ตอนที่แล้วเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 23 อดีตของผู้นำตระกูลช่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน

เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 24 ความหวาดกลัวครั้งใหญ่


เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 24 ความหวาดกลัวครั้งใหญ่

ช่างจงเทียนพูดด้วยเสียงต่ำ “ข้าย่อตัวเดินไปในอุโมงค์ที่หนาวเย็น ทั้งสองฝั่งมีไข่มุกราตรีขนาดเท่ากำปั้นที่ส่องแสงมานานหลายปี บรรยากาศมืดสลัว ข้ารู้สึกเหมือนมีคนมองข้าอยู่ตลอดเวลา มันทำให้ข้าขนลุกซู่ แต่พอหันกลับไปก็ไม่พบอะไรเลย ตอนนั้นข้าแค่คิดว่ามันเป็นภาพมายา”

"ข้าเดินไปตามแสงสว่าง ผ่านทางเดินที่ขรุขระและจนถึงสุสานหลัก"

"ขนาดของสุสานหลักนั้นใหญ่โตมโหฬาร ข้าลืมไปครู่หนึ่งว่านี่คือสุสานที่มืดมิดและน่าสะพรึงกลัว”

ช่างจงเทียนหลับตาและหยุดชั่วคราว ราวกับนึกถึงทุกรายละเอียดของฉากที่เขาเห็นในเวลานั้น หลังจากนึกได้เขาก็พูดช้า ๆ “ข้าไม่เคยเห็นสุสานขนาดใหญ่เช่นนี้มาก่อน เพดานของถ้ำนั้นสูงเสียดฟ้า มีนักรบถือหอกทองแดงอันแหลมคมปกป้องนายท่านของตนอย่างจงรักภักดี โลงศพที่แวววาวล้วนอยู่ในค่ายกลแปดทิศราวกับผู้พิทักษ์”

“ศพนั้นตายไปหลายร้อยปีแล้ว ความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวที่มันส่งผ่านโลงศพยังคงทำให้ใจข้าสั่นระรัว ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นสัตว์ประหลาดเก่าแก่ระดับก่อกำเนิดที่ยังไม่ตาย เพียงแค่หลับใหลและอาจตื่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ”

“ข้าตัดสินใจอย่างไม่ลังเลและนำสมบัติจากศพไปครึ่งหนึ่ง ขณะที่ข้ากำลังจะจากไป เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา เสียงฝีเท้าก็ดังก้องอยู่ในสุสานที่ว่างเปล่า ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน”

“ข้าพบกับสถานการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งไม่เคยพบพานมาตลอดชั่วชีวิตนี้”

เมื่อมาถึงจุดนี้ ลู่หยางและเถาเหยาเย่ก็โน้มตัวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลใจ และต้องการฟังต่อ

ช่างจงเทียนแสดงสีหน้าเจ็บปวดอย่างยิ่ง เสียงของเขาก็สั่นเทา “ข้าได้พบกับลูกหลานของศพผู้บำเพ็ญระดับก่อกำเนิดที่มาบูชาบรรพบุรุษ!”

"อะไรกัน?" ลู่หยางและเถาเหยาเย่ได้ยินชัดเจน แต่พวกเขาไม่ได้โต้ตอบ.

“คนเหล่านั้นนำเครื่องสังเวยและอาวุธวิเศษมาบูชาบรรพบุรุษของตน พวกเขาอธิษฐานขอให้ตระกูลเจริญรุ่งเรือง มีอัจฉริยะมาเกิดที่ตระกูลมากมาย และหวังว่าจะประสบความสำเร็จในทุกประการ ระหว่างทางไปบูชา พวกเขาสังเกตเห็นว่าข้าขโมยสมบัติจากสุสาน พวกเขาจึงรุมจับข้าไว้ ตอนนั้น มันน่าสะพรึงกลัวมาก เพียงแค่ข้าคิดเหงื่อเย็นก็ไหลผ่านหน้าผากข้าแล้ว”

“ข้าคิดว่าพวกเขาทำถูกต้องแล้ว”

ลู่หยางคิด ‘หากเป็นตระกูลของข้า เจ้ายังรอดมาเช่นนี้ก็ถือว่าดีมากเพียงใดแล้ว’

“นี่คือความหวาดกลัวครั้งใหญ่ที่เจ้ากำลังพูดถึงหรือ?” เถาเหยาเย่ถาม

ช่างจงเทียนเกาหัวโดยที่ไม่เข้าใจปฏิกิริยาของทั้งสอง “ใช่แล้ว จะมีอะไรน่าสะพรึงกลัวไปกว่าการพบกับลูกหลานเจ้าของสุสานขณะที่กำลังขุดสุสานของอีกฝ่ายรึ?”

“ว่ากระไรต่อ”

“ข้าถูกทุบตี ด้วยตบะเช่นข้า การจะหลุดรอดจากการโจมตีของผู้บำเพ็ญเพียรระดับฝึกปราณขั้นปลายย่อมเป็นเรื่องยาก ข้าถูกส่งตัวเข้าคุก ทางการขอให้ข้าชดใช้ของที่เคยขโมยมาก่อนหน้านี้ ทั้งยังต้องจำคุกอีก 10 ปี หลังจากถูกจำคุก 10 ปี ข้าก็ออกจากเรือนจำ และตัดสินใจวางมือไปเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยที่ไม่แตะต้องสิ่งเหล่านี้อีก”

“พูดตามตรง ข้าเขินอายเกินกว่าจะพบหน้ากับสหายเก่า”

ช่างจงเทียนเล่าอย่างจริงจรังมากจนคนอื่น ๆ หมดคำจะพูด

หลังจากที่ช่างจงเทียนฝังร่างไร้ผิวหนังของพ่อบ้านจาง จากนั้นเขาก็เชิญลู่หยางและเถาเหยาเย่มาพักหนึ่งคืนก่อนออกเดินทาง แต่เถาเหยาเย่ปฏิเสธ

หากไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์ในการล่อผีเร้นกายให้ลงมือ เถาเหยาเย่คงไม่เลือกที่จะค้างคืนที่นี่ การเดินทางตอนกลางคืนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อตั้งรากฐาน

ก่อนออกเดินทาง ลู่หยางพบช่างหยวนอีกครั้งและลูบหัวนกแก้ว

หากเมืองไท่ผิงไม่เข้าใจผิดว่านกแก้วเป็นสัตว์อสูร เขาก็คงไม่มีโอกาสมาที่ตระกูลช่างเพื่อจัดการกับผีเร้นกาย

“นกแก้วตัวนี้ค่อนข้างวิเศษ บางทีมันอาจจะเป็นสัตว์อสูรจริง ๆ เจ้าต้องฝึกมันอย่างระมัดระวัง”

ช่างหยวนรู้สึกประหลาดใจและถามเหตุผลอย่างรวดเร็ว

“ความแข็งแกร่งในช่วงแรกของสัตว์อสูรนั้นคลุมเครือมาก เป็นการยากที่จะแยกแยะมันจากสัตว์ทั่วไป และข้าก็ไม่สามารถบอกความแตกต่างได้”

“อย่างไรก็ตาม เมื่อเสี่ยวหลู่ออกจากตระกูลของเจ้า มันไม่ได้บินหนีไปยังที่อื่น แต่ยังคงบินอยู่ในเมืองไท่ผิง มันรู้ว่าตระกูลของเจ้าตกอยู่ในอันตราย และทำให้ข้าต้องมายังที่นี่ เรื่องนี้อาจเป็นเหตุบังเอิญหรืออาจเป็นลางสังหรณ์. ข้าก็บอกไม่ถูกเช่นกัน”

ลู่หยางยิ้มและไม่พูดอะไรอีก

ช่างจงเทียนรู้สึกว่าการต้อนรับของตนเองยังไม่ดีพอ ทั้งสองคนช่วยชีวิตสมาชิกตระกูลช่างทั้งสิบสองไว้ สิ่งเดียวที่เขาบอกได้คือเรื่องราวการวางมือของเขา

“นี่คือประสบการณ์ของข้าในการปล้นสุสาน หากพวกท่านไม่ชอบมัน เหตุใดพวกท่านจึงไม่รับมันไว้พลาง ๆ บางทีพวกท่านอาจจะต้องการมันในสักวันหนึ่ง” ช่างจงเทียนหยิบตำราสีน้ำเงินออกมาจากแขนเสื้อแล้วมอบให้กับทั้งสอง.

ลู่หยางยอมรับอย่างสุภาพ จากนั้นทั้งสองก็โบกมือลา

ระหว่างทางกลับ ลู่หยางถามว่า “เจ้าต้องการตำราเกี่ยวกับเคล็ดการปล้นสุสานเล่มนี้หรือไม่”

เถาเหยาเย่ส่ายหัว นางไม่ได้จะปล้นสุสาน แล้วนางจะเอาสิ่งนี้ไปทำอะไร

ลู่หยางก็รู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่เขาก็ยังเก็บมันไป

“เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าล่วงหน้าเมื่อเจ้าวางพิษไว้ในห้องของข้า” เถาเหยาเย่กังวลเรื่องนี้มาก

โชคดีที่กายาเซียนเหินเวหาทำให้นางมีความต้านทานต่อพิษทุกชนิดสูงมาก ไม่เช่นนั้น นางจะไม่ติดเหน็บชาเหมือนพ่อบ้านจางหรอกหรือ?

สาวสวยเช่นนี้จะติดพิษเหน็บชาจริงหรือ?

ลู่หยางยักไหล่ เขาวางยาพิษหลังจากรู้ว่ามันไม่เป็นอันตรายต่ออีกฝ่าย “ข้าบอกเจ้าแล้ว”

“เมื่อใดกัน?”

“ข้าส่งสายตาให้เจ้าขณะทานอาหาร”

“ท่านไม่ได้บอกให้ข้าส่งจานอาหารให้หรอกหรือ?”

“ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น”

ทั้งสองกลับคืนสู่นิกายเหวินเต๋าได้สำเร็จ บังเอิญว่าเมิ่งจิ่งโจวก็เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจและกำลังต่อปากต่อคำกับศิษย์พี่ผู้ออกภารกิจ

“ศิษย์น้องเมิ่งจิ่งโจว งานของเจ้าค่อนข้างง่าย เหตุใดอสูรจิ้งจอกถึงบ่นว่าเจ้ามีปัญหาทางทัศนคติและไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับนาง?”

เมิ่งจิ่งโจวคิดว่าศิษย์พี่คนนี้ค่อนข้างแปลกเล็กน้อย เขาแค่ต้องให้เพียงเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่เท่านั้น ทัศนคติจะเป็นปัญหาได้อย่างไร?

“ศิษย์พี่ ท่านต้องตรวจสอบอสูรจิ้งจอกนั่น ต้องมีบางอย่างผิดปกติ ท่านบอกให้ข้ามอบเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่เท่านั้น แต่นางกลับต้องการฝึกเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่กับข้าเพื่อดูว่ามันเป็นของจริงหรือไม่”

เมิ่งจิ่งโจวพูดด้วยความโกรธ “หากข้าไม่สามารถทำลายกายาหยางบริสุทธิ์ได้ ข้าคงจะฝึกกับนางไปนานแล้ว!”

ไม่มีใครรู้ว่าเขาโกรธที่เพราะกายาหยางบริสุทธิ์ทำให้เขาพลาดโอกาส หรือโกรธที่อสูรจิ้งจอกดูถูกเขาความปรารถนาของเขา

เมื่อเห็นว่าศิษย์พี่ผู้ออกภารกิจก็มีสีหน้าสิ้นหวังเช่นกัน ลู่หยางก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบโยน “ศิษย์พี่ พวกเราสองคนได้ทำภารกิจจัดการกับสัตว์อสูรเสร็จแล้ว”

ลู่หยางอธิบายรายละเอียดว่าชาวเมืองไท่ผิงคิดว่านกแก้วพูดได้คือสัตว์อสูร เขาและเถาเหยาเย่ล่อให้ผีเร้นกายเปิดเผยตัว จากนั้นก็กำจัดอีกฝ่าย

ในตอนท้าย ลู่หยางได้มอบขี้เถ้าของผีเร้นกายให้กับศิษย์พี่

“แม้จะเป็นภารกิจแรก แต่เจ้าก็ทำได้ดีมาก” ศิษย์พี่มองดูลู่หยางด้วยความชื่นชม เขาคิดว่าภารกิจนี้ง่ายมาก แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง

เขาประทับใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินว่าลู่หยางสามารถใช้เรียนรู้การพิษได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว หากลู่หย่างไม่วางยาพิษ ฉะนั้นจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการปราบผีเร้นกาย และอาจจะไม่สามารถหลบหนีได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือศิษย์น้องคนนี้นำพิษเหน็บชาติดตัวไปด้วย ศิษย์น้องช่างร้ายกาจเสียจริง

“เจ้าสองคนทำภารกิจสำเร็จ ทั้งยังเกินกว่าที่ภารกิจมอบหมาย แต้มผลงานเดิมของเจ้าจะเพิ่มขึ้น 4 เท่า เจ้าจะได้รับ 120 แต้มผลงาน ศิษย์น้องหญิงเถาเหยาเย่ เจ้ามีส่วนช่วยในภารกิจนี้ เจ้าจะได้รับ 90 แต้มผลงาน” เถาเหยาเย่ไม่คัดค้านใด ๆ

ลู่หยางมีบทบาทสำคัญในภารกิจนี้ นางเป็นเพียงเหยื่อล่อเท่านั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด