ตอนที่แล้วบทที่ 47: เงินไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่ถ้าไม่มีมัน เราก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 49: ยุนหยิง เจ้าหญิงน้อยนักชิม!

บทที่ 48: จักรพรรดินีผู้ใจป้ำได้มอบรางวัลอีกครั้ง!


บทที่ 48: จักรพรรดินีผู้ใจป้ำได้มอบรางวัลอีกครั้ง!

วันรุ่งขึ้น ณ พระราชวังจักรพรรดิทองคำ...

“ท่านหลินอยู่ที่ใดหรือ?”

“กระหม่อมอยู่ที่นี่ ฝ่าบาท!”

“ข้าขอมอบรถม้าเมฆมงคลม่วงทองแก่ผู้อำนวยการหลินและผ้าแพรวิจิตรสีแดงเข้มจำนวนสิบม้วน!”

หลินเป่ยฟานถึงกับตะลึง!

เพิ่งจะเช้า แต่เขาก็ได้รับรางวัลเป็นรถม้าและผ้าแพรสิบม้วนแล้วหรือ?

เขาไม่คิดและไม่ฝันเลยว่าจู่ๆ ก็จะมีลาภลอยตกลงมา!

เหล่าขุนนางก็ตกตะลึงเช่นกัน!

ยามนี้เพิ่งจะเริ่มการพูดคุยในราชสำนัก หลินเป่ยฟานก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขาได้รับรถม้าและผ้าแพรสิบม้วนเนี่ยนะ?

จักรพรรดินีทรงคิดอะไรอยู่กัน?

แม้ว่านางจะชอบหลินเป่ยฟานมาก แต่อย่างน้อยนางก็ควรทำตามกฎพื้นฐานหน่อยไหม?

ถ้านางให้สิ่งดีๆ มากมายโดยที่เขาไม่ได้ทำสิ่งมีคุณค่าอะไรเลย ท่านไม่คิดว่าเราจะรู้สึกแย่บ้างหรือ?

หลินเป่ยฟานกำลังจะพูด แต่จักรพรรดินีก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผู้อำนวยการหลิน ท่านต้องไม่ปฏิเสธ มิฉะนั้นข้าจะลงโทษท่าน!”

หลินเป่ยฟานยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก!

บัดซบ!

จักรพรรดินี ท่านใจป้ำเกินไปแล้ว!

นางให้รางวัลข้าด้วยของขวัญมากมาย ทั้งยังไม่ยอมให้ข้าปฏิเสธด้วยซ้ำ ช่วยเคารพสิทธิมนุษยชนของข้าหน่อยไม่ได้เหรอ?

ช่างน่าเสียดาย ที่นี่เป็นสังคมศักดินา ผู้มีอำนาจสูงสุดคือผู้ปกครอง!

ดังนั้นหลินเป่ยฟานจึงได้แต่พูดทั้งน้ำตา “ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

“อืม!” จักรพรรดินีพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงมองไปที่เหล่าขุนนางกำลังจะพูด แล้วนางก็กล่าวขึ้นมาทันทีว่า “เริ่มการพูดคุยในราชสำนักได้ หากพวกเจ้ามีสิ่งใดแจ้ง จงนำมันขึ้นมา ไม่อย่างนั้นก็ถือว่าจบการพูดคุยในวันนี้!”

จักรพรรดินีมุ่งมั่นอย่างมากกับการมอบรถม้าสุดหรูให้หลินเป่ยฟาน โดยไม่คิดจะปรึกษาผู้ใดทั้งนั้น

ไม่มีอะไรสำคัญที่เกิดขึ้นในวันนั้น การพูดคุยในราชสำนักก็จบลงอย่างรวดเร็ว

หลินเป่ยฟานเดินออกจากวังพร้อมกับขุนนาง เขาเตรียมจะขี่ม้าตัวน้อยของเขาไปยังสถาบันจักรพรรดิ

ในขณะนั้นเอง คนขับรถม้าก็ได้นำรถม้าเข้ามาหาเขาและกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านหลิน นี่คือรถม้าเมฆมงคลสีม่วงทองที่ฝ่าบาทมอบให้เป็นรางวัลแก่ท่าน! อีกทั้งยังมีผ้าแพรวิจิตรสีแดงเข้มสิบม้วน ซึ่งได้ถูกส่งไปยังรือนของท่านแล้ว!”

“นี่คือรถม้าที่ฝ่าบาทประทานให้ข้าหรือ?” หลินเป่ยฟานมองไปยังรถม้าหรูหราเบื้องหน้าเขาด้วยความตกตะลึง

รถม้าสูงกว่าสองเมตรและทำจากไม้สีน้ำตาลแดง มันดูค่อนข้างสูงและคล้ายกับเรือนติดล้อด้วยซ้ำ หน้าต่างและราวบันไดถูกแกะสลักอย่างประณีต เห็นได้ชัดว่าเป็นงานของช่างฝีมือระดับสูง

ด้านบนของรถม้า มีลวดลายเมฆมงคลสีม่วงทอง ดูสง่างามและสูงส่งยิ่ง ส่วนอาชาที่ดึงรถม้านั้นน่าประทับใจยิ่งกว่า เพราะมันคืออาชาเหงื่อโลหิตสองตัว ที่มีค่าเทียบเท่ากับรถโรลส์รอยซ์ในยุคปัจจุบิน อาชาเหงื่อโลหิตสองตัวที่มีค่าเท่ากับรถโรลส์รอยซ์สองคัน อีกทั้งยังมีรถม้าสุดหรูที่ถูกดึงอยู่ด้านหลัง รถม้าคันนี้แทบไม่ต่างกับรถโรลส์รอยซ์ติดเครื่องบินขับไล่ห้อยท้าย!

“นี่คือรถม้าที่ฝ่าบาทประทานให้ข้าหรือ?” หลินเป่ยฟานทวนถามอีกครั้ง

คนขับรถม้าก้มศีรษะด้วยความเคารพและยิ้มออกมา “ใช่แล้ว ข้าจะกล้าดียังไงมาหลอกท่านกัน?”

หลินเป่ยฟานมั่นใจว่านี่คือรถม้าที่ฝ่าบาทประทานอย่างใจป้ำให้เขาเช่นเคย เมื่อมองไปที่รถม้าของขุนนางที่อยู่ใกล้ๆ ของพวกเขาก็อาจถือว่าหรูหรา แต่เมื่อเทียบกับรถม้าเมฆมงคลสีม่วงทองของหลินเป่ยฟาน พวกเขาดูคล้ายกันเป็นเพียงรถม้าของชนชั้นรากหญ้า

ไม่มีขุนนางคนใดที่มีตำแหน่งและอันดับต่ำกว่าหลินเป่ยฟาน แต่เขากลับได้นั่งรถม้าที่ดีกว่าพวกเขา! รถม้าไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ขนส่งเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงฐานะได้อีกด้วย! ขุนนางระดับสูงเหล่านี้ ซึ่งดูแลราชวงศ์จักรวรรดิกลับถูกแซงหน้าโดยขุนนางระดับหกเพียงผู้เดียว พวกเขารู้สึกอิจฉาริษยาและไม่พอใจยิ่ง ไม่ใช่ว่าจักรพรรดินีทรงโปรดปรานไอ้สารเลวนี้มากเกินไปงั้นหรือ?

ทว่าท่ามกลางสายตาที่ชื่นชมของผู้คนมากมาย หลินเป่ยฟานกลับถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก ขุนนางคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “ท่านหลิน ทำไมท่านถึงถอนหายใจกันเล่า?”

“เพราะข้ารู้สึกว่าชีวิตของข้าสิ้นหวังแล้ว” หลินเป่ยฟานถอนหายใจออกมา “ดูตัวข้าสิ แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงขุนนางระดับหก แต่ข้าก็อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่หรูหรา กินอาหารจากห้องครัวจักรพรรดิ ดื่มไวน์ชั้นเลิศของพระราชวัง สวมผ้าแพรและผ้าไหมชั้นยอด เดินทางด้วยรถม้าสุดหรูชั้นเยี่ยมอย่างเมฆมงคลสีม่วงทอง มีตำลึงมากมายจนใช้ไม่หมด…”

หลินเป่ยฟานเงยหน้าขึ้นมาและถาม “ท่านสุภาพบุรุษ บอกข้าได้ไหมว่าชีวิตของข้าจะต้องไปทางใดต่อ?”

ใบหน้าของขุนนางที่ฟังถึงกับเปลี่ยนเป็นสีดำ!

แล้วมันเป็นปัญหาอะไรกันเล่า! นี่เจ้ากำลังพยายามยั่วยุพวกข้าเหรอ?

พวกเขาไม่ต้องการสนทนากับเขาอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงเดินจากมาด้วยความโกรธ!

ส่วนทางด้านหลินเป่ยฟานก็เข้าไปในรถโรลส์รอยซ์ของตนเองและไปทำงานที่สถาบันจักรพรรดิ ระหว่างทาง เขาก็ได้รู้จากคนขับรถม้าว่าอีกฝ่ายได้ถูกมอบหมายหน้าที่โดยองค์จักรพรรดินี ให้เป็นคนคอยขับรถม้าไปส่งหลินเป่ยฟาน

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด