ตอนที่แล้วตอนที่ 8 : เหอะ พวกผู้ชาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 : พวกเขาอยากจะทำร้ายฉัน

ตอนที่ 9 : ไสหัวไป


ตอนที่ 9 : ไสหัวไป

วันสิ้นโลกนั้นน่ากลัวมาก และผู้หญิงในวันสิ้นโลกก็ต้องพบกับความยากลำบาก

แต่หลิวอ้ายหยวนก็รู้สึกว่าเธอสามารถควบคุมทุกสิ่งได้!

นี่เป็นเพราะทักษะที่เธอเชี่ยวชาญคือรูปลักษณ์และรูปร่างโดยกำเนิดของเธอ!

ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม

เธอเชื่อว่าด้วยวิธีการของเธอ มันย่อมเป็นเรื่องง่ายที่เธอจะจัดการกับคนหัวร้อนทั้งสี่คนนี้

น่าเสียดายที่หวังเซิงตายไปแล้ว

หมอนั่นทั้งสมองดีและแข็งแรง แต่เขาก็เป็นคนเผด็จการนิดหน่อย เขาไม่เข้าใจคำใบ้ของเธอและสร้างความยุ่งยากให้กับเธออีกด้วย…

“คนโง่ นายกล้าตะโกนใส่ฉันเหรอ! นายมันสมควรตายแล้ว! ส่วนเรื่องสมอง ฉัน หลิวอ้ายหยวน ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านายเหมือนกัน”

การฆ่าหวังเซิงเป็นแผนการส่วนหนึ่งของหลิวอ้ายหยวน

หรือในทางกลับกัน เธอมีแผนที่ชัดเจนสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน—การปรากฏตัวของกองทัพเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด แต่ก็ไม่สำคัญในสถานการณ์ปัจจุบัน

หลิวอ้ายหยวนพาเพื่อนทั้งสี่ของเธอเดินไปตามถนน หลังจากยืนยันแล้วว่ามันไม่มีซอมบี้อยู่แถวนี้ เธอก็พูดขึ้นมา

“อาหาร น้ำ และสถานที่ปลอดภัย”

ชายหนุ่มทั้งสี่คนพยักหน้า พวกเขาได้ทำตามคำสั่งของหลิวอ้ายหยวนโดยไม่รู้ตัว

หลิวอ้ายหยวนไม่ได้ปฏิเสธ

หลิวอ้ายหยวนพูดออกมาว่า “มันคงไม่ยากอะไรที่จะหาอาหารและน้ำ มันมีร้านค้าเล็กๆ อยู่แถวๆ นี้หลายร้านเลย มันน่าจะพอเติมเสบียงให้กับพวกเราได้”

หลิวอ้ายหยวนสังเกตเห็นว่าแม้กองทัพจะจัดการกับซอมบี้ไม่ได้ แต่พวกเขาก็สามารถล่อฝูงซอมบี้ออกไปได้โดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นในบริเวณใกล้เคียงจึงปลอดภัยขึ้นมา

“กุญแจสำคัญคือเซฟเฮาส์ อาคารในหมู่บ้านในเมืองนั้นเก่าแก่มาก พวกมันกันเสียงได้ไม่เท่าไรเลย”

เหยาเจิ้งและอีกสามคนพยักหน้าพร้อมกัน “ความสามารถในการกันเสียงคือกุญแจสำคัญ”

พวกเขารู้ว่าเสียงของหลิวอ้ายหยวนดังแค่ไหน…

หลิวอ้ายหยวนยิ้มหว่านเสน่ห์ “แต่ฉันรู้จักเซฟเฮาส์ที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่งบนถนนอีกเส้นนะ ไปกันเถอะ”

เซฟเฮาส์ที่หลิวอ้ายหยวนพูดถึงคือบ้านของลู่หมิง

อาคารขนาดเล็กที่ได้รับการดัดแปลงนั้นโดดเด่นจากฝูงชนอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีคนชราจำนวนมากในหมู่บ้านในเมืองที่ยังคงรักษาความรู้สึกดั้งเดิมเอาไว้ ดังนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นในบ้านของคนอื่น เรื่องนั้นก็จะเป็นที่รับรู้ในวงกว้างได้อย่างง่ายดาย

เห็นได้ชัดว่าลู่หมิงก็ตกเป็นขี้ปากอันดับหนึ่งของหมู่บ้านในเมือง

ผู้ชายที่ชอบสะสมสิ่งของ

คนแปลกที่เปลี่ยนบ้านของเขาให้กลายเป็นป้อมปราการ

หลิวอ้ายหยวนอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีและเคยได้ยินชื่อของลู่หมิงอยู่หลายครั้ง แน่นอนว่าในวันปกติ มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับตัวประหลาดแบบนั้น และมันก็จะไม่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอเลย

แต่เมื่อวันสิ้นโลกมาถึง พวกเธอย่อมต้องการเซฟเฮาส์ และดูเหมือนว่าพวกเธอจะเจอเข้ากับบ้านหลังหนึ่งแล้ว

เธอกลอกตาและคิดแผนขึ้นมา

หลิวอ้ายหยวนพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ไปที่นั่นและสังเกตการณ์กันดูก่อน ถ้ามันไม่มีอันตรายอะไรก็ค่อยลองเคาะประตูดู”

เหยาเจิ้งและคนอื่นๆ พยักหน้า “ตามนั้น!”

หลิวอ้ายหยวนมั่นใจเรื่องการเคาะประตูบ้านลู่หมิง

ความจริงก็คือนับตั้งแต่เธออายุได้ 20 ปี เธอก็ไม่เคยพบกับสถานการณ์ที่เธอไม่อาจเข้าไปในบ้านของผู้ชายคนอื่นได้เลย

เธอจัดระเบียบหน้าตาของเธอหน้ากระจกที่อยู่ใกล้ๆ และทำท่าทางน่ารักน่าชัง จากนั้นหลิวอ้ายหยวนก็นำคนกลุ่มนี้ไปยังบ้านของลู่หมิง

พวกเขาไม่พบซอมบี้ระหว่างทางเลย

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็มายืนอยู่ตรงหน้าของบ้านลู่หมิง

หลังจากตื่นขึ้นมาจากการงีบหลับในตอนบ่ายแล้ว ค่าสถานะทั้งหมดของเขาก็เพิ่มขึ้นจนเต็ม

ชื่อ: ลู่หมิง

อายุ: 25 ปี

พละกำลัง: 7.2

ความแข็งแกร่ง: 7.6

ความว่องไว: 8

ฟิตเนส ระดับ 2 ( 50/200)

การยิงหนังสติ๊ก ระดับ 2 (7/200)

การยิงหน้าไม้ ระดับ 2 (0/200)

การยิงธนู ระดับ 1 (1/100)

การต่อสู้ด้วยมือเปล่า ระดับ 1 (53/100)

มันไม่มีอาการเจ็บกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกายอย่างหนัก ลู่หมิงรู้สึกสดชื่นมาก

เขาลุกขึ้นจากเตียงและบิดขี้เกียจ ลู่หมิงพึงพอใจมากกับสภาพร่างกายของเขา

ในขณะที่ลู่หมิงกำลังวางแผนการฝึกร่างกายในตอนบ่าย เขาก็ได้ยินเสียงกระดิ่งประตูในทันใด

เขาเดินไปที่ประตูพร้อมกับขมวดคิ้ว และมองผ่านหน้าจออิเล็กทรอนิกส์

ด้านนอกประตู หญิงสาวร่างบอบบางคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าประตูอย่างน่าสงสาร ดวงตากลมโตที่มีน้ำตารื้นๆ ของเธอดูเหมือนจะมีเรื่องราวมากมายที่อยากบอกเล่า

“มีคนอยู่ไหมคะ? คุณลู่อยู่ไหม?”

หลิวอ้ายหยวนกดออดด้วยเสียงสะอื้นอันระรื่นหู เสียงของเธอที่สามารถกระตุ้นสัญชาตญาณในการปกป้องของผู้ชายดังขึ้นมาจากประตูอยู่เรื่อยๆ ในเวลาเดียวกัน เธอก็มองไปรอบๆ และเห็นกล้องวงจรปิดที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว

เธอจงใจดึงคอเสื้อของเธอลง เผยให้เห็นผิวพรรณอันละเอียดอ่อนของเธอ เสียงของหลิวอ้ายหยวนดังขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เธอพยายามใช้วิธีการต่างๆ เพื่อทำให้ลู่หมิงเปิดประตู

เธอไม่รู้เลยว่าลู่หมิงกำลังยืนอยู่ที่อีกด้านของประตู และมองดูทุกสิ่งผ่านหน้าจออย่างใจเย็น

ลู่หมิงไม่ได้พูดอะไรออกมา

เขาไม่คิดที่จะส่งเสียงอะไรออกมา

หลังจากผ่านไปประมาณ 5 นาที หลิวอ้ายหยวนก็ถอนหายใจออกมา

“มันไม่มีใครอยู่บ้านเหรอ งั้นพวกเราก็คงต้องงัดประตูแล้ว…”

หลิวอ้ายหยวนก้มลงและหยิบชะแลงขึ้นมาด้วยเท้าของเธอ ในขณะที่เธอกำลังจะพังประตูของลู่หมิง เธอก็ได้ยินเสียงดังมาจากลำโพง

“เธอคิดจะทำอะไรน่ะ?”

เสียงนี้ทำให้หลิวอ้ายหยวนอึ้งไป เธอรีบเปลี่ยนสีหน้าที่ดูดุร้ายและทำหน้าตาน่าสงสารอีกครั้ง

“พี่ลู่เหรอคะ?”

“ฉันไม่ใช่พี่ลู่ ฉันคือลู่หมิง”

“พี่ลู่จริงๆ ด้วย…”

“ลู่หมิง”

หลิวอ้ายหยวน: “…”

“พี่ลู่หมิง พี่ได้ยินเสียงข้างนอกเมื่อครู่ไหม?”

ลู่หมิงไม่ได้ตอบอะไร

หลิวอ้ายหยวนเริ่มใช้ข้ออ้างที่เตรียมไว้ล่วงหน้า

“กองทัพมาแล้วค่ะ พวกเขาล่อซอมบี้ออกไปและฆ่าพวกมันหมดแล้ว พวกเราปลอดภัยแล้ว”

หลิวอ้ายหยวนพูดต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้ลู่หมิงได้ถามอะไรอีก

“กองทัพกำลังเก็บกวาดพื้นที่อยู่ ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็แจ้งให้พวกเราที่เป็นอาสาสมัครมารวบรวมผู้รอดชีวิต พวกเขาจะพาพวกเราไปยังที่ปลอดภัยแล้ว”

ก่อนที่ลู่หมิงจะได้พูดอะไรออกมา หลิวอ้ายหยวนก็ทำสีหน้าน่าสงสารและเหนื่อยล้า

“พี่ มีคนตายไปเยอะเลย ฉัน… ฉันกลัวมาก ฉันไม่อาจทำภารกิจนี้ต่อไปได้อีกแล้ว~ พี่ช่วยเปิดประตูให้ฉันเข้าไปพักหน่อยได้ไหม?”

ในทันทีที่เธอพูดออกมา หลิวอ้ายหยวนก็ดึงคอเสื้อของเธอลงมาอีก

เธอให้คะแนนตัวเอง 80 คะแนนสำหรับคำพูดของเธอ

มันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไรที่จะโน้มน้าวเขาตรงๆ และมันอาจจะล้มเหลวได้ ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่คนแย่ๆ หรือมีผู้หญิงอยู่ในบ้าน ซึ่งอาจทำให้คำพูดเหล่านั้นเปล่าประโยชน์ได้

การทำลับๆ ล่อๆ คงไม่ดีเท่าไร ด้วยวันสิ้นโลกที่บังเกิดขึ้น ทุกคนก็ค่อนข้างวุ่นวายและยุ่งเหยิงอยู่แล้ว จิตใจของพวกเขากำลังปั่นป่วน และมันก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะไม่เข้าใจคำใบ้ในคำพูดของเธอ

และวิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือการใช้ข้ออ้างของทหารเพื่อให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย หลังจากสร้างความรู้สึกปลอดภัยแล้ว การระวังภัยก็จะผ่อนคลายลง จากนั้นตัวเธอก็จะสร้างแรงกระเพื่อมขึ้นมาอีก และ 90% ของผู้ชายปกติจะไม่สามารถต้านทานเสน่ห์จากแรงกระเพื่อมนี้ได้

เธอได้คิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปแล้ว

ลู่หมิงจะเปิดประตู และเธอจะพุ่งเข้าไปให้เขาได้ลิ้มรสความหวานของเธอ และเมื่อเขากลายเป็นทาสของเธอแล้ว เซฟเฮาส์แห่งนี้ก็จะตกเป็นของเธอ

เธอกำลังคิดถึงชีวิตหลังวันสิ้นโลกอันงดงาม แต่ความจริงก็เป็นเหมือนกับการตบหน้าฉาดใหญ่สำหรับหลิวอ้ายหยวน

“เธอคิดว่าฉันโง่เหรอ? หรือเธอกำลังหลอกตัวเอง? เคาะประตูอยู่ห้านาทีเพื่อหาผู้รอดชีวิตงั้นเหรอ? เธอต้องพกชะแลงไปด้วยเหรอถ้าไม่มีอะไรแล้ว?”

“เธอดูจอมปลอม และคำพูดของเธอก็ปลิ้นปล่อน มันไม่มีอะไรจอมปลอมไปได้มากกว่านี้แล้ว ไสหัวไปได้แล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอก็โกรธมากจนจมูกของเธอแทบจะงุ้มเข้ามา

ในชีวิตของเธอ เธอเกลียดคนตะโกนใส่เธอและบอกว่าเธอทำศัลยกรรมมามากที่สุด!

ในเวลานี้เอง ลู่หมิงก็ได้สัมผัสกับจุดที่อ่อนไหวที่สุดของเธอและทำลายแผนการของหลิวอ้ายหยวนลง

เธอไม่อาจเสแสร้งต่อไปได้อีก

หลิวอ้ายหยวนหยิบชะแลงขึ้นมาและเตรียมจะงัดประตูในขณะที่เธอตะโกนออกมาด้วยความโมโหว่า “เปิดประตู! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

หลิวอ้ายหยวนได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นมาจากในบ้าน

ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ หน้าต่างบนชั้นสองก็เปิดออกในทันใด และหินก้อนหนึ่งก็พุ่งเข้ามากระแทกหน้าผากของหลิวอ้ายหยวนอย่างรุนแรง

ทันใดนั้นเอง หลิวอ้ายหยวนก็รู้สึกว่าหน้าผากของเธอมีอะไรกระแทกอย่างรุนแรง เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นลู่หมิงกำลังถือหนังสติ๊กเอาไว้พร้อมกับมองมาที่เธออย่างเย็นชา

ลู่หมิงพูดขึ้นมาว่า

“ไสหัวไปซะ! ฉันจะไม่พูดเป็นครั้งที่สองนะ!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด