ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 298 - เทเลพอร์ต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 300 - เดวิดปีกดำ

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 299 - เปิดกระเป๋า


“หา! เธอพูดว่าอะไรนะ!” เดวิดถึงกับผงะเมื่อได้ยินความต้องการของเธอ เขาไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองนัก

“นายต้องสัญญาว่าจะหาร่างสังเคราะห์มาให้ฉันใช้! และต้องเป็นร่างสังเคราะห์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกอย่างด้วย” เฮเซลย้ำความต้องการของตัวเองออกมาอย่างอดทน ดูเหมือนว่าเธอพยายามควบคุมให้น้ำเสียงราบเรียบเหมือนเคยอยู่

คราวนี้เดวิดนิ่งเงียบไปจริง ๆ แล้ว AI ของระบบช่วยเหลือส่วนตัวเรียกร้องจะมีร่างกายแบบมนุษย์ แถมเป็นการเรียกร้องแบบมีข้อต่อรองด้วย นี่มันจะแปลกประหลาดเกินไปหน่อยมั้ย ความคิดในหัวของเขาเริ่มถูกใช้อย่างหนัก เกิดความผิดปกติขึ้นแน่ ๆ แต่เป็นที่จุดไหนเท่านั้นเอง

ในที่สุด เดวิดก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะรับปากเธอ

“ได้! ฉันให้สัญญาว่าจะ ‘พยายาม’ หาร่างสังเคราะห์แบบมนุษย์มาให้เธอ แต่ไม่รับประกันนะว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน ของแบบนี้ไม่ได้หากันง่าย ๆ เธอก็น่าจะรู้อยู่แล้ว” คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

“อืม? ไม่มีปัญหา ตราบใดที่ตั้งใจจะทำตามที่สัญญา รอนานหน่อยก็ไม่เป็นไร” เฮเซลตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงความยินดีเล็กน้อย

“เอาล่ะ! ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตกลงตามนี้ แล้ววิธีเปิดกระเป๋าล่ะ? จะบอกออกมาได้หรือยัง?” เสียงของเดวิดฟังดูตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

“ฉันจะเป็นคนเปิดมันเอง นายแค่ต้องหาอะไรบางอย่างมาให้เท่านั้น!”

ประกายตาของเดวิดหรี่ลง หัวถูกเอียงไปด้านข้างเล็กน้อยอย่างสับสน “แล้วเธอจะเปิดมันได้ยังไง? แฮกค์ระบบเป็นแล้วอย่างนั้นหรือ? ไม่มั้ง ต่อให้ยกระดับขึ้นมาแล้ว แต่ฉันไม่เคยจำได้ว่าติดตั้งโปรแกรมอะไรพิเศษให้เธอเลยนี่” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความสงสัย

“นี่ไม่ใช่โปรแกรมสำเร็จรูป! แต่เป็นข้อมูลที่ฉันได้รับมาจากชุดรบ ฉันเรียนรู้และพัฒนาตัวเองจากข้อมูลพวกนั้นได้ กะอีแค่การปลดล็อคพันธุกรรม มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย นายแค่ต้องหาของให้ฉันใช้เท่านั้นเอง”

เดวิดเริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้าของคนเก่าของชุดรบนั่นใส่ข้อมูลอะไรเอาไว้บ้าง เฮเซลเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้ข้อมูลชุดนั้นมา แต่เขาสลัดความคิดเรื่องนี้ออกจากหัวไปก่อน ปากเอ่ยถามกลับไปอย่างรวดเร็ว

“ตกลง! ตกลง! บอกมาว่าต้องการอะไร?”

“ชิ้นส่วนที่มีรหัสพันธุกรรมของเจ้าของกระเป๋า ฉันจะดัดแปลงมันเพื่อหรอกระบบการตรวจสอบ”

หมัดของเดวิดกำแน่น หัวสมองขาวโพลนไปหมด ฟันถูกขบเข้าหากันจนแน่นเพื่อระงับไม่ให้โทสะที่กำลังพุ่งสูงขึ้นระเบิดออกมา

“แล้วฉันจะไปหามันมาได้ยังไง! เจ้าหมอนั่นเป็นใครฉันยังไม่รู้เลย!!”

“อย่างโง่น่า! แค่เลือดก็พอแล้ว บนเสื้อผ้าของนายน่าจะมีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ก็แค่ละลายมันในน้ำ แล้วก็เอามาทาที่แขนตรงป้ายประจำตัวแค่นั้น จะโกรธไปทำไม?”

เดวิดเหมือนกำลังจะเป็นไบโพลาร์ อารมณ์ของเขาเปลี่ยนกลับไปกลับมารวดเร็วเหลือเกิน ใช่! บนร่างกายของเขายังมีเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ไม่น้อย โชคดีที่เดวิดทำความสะอาดไปแค่เพียงลวก ๆ เท่านั้น

เขาเริ่มขูดคราบเลือดออกมาผสมน้ำอย่างไม่รีรอ หลังจากนำมันป้ายไปที่ข้อมือซ้ายของตัวเอง เดวิดก็เฝ้ารออย่างจดจ่อ สีหน้านั้นคาดหวังไม่น้อย

“ไม่ใช่! นี่มันเลือดของผู้หญิงที่เปลี่ยนร่างเป็นเถาวัลย์ยักษ์ ไม่ใช่เลือดของผู้ชายด้วยซ้ำ” แค่ไม่ถึง 2 วินาที เสียงอันเย็นชาของเฮเซลก็รายงานออกมา

เดวิดกระพริบตาถี่ “โอ้! เอาใหม่ ๆ อ่ะ! อันนี้ล่ะใช้ได้มั้ย” เขารีบขูดคราบเลือดบนหน้าอกตัวเองออกมาผสมน้ำ ก่อนที่จะป้ายมันลงไปที่ข้อมือซ้ายอีกครั้ง แน่นอน! เขาไม่ลืมเช็ดทำความสะอาดข้อมือของตัวเองก่อนด้วย

อีกไม่ถึง 2 วินาที สมองของเดวิดก็รู้สึกมึนชาไปหมด “เจ้าโง่!! นี่มันเลือดของนายเอง” เสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดของเฮเซลก้องอยู่ในหัวของเขา

“เฮ้อ! ไม่ต้องตะโกนได้มั้ย เสียงของเธอมันอยู่ในหัวของฉันนะรู้ตัวหรือเปล่า ให้ตายสิ! เซลล์สมองของฉันตายไปกี่เซลล์แล้วเนี่ย” เดวิดได้แค่พึมพำบ่นอุบอิบออกมา

หลังจากผิดพลาดไป 2 ครั้ง เขาก็ไม่เร่งรีบอีกต่อไป ค่อย ๆ พาตัวเองไปยืนอยู่หน้ากระจก เริ่มทบทวนความทรงจำว่าเลือดแต่ละจุดได้มาอย่างไร คราบเลือดบนร่างกายนั้นมีอยู่ไม่น้อย เดวิดไม่คิดว่าสมองของตัวเองจะทดเสียงของเฮเซลได้ ถ้าต้องทดลองจนครบทุกจุด สายตาของเขาจ้องมองไปที่รอยเลือดซึ่งติดอยู่ที่เล็บของตัวเอง จุดนี้ใช่เลือดที่กระฉูดมาจากแผลตรงหน้าอกของอีกฝ่ายหรือไม่นะ?

หลังจากขูดเลือดตรงนั้นออกมาผสมน้ำป้ายลงไปบนข้อมืออีกครั้ง เดวิดก็ทรุดตัวลงนั่งรออย่างระวังตัว เขารวบรวมสมาธิเพื่อปกป้องสมองของตัวเองอย่างเต็มที่

ดูเหมือนว่าคราวนี้จะถูกต้องแล้ว เฮเซลเงียบไปเกือบ 2 นาที ก่อนที่จะเอ่ยออกมา “อืม? ยากกว่าที่คิด แต่ก็สำเร็จจนได้ เอาล่ะ! ใช้นิ้วของนายกดปุ่มล็อคนั่นได้แล้ว ฉันแก้รหัสพันธุกรรมเพื่อหลอกมันเสร็จแล้ว”

“แน่ใจนะ?” มันเร็วเกินไปหน่อยมั้ย? เดวิดไม่ค่อยจะมั่นใจในประสิทธิภาพมากนัก เขาไม่อย่างให้สมบัติถูกทำลายลงไป

“จะเปิดหรือไม่เปิดก็เรื่องของนาย ฉันมั่นใจว่าทำสำเร็จแล้ว และนี่ถือว่าฉันทำตามสัญญาแล้วด้วย ต่อไปนายต้องพยายามหาร่างสังเคราะห์มาให้ฉันให้ได้”

“...!” เดวิดพูดไม่ออก เขากัดฟันเอาไว้แน่น ก่อนจะค่อย ๆ ส่งนิ้วออกไปกดปุ่มเบา ๆ

เสียงสีแดงวาบออกมาก่อน ตามด้วยแสงสีเขียวที่กระพริบถี่ และหลังจากนั้นอีก 4-5 วินาที ตัวล็อคก็ส่งเสียงออกมาเบา ๆ และแยกตัวออกจากกัน

ดวงตาของเดวิดเป็นประกาย สำเร็จ! แต่เขาก็ต้องรีบยื่นมือออกไปคว้ากระเป๋าเอาไว้อย่างเร่งรีบ แทนที่จะค่อย ๆ ดื่มด่ำซึมซับกับความรู้สึกนี้ เพราะเสียงของเฮเซลดังขึ้นมาอีกครั้ง

“นายมีเวลา 5 วินาทีก่อนที่มันจะระเบิด”

“อะไรนะ!?” เดวิดอุทานออกมา แต่มันช้าไปกว่ามือที่พุ่งไปเปิดประเป๋าและเทของทุกอย่างลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว เขายังมีเวลาล้วงมือกวาดเข้าไปสำรวจในกระเป๋าเสียด้วยซ้ำ และโชคดีที่ทำอย่างนั้น มันมีกล่องที่ยึดติดแน่นกับตัวกระเป๋าอยู่อีกกล่องหนึ่ง หลังจากดึงมันออกมาได้ กระเป๋าใบนั้นก็ลอยผ่านหน้าต่างขึ้นไปบนฟ้าทันที

เสียงระเบิดเบา ๆ ดังขึ้นกลางอากาศ ไม่มีประกายแสงที่สะดุดตาอะไรเกิดขึ้น อันที่จริง การระเบิดครั้งนี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่สัญจรไปมาเลยด้วยซ้ำ เดวิดเหวี่ยงมันลอยขึ้นไปได้สูงมากพอที่แรงอัดอากาศจะไม่ส่งลงมาถึงพื้นดิน เมื่อประกอบกับแสงสีเสียงอันตระการตาของป้ายโฆษณาโฮโลแกรมที่ติดอยู่เหนืออาคารต่าง ๆ อย่างหนาแน่น ไม่มีใครที่อยู่ในเมืองนี้สังเกตเห็นว่ามีอะไรระเบิดอยู่บนท้องฟ้าเลย

“ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้?” เดวิดถามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด มือของเขาถูกยกขึ้นไปเช็ดเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลซึมออกมาจากหน้าผาก นี่มันหวุดหวิดมาก

“ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน โปรแกรมที่ใช้ล็อคกระเป๋าใบนี้สูงกว่าที่คิดไปอีกน่ะ มันตรวจสอบได้ว่ารหัสพันธุกรรมที่ใช้มีการปลอมแปลง โชคดีที่กระบวนการยืนยันต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร” เสียงตอบกลับของเฮเซลนั้นราบเรียบ

“พอสมควรกะผีนะสิ! 5 วินาทีเนี่ยนะ! ไม่สิ แค่ 4 วินาทีด้วยซ้ำ ยังดีที่ฉันไวพอ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าโดนระเบิดเข้าไปเต็ม ๆ แล้วจะเป็นยังไงบ้าง”

น้ำเสียงของเดวิดเริ่มสงบลง แต่ความโกรธยังหายไปไม่หมด เขาต้องใช้เวลาอีกครู่ในการสงบสติของตัวเองลง สายตาเริ่มจับจ้องไปที่กล่องในมือ เมื่อเปิดออกดูก็พบว่าด้านในเป็นขวดบรรจุเซรัมที่มีป้ายระบุเอาไว้ว่า ‘เซรั่มกลั่นร่างกายระดับกลาง’ ประกายแห่งความตื่นเต้นยินดีเริ่มส่องแสงออกมาเจิดจ้าแล้ว

สิ่งที่อยู่ในมือเขาตอนนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก เซรั่มที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของการฝึกทักษะการกลั่นร่างกาย แม้แต่ระดับต่ำเดวิดยังไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างว่าแต่ในระดับกลางอย่างนี้เลย

บนป้ายยังมีข้อความเตือนเป็นสีแดงแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัด ‘ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝนทักษะการกลั่นร่างมาก่อน’ เป็นการเตือนที่สมเหตุสมผล และมันน่าจะเกี่ยวกับความทนทานของร่างกายที่จะต้องรองรับการเปลี่ยนแปลงอันมหาศาลหลังจากใช้เซรั่มนี้เข้าไป

แต่ในป้ายมีระบุทั้งหมดอยู่เท่านี้ ไม่มีการระบุวันที่ผลิต ชื่อของผู้ผลิต หรือตราประทับรับรองอะไรเลย เดวิดขมวดคิ้วแน่น กลายเป็นว่านี่เป็นเซรั่มเถื่อนอย่างนั้นหรือ มันถูกแบน? หรือว่ายังไม่ได้รับการรับรองผล?

เขาส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ปิดฝากล่องแล้วเก็บมันลงกระเป๋าไปอย่างเงียบ ๆ มันคงต้องเอากลับไปตรวจสอบก่อนถึงจะกล้าใช้งาน สายตาหันกลับไปจ้องมองสิ่งของที่วางระเกะระกะอยู่บนเตียง เอื้อมมือไปหยิบกล่องโลหะสีน้ำตาลมาเปิดดู เมื่อแต่ใจว่าแก่นพันธุกรรมยังนอนนิ่งอยู่ในนั้น เดวิดก็แยกมันเอาไว้ต่างหาก เขาคิดจะใช้มันในภายหลัง

สายตายังกวาดมองอยู่บนเตียงอย่างพิจารณา เดวิดยังจำเสียงร้องอย่างสิ้นหวังของจาเร็ดเมื่อรู้ว่ากระเป๋าเป้หลุดจากตัวได้ ในนี้ต้องมีของสำคัญอย่างยิ่งเก็บเอาไว้อย่างแน่นอน ต้องไม่ใช่เซรั่มเถื่อน หรือแก่นพันธุกรรมของพยัคฆ์ปีกดำแน่ พวกมันเป็นสิ่งของที่มีค่า แต่ไม่ได้สูงล้ำอะไรขนาดนั้น ถ้าเทียบกับความร่ำรวยของเจ้าเด็กนั่น

หรือว่าจะเป็นคอลเลคชั่นชุดชั้นในผู้หญิงพวกนี้ ไม่น่า! สีหน้าของเดวิดเริ่มกลายเป็นมืดดำแล้ว หวังว่าเจ้าโรคจิตนั่นจะไม่ถือว่าชุดชั้นในพวกนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในชีวิตนะ บางตัวเหมือนกับถูกสวมใส่มาแล้วเสียด้วยซ้ำ เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าจะเก็บเอาไว้ทำไม

หลังจากที่เขี่ยพวกมันลงจากเตียงไปทั้งหมดแล้ว เดวิดก็คิดว่าตัวเองพบกับสิ่งที่ตามหาแล้ว มันเป็นกุญแจโลหะที่สร้างขึ้นมาอย่างวิจิตรบรรจง แม้ว่าสภาพจะดูเก่าและมีสนิมเกาะอยู่บ้างเล็กน้อย แต่แสงสีทองยังส่องประกายแวววาวออกมาให้เห็น ดูด้วยสายตาก็รู้แล้วว่ามันมีความพิเศษอย่างยิ่ง เขาแทบจะละสายตาจากมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ กุญแจดอกนี้มีอำนาจดึงดูดใจอย่างประหลาด...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด