ตอนที่แล้วเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 20 ตระกูลช่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 22 ใครว่าไม่มีพิษต่อผิวหนัง?

เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 21 การพักค้างคืน


เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 21 การพักค้างคืน

มุมตาของคุณหนูตระกูลช่างกระตุก นางปิดตำราแล้วทักทายทั้งสองด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอบคุณที่พาเสี่ยวหลู่กลับมา ข้าชื่อช่างหยวน”

เมื่อนกแก้วเห็นช่างหยวน มันก็ดูราวกับพบผู้ที่จะมาช่วยให้รอดพ้นจากนรกก็มิปาน มันกระพือปีกขึ้นเพื่อหนีจากลู่หยาง เขาปล่อยให้นกแก้วบินไปรอบ ๆ ห้อง

“คราวหน้าเจ้าต้องระวังมากกว่านี้ โชคดีที่นกแก้วตัวนี้บินรอบเมืองไท่ผิง มิฉะนั้น หากมันบินไปที่อื่น เจ้าจะไม่มีโอกาสพบมันอีก” ลู่หยางเตือนด้วยรอยยิ้ม

ช่างหยวนมองดูทั้งสอง เมื่อมองแวบเดียวนางก็คิดว่าพวกเขาเป็นวีรบุรุษที่ออกท่องโลกกว้างมาเป็นเวลานาน

เสื้อผ้าของลู่หยางและเถาเหยาเย่ได้รับการแนะนำโดยโถงภารกิจ การแต่งตัวเช่นนี้ทำให้พวกเขาสามารถแสร้งทำเป็นวีรบุรุษรุ่นเยาว์ที่ออกท่องโลก และสามารถทำให้พวกเขาวางอำนาจบาตรใหญ่ได้

ทัศนคติของช่างหยวนค่อนข้างเหินห่างเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะบุคลิกของนางหรืออย่างอื่น "เสี่ยวหลู่ก็กลับมาแล้ว พวกเจ้าสองคนควรกลับไปได้แล้ว"

เถาเหยาเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางดูไม่ชอบทัศนคติของหญิงสาวคนนี้

ลู่หยางแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดนั้น และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "มาคุยกันเถอะ ตระกูลช่างยินดีต้อนรับเรา บางทีเราอาจจะค้างคืนนี่ที่"

ช่างหยวนหัวเราะเยาะ "ตระกูลช่างยินดีต้อนรับเจ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้ายินดีต้อนรับทุกคน เจ้าควรจากไปโดยเร็ว ออกจากเมืองไท่ผิงจะเป็นการดีที่สุด"

"ไม่มีอสูรหรือมารในเมืองไท่ผิง แล้วทำไมข้าจะต้องจากไป? เจ้าไม่ได้ออกจากตระกูลช่างนานแล้ว เจ้าไม่อยากฟังเราพูดถึงโลกภายนอกบ้างหรือ?” ลู่หยางกล่าว

ช่างหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางไม่ได้คาดหวังว่าลู่หยางจะพูดเช่นนี้ นางลดน้ำเสียงลงแล้วพูดว่า "เจ้าสองคนมาจากที่ใด? ข้าไม่ได้ออกจากบ้านมาเกือบเดือนแล้ว พวกเจ้าช่วยบอกข้าเกี่ยวกับประสบการณ์ในโลกนี้ของเจ้าได้หรือไม่?”

“เรามาจากหนึ่งในห้านิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ นิกายเหวินเต๋า และอยู่ระดับก่อตั้งรากฐาน เรามาที่เมืองไท่ผิงครั้งนี้เพราะเราได้ยินมาว่ามีอสูรนกรบกวนผู้คน...” ลู่หยางเริ่มพูดช้า ๆ เสียงของเขาอ่อนโยนราวกับวิทยากรมากพรสวรรค์

เมื่อช่างหยวนได้ยินว่าพวกเขาทั้งสองอยู่ในระดับก่อตั้งรากฐาน แววตาแห่งความปีติยินดีก็ฉายแวววาววับในดวงตาของนาง

พวกเขาทั้งสามพูดคุยกันสักพัก ช่างหยวนรู้สึกสนใจคำอธิบายของลู่หยางเกี่ยวกับชีวิตของผู้บำเพ็ญเพียรที่ต้องการหลบหนีจากโลกนี้ นอกจากนี้ นางยังต้องการออกไปสัมผัสโลกอันกว้างใหญ่นี้ด้วย

“ข้าอยากบำเพ็ญเซียนแต่ท่านพ่อไม่เห็นด้วย เขาบอกว่ามันอันตรายเกินไป หากเขาไม่ได้โชคดีในขณะที่สำรวจสุสานโบราณ เขาคงตายในสุสานโบราณไปแล้ว”

“ข้าถามเขาไปหลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่เห็นด้วย พวกเจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังบ้างได้หรือไม่” ช่างหยวนพูดด้วยความโกรธ

นางชอบฟังเรื่องเล่ามากมาย แต่เห็นได้ชัดว่าบิดาของนางมีประสบการณ์โดยส่วนตัว แต่เขาไม่กล้าเล่าให้นางฟัง

ลู่หยางถอนหายใจ ดูเหมือนว่าผู้นำตระกูลช่างก็เป็นคนที่มีเรื่องราวเช่นกัน

“ผู้นำตระกูลช่างมีตบะระดับใดหรือ”

ช่างหยวนดูเหมือนจะนึกถึงท่าทางลำพองตนของบิดาและกลอกตา “ข้าได้ยินเขาอวดว่าเขาเคยบรรลุระดับฝึกปราณขั้นที่ 9 แต่แล้วเขาก็พบกับหายนะครั้งใหญ่ และรอดชีวิตมาได้เพราะโชคช่วย หลังจากนั้นตบะก็ถดถอย เหลือเพียงระดับฝึกปราณขั้นที่ 4 หรือ 5”

เถาเหยาเย่กล่าวว่า "ก็ไม่เลว ในเมืองไท่ผิงมีผู้บำเพ็ญเพียรไม่มากนัก และจ้าวเมืองคือผู้แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งมีตบะระดับฝึกปราณขั้นที่ 7 เท่านั้น และระดับฝึกปราณขั้นที่ 4 นั้นสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ไม่ต้องพูดถึงว่าผู้นำตระกูลช่างยังคงมีภูมิหลังอยู่บ้าง”

ช่างหยวนถอนหายใจ “แต่ข้าไม่ต้องการที่จะถูกจำกัดอยู่เพียงมณฑลฉู่เหอ ข้าอยากเดินทางรอบโลกและเห็นโลกอันงดงามและแปลกประหลาดเหล่านี้ เจ้าและข้าอายุเท่ากัน เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรในระดับก่อตั้งรากฐาน ทว่าข้ายังไม่ได้บรรลุระดับฝึกปราณเลยด้วยซ้ำ”

เถาเหยาเย่พยายามเกลี้ยกล่อมช่างหยวน ทว่าไม่นานพ่อบ้านจางก็มาเคาะประตู "คุณหนู ถึงเวลาทานอาหารเย็นแล้วขอรับ ท่านวีรบุรุษสองคนเช่นกัน นายท่านบอกว่ามันดึกมากแล้ว ดังนั้นขอให้ทานข้าวและค้างคืนก่อนออกเดินทาง"

"นายท่าน นายหญิง และจ้าวเมืองหวงกำลังรอทุกคนอยู่"

"เอาล่ะ ไปกันเถอะ" ลู่หยางตอบ

เถาเหยาเย่ต้องการปฏิเสธ แต่ถูกลู่หยางขัดขวาง "ดูสิ ข้าบอกไปแล้วว่าตระกูลช่างนั้นอบอุ่นและจะให้เราพักค้างคืน เหตุใดไม่เห็นเจ้าค่าในความมีน้ำใจของพวกเขาเล่า

" ...”

ที่โต๊ะอาหารเย็น ผู้นำตระกูลช่างและจ้าวเมืองหวงนั่งอยู่ที่เบาะโต๊ะพร้อมพูดคุยอย่างมีความสุข และคนอื่น ๆ ก็เพลิดเพลินกับอาหาร แม้ว่าจะไม่อร่อยเท่าอาหารของผู้บำเพ็ญเพียรแห่งนิกายเหวินเต๋า แต่ก็ยังอร่อยพอกิน

พ่อบ้านจางและสาวใช้ยืนเคียงข้างกันด้วยความเคารพ และรอทุกคน

หลังจากรับประทานอาหารมื้ออร่อยเสร็จสิ้น จ้าวเมืองหวงก็กำลังกลับบ้าน ลู่หยางและเถาเหยาเย่ได้พักค้างคืนที่ห้องฝั่งประจิมทิศโดยมีเพียงกำแพงกั้นระหว่างพวกเขา

เถาเหยาเย่ไม่อยากนอนทีนี่ นางเป็นคนจู้จี้จุกจิกเรื่องเตียง ยกเว้นเตียงในถ้ำพำนักของนิกาย

เถาเหยาเย่รู้ว่านี่ไม่ใช่นิสัยที่ดี เป็นเรื่องปกติที่ผู้บำเพ็ญเซียนจะนอนในที่โล่ง นางพยายามเปลี่ยนมัน แต่จนถึงตอนนี้นางยังไม่ประสบความสำเร็จ

“ศิษย์พี่ลู่หลับได้ทุกที่จริง ๆ”

เถาเหยาเย่พูดกับตัวเอง นางไม่รู้ว่าทำไม แต่นางก็ยิ้มเบา ๆ แล้วหาววดอ

"วันนี้ข้าเข้านอนเร็ว ดูเหมือนว่าข้าจะนอนหลับสบายกระมง..."

เถาเหยาเย่ตอบทันที "ไม่! มีคนวางยาพิษข้า!"

นางหันกลับมาและกำลังจะหยิบร่มพันพิศวงขึ้นมาเพื่อกางออก แต่พบว่าภายในร่างกายของนางกลับมีสิ่งกีดขวาง ทำให้ยากที่รวมปราณวิญญาณ

นางตกใจมาก มีคนวางยาพิษนางหรือ แล้วเป็นผู้ใด?

นี่คือพิษที่ส่งผลต่อผู้บำเพ็ญเพียร หากอีกฝ่ายกล้ากระทำทั้งที่รู้ว่านางเป็นผู้บำเพ็ญเพียร เขาก็ต้องเป็นผู้บำเพ็ญเพียรด้วยเช่นกัน

มีเพียงไม่กี่คนในตระกูลช่าง และนอกเหนือจากผู้นำตระกูลช่างแล้ว นางไม่ได้สังเกตว่ามีใครเป็นผู้บำเพ็ญเพียรอีกเลย

เป็นผู้นำตระกูลช่างหรือไม่?

หรือมีผู้บำเพ็ญเพียรที่มีตบะสูงสุดกว่านาง จึงทำให้ไม่สามารถตรวจพบหรือไม่?

ศิษย์พี่ลู่เป็นอย่างไรบ้าง?

คำถามชุดหนึ่งวิ่งเข้ามาในหัวของเถาหยาเย่ทันที ทว่านางไม่ทันได้คิดอย่างรอบคอบ เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากข้องนอก

ประตูถูกเปิดออก และพ่อบ้านจางก็เดินมาทุกทิศทุกทางด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นและชั่วบนใบหน้าของเขา

“เป็นเจ้าเองรึ!” ดวงตาของเถาเหยาเย่เบิกกว้าง นางไม่คาดคิดว่าจะเป็นพ่อบ้านจาง และหัวใจของนางก็จมดิ่งทันที

การที่นางไม่สามารถระบุได้ว่าพ่อบ้านจางเป็นผู้บำเพ็ญเพียรหมายความว่าตบะของพ่อบ้านจางนั้นสูงกว่าของนาง

พ่อบ้านจางถือมีดถลกหนังอยู่ในมือ และเถาเหยาเย่ก็สัมผัสได้ถึงความอาฆาตที่รุนแรงจากมันแม้จะอยู่ห่างออกไปห้าก้าว ไม่รู้ว่ามีผู้เสียชีวิตภายใต้มีดเล่มนี้กี่คนแล้ว

แสงจันทร์สาดส่องบนใบมีดและส่องแสงเจิดจ้า

พ่อบ้านจางเลียริมฝีปากของเขาและมองไปที่เถาเหยาเย่ที่กำลังดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ ราวกับว่ากำลังมองเหยื่อที่ติดกับดัก

“ผิวสวยยิ่งนัก ข้าไม่เคยเห็นผิวขาวที่งดงามขนาดนี้มาก่อนในชีวิต”

“ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในนิกายเหวินเต๋า ย่อมเป็นการยากที่จะสังหารเจ้า อำนาจของนิกายเหวินเต๋าปกคลุมทั่วแผ่นฟ้า คนตัวเล็กอย่างข้าจะกล้ารุกรานนิกายเหวินเต๋าได้อย่างไร” พ่อบ้านจางพูดพร้อมน้ำลายตก

เขากล่าวต่อว่า "แต่ผิวพรรณของเจ้างดงามมากจนข้าอดไม่ได้ที่จะลองเสี่ยงเชิญชวนเจ้าไปทานอาหาร ไม่คิดว่าเจ้าจะตกลง แน่นอนว่าข้าคว้าโอกาสอันดีเช่นนี้เพื่อวางยาพิษเจ้า”

อาหารเย็นมียาพิษแฝงอยู่!

เมื่อเห็นว่าเถาเหยาเย่ยังคงดิ้นรน พ่อบ้านจางจึงแนะนำนางอย่างรอบคอบ "หยุดดิ้นรนเสียเถอะ แม้ว่าเจ้าจะไม่ถูกวางยาพิษ เจ้าก็ยังเทียบข้าไม่ได้อยู่ดี เจ้าเพิ่งบรรลุระดับก่อตั้งรากฐาน ทว่าข้าอยู่ในระดับก่อตั้งรากฐานขั้นปลาย"

แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนี้ แต่พ่อบ้านจางก็ไม่ได้ประมาท ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อตั้งรากฐานของนิกายเหวินเต๋าย่อมไม่ใช่คนธรรมดา!

พ่อบ้านจางพูดเช่นนี้เพียงเพราะเขาไม่ต้องการให้เถาเหยาเย่ต่อต้าน

ยิ่งต่อต้านมากเท่าไร ความเชื่อมโยงระหว่างผิวหนังกับเนื้อก็ยิ่งแน่นขึ้นเท่านั้น การถลกผิวก็จะยิ่งยากขึ้น นี่เป็นกฎทั่วไปในการถลกหนัง

“ผ่อนคลายเถอะ มันเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องกลัว”

พ่อบ้านจางเลียมีดแล้วพุ่งเข้าหาเถาเหยาเย่

ทันใดนั้น เถาเหยาเย่ก็ลุกขึ้นยืนทันที ปราณวิญญาณทั้งหมดของนางไหลเวียนอย่างอิสระ นางคว้าร่มพันพิศวงและฟาดหน้าพ่อบ้านจางอย่างแรง

พ่อบ้านจางกำลังมั่นใจในชัยชนะ แต่เขาถูกโจมตีด้วยความผิดพลาดและไม่สามารถป้องกันตัวเองได้

“เหตุใดเจ้าไม่ได้ถูกพิษ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด