเร็นปั่นป่วนไปหมด ทำให้แขนขาของเธอสูญเสียการเคลื่อนไหวเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง

กุเร็นก็เพิ่งตระหนักว่าภารกิจที่ท่านโอโรจิมารุมอบหมายนั้นยากเพียงใด

ให้จับผู้ชายคนนี้ที่ชื่อว่าซาโตรุไว้สักห้านาทีเหรอ?

โอโรจิมารุส่งเธอมาหาความตายชัดๆ!

“ว้าว…น่าทึ่งมาก!” นารูโตะมองซาโตรุด้วยแววตาที่มีประกายเล็กๆ ระยิบระยับอยู่ในดวงตาของเขา

“อย่ามองไปที่อื่นสิไอ้โง่งี่เง่า ยังมีศัตรูอยู่รอบตัวเรานะ” ซาสึเกะเบิกเนตรวงแหวนไว้ เขาจ้องมองไปที่นินจาจากโอโตะทั้งสี่ด้วยความระมัดระวัง

คุเรไนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าซากุระปลอดภัยแล้ว

“ถอยไปนะเกะนินทั้งหลาย ปล่อยให้ที่นี่เป็นหน้าที่ของเราเอง!” คุเรไนมองดูนินจาโอโตะทั้งสี่อย่างเย็นชาพร้อมกับแววตาที่กล้าหาญ

"จัดการมัน!"

หลังจากที่พวกเขาทั้งสี่คนเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็จับมือเข้าด้วยกันและอักขระคำสาปบนคอของพวกเขาทั้งหมดก็เปล่งแสงสีแดงเข้มออกมา

ผิวหนังของโอโตะนินจาทั้งสี่กลายเป็นสีเข้ม และพวกเขาก็เข้าสู่สภาวะอักขระขั้นสองแล้ว

“หลังจากจับตัวประกันได้แล้ว เราคงสามารถยื้อมันต่อไปได้สักพัก!”

โอโตะนินจาทั้งสี่ใช้กำแพงเพลิงสี่ทิศโจมตีซากุระ นารูโตะ ซาสึเกะ และคุเรไนตามลำดับ

หลังจากที่เห็นกุเร็นถูกต่อย พวกเขาก็รู้ทันทีว่าไม่มีทางเอาชนะซาโตรุได้เลย

ดังนั้นจึงต้องจับตัวประกันให้ได้

"ฮึ่ม" เนตรวงแหวนสามหยดน้ำของซาสึเกะจ้องมองไปที่โอโตะนินจาที่กำลังใกล้เข้ามา มีจักระสีฟ้าอ่อนโผล่ออกมาจากฝ่ามือของเขา

จักระหมุนตัวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นกระสุนวงจักร!

“เด็กโง่ แกต้องการหยุดฉันงั้นเหรอ?” จิโรโบเผยสีหน้าเยาะเย้ยและเขาก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังซาสึเกะด้วยความเร็วที่รวดเร็วมากในสภาวะอักขระขั้นสอง

"เร็วมาก!" ม่านตาของซาสึเกะหดตัวลง

แม้จะใช้เนตรวงแหวน แต่เขาก็ไม่สามารถมองตามความเร็วของจิโรโบได้เลย

ผู้ชายคนนี้…แข็งแกร่งมาก!

“พวกเขาเป็นนักเรียนของฉันนะ เบามือหน่อยสิ” ซาโตรุโผล่ออกมาจากอากาศด้านหลังจิโรโบ และคว้าศีรษะของเขาไว้

“เร็วมาก เร็วกว่าฉันที่ใช้อักขระขั้นสองด้วยซ้ำ!” รูม่านตาของจิโรโบหดตัวลง ใบหน้าของเขาดูไมอยากจะเชื่อมาก

นี่แหละคือตั๊กแตนตำข้าวที่ตามรอยจั๊กจั่น แต่ไม่รู้ว่ามีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง

จิโรโบระเบิดจักระของเขาออกมา หันกลับและต่อยเข้าไปที่ซาโตรุ

“นายอ่อนแอเกินไป” ซาโตรุยิ้มอย่างเย่อหยิ่งและเยาะเย้ย และทันใดนั้นศีรษะของจิโรโบะก็ขาดออกจากตัว

ร่างที่ไม่มีหัวของจิโรโบพ่นเลือดสีแดงออกมาแล้วล้มลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา

ซาสึเกะถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเหลือบมองซาโตรุอย่างเย็นชา แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า "ซาโตรุ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เข้ามาช่วย ผมก็เอาชนะเขาได้แน่นอน"

“ไอ้หนู เธอสามารถแกล้งทำเก่งเป็นต่อหน้าคนอื่นได้ แต่อย่ามาแกล้งทำเป็นเก่งต่อหน้าฉันนะ” ซาโตรุเตะเข้าไปเข้าที่ก้นซาสึเกะ

*ปัง*

ซาสึเกะที่ถูกเตะลงไปกองอยู่ที่พื้น จับก้นของเขาไว้พร้อมกับกัดฟันกรอดและจ้องมองไปที่ซาโตรุ

“เพิ่มคำว่าอาจารย์เข้าไปด้วยสิ ไม่งั้นเดี๋ยวแกล้งให้นักกว่านี้ซะหรอก” ซาโตรุคว้ากางเกงของซาสึเกะแล้วทำท่าทางจะถอดมันออก

“เลิกทำเป็นเล่นจะได้ไหม?” ซาสึเกะจับกางเกงของเขาอย่างงุ่มง่ามด้วยสายตาที่โกรธเคือง

“เร็วเข้าสิ เดี๋ยวศัตรูเห็นหมดทุกอย่างเอานะ”

ซาสึเกะกัดฟันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม “อาจารย์ซาโตรุ!”

"อืม ดีแล้ว" ซาโตรุปล่อยซาสึเกะแล้วแสดงรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ

เด็กอุจิวะตัวแสบนี้ เอาแต่แสร้งทำเป็นเก่งต่อหน้าคนอื่นตลอดเลยนะ

มีหน้ามากล้าอวดเก่งต่อหน้าเขาได้ยังไงกัน?

เมื่อมองออกไปไกลๆ คิโดมารุผู้มีผิวสีแดงเข้มและมีตาสีดำบนหน้าผากก็ถือธนูสีทองอยู่ในมือและเล็งไปที่ซาโตรุในระยะไกล

“แม้จะถูกศัตรูรายล้อม แต่ยังมีเวลามาเล่นตลกแบบนี้อีกเหรอ?”

“ไปลงนรกซะไอ้โง่”

คิโดมารุยิงลูกธนูสีทองออกไปและลูกธนูก็หมุนอย่างรวดเร็วในอากาศ ทำให้เกิดกระแสลมที่รุนแรงพัดก้อนหินออกไปทุกที่ที่มันผ่านไป

ลมที่เกิดจากการหมุนนี้เพียงอย่างเดียวสามารถพัดก้อนหินบนพื้นออกไปได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพลังของลูกธนูนี้น่าทึ่งเพียงใด

“อาจารย์ซาโตรุ ระวัง!”

ทุกคนในทีมเจ็ดอุทานออกมา

“ซาโตรุ!” คุเรไนเห็นซาโตรุที่กำลังคุยกับซาสึเกะ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้เลยว่ามีลูกธนูกำลังพุ่งยิงใส่เขามาแต่ไกล

ขณะที่คุเรไนมองไปที่ซาโตรุ ยักษ์ที่ทายูยะเรียกมาก็ต่อยเธอแล้วทำให้เธอกระเด็นออกไปไกล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด