ตอนที่แล้วบทที่ 29 : หิมะตกแล้ว ฮาคุ...กำลังร้องไห้เหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31: คุเรไนผู้บอกว่าจะทำข้าวให้กิน

บทที่ 30 : การสอบจูนินที่ใกล้เข้ามา


บทที่ 30 : การสอบจูนินที่ใกล้เข้ามา

ในดินแดนแห่งไฟ ณ หมู่บ้านโคโนฮะ ภายในถ้ำอันมืดมิด

เปลวเทียนแผ่วเบาได้ส่องสว่างทั่วห้องอันเต็มไปด้วยความมืด

ในห้องมีอุปกรณ์มากมาย โน้ตเขียนเยอะแยะ และมีสิ่งมีชีวิตที่มีเพียงเซลล์มากมายลอยอยู่ในพลาสติกเสริมใยแก้วขนาดใหญ่

ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าอุปกรณ์บางอย่าง เขามีผมสีดำและสวมเสื้อคลุมยาวสีดำขาว มีปมสีม่วงผูกอยู่รอบเอว

ผิวของเขาขาวซีดและไม่มีสี ใบหน้าของเขาทั้งดูมีเสน่ห์และชั่วร้าย

มนุษย์กึ่งเทพงู

เขาคือหนึ่งในนินจาในตำนาน โอโรจิมารุ!

นักวิทยาศาสตร์ผู้อัจฉริยะ

ยาคุชิ คาบูโตะได้เดินเข้าไปในห้อง คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “อาจารย์โอโรจิมารุ ผู้บริหารหมู่บ้านซึนะงาคุเระได้ตกลงที่จะบุกหมู่บ้านโคโนฮะแล้ว”

“จริงเหรอ ทำได้ดีมาก” โอโรจิมารุหยุดการทดลอง เลียมุมปากด้วยลิ้นยาวๆ แล้วพูดเสียงแหบแห้งพร้อมรอยยิ้มอันชั่วร้ายที่ประดับบนใบหน้า “ฮ่าๆ... อาจารย์ซารุโทบิ ผมรอคอยที่จะได้พบกับคุณอีกครั้งแล้ว”

เขาเข้ามาแทนที่คาเสะคาเงะรุ่นที่สี่แห่งหมู่บ้านซึนะงาคุเระและกำลังจะใช้กองกำลังของทั้งหมู่บ้านเตรียมโจมตีหมู่บ้านโคโนฮะ

ก่อนหน้านี้คาเสะคาเงะรุ่นที่สี่แห่งหมู่บ้านซึนะงาคุเระได้ปฏิเสธที่จะเริ่มสงคราม

แต่เมื่อถูกโอโรจิมารุปลอมตัวมากดดัน พวกเขาก็ทำได้เพียงกัดฟันและตกลงที่จะเริ่มสงคราม

คาบูโตะกล่าวด้วยความเคารพว่า "พวกระดับสูงของหมู่บ้านซึนะงาคุเระก็เห็นด้วย เพราะตอนนี้ท่านคือคาเสะคาเงะรุ่นที่สี่แล้ว"

“ท่านอาจารย์โอโรจิมารุ ด้วยความเคารพ” คาบูโตะดันแว่นตาที่สะท้อนแสงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ดูเหมือนมีบางอย่างได้ตกหล่นไปจากแผนที่สมบูรณ์แบบของท่าน"

โอโรจิมารุทำการทดลองต่อไปและถามว่า "บอกฉันมาสิ"

เขาเชื่อใจคาบูโตะมาก

“ยางิว ซาโตรุ” คาบูโตะพูด

หลังจากได้ยินชื่อนี้ โอโรจิมารุก็หยุดการทดลองชั่วคราว ความโลภพลันปรากฏในดวงตาของเขา

“ลูกบุญธรรมของซึนาเดะเหรอ?”

โอโรจิมารุเคยเห็นขีดจำกัดสายเลือดพิเศษมามากมาย แต่ความสามารถของซาโตรุเป็นพลังที่สมบูรณ์แบบที่สุดในความคิดของเขา

เนครวงแหวนแห่งตระกูลอุจิวะนั้นเป็นสิ่งที่มากด้วยคุณค่าและน่าอิจฉาที่สุด

ทว่าความสามารถในการป้องกันการโจมตีทั้งหมดคือการป้องกันที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการต่อสู้

โอโรจิมารุต้องการมันเสมอมา เขาต้องการเซลล์ของซาโตรุที่จะเพาะพันธุ์นินจาที่มีความสามารถแบบเดียวกับซาโตรุขึ้นมาได้

แต่ซาโตรุไม่เคยได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นโอโรจิมารุจึงไม่มีโอกาสได้รับเลือดและเซลล์ของซาโตรุมาเลย

เขาต้องการซาโตรุและเขาก็ต้องการเนตรวงแหวนด้วย

“ปัจจุบันซาโตรุเป็นอาจารย์สอนหลักของทีมที่เจ็ด สมาชิกของทีมที่เจ็ด ได้แก่ อุจิวะ ซาสึเกะ อุซึมากิ นารูโตะ และฮารุโนะ ซากุระ” คาบูโตะหยิบหนังสือข้อมูลออกมา ดูเนื้อหาในนั้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ

“เด็กกำพร้าของอุจิวะ และจิ้งจอกปีศาจ ทั้งสองคนต่างเป็นลูกศิษย์ของเขา”

“ซาโตรุมีความสามารถที่สมบูรณ์แบบที่สุด หากเขาสามารถมาเป็นของฉันได้ ฉันคงสามารถเอาชนะอิทาจิ ได้ทุกสิ่งที่ฉันต้องการ ไม่ว่าจะเป็นใครฉันก็คงไม่แพ้เด็ดขาด” ดวงตาสีทองซีดของโอโรจิมารุส่องประกายออกมา

“แต่การปรากฏตัวของซาโตรุในหมู่บ้านจะขัดขวางแผนการของเรา”

"เช่นนั้นเพื่อทำลายหมู่บ้านโคโนฮะตอนนี้ คงจำเป็นต้องรีบดำเนินการตามเงื่อนไขสองประการ" โอโรจิมารุพูดออกมาอย่างหงุดหงิด

“อาจารย์โอโรจิมารุ บอกมาได้เลยครับ” คาบูโตะพูด เขาพอจะเดาได้อยู่ว่าทั้งสองที่โอโรจิมารุพูดถึงคืออะไร

“หนึ่ง ต้องหยุดซาโตรุไม่ให้เคลื่อนไหว” โอโรจิมารุยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว จากนั้นก็ยกนิ้วที่สองขึ้นแล้วพูดเสียงแหบห้าว “สอง หยุดซาโตรุเพียงห้านาที”

“ซาโตรุเคลื่อนไหวตามความปรารถนาของเขามาโดยตลอด เราไม่รู้ได้ว่าเขาจะปกป้องหมู่บ้านหรือไม่” โอโรจิมารุกล่าว

เขาได้พบกับซาโตรุหลายครั้ง ทำให้รู้ว่าซาโตรุเป็นคนรักอิสระมาก

หากซาโตรุเข้ามาขัดขวางเมื่อเขาต่อสู้กับโฮคาเงะรุ่นที่ 3 ซารุโทบิ ฮิรุเซ็น

มันจะนำไปสู่ความล้มเหลวของแผนอย่างแน่นอน

เพราะซาโตรุแข็งแกร่งเกินไป

“อาจารย์โอโรจิมารุ เช่นนั้นควรมีข้อที่สามเผื่อเอาไว้” คาบูโตะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมเผยรอยยิ้มที่อันตรายออกมา

โอโรจิมารุถามด้วยความสนใจ “มีแผนดีๆ งั้นเหรอ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว ซึนาเดะคือหนึ่งในซังนินในตำนานที่เคยอยู่กับท่าน” คาบูโตะยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วกล่าวว่า "มีข่าวลือว่าซาโตรุหลงรักซึนาเดะมาก หากเราสามารถจับซึนาเดะได้ เราก็จะสามารถต่อรองซาโตรุได้"

การจับซึนาเดะย่อมสามารถควบคุมซาโตรุไว้

“นั่นเป็นการแส่หาที่ตาย” ใบหน้าของโอโรจิมารุเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองคาบูโตะอย่างเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ฉันขอเตือน จะทำอะไรใครก็ได้ แต่อย่าแตะต้องซึนาเดะเด็ดขาด”

“ผู้ที่คุมซาโตรุได้คือซึนาเดะ ถ้าชายคนนั้นบ้าคลั่งไปแล้ว ก็ไม่มีใครหยุดเขาได้”

โอโรจิมารุเคยเห็นพลังของซาโตรุแล้ว จึงรู้ผลที่ตามมาเป็นอย่างดี

จงอย่ามองแค่ใบหน้าขี้เล่นของซาโตรุ ถ้าเขาโกรธจริงๆ ก็แทบจะไม่มีใครหยุดเขาได้

มังกรทุกตัวล้วนมีเกล็ดใต้คอ และซึนาเดะก็เป็นเกล็ดนั่นของซาโตรุ

ตราบใดที่ซึนาเดะไม่ได้รับอันตราย ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา

“อย่าแตะต้องซึนาเดะ ดำเนินแผนเดิมต่อไป ใช้แค่คิมิมาโระและกุเร็นสกัดกั้นซาโตรุก็พอแล้ว” โอโรจิมารุกล่าวพร้อมกับเริ่มการทดลองต่อไป

“ครับท่านโอโรจิมารุ” คาบูโตะกล่าวตอบกลับไปด้วยความเคารพ

...

พระอาทิตย์แผดแสงจ้าและท้องฟ้าก็มีเมฆหนาทึบ

ณ ดินแดนแห่งไฟ หมู่บ้านโคโนฮะ

ในร้านเนื้อย่างที่ทันสมัยที่สุด โจนินพิเศษและโจนินระดับสูงมากมายรวมอยู่ในที่เดียว ต่างก็กำลังเนื้อย่างและพูดคุยกัน

“ชิกามารุกับคนอื่นๆ เก่งมาก คงถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องสอบจูนินกันแล้วล่ะ” อาสึมะหยิบบุหรี่ออกมา และเมื่อเขากำลังจะจุดบุหรี่ เขาก็เห็นป้ายห้ามสูบบุหรี่แขวนอยู่บนผนัง เขาจึงเก็บบุหรี่กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทันที

อาสึมะมองไปที่คุเรไนที่นั่งตรงข้ามแล้วถามว่า "คุเรไน ทีมที่สิบของคุณก็เก่งมากเหมือนกัน ได้ให้พวกเขาเข้าการทดสอบหรือยังล่ะ?"

“ฉันยังลังเลอยู่ พวกเขาเพิ่งกลายเป็นเกะนินเมื่อไม่นานมานี้เอง อาจยังเร็วเกินไปที่จะสอบจูนิน” คุเรไนเท้าคางและครุ่นคิดอย่างจริงจัง

เธอรู้สึกว่าทีมที่สิบมีปัญหาใหญ่อยู่ โดยเฉพาะฮินาตะ

แม้ว่าฮินาตะจะมีความแข็งแกร่งพอจะเข้าสอบจูนิน แต่ก็ยังใจอ่อนเกินไป

สำหรับนินจา การใจอ่อนคือปัญหาใหญ่ คุเรไนจึงต้องวางแผนที่จะฝึกฝนทีมที่สิบก่อน

แต่ในความเป็นจริงแล้ว การสอบจูนินก็ถือได้ว่าเป็นการฝึกอย่างหนึ่ง

ทว่าเธอกลัวว่าหากล้มเหลวขึ้นมา นักเรียนของเธอจะได้รับบาดแผลทางจิตใจจนสาหัส

คุเรไนจึงลังเลเล็กน้อย

“ซาโตรุ นายจะสมัครให้ทีมที่เจ็ดเข้าร่วมด้วยหรือเปล่า?” คุเรไนมองซาโตรุที่อยู่ข้างๆ เธอด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้า

เธอรู้ว่าซาโตรุจะมาสายในงานเลี้ยงอาหารค่ำวันนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นครั้งนี้เธอจึงตั้งใจมาสายและช้ากว่าซาโตรุเล็กน้อย

จากนั้นเมื่อเธอมาถึงเป็นคนสุดท้าย เธอก็เข้าไปนั่งข้างซาโตรุอย่างเป็นธรรมชาติ

“แน่นอน ฉันจะสมัครให้อยู่แล้ว เพราะนักเรียนของฉันจะต้องผ่านแน่” ซาโตรุหยิบน้ำตาลและโรยน้ำตาลลงบนเนื้อเกรดพรีเมี่ยมบนตะแกรง

สองสัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่การต่อสู้กับซาบุสะและฮาคุ ทีมที่เจ็ดใกล้จะเสร็จสิ้นการฝึกกระสุนวงจักรแล้ว

ซาโตรุรู้สึกประหลาดใจกับความก้าวหน้าที่รวดเร็วเช่นนี้มาก

โดยเฉพาะซากุระที่มีความสามารถในการควบคุมจักระอย่างละเอียดอ่อนมากกว่าซาสึเกะและนารูโตะ

"ให้นักเรียนของเราได้เสียเหงื่อหน่อยถึงจะดีสิ!" ไกยกนิ้วโป้งขึ้น พร้อมด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของเขา กระทั่งฟันขาวๆ ของเขายังเปล่งประกายแสงออกมาอีกด้วย

"ถูกต้องแล้ว" ซาโตรุยกนิ้วให้กลับไป

“โอ้ ถ้างั้นก็พยายามด้วยกันเถอะ ฉันยังจำภาพที่พวกเราได้วิ่งตอนพระอาทิตย์ตกเมื่อก่อนได้อยู่เลย!” ไกวางมือข้างหนึ่งบนสะโพกแล้วเช็ดเหงื่อจากหน้าผากด้วยอีกมืออีกข้างหนึ่ง

ซาโตรุเมินไก เขามองไปที่คุเรไนด้วยรอยยิ้มบางเบาแล้วพูดว่า "คุเรไนจัง ช่วยเอาน้ำตาลให้หน่อยสิ"

เขาไม่ได้วิ่งกับไกเลยสักครั้งเดียว เรื่องราวของอีกฝ่ายก็เป็นแค่เรื่องแต่งล้วนๆ

"ได้สิ" คุเรไนตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัว มันคือการตอบสนองจากจิตใต้สำนึก เสียงของเธอถึงกับทำให้ทุกคนรอบถึงกับสะดุ้งไป

เพราะเธอตอบด้วยน้ำเสียงที่น่ารักมาก

ทุกคนในที่นี่มองคุเรไนด้วยความสับสน นี่ใช่เธอจริงเหรอ?

“ซาโตรุ นายกินน้ำตาลมากเกินไปแล้วนะ” คุเรไนพูด แต่ก็ยังคงยื่นชามใส่น้ำตาลให้ซาโตรุ

"น้ำตาลคือความหลงใหลเดียวของฉัน" ซาโตรุหยิบชามใส่น้ำตาล  โรยน้ำตาลลงในเนื้อย่างแล้วมองหน้าอกของคุเรไนด้วยสีหน้าจริงจัง

“เอ่อ…ความหลงใหลเดียวคือน้ำตาลเนี่ยนะ”

หางตาของคุเรไนกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่มีคำพูดใดที่จะพูดกับซาโตรุยามนี้

จะให้มาว่าเขาก็คงไม่ได้อยู่แล้ว

“เธอก็ลองดูสิ ไว้เมื่อไอ้นั้นของเธอโตขึ้นอีก เธอน่าจะเข้าใจเองว่าความหวานมันวิเศษมากขนาดไหน” ซาโตรุหยิบเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมาและวางบนจานอาหารของคุเรไน

“ถ้ายังพูดแบบนี้ต่ออีก ฉันจะโกรธแล้วนะ” คุเรไนกินเนื้อไปคำหนึ่ง ดวงตาสีแดงสดของเธอเต็มไปด้วยความเขินอาย

เธอกินเนื้อด้วยหน้าบูดบึ้งและพูดเสียงเบาๆ ออกมา "อืม มันหวานมาก"

มันหวานมากจริงๆ

บรรยากาศเองก็หวานมากด้วย

ทุกคนโดยรอบถึงตกตะลึง จากนั้นก็เคลื่อนไหวเหมือนเครื่องจักร หันศีรษะไปด้านข้างแล้วมองไปที่อาซึมะ

ใบหน้าของอาซึมะพลันเปลี่ยนเป็นดำทะมึน

อาซึมะคงไม่ไหวแล้ว

“ผมขอตัวออกไปสูบบุหรี่หน่อย” อาสึมะฝืนยิ้ม เขาถือบุหรี่หนึ่งซองพร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกร้านเนื้อย่าง

คงต้องการบุหรี่เพื่อสงบจิตสงบใจสินะ

“ซาโตรุ ลูกศิษย์ของฉันจะต้องชนะอย่างแน่นอน” ไกพูดออกมาอย่างหนักแน่นว่า "เขาฝึกฝนหนักกว่าคนอื่นๆ เขาเป็นอัจฉริยะที่ฝึกฝนมาตลอด การฝึกฝนจะไม่มีวันทรยศเขา"

ซาโตรุเงยหน้าขึ้นมองไกแล้วกล่าวตอบไปว่า "ฉันจะตั้งตารอนะ"

ถ้าฝึกหนักจนเก่งกาจได้ คงไม่ต้องมีพลังของสายเลือดกันแล้วกระมัง

การฝึกฝนอย่างหนักน่ะ มันก็เป็นแค่วิธีของนินจาทั่วไปเท่านั้น

ซาโตรุเชื่อว่าโลกใบนี้ไม่มีความยุติธรรมอยู่

บางคนต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น

ทว่าตัวเขา ซาโตรุ เกิดมาไร้เทียมทาน

แต่ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้

การฝึกฝนอย่างหนักย่อมทำให้แข็งแกร่งขึ้นได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด