ตอนที่แล้วบทที่ 132 - ร่องรอยของเผ่าปีศาจน้ำแข็งและการหวนคืน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 134 - พี่น้องและคู่แข่ง

บทที่ 133 - ชาวไซย่ามาเยือน


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 133 - ชาวไซย่ามาเยือน

“โลก? ฝ่าบาท ในที่สุดพระองค์ก็จะส่งกองกำลังออกไปจัดการพวกมันแล้วหรือ? ว่าแต่ทำไมเราไม่ไปดาวเคราะห์เบจิต้าล่ะ? โลกอยู่ห่างจากเราอย่างน้อยหนึ่งปีเลยนะขอรับ!”

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเรื่องดาวเคราะห์เบจิต้าหรอก ไปที่โลกกันก่อนเพื่อดูว่ามันมีอะไรถึงได้ดึงดูดชาวไซย่าพวกนั้นมาก ถ้าเราโชคดีพอ อาจได้พบกับเบจิต้าและเราจะได้สังหารมันก่อน! ชาวไซย่าพวกนั้นทำให้ข้าอับอายมาก ราชาผู้นี้จะค่อยๆ ทรมานพวกมันไปอย่างช้าๆ!”

“ข้าจะฆ่าพวกระดับสูงของชาวไซย่าทีละคนก่อน และในที่สุดเมื่อข้าต่อสู้กับลิงก์ตัดสินชี้ชะตา ใบหน้าของมันคงหวาดกลัวและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง”

คูลเลอร์กล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจังและคำพูดของเขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง ราวกับว่าเขาไม่ได้สนอีกฝ่ายที่สามารถกลายเป็นซูเปอร์ไซย่าได้เลย

เซาเซอร์เริ่มตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น "ในที่สุด! ฝ่าบาท แล้วทวารดวงดาวยักษ์ล่ะ? ท่านจะใช้มันเลยไหม?"

“ปล่อยมันไว้ก่อน เราจะใช้พลังของมันเมื่อเราโจมตีดาวเคราะห์เบจิต้า!”

"ขอรับ!"

กองกำลังคูลเลอร์ที่จัดระเบียบใหม่หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เอเลี่ยนนับหมื่นก็ได้รับการคัดเลือกเข้ามา เอเลี่ยนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีระดับพลังหลายพัน แต่ก็มีไม่น้อยที่มีระดับพลังมากกว่า 10,000 ในขณะที่ระดับพลังของสามยอดฝีมือของฝูงบินหุ้มเกราะคูลเลอร์นั้นเกิน 200,000 ไปแล้ว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กองกำลังคูลเลอร์ที่หยุดนิ่งไม่ได้อยู่เฉยๆ หลังจากสังเกตเห็นวิธีการฝึกของชาวไซย่าผ่านกองทัพลับ คูลเลอร์จึงได้แนะนำมันและแพร่กระจายไปทั่ว ซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของกองกำลังคูลเลอร์ก้าวกระโดดสูงอย่างยิ่งยวด

ด้วยการนำทัพของคูลเลอร์ กองทัพนี้ได้เริ่มเดินทางในยานอวกาศและบินมุ่งหน้าตรงไปที่โลก

ยานอวกาศรูปแผ่นได้มารวมตัวกันและเมื่อพวกมันบินออกจากดาวเคราะห์ พวกมันก็รวมตัวกันไปยังตำแหน่งเดียวกัน

ซึ่งเมื่อยานอวกาศเหล่านี้ได้มารวมตัวกัน มันก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากอวกาศ

“ฝ่าบาท กองทัพคูลเลอร์ทั้งหมดเข้าสู่โหมดซ่อนตัวแล้ว”

“เช่นนั้นก็เดินทางได้แล้ว! เป้าหมายคือโลก!”

ไม่นานหลังจากนั้น ณ โลก

ภาพแห่งความสงบสุขมีให้เห็นอยู่ทั่ว

นับตั้งแต่การทำลายกองทัพโบว์แดงและการตายของราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่พิคโกโร่ โลกก็ได้ช่วงเวลาแห่งความสุขคืนกลับมา

นอกเหนือจากเหตุปล้นที่เกิดเป็นครั้งคราวแล้ว ก็แทบไม่มีอาชญากรรมอะไรเกิดขึ้นในโลกเลย

สิ่งนี้ทำให้โกคูและคนอื่นๆ ที่กลับมาจากดาวเคราะห์ของไคโอเหนือรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะใช้ความสามารถของพวกเขา

ดังนั้นทุกครั้งที่ทุกคนตกลงที่จะพบปะกันที่บ้านของผู้เฒ่าเต่า พวกเขาก็จะประลองกันด้วย

ในหุบเขาที่แห้งแล้ง คุริรินและหยำฉากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

ทั้งคู่มีออร่าสีแดงเลือดแปลกๆ ราวกับเปลวเพลิงสีแดงสองลูกกำลังปะทะกันอย่างต่อเนื่อง

การต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบของพวกเขาสั่นสะเทือน จนทำให้แมลงวันทรายและหินกระเด็นไปทั่วในอากาศ

ตู้ม!

ท่ามกลางเสียงอันดังสนั่น ร่างของทั้งสองเข้าปะทะกันแล้วตกลงบนพื้นจนสร้างรอยลึกบนหินแข็ง

“หุหุ! หยำฉา เจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมเลยนะ แต่ว่านี้ไม่น่าจะใช้วิชาหมัดเจ้าพิภพสูงสุดที่เจ้ารับไหวไม่ใช่เหรอ?” คุริรินถามหยำฉาที่อยู่ตรงข้ามเขาขณะเช็ดเหงื่อออก

หยำฉายกมือขึ้น คุกเข่าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ แต่เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ? ยามที่อยู่บนดาวเคราะห์ไคโอเหนือ ข้าคล้ายถูกทิ้งห่างไปไกลมาก หากข้าไม่พยายาม ข้าคงจะตามไม่ทันเลยจริงๆ”

"ฮ่าๆ! พวกเราทุกคนก็แข็งแกร่งขึ้น แต่ข้าสงสัยว่าโกคูกับคนอื่นจะเป็นยังไงกันบ้างนะ...เจ้านั้นมีพ่อคอยชี้ทางให้ เขาคงจะแข็งแกร่งมากเลยใช่ไหม? ตอนนั้นที่ดาวเคราะห์ของไคโอเหนือ เราตามหลังเขาอยู่มากแล้ว ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเรายังพอมีความหวังที่จะไล่ตามเขาทันหรือเปล่า ส่วนเทนชินฮังกับที่เหลือคงจะแข็งแกร่งมากขึ้นเหมือนกัน!”

“อย่าลืมพิคโกโร่ไปสิ! ชายผู้นั้นไม่ปรากฏตัวนับตั้งแต่เขากลับมาที่โลก เขาไม่ได้เข้าร่วมการพบปะของเราด้วยซ้ำ บางทีเขาอาจจะฝึกทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้”

“ใช่…เราไม่สามารถผ่อนคลายได้เลยจริงๆ…” คุริรินถอนหายใจออกมา

ตั้งแต่ไปที่ดาวเคราะห์ไคโอเหนือ ความแข็งแกร่งของกลุ่มของพวกเขาก็ก้าวกระโดดอย่างสูง

มันแตกต่างจากงานต้นฉบับมาก เพราะคุริรินและคนอื่นในจักรวาลนี้ได้รับการฝึกฝนบนดาวเคราะห์ไคโอเหนือเป็นเวลาปีกว่า ซึ่งนานกว่าในงานเขียนต้นฉบับพอสมควร

ดังนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงสูงกว่าในงานต้นฉบับ

ทุกคนได้ฝึกฝนวิชาหมัดเจ้าพิภพ ซึ่งเป็นวิชาพิเศษของไคโอเหนือ

ทว่าแม้พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก แต่คุริรินและคนอื่นๆ ก็ยังไม่กล้าที่จะเฉื่อยชา

เพราะถึงจะไม่นับหลินเฉิน แต่ตัวตนที่อยู่ในวังพระเจ้ายังมีสัตว์ประหลาดที่พวกเขายังไม่อาจชนะได้อยู่

“นายท่านหยำฉา หมดเวลาแล้ว!”

ในยามนั้นเอง ปูอัลได้บินมาจากด้านข้างและเตือนพวกเขาทั้งสอง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยำฉาก็พูดว่า “ไปกันเถอะคุริริน ไปที่บ้านผู้เฒ่าเต่ากัน”

"ไปกันเลย!"

ณ ภูเขาเปาซู บ้านของโกคู

จีจี้ใส่เสื้อผ้าให้โกฮังอย่างระมัดระวังแล้วพูดกับโกคูว่า “รีบไปรีบกลับมาล่ะ ต้องรีบกลับมาทำการบ้านช่วยโกฮังนะ”

“จีจี้ เจ้าตกลงที่จะให้โกฮังไปฝึกไม่ใช่หรือ?” โกคูถามด้วยความประหลาดใจ

“การฝึกก็คือการฝึก แต่เขาต้องทำการบ้านด้วย สำหรับโกฮัง หากเขาต้องการที่จะเป็นผู้ฝึกวิชายุทธ์หรือนักเรียนมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา! ถูกต้องไหมจ๊ะโกฮัง?”

"ครับ" โกฮังที่อายุเพียงสี่ขวบพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

เพราะบาร์ดัคได้กลับมาอยู่กับโกคูอีกครั้ง ทำให้จีจี้และโกคูมีชีวิตที่ดีขึ้นมาในจักรวลานี้

นอกโลก ทองคำและเพชรไม่ได้เป็นสิ่งที่หายากเลย

เมื่อโกคูแต่งงาน บาร์ดัคได้มอบทองคำและอัญมณีจำนวนมากให้เป็นของขวัญแต่งงาน เพราะคำแนะนำของไทต์

นอกจากนี้หลินเฉินยังให้เงินจำนวนมากเมื่อพวกเขาแต่งงานกัน ดังนั้นครอบครัวของโกคูจึงมีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินกันอีก ดังนั้นในจักรวาลนี้ จีจี้จึงไม่กดดันมากและโกฮังตัวน้อยก็ได้รับอนุญาตให้เรียนรู้ฝึกฝนวิชายุทธ์ได้ด้วย

“จีจี้ เจ้าจะไม่ไปบ้านผู้เฒ่าเต่ากับเราเหรอ?”

โกคูยกโกฮังน้อยนั่งบนเมฆสีทองและเอ่ยถาม

“ไม่ล่ะ วันนี้ข้าจะไปเมืองใกล้ๆ เพื่อเลือกโรงเรียนอนุบาลให้โกฮัง บ้านของเราอยู่ในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ ข้าอยากให้โกฮังมีเพื่อนมากกว่านี้ในโรงเรียนอนุบาล”

“โอ้ โกฮัง เจ้าจะได้ไปโรงเรียนอนุบาลเร็วๆ นี้แล้วนะ! มีความสุขไหม?”

"หือ?" ซุนโกฮังไม่เข้าใจคำพูดพ่อของตนและได้แต่มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า

โกคูหัวเราะ จากนั้นก็บินผ่านท้องฟ้าไปยังบ้านผู้เฒ่าเต่า

ในเวลาเดียวกันที่มุมหนึ่งของโลก ลูกไฟขนาดใหญ่สองลูกได้ตกลงมาจากฟากฟ้าและจากนั้นพวกมันก็บินผ่านฟาร์มแห่งหนึ่งไป

ชาวนาคนหนึ่งเห็นอุกกาบาตทั้งสองลอยผ่านเหนือศีรษะของเขา ก่อนที่จะตกลงมายังพื้นห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร เขาวางสิ่งที่ทำอยู่ในมือลงไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะขับรถไล่ตามอุกบาต

บนทุ่งหญ้าห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร หลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่สองหลุมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าสิบเมตรได้ปรากฏขึ้นบนพื้นดิน

.

หลุมอุกกาบาตทั้งสองมีความลึกประมาณห้าหรือหกเมตร รอยอุกบาตนี้มันเกิดจากยานอวกาศสีขาวที่ถูกฝังด้วยทรายและหินอยู่ตรงจุดกึ่งกลาง

“แคร่ก!”

ยานอวกาศสองลำสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง และจากนั้นมันก็เปิดออกอย่างเชื่องช้า

เป็นเบจิต้าและราดิชเดินออกมาจากตัวยาน

“ที่นี่คือโลกหรือ?” เบจิต้าขมวดคิ้ว

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด