ตอนที่แล้วบทที่ 78: เขาไม่เพียงแต่เป็นขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ทรยศต่ออาณาจักรอีกด้วย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 80: ครอบครัวของข้ายากจนมาก นี่คือทั้งหมดที่เรามี เช่นนั้นได้โปรดเชิญกินเถิด!

บทที่ 79: เป็นท่านสามีของข้าที่ช่วยท่านต่างหาก!


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 79: เป็นท่านสามีของข้าที่ช่วยท่านต่างหาก!

"พวกเขาทำผิดหรือ?" หลินเป่ยฟานถามด้วยความสงสัย

“แม้ว่าพวกเขาจะทำสิ่งที่ดีด้วยการแจกจ่ายเงิน แต่เงินก็ถูกขโมยไปจากคฤหาสน์ของเหล่าขุนนาง! เพราะพวกเขาเอามามากเกินไป เหล่าราษฎรจึงรู้สึกโกรธและก็กำลังถูกตามล่าโดยเหล่าขุนนางด้วย! พวกเขาถึงกับวางแผนลวงล่อโจรทั้งสองไว้แล้ว!” ไป๋ฉิงเสวียนอธิบาย

“ช่างกล้าหาญจริงๆ เชียว!” หลินเป่ยฟานได้แต่ถอนหายใจออกมา

ที่นี่คือเมืองหลวงของจักรพรรดิ ที่ซึ่งจักรพรรดินีอาศัยอยู่กับองครักษ์ที่แสนแข็งแกร่ง ผู้ฝึกวรยุทธ์หลายคนที่มาที่นี่ย่อมต้องระมัดระวังในการกระทำของพวกเขา

ในอดีต หลินเป่ยฟานใช้งเินจากการฉ้อราษฎร์บังหลวงเพื่อกระจายเงินออกไป นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้สร้างความโกรธให้กับราษฎร ทว่าผู้ที่แอบอ้างชื่อเขานั้นกล้าที่จะขโมยเงินจากขุนนางในเมืองหลวง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาบ้าบิ่นนัก

“ทว่าในเมื่อมันไม่ใช่เจ้า มันก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า ดังนั้นจงไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้!” ไป๋ฉิงเสวียนกล่าว ก่อนจะหายตัวไป

หลินเป่ยฟานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและก็ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ เพราะเขาพร้อมจะหนีไปตลอดเวลา คงไม่มีเวลาหรือแรงพอที่จะมาจัดการกับปัญหาของคนอื่น หากเขามีส่วนเกี่ยวข้อง มันอาจจะก่อปัญหาให้เขาได้

“เช่นนั้นเจ้าก็รับโทษในสิ่งที่เจ้าก่อเถิด ข้าขอตัวไปนอนดีกว่า!”

ในยามนั้นเอง โม่หรูซวงที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็กำลังแสร้งทำเป็นวีรบุรุษแห่งรัตติกาลพร้อมกับศิษย์น้องของนาง มอบเงินให้เหล่าคนยากจนภายในเมือง

“ศิษย์พี่หญิง วันนี้ข้าได้ยินมาจากประชาชนในลิ้วเฮียงที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองว่าพวกเขาติดหนี้ของทางราชสำนัก ทำให้ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้องลำบากกันมาก ไปแจกจ่ายเงินที่นั่นกันเถิด!” กัวเส้าส้วยเสนอขึ้นมา

“ความคิดดี เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!” ทั้งสองคนกระโดดข้ามหลังคาและมาถึงลิ้วเฮียงอย่างรวดเร็ว

จากนั้นพวกเขาก็เริ่มทำสิ่งที่พวกเขาทำในแต่ละวัน นั่นคือการแจกจ่ายเงินทอง แต่เมื่อพวกเขาเข้ามายังตรอกของที่นี่ พื้นที่โดยรอบพวกเขากลับสว่างไสวขึ้น ทหารถือคบเพลิงและนักธนูก็เตรียมพร้อมที่จะยิงแล้ว

“ไม่นะ เราถูกล้อมไว้แล้ว! ศิษญ์น้อง เรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ!” โม่หรูซวงรีบกล่าวอย่างเร่งด่วน

“ฟิ้วว ฟิ้ววว…” ลูกศรบินไปทั่วทุกที่

พวกเขาพยายามวิ่งหลบหนีไป

ในยามนั้นเอง ท่ามกลางหมู่ทหาร ร่างทรงพลังร่างหนึ่งพุ่งไปข้างหน้าราวกับสายฟ้าโดยไม่สนใจลูกธนูหนาแน่นที่บินมาหา ร่างของเขาเข้าใกล้ทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าคิดว่าจะไปที่ใดกัน?! จงหยุดเสีย!” เขาตะโกนออกมา

ใบหน้าของโม่หรูซวงและศิษย์น้องของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก “ปรมาจารย์ระดับต้นกำเนิด!”

พวกเขาทั้งสองไม่ลังเลและโจมตีออกไปในเวลาเดียวกัน พวกเขาทั้งสามปะทะกันกลางอากาศ "ตู้ม" ชายที่พุ่งไปข้างหน้าถอยหลังไปสองก้าว แต่ก็ไม่ได้รับอันตรายใดเลย ทว่าโม่หรูซวงและศิษย์น้องของนางกระอักเลือด บินถลากลับไปไกลกว่าสิบเมตรจนชนเข้ากับเรือนหลังหนึ่ง

การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้พวกเขาทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส โม่หรูซวงรู้ว่าแม้ทั้งสองคนรวมกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา นางจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

“ศิษย์น้อง แยกย้ายกันหนีเถิด เจ้าไปทางหนึ่งและข้าจะไปอีกทางหนึ่ง!” กัวเส้าส้วยก็เข้าใจว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะเป็นวีรบุรุษ จึงรีบพยักหน้าตอบทันที “ขอรับศิษย์พี่หญิง”

ทั้งสองวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามด้วยกำลังทั้งหมดของพวกเขาทันที

“ไล่ตามพวกเขาไป!” ปรมาจารย์ยอดฝีมือกำเนิดตะโกนออกมา

เมื่อมองดูทั้งสองวิ่งหนีไป เขาก็มุ่งหน้าไปตามโม่หรูซวงที่แข็งแกร่งที่สุด

โม่หรูซวงพยายามวิ่งเอาชีวิตรอด นางยังคงวิ่งหนีต่อไปโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของนางที่ร้ายแรงจนเกือบทำให้นางต้องหมดลมหายใจ เพื่อหลบหนีการไล่ตามของอีกฝ่าย นางต้องใช้วิชาลับที่สามารถเพิ่มความเร็วของนางได้ชั่วคราวสามถึงสี่เท่า ทว่าหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง วิชานี้จะหมดผลของมันและนางจะอ่อนแอลงในระดับที่นางไม่อาจต่อต้านได้เลย

แต่แม้จะใช้วิชานี้ คนที่ไล่ตามมาก็มีพลังระดับยอดฝีมือโดยกำเนิด นางไม่อาจสะบัดเขาหลุดรอดไปได้เลย เมื่อมีทหารล้อมรอบนางตลอดทาง มันก็ยิ่งยากที่จะหลบหนี

นางวิ่งและวิ่งจนอาการบาดเจ็บของนางแย่ลง ความเหนื่อยล้าได้ถาโถมเข้ามา นางเริ่มสิ้นหวัง "ข้าจะมาตายที่นี่เหรอ?" นางคิด นางมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้าและความฝันที่ยังทำไม่สำเร็จ นางไม่อยากตายที่นี่

ในขณะนั้นเอง นางเห็นคฤหาสน์หรูหราอยู่เบื้องหน้า แผ่นป้ายแขวนอยู่บนคฤหาสน์ที่มีตัวอักษรสีทองสองตัวที่อ่านว่า "คฤหาสน์หลิน"

“นี่เป็นคฤหาสน์ของหลินเป่ยฟานไม่ใช่หรือ?” โม่หรูซวงสับสนเล็กน้อย นางตัดสินใจแล้วที่จะไม่มาที่นี่ แต่กลับมาลงเอยที่นี่หลังจากเกิดเหตุการณ์พลิกผันขึ้น

นางหันหน้าไปมองผู้ไล่ล่าที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นก็มองไปที่คฤหาสน์หรูหราเบื้องหน้า โม่หรูซวงกัดฟันและกล่าวว่า “มีทางเดียวเท่านั้น!”

นางกระโดดด้วยกำลังภายในเพื่อข้ามกำแพงสูงเกือบ 5 เมตรและกระโดดเข้าไปในคฤหาสน์หลินได้อย่างง่ายดาย หลินเป่ยฟานที่กำลังหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้น ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง

“มีคนบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์ของข้า!” เขารีบลุกขึ้นจากเตียง สวมเสื้อคลุมและเดินออกจากห้องไป

ด้วยสัมผัสพิเศษของปราณระดับยอดฝีมือโดยกำเนิด เขาก็สามารถค้นหาผู้บุกรุกได้อย่างรวดเร็ว เขาแหวกพุ่มไม้หนาทึบและพบเห็นคนชุดดำนอนหมดสติอยู่บนพื้น มีกลิ่นคาวเลือดโชยออกมาจากร่างกายของคนผู้นี้ หลินเป่ยฟานถอดหน้ากากสีดำของผู้บุกรุกออก มันเผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย

"นั่นมันนางผู้นั้นไม่ใช่หรือ!"

ดวงตาของหลินเป่ยฟานเบิกกว้าง ในขณะเดียวกัน เหล่าขุนนางก็ได้ล้อมรอบพื้นที่นี้ไว้แล้ว

“ค้นหาให้ทั่ว! มันหมดแรงแล้ว คงหนีไปได้ไม่ไกล มันต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่!”

“ขอรับท่านผู้นำ!” พวกเขาลาดตระเวนตามถนนและค้นหาคฤหาสน์โดยรอบ

เมื่อพวกเขาไปถึงคฤหาสน์ของหลินเป่ยฟาน ตัวผู้นำก็รู้สึกลังเล "รอเดี๋ยวก่อน! นี่คือคฤหาสน์ของหลินเป่ยฟาน ขุนนางระดับสูงที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ เขาได้รับการยกย่องอย่างสูงจากจักรพรรดินี! ถ้าเจ้าไปยุ่งและทำให้ท่านหลินขุ่นเคือง มันคงไม่ดีแน่ ข้าจะเข้าไปค้นหาด้วยตัวเองเพียงผู้เดียว!”

ผู้นำที่มีพลังระดับยอดฝีมือโดยกำเนิดได้ปรับหมวกและเครื่องแบบทางการของเขา ก่อนที่จะเคาะประตูเรือนของหลินเป่ยฟาน ในไม่ช้า ประตูก็เปิดออก หลินเป่ยฟานสวมเสื้อคลุมหลวมๆ พร้อมกับหาวและเดินออกมา

"มีธุระอะไรหรือ?”

ผู้นำของจอมยุทธ์ได้โค้งคำนับอย่างสุภาพและกล่าวว่า “ท่านหลิน ข้าไม่คิดเลยว่าจะเป็นท่านที่เปิดประตูให้! เรากำลังไล่ตามจับโจรผู้ร้ายอยู่ พวกเขาเป็นอันตรายอย่างยิ่ง อาจเป็นภัยคุกคามต่อผู้คนในคฤหาสน์ได้ ขออนุญาตให้เราค้นเรือนท่านได้ไหม?”

ในความเป็นจริง ยศของคนผู้นี้สูงกว่าของหลินเป่ยฟานมาก ทว่าหลินเป่ยฟานเป็นคนโปรดของจักรพรรดินี ทั้งยังได้เผชิญหน้ากับขุนนางพลเรือนและทหารหลายครั้ง ดังนั้นเจ้าหน้าที่จอมยุทธ์ผู้นี้จึงสุภาพมากและไม่กล้าทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองเด็ดขาด

หลินเป่ยฟานหาวอีกครั้ง “ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงมีเสียงดังมาก พวกเจ้ากำลังรบกวนการนอนหลับของข้า! มันไม่มีอะไรอยู่แล้ว ไม่ต้องเข้ามา ไม่น่าจะมีผู้ร้ายที่เจ้าว่าอยู่ที่นี่หรอก ข้าอยากจะกลับไปนอนต่อแล้ว พรุ่งนี้ข้ายังต้องไปที่ราชสำนักตั้งแต่รุ่งสางอีก”

หลินเป่ยฟานกล่าวขณะที่เขาเดินกลับเข้าไปข้างในและปิดประตูลง ผู้นำยอดฝีมือโดยกำเนิดมองไปทางประตูที่ปิดอยู่และถอนหายใจออกมา

“ท่านผู้นำ เรายังควรเข้าไปข้างในและค้นหาหรือไม่?” เจ้าหน้าที่ที่ถือคบเพลิงเอ่ยถาม “ไม่จำเป็นหรอก เราทำตามหน้าที่ที่ต้องแจ้งให้ทราบแล้ว ปล่อยให้ที่เหลือเป็นไปตามโชคชะตาเถอะ!”

เขาอยู่ในตำแหน่งนี้มาหลายปีและสามารถนั่งในตำแหน่งนี้ได้ไม่ใช่เพราะความสามารถของเขา แต่เป็นเพราะความสามารถในการจัดการกับผู้คน รู้ว่าผู้ใดสามารถทำให้ขุ่นเคืองและผู้ใดไม่ควรทำให้ขุ่นเคือง

เห็นได้ชัดว่าคนอย่างหลินเป่ยฟานไม่ควรไปตอแยด้วยเลย ถ้าอีกฝ่ายบอกไม่ เขาก็ไม่ควรทำ หากมีบางอย่างเกิดขึ้น ก็อย่ามาตำหนิพวกเขาแล้วกัน

“ค้นหาพื้นที่อื่นต่อไป!”

เมื่อราตรีนี้ผ่านไป ก็ไม่อาจจับตัวผู้ร้ายได้ หลังจากผ่านไปอีกสองวันพอไม่มีผลลัพธ์ เรื่องก็ค่อยๆ ซาลงไป

ในที่สุดโม่หรูซวงก็ตื่นขึ้นมา นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย หมดแรงและไม่สามารถแม้แต่จะขยับนิ้วของนางได้เลย นางลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะนางรู้ว่านางรอดแล้ว ถ้านางไม่ได้รับการช่วยเหลือ ยามนี้นางคงจะไม่ได้นอนอยู่บนเตียงที่สะดวกสบายเช่นนี้

เมื่อนึกถึงตอนที่นางใช้กำลังทั้งหมดเพื่อกระโดดเข้าไปในคฤหาสน์ของหลินเป่ยฟานก่อนที่จะหมดสติ อารมณ์ของนางก็ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่านางได้รับการช่วยเหลือจากหลินเป่ยฟาน ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงที่นางเกลียดมากที่สุด

นางได้แต่ถอนหายใจและคิดว่า ทำไมข้าต้องกังวลเรื่องนี้ด้วย? ข้าต้องรีบหายจากอาการบาดเจ็บก่อน แล้วค่อยออกไปหาศิษย์น้องของข้า ยามนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ? เขาจะหลบหนีการไล่ล่าของพวกเจ้าหน้าที่ไ?ด้หรือเปล่า

ในเวลานั้นเอง หลี่ซือซือก็เดินเข้ามาและมองไปทางโม่หรูซวงที่เพิ่งตื่นพร้อมกับอุทานด้วยความประหลาดใจ “ท่านตื่นแล้วเหรอ?” โม่หรูซวงพยักหน้าเล็กน้อยและใช้กำลังทั้งหมดของนางเพื่อกล่าวออกไปว่า “ขอบคุณ!” เสียงของนางแห้งผากและอ่อนแอยิ่ง

หลี่ซือซือก้มศีรษะลงและยิ้มออกมา “ท่านควรขอบคุณท่านสามีของข้าต่างหาก เขาเป็นคนพาท่านมา!”

โม่หรูซวงพยักหน้าเล็กน้อย เป็นไปตามที่นางคาดไว้ หลี่ซือซือยังคงยิ้มต่อไป “ท่านสามีของข้าบอกว่าท่านนอนอยู่ในกองหญ้าและเกือบจะหมดลมหายใจเมื่อเขาพบกับท่าน จากนั้นเขาก็พาท่านเข้ามา…”

หูของโม่หรูซวงกระดิกทันที จากนั้นนางจึงเอ่ยถามออกมา “เขาอุ้มข้าเข้ามาหรือ?”

"ใช่ มันมีอะไรหรือเปล่า?" หลี่ซือซือรู้สึกสับสน

“ไม่มีอะไร…ไม่มีอะไรเลย!” โม่หรูซวงส่ายศีรษะเล็กน้อยและทันใดนั้นก็ใบหน้าของนางที่ซีดเซียวก็ปรากฏรอยแดงระเรื่อขึ้น ตั้งแต่เด็กจนโต นางไม่เคยสนิทสนมกับผู้ชายคนไหนนอกจากบิดาของนางมาก่อน สิ่งที่ทำให้นางอับอายมากยิ่งขึ้นคือ ยามนั้นนางหมดสติไปและไม่รับรู้อะไรเลย

หลี่ซือซือจึงกล่าวต่อไปอีกว่า “หลังจากที่ท่านสามีของข้าพาท่านกลับมา เขาก็พบว่าท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรักษาบาดแผลของท่านและพันแผลไว้ โชคดีที่เขาทำได้ทันเวลา…”

"รอเดี๋ยวก่อน! เจ้าจะบอกว่าเขาพันแผลให้ข้าด้วยหรือ?”

"ใช่ มันผิดตรงไหนเหรอ?" หลี่ซือซือรู้สึกสับสน

“ไม่เลย…ไม่มีอะไรหรอก!” โม่หรูซวงส่ายศีรษะอีกครั้ง ใบหน้าที่สวยงามของนางพลันแดงเป็นมะเขือเทศมากขึ้น นางได้รับบาดเจ็บและอีกฝ่ายก็รักษาบาดแผลของนาง ทั้งยังพันแผลให้อีก

เช่นนั้นเขาก็ต้องเห็นทุกอย่าง แม้กระทั่ง… ยิ่งนางคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกอายมากขึ้นเท่านั้น

หลี่ซือซือผู้อ่อนโยนและมีคุณธรรมรับรู้ได้ทันทีว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ “ท่านหรูซวง นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้! มีเพียงสี่คนในครอบครัวของเรา และก็มีแค่สามีของข้าเท่านั้นที่สามารถรักษาบาดแผลพวกนี้ได้ เราไม่มีทางเลือกแล้ว ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจ”

"ข้าเข้าใจ! ข้าจะไม่กล่าวโทษเขาหรอก!” โม่หรูซวงกัดฟันกรอด

“อืม ดีเหลือเกินที่ท่านเข้าใจ!” หลี่ซือซือกล่าวอีกสองสามประโยค ก่อนจะป้อนข้าวต้มให้นางแล้วปล่อยให้นางได้ใช้เวลาพักผ่อน เมื่อถึงตอนเย็น ในที่สุดหลินเป่ยฟานก็กลับมา

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด