ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 192 - บุคคลลึกลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 194 - หมัดคลื่นไฟฟ้า

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 193 - เจสัน


ความจริงแล้วศาสตราจารย์อาวุโสไวท์ค่อนข้างจะพอใจลูกศิษย์ส่วนตัวคนใหม่ของตัวเองอยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่เขาแค่ไม่ยอมแสดงออกมาเท่านั้น ด้วยสายตาที่แหลมคมของเขา ชายผมขาวคนนี้มั่นใจว่าลูกศิษย์ที่ไม่เคารพเชื่อฟังคนนี้ มีทักษะพิเศษมองเห็นในความมืดแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ได้ยกระดับตัวเองขึ้นเป็นเฟสเซอร์เลยก็ตาม

และความสามารถที่ทำให้เขาฝังตัวเข้าไปอยู่ในกำแพงได้นั่นอีก มันน่าจะเป็นทักษะพิเศษเช่นกัน มันทำให้เขาได้แต่ทึ่งกับความมหัศจรรย์ของนักเรียนใหม่นิสัยเสียคนนี้ มันเกินจากความคาดหมายของเขาไปไม่น้อยเลย

..........................

ประตูทางเข้าห้องใต้ดินถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง เดวิดชะโงกหัวออกมาดูว่าตาเฒ่าที่ไม่ยอมแก่คนนั้นจากไปแล้วจริง ๆ อารมณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก ตอนที่ถูกตาแก่จากที่ไหนไม่รู้โผล่ออกมาโจมตีแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เดวิดสงสัยอยู่เสมอว่าทำไมระบบรักษาความปลอดภัย หรือระบบป้องกันของทางสถาบันถึงได้แย่นัก ‘หึ! ที่แท้เจ้าเฒ่ากลัวแก่คนนั้นยกเลิกมันนี่เอง’

ต่อให้ตาเฒ่านั่นรับเขาเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวจริง ๆ เดวิดก็ไม่คิดจะญาติดี หรือทำตัวดี ๆ ด้วยอย่างเด็ดขาด อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับจากการโจมตีครั้งนั้นทำให้เดวิดโกรธมากถึงมากที่สุด แต่ในเมื่อตาเฒ่านั่นรีบหนีกลับไปแล้ว เขาก็ได้แต่ก่นด่าซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในใจเท่านั้น

เดวิดปิดประตูทางเข้าลง ก่อนจะมุ่งหน้ากลับเข้าไปในห้องใต้ดินอีกครั้ง แม้ว่าเกลียดตัว แต่เขาก็คิดที่จะกินไข่ และเดวิดไม่คิดว่าคนระดับศาสตราจารย์จะมาโกหกเรื่องเซรั่ม ดังนั้นเขาอยากจะลองประสิทธิภาพของมันดูเสียหน่อย

หลังจากกลับเข้าไปถึง เดวิดก็ก้มลงหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาจากพื้น และจ้องมองดูอย่างพิจารณา

เซรั่มที่อยู่ในเข็มเป็นของเหลวใสสีส้ม มันมีประกายสีแดงปนอยู่ในนั้นบ้างเล็กน้อย น้ำหนักมากกว่าที่เดวิดคิดเอาไว้มากไม่น้อยเลยทีเดียว ความหนาแน่นและแรงตึงผิวของมันอาจจะสูงกว่าปรอทเสียอีก มันกลิ้งไปมาโดยไม่ติดกับผิวของหลอดฉีดยาเลยแม้แต่นิดเดียว

เขาพอจะวางใจได้บ้างแล้วว่านี่ไม่น่าจะใช่ยาพิษแน่ ลักษณะของมันตรงกับสิ่งที่เคยได้ยินมา

เดวิดเลือกที่จะเปิดช่องเก็บเซรั่มของชุดรบ และใส่เซรั่มฟื้นฟูฉุกเฉินเข็มหนึ่งเก็บเอาไว้ในนั้น หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะฉีดอีกหลอดที่เหลือเข้าสู่ร่างกายของตัวเองทันที

แต่ก่อนที่เขาจะได้ปักปลายเข็มเข้าที่ต้นขาตามที่ตั้งใจไว้ หูก็ได้ยินเสียงเหมือนมีบางอย่างแตกหักดังมาจากประตูทางเข้าอีกครั้ง จิตของเดวิดนั้นตวัดคิดไปตามสัญชาตญาณว่าน่าจะเป็นชายผมขาวย้อนกลับมา ทำให้เขาตะโกนออกไปอย่างกราดเกรี้ยว “แกยังมีหน้ากลับมาอีกหรือยังไง? ตาแก่บ้า!”

.................

‘เจสัน’ ดูอึ้งไปเล็กน้อย สายตานั้นเต็มไปด้วยความสับสน เพราะที่เบื้องหน้าคือซากปรักหักพังของอาคารแห่งหนึ่ง และประตูที่สามารถนำลงไปสู่ห้องใต้ดินได้ เขาไม่รู้ว่าที่นี่คือสถานที่อะไร และเขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้โผล่มายังสถานที่แห่งนี้ได้?

ไม่เลย! แม้ว่าจะไม่ใช่คนที่ฉลาดปราดเปรื่องมากนัก แต่เจสันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่โง่เง่าจนหลงทางได้ถึงขนาดนี้

ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพอารมณ์ที่ขุ่นมัว ทั้ง ๆ ที่ตนเองเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ของนักเรียน 5 คนที่โผล่เข้าไปที่จุดตกของผู้บุกรุกนั้นพร้อมกัน แต่เขากลับไม่ได้อะไรติดมือกลับมาเลยแม้แต่อย่างเดียว

ที่แย่ไปกว่านั้น เจสันและนักเรียนอีก 3 คนยังโดนหลอกจากเจ้าคนที่ดูธรรมดาอ่อนแอมากที่สุด เขาไม่รู้ว่าเจ้านั่นทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่คว้าศพนั้นหนีหายไปได้ เจสันรู้สึกผิดหวังในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เขารู้ตัวช้าเกินไป ทำให้เป็นคนที่กระโจนกลับลงมายังจุดตกที่แท้จริงเป็นคนสุดท้าย

และนั่นทำให้ความหวังทุกอย่างสูญสลายไปอย่างสิ้นเชิง เจสันรู้ว่าตนเองไม่มีทางตามไปเอาของมีค่ามาจากเธอคนนั้นได้ทันแน่ เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แต่ไม่ใช่คนที่มีความเร็วสูง! ทั้งทักษะการเสริมสร้างร่างกาย และทักษะการต่อสู้ที่เขาฝึก มันมุ่งเน้นที่การเพิ่มความแข็งแกร่งเท่านั้น เจสันไม่ได้ฝึกฝนทักษะการเคลื่อนไหวที่จะช่วยเพิ่มความเร็วของตนเองเลย

หลังจากที่ตัดใจได้แล้ว ในสภาพที่จิตตกและหดหู่เป็นอย่างหนัก เขาตัดสินใจมุ่งหน้ากลับไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่ตัวเองใช้เป็นฐานที่มั่นในการแข่งขันครั้งนี้ แต่กลับพบว่าตัวเองโผล่ขึ้นมาที่นี่ได้ยังไงไม่รู้ มันไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยแน่ ๆ สิ่งที่ทำให้เจสันแปลกใจเป็นอย่างมากก็คือ ลูกศรโฮโลแกรมนำทางยังชี้ลงไปที่ประตูของห้องใต้ดินนั้นอย่างแน่วแน่ มันเกิดบ้าอะไรขึ้น!?

“อืม? แคลร์! เธอแน่ใจนะว่าไม่มีอะไรผิดพลาดน่ะ?” เจสันเอ่ยถาม AI ของตัวเองอย่างสงสัย

“ต้องขออภัยด้วยเจสัน ฉันคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบนำทางจริง ๆ มันน่าจะถูกรบกวนจากรังสีที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ” เสียง AI ที่อยู่ในโทนเสียงของผู้หญิงดังออกมา ดูเหมือนว่ามันจะมีการพัฒนาบุคลิกภาพแล้วเช่นกัน เพราะเสียงที่เปล่งออกมามีความกังวลใจแฝงอยู่ในนั้นอย่างชัดเจน

“อืม? ไม่เป็นไร แล้วเธอซ่อมมันให้กลับมาทำงานปกติได้มั้ย?” ปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่มือของเจสันยกขึ้นเกาหัวตัวเองแกรก ๆ แล้ว

“บางทีฉันอาจจะต้องลองรีเซ็ตระบบนำทางดูก่อน อาจจะต้องทำการเชื่อมต่อกับระบบใหม่ ถ้าร้ายแรงที่สุด ฉันอาจจะต้องรีบูทตัวเองใหม่อีกครั้งก็ได้ ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการดำเนินการระยะเวลาหนึ่ง”

“ทำสิ่งที่คิดว่าต้องทำได้เลย! แต่เธอคำนวณได้มั้ยว่ามันจะต้องใช้เวลาแค่ไหน?” เจสันอนุญาต แต่ยังถามระยะเวลาที่แน่นอนออกไป

“ไม่น่าจะเกิน 10 นาที” แคลร์ตอบกลับมา

“ดี! 10 นาทีน่าจะพอให้ฉันสำรวจเจ้าห้องใต้ดินที่อยู่ตรงหน้านี่ได้เสร็จพอดี” เจสันปรบมืออย่างพอใจ ก่อนจะกล่าวถามออกมาอีก

“ฉันยังใช้ไฟฉุกเฉินได้อยู่ใช่มั้ย?”

“ได้! มันไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบสั่งการหลักอยู่แล้ว” AI ของเขาตอบกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับแสงสว่างที่นุ่มนวลถูกเปิดขึ้นในทันที

เมื่อทุกอย่างดูพร้อมแล้ว เจสันก็ยื่นมือออกไปที่มือจับตรงประตูของห้องใต้ดิน ก่อนจะออกแรงดึงเพื่อให้มันเปิดออกทันที และเป็นตอนนั้นเอง ที่เข้าได้ยินเสียงตวาดอย่างโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากด้านใน “แกยังมีหน้ากลับมาอีกหรือยังไง? ตาแก่บ้า!”

และนั่นทำให้เขาสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ มือของเจสันปล่อยออกจากมือจับอย่างอัตโนมัติ ตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ เขาไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ในห้องใต้ดินแห่งนี้เลย เสียงที่เกิดขึ้นแทบจะทำให้สติของเจสันแตกกระเจิง

แต่หลังจากที่ถอยหลังออกมาสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เขาก็ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด เสียงนั่นมันคุ้นเคยแบบแปลก ๆ จนในที่สุดแววตาของเจสันก็กลายเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างรุนแรง

เขากระชากประตูนั้นให้เปิดออกและพุ่งเข้าไปในห้องใต้ดินด้วยความโกรธจัด ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เจสันก็สามารถพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่กลางห้องใต้ดินขนาดใหญ่ได้แล้ว แต่หลังจากที่กวาดตามองไปรอบห้อง ก็ไม่พบกับสัญญาณของสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่เลยแม้แต่ตัวเดียว

“แคลร์! เพิ่มแสงสว่างให้มากขึ้นอีก” เขาสั่งการออกไปอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงนั้นแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“รับทราบ”

แสงถูกสาดกระจายออกมาจนสว่างจ้าไปทั่วทั้งห้อง แต่หลังจากกวาดตามองอย่างละเอียดอีกครั้ง เจสันก็ยังไม่พบว่ามีใคร หรือตัวอะไรซ่อนอยู่ที่นี่เลย เขาเริ่มมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว ตัวเริ่มสั่นน้อย ๆ ด้วยความกลัว

“แคลร์ ฉันได้ยินเสียงคนดังออกมาจากที่นี่ เธอก็ได้ยินใช่มั้ย?” เจสันเอ่ยถามออกมาอย่างลังเล แต่เขาไม่คิดว่าผีจะมีอยู่จริงเลยแม้แต่น้อย??

“ใช่! มีเสียงของมนุษย์ดังออกมาจากที่นี่จริง ๆ และจากการตรวจสอบ เสียงที่ดังออกมามีโอกาส 99.9 เปอร์เซ็นต์ ที่จะเป็นเสียงของคน ๆ เดียวกันกับคนที่หลอกลวงนายก่อนหน้านี้ ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นยังซ่อนอยู่ในห้องนี้แน่...” เสียงของแคลร์ตอบกลับมาอย่างเรียบเฉย แต่คำตอบของเธอเหมือนจะตรงกับความคิดของเจสันเป็นที่สุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด