ตอนที่แล้วบทที่ 79: เป็นท่านสามีของข้าที่ช่วยท่านต่างหาก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 81 – ข้าต้องโลภเพื่อประโยชน์ของราษฎร!

บทที่ 80: ครอบครัวของข้ายากจนมาก นี่คือทั้งหมดที่เรามี เช่นนั้นได้โปรดเชิญกินเถิด!


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 80: ครอบครัวของข้ายากจนมาก นี่คือทั้งหมดที่เรามี เช่นนั้นได้โปรดเชิญกินเถิด!

เมื่อรู้ว่าโม่หรูซวงตื่นแล้ว หลินเป่ยฟานก็รีบไปหานางทันที

“แม่หญิงหรูซวง อาการเจ้าดีขึ้นหรือยัง?” หลินเป่ยฟานถามด้วยความเป็นห่วงขณะที่เขามองไปยังโม่หรูซวงที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง

“ข้าดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณที่ท่านหลินที่ช่วยเหลือข้า” โม่หรูซวงกัดฟันแน่น

หลินเป่ยฟานรู้สึกสับสน ทำไมนางถึงมองเขาด้วยความเศร้าสามส่วน ความเขินอายสามส่วนและความโกรธสี่ส่วนกัน? นั่นดูไม่เหมือนสายตาที่ขอบคุณสักนิดเดียว!

หลินเป่ยฟานได้แต่คร่ำครวญในใจ สตรีเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจอธิบายได้!

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” หลินเป่ยฟานยิ้ม “แม่หญิงหรูซวง อาการของเจ้าร้ายแรงมาก อาจใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์กว่าเจ้าจะเดินเดินได้ อีกหนึ่งเดือนกว่าจะฟื้นตัวเต็มที่! พักผ่อนให้เพียงพอเถิด ข้าจะไม่รบกวนเจ้าแล้ว!”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเดินออกไป

"รอเดี๋ยว!" โม่หรูซวงร้องเรียก

หลินเป่ยฟานหันหลังกลับ “แม่นางหรูซวง มีเรื่องอะไรหรือ?”

“ท-ท่านหลิน…ไม่มีอะไรจะถามข้าหน่อยเหรอ?” โม่หรูซวงถาม

“เจ้ากำลังพูดถึงการแสร้งทำเป็นวีรบุรุษรัตติกาลและถูกตามล่าโดยพวกเจ้าหน้าที่ทางการใช่ไหม?” หลินเป่ยฟานกล่าว

โม่หรูซวงดูประหลาดใจยิ่ง “ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าปลอมตัวเป็นเขา?”

“เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ง่ายมาก!” หลินเป่ยฟานยิ้ม “ประการแรก เมื่อวีรบุรุษแห่งรัตติกาลมอบเงินให้กับผู้อื่น เขาใช้เงินของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สร้างปัญหาใดๆ! แต่พวกเจ้าแจกเงินโดยใช้เงินของขุนนางหลวง ดังนั้นพวกเจ้าจึงถูกตามล่าโดยทางการ!”

โม่หรูซวงเมื่อได้ยินก็หน้าเสียไปเลย

“ประการที่สอง ตามที่ผู้อื่นเล่ามากัน เมื่อวีรบุรุษแห่งรัตติกาลตัวจริงมอบเงิน เขาจะมาและไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นเงากระทั่งเงาได้! แต่เจ้านำเงินไปแจกจ่ายและติดกับดักของทางการ ทั้งยังไม่อาจหลบหนีได้!” หลินเป่ยฟานกล่าวต่อ

“มันแสดงให้เห็นเลยว่าวิชาตัวเบาของเจ้าไม่ดีเท่าวีรบุรุษรัตติกาลจริง!”

โม่หรูซวงรู้สึกละอายใจเล็กน้อยขณะที่นางพยักหน้าเห็นด้วย

“อย่างที่สามและที่สำคัญที่สุด!”

หลินเป่ยฟานยิ้ม “เมื่อเราพบกันนอกเมืองก่อนหน้านี้ เจ้าขอเส้นทางจากข้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าเพิ่งเคยมาเยือนเมืองหลวงเป็นครั้งแรก! คนแบบนั้นจะเป็นวีรบุรุษแห่งรัตติกาลได้อย่างไรกัน?”

“ท่านพูดถูกทุกอย่างเลย ท่านหลิน!” โม่หรูซวงพยักหน้า

.

หลินเป่ยฟานยิ้ม

เขาคิดในใจอีกครา ส่วนสาเหตุที่แท้จริงที่ข้ารู้ ก็เพราะข้าคือวีรบุรุษแห่งรัตติกาลตัวจริงยังไงล่ะ ผู้อื่นล้วนเป็นของปลอมทั้งสิ้น!

“ในเมื่อท่านรู้ว่าข้าทำอะไรลงไป ทำไมไม่ส่งตัวข้าไปให้พวกเจ้าหน้าที่หลวงล่ะ? เท่าที่ข้ารู้มา ท่านก็ยังคงเป็นขุนนางของราชสำนัก เป็นคนกลุ่มเดียวกับพวกเขา!” โม่หรูซวงเอ่ยถาม

"มีเหตุผลอยู่สามประการ!" หลินเป่ยฟานยิ้ม “เรื่องแรกคือเราเคยพบกันมาก่อน นั่นคือโชคชะตา! ในเมื่อเรามีความสัมพันธ์กัน ถ้าข้าเห็นเจ้ามีปัญหาและมีโอกาสที่จะช่วย ข้าย่อมไม่นั่งเฉยๆ แน่!”

“ประการที่สองคือเจ้าแสร้งทำเป็นวีรบุรุษแห่งรัตติกาลเพื่อแจกจ่ายเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี โดยส่วนตัวแล้ว ข้าชื่นชมนิสัยของเจ้ามาก ดังนั้นถ้าข้าช่วยได้ ข้าก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ!”

“ประการที่สาม เจ้าขโมยเงินจากศัตรูทางการเมืองของข้า และเมื่อเห็นพวกเขาได้รับความทุกข์ทรมาน มันก็ทำให้ข้ามีความสุขยิ่ง! ดังคำกล่าวที่ว่าศัตรูของศัตรูคือสหาย ด้วยเหตุนี้ข้าจึงยินดีที่จะช่วยเจ้า!”

ขณะที่โม่หรูซวงกำลังจะพูดอีกครั้ง หลินเป่ยฟานก็รีบกล่าวต่อว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องถามอะไรให้มากมาย สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าตอนนี้คือการพักผ่อน! เจ้ามั่นใจได้เลย ที่นี่ปลอดภัยมากและไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้แน่!”

จากนั้นเขาก็ลูบศีรษะของเขา “โอ้ จริงสิ ข้าลืมบอกข่าวดีกับเจ้าไป! ศิษย์น้องของเจ้ายังไม่ถูกเจ้าหน้าที่หลวงจับได้ แต่ข้าไม่รู้เรื่องอื่นอีกแล้ว!”

“ขอบคุณมากท่านหลิน!” โม่หรูซวงพยักหน้าเล็กน้อย

หลินเป่ยฟานให้คำแนะนำอีกสองสามข้อ ก่อนที่จะจากไป ขณะที่โม่หรูซวงมองร่างของเขาเดินออกไป สายตาของนางก็ซับซ้อนยิ่งขึ้น

เขาเป็นข้าราชการฉ้อราษฎร์บังหลวงจริงหรือ?

ยามนี้เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสและบริสุทธิ์ของเขา นางก็มีความรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย

นางได้แต่ถอนหายใจและส่ายศีรษะไปมา

ช่างมันเถอะ อย่ามาคิดเรื่องนี้ให้มากความเลย!

สิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้คือการรักษาอาการบาดเจ็บของนางก่อน จากนั้นจะทำสิ่งใดค่อยว่ากันทีหลัง

“ข้าสงสัยเหลือเกินว่าศิษย์น้องของข้าจะเป็นเช่นไรบ้าง?”

นางอดไม่ได้ที่จะรู้กังวล

ในขณะเดียวกัน ณ วัดที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่งในเมืองหลวง

กลุ่มขอทานที่อาศัยอยู่ที่นั่นกำลังก่อความวุ่นวาย บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยควันและความโกลาหล

ทันใดนั้น ขอทานชราคนหนึ่งก็ตะโกนว่า “เจ้าส้วยน้อย มาที่นี่สิ! มานวดหลังให้หลิวเลาเย่และทุบเท้าเร็วเข้า!”

ขอทานหนุ่มวิ่งมาทันที “ขอรับ ข้ามาแล้ว!”

หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง

ขอทานเฒ่าอีกคนก็ตะโกนว่า “เจ้าส้วยน้อย มานี่สิ! ซักกางเกงของหวังเกอหน่อย เดี๋ยวข้าให้ข้าวเจ้ากิน!”

ขอทานตัวเล็กคนนี้ก็วิ่งเข้ามา “ขอบคุณขอรับผู้เฒ่าหวัง!”

หลังจากนั้นไม่นาน

ขอทานเฒ่าคนที่สามก็ตะโกนว่า “เจ้าส้วยน้อย เจ้าน่ารักมาก รีบถอดกางเกงของเจ้าออก ข้าจะได้สนุกกับมันสักที!”

ขอทานหนุ่มถึงกับเงียบกริบ

คำพูดของเขาได้ทำให้ทุกคนโดยรอบระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ผู้เฒ่าหวังโถว เจ้านี้กลั้นไว้บ้างไม่ได้หรือไง!”

“เจ้าสัตว์ร้าย คิดจะเอาทุกอย่างไปเลยเหรอ!?”

“อย่าทำให้เขากลัวแบบนั้นสิ ถ้าเขาหนีไปจะทำยังไงเล่า! ฮ่าฮ่า!”

"ชู่ว! เช่นนั้นคราวหน้าไว้ทำกันแบบไม่มีผู้ใดรู้นะ... ”

ใบหน้าของขอทานหนุ่มเต็มไปด้วยความอับอายและโกรธ แต่เขาก็ได้แต่ต้องยิ้มตามไปด้วย เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของเขาที่มันกำลังจะระเบิดออกมา “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้า กัวเส้าส้วย อัจฉริยะของสำนักดาบเหล็กจะต้องมาลงเอยเช่นนี้!”

คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากัวเส้าส้วยที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของทางการ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกไล่ล่าโดยเจ้าหน้าหลวง เขาจึงต้องปลอมตัวเป็นขอทานและแอบเข้าไปในรังของขอทาน

เขากินอาหารเหลือ ดื่มน้ำสกปรกและบางครั้งถึงขั้นต้องต่อสู้กับสุนัขเพื่อหาอาหาร

ด้วยความที่เป็นขอทานหน้าใหม่ที่ไม่มีเงิน สถานะหรือสิทธิ เขาจึงมักได้รับคำสั่งจากขอทานรุ่นใหญ่ให้ทำงานหนักทุกประเภท

เขาช่วยขอทานถูเท้าและหลัง บีบหนองจากแผ่นหลังและแม้แต่ซักเสื้อผ้าที่ไม่ได้เปลี่ยนมาหลายเดือน ขอทานบางคนมองมาที่เขาด้วยสายตาที่น่ารังเกียจ มันทำให้เขากลัวที่จะนอนหลับยามดึก เพราะกลัวว่าเขาจะสูญเสียศักดิ์ศรีบุรุษเพศและความบริสุทธิ์เมื่อตื่นขึ้นมาในช่วงเช้า

“ชีวิตข้าช่างยากลำบากนัก!”

กัวเส้าส้วยถอนหายใจ แต่ดวงตาของเขาก็กลับมามุ่งมั่นอย่างรวดเร็ว "แต่มันก็ไม่เห็นหนักหนาตรงไหน! เมื่อผ่านประสบการณ์ที่เลวร้าย ข้ากลายเป็นคนที่เหนือกว่า! ตัวข้ายังคงมีชีวิตและความหวัง! แต่ศิษย์พี่หญิงจะเป็นเช่นไรบ้างนะ?”

เขาเป็นห่วงนางมาก โม่หรูซวง ศิษย์พี่หญิงของเขาได้ถูกคนไล่ล่าตามไปจำนวนมาก นางถึงขั้นล่อยอดฝีมือต้นกำเนิดออกไปให้เขา สิ่งที่นาง้ตองเผชิญนั้นอันตรายมาก แต่เขากลับไม่ได้ยินข่าวเรื่องของเลยแม้แต่น้อย

“ศิษย์พี่หญิง ท่านอยู่ที่ไหนกัน? ส้วยน้อยผู้นี้คิดถึงท่าน…”

ในขณะเดียวกัน ในบ้านตระกูลหลิน โม่หรูซวงก็ตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของนางก่อน ทว่าในไม่ช้า นางก็พบว่าการได้พักอยู่ที่นี่มันสะดวกสบายยิ่ง ไม่เพียงแค่สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย แต่อาหารและเครื่องดื่มก็ทำให้นางตกใจแล้ว

ทุกวันพวกเขาจะมีอาหารอันโอชะและวัตถุดิบหายากมากมาย มันรสเลิศยิ่งกว่ายามที่นางได้กินตอนที่อยู่กับท่านอ๋องเสียอีก ตามปกติแล้ว ท่านอ๋องของนางมักจะไม่ฟุ่มเฟือยนัก เมื่อมีแขกคนสำคัญเท่านั้น ท่านอ๋องถึงจะสั่งให้คนของเขาเตรียมอาหารเลิศรสเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับพวกเขา แต่ที่นี่ พวกเขาจัดเตรียมมันแบบนี้ทุกวัน!

ส่วนพวกเสื้อผ้ายิ่งเรียกว่าฟุ่มเฟือยมากขึ้นไปอีก เสื้อผ้าทั้งหมดของพวกเขาทำจากผ้าไหมและผ้าแพร ไม่เคยซ้ำและเปลีย่นมันทุกวัน เนื่องจากมีผ้าไหมและผ้าแพรมากเกินไป พวกเขาจึงทำปกผ้านวมหลายผืนอย่างฟุ่มเฟือย มีกระทั่งอันหนึ่งที่พวกเขามอบมาให้นาง

ไม่เพียงแต่เจ้าของเรือนเท่านั้น แต่บ่าวทั้งสองยังแต่งกายด้วยผ้าไหมและผ้าแพร ผิวดูใสกระจ่าง คล้ายไม่ใช่คนรับใช้

โม่หรูซวงรู้สึกผิดและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ข้าต้องสร้างปัญหาให้พวกท่านมากมายเลย! เราพบกันโดยบังเอิญ แต่ท่านไม่เพียงจะช่วยข้าเท่านั้น กลับยังให้อาหารที่ดีแก่ข้าอีกด้วย หรูซวงผู้นี้รู้สึกละอายยิ่ง! แค่อาหารธรรมดา ข้าวเปล่าและชาไร้รสก็เพียงพอแล้วสำหรับข้า!”

หลินเป่ยฟานกะพริบตาปริบๆ “แม่หญิงหรูซวง ตระกูลของเรายากจนมาก เราเหลือเพียงแค่สิ่งเหล่านี้ ไม่มีอะไรอีกแล้ว! หากเจ้าต้องการดื่มชาไร้รสและข้าวสวยเปล่า เราคงได้แต่ต้องออกไปข้างนอกและใช้เงินเพื่อซื้อมันมา! ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราเหลืออยู่!”

โม่หรูซวงได้แต่เงียบกริบ

นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าทั้งหมดเหลือเหรอ? นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!

เมื่อเห็นท่าทางที่ลังเลของหรูซวง หลินเป่ยฟานก็คิดว่านางอาจจะไม่ชอบอาหาร แต่เพื่อรักษาใบหน้าของทั้งคู่ เขาจึงกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “แม่หญิงหรูซวง ข้าขอโทษด้วยถ้ามันไม่ถูกปากเจ้า”

โม่หรูซวงมองหลินเป่ยฟานด้วยใบหน้าขาวซีด

นางได้แต่คิดในใจว่า “มันถูกปากข้ามาก จนข้าอยากได้อีกชามด้วยซ้ำ!”

หลินเป่ยฟานมอบอาหารและเครื่องดื่มให้มากมาย แม้แต่กระทั่งเสื้อผ้า จนนางก็ไม่อยากรับไว้

“เสื้อผ้าพวกนี้มีค่ามากเกินไป! ข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้ก็มีค่ามากเช่นกัน! ในฐานะที่ข้าเป็นเพียงเด็กสาวบ้านนอก มันคงไม่ดีแน่ถ้าข้าไปทำให้มันเสียหาย ท่านช่วยหาอะไรที่มันธรรมดากว่านี้ได้หรือไม่?”

เมื่ออีกฝ่ายยืนกราน หลินเป่ยฟานก็พานางไปที่ห้องที่เก็บเสื้อผ้าและห้องเก็บของ “นี่คือที่ที่เราเก็บเสื้อผ้าของเราไว้ เลือกตามที่เจ้าต้องการเถิด! ส่วนที่นี่คือที่ที่เราเก็บเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของเราไว้ จะใช้อันไหนก็เชิญได้เลย!”

โม่หรูซวงมองไปยังห้องที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหรา ส่วนอีกห้องที่เต็มไปด้วยสมบัติหายาก นางก้มศีรษะลงอย่างเงียบๆ และกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะใช้ของเดิมที่มีอยู่แล้วกัน”

หลินเป่ยฟานหัวเราะอย่างมีความสุข “ขอบคุณที่เข้าใจ แม่หญิงโม่”

โม่หรูซวงได้แต่เงียบกริบไป

ไม่รู้ทำไม แต่โม่หรูซวงรู้สึกว่าใบหน้ายิ้มแย้มของหลินเป่ยฟานน่ารังเกียจยิ่ง มันคล้ายกับว่าเขากำลังยั่วยุนาง จนทำให้นางอยากต่อยเข้าสักหมัด ด้วยเหตุนี้ โม่หรูซวงจึงยอมแพ้อย่างหมดรูปและใช้เวลาทั้งวันในการกินของเลิศรส สวมเสื้อผ้าที่หรูหราพลางรอคอยอาการบาดเจ็บของนางให้ฟื้นตัวกลับมา

“ข้าสงสัยเหลือเกินว่าศิษย์น้องของข้าเป็นเช่นไรบ้าง? เขากินดีอยู่ดีหรือเปล่า? เขายังคงมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?”

ในยามนั้นเอง ณ วัดที่ทรุดโทรม…

ทันใดนั้น ขอทานผู้หนึ่งก็พุ่งเข้ามาและตะโกนว่า “ทุกคน ได้เวลากันแล้ว! วันนี้เราต้องใช้กำลังทั้งหมดของเราเพื่อเอาชนะพวกมัน จนกว่าพวกมันจะร้องไห้เหมือนเด็กแบเบาะ! เราจะได้กินและดื่มของดีๆ หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแต่ละคนแล้ว!”

"เอาเลย!" ทุกคนต่างตะโกนออกมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นมาก

ขอทานหนุ่มกัวเส้าส้วยได้ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย และถามด้วยความสับสนว่า “เรากำลังจะทำอะไรหรือ?”

ขอทานคนหนึ่งกล่าวตอบอย่างตื่นเต้น “เจ้าเพิ่งมาถึงดังนั้นเจ้าคงจะยังไม่รู้! กลุ่มขอทานของเราจะมีการต่อสู้ทุกสัปดาห์! หากเราชนะ เราจะได้รับกรรมสิทธิ์ในที่ดินอันมีค่าและได้กิน ดื่มอะไรก็ได้ที่เราต้องการ!”

"จริงงั้นเหรอ?" ใบหน้าของกัวเส้าส้วยเต็มไปด้วยความยินดี

แม้ว่าเขาจะเป็นขอทานเพียงชั่วคราว แต่เขาก็พร้อมจะทำ หากได้กินดื่มดีๆ เช่นนี้ จะเสียโอกาสไปทำไมกันเล่า?

"เป็นเรื่องจริงอยู่แล้วสิ! ทำไมข้าถึงต้องโกหกเจ้าด้วยล่ะ? เจ้ายังเด็กและแข็งแรง เพราะงั้นจงทำให้ดีที่สุด! อย่าขี้เกียจเด็ดขาดเข้าใจไหม?”

"ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!" กัวเส้าส้วยมั่นใจยิ่ง

เขาเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ที่มีวิชา ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะจัดการกับอีแค่ขอทาน!

แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ไร้เทียมทานอยู่ดี!

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด