ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 191 - การหลอกลวง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 193 - เจสัน

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 192 - บุคคลลึกลับ


เดวิดใช้เวลาเกือบ 20 นาทีเพื่อเสาะหาสถานที่ปลอดภัย เขาโชคดีที่เจอห้องใต้ดินที่ยังสมบูรณ์ซ่อนอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคารแห่งหนึ่ง มันเป็นโชคล้วน ๆ จริง ๆ

หลังจากที่พาตัวลงไปอยู่ด้านในห้องใต้ดินได้แล้ว เดวิดรีบปิดประตูทางเข้าอย่างว่องไว และรีบสั่งให้เฮเซลปิดไฟฉุกเฉินที่เธอเปิดขึ้นโดยไม่ได้สั่งทันที

“เฮเซล! ปิดไฟเสีย สภาพของฉันตอนนี้ไม่อยากให้มีความเสี่ยงอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ถ้าเกิดมีแสงสว่างหลุดออกไปข้างนอกได้ มันอาจจะดึงดูดความสนใจขึ้นมาโดยไม่จำเป็น” ระหว่างที่กล่าวเตือน เดวิดก็เดินหามุมที่จะใช้เป็นจุดทำสมาธิรักษาตัวไปเรื่อย ๆ

เขายังคงมีพลังเหลือพอที่จะกระตุ้นทักษะพิเศษการมองเห็นในความมืดได้ เดวิดไม่ต้องใช้แสงอะไรช่วยนำทางเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่มุ่งหน้าผ่านทางเดินแคบ ๆ มาได้ เดวิดก็พบว่าตรงหน้าเป็นห้องใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ไม่น้อยทีเดียว และสภาพของมันคล้ายกับเป็นห้องเก็บเครื่องมือหรือเครื่องจักรกลอะไรสักอย่าง แต่เครื่องจักรโลหะที่วางอยู่ทั่วไปในห้องนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถระบุชื่อได้เลย บางทีอาจจะเป็นเพียงห้องเก็บอะไหล่หรือเครื่องจักรที่ปลดระวางแล้วก็ได้ เพราะสภาพของพวกมันนั้นมีสนิมเกรอะกรัง และมีชิ้นส่วนที่แตกหักเสียหายวางอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบนัก

หลังจากที่ลากเท้าตัวเองเข้าไปในห้องว่างเล็ก ๆ ที่ไม่มีประตูห้องหนึ่งได้ เดวิดก็ถอนหายใจยาวออกมา เขาเริ่มที่จะหมดแรงจริง ๆ แล้ว อาการบาดเจ็บที่ใช้พลังระงับเอาไว้พร้อมที่จะกำเริบได้ทุกเมื่อ ถ้าเขาไม่รีบรักษาตัวเองให้ดี ผลกระทบระยะยาวไม่น่าจะเล็กน้อยแน่ ๆ

เดวิดทิ้งตัวลงนั่งพิงผนังห้อง ใช้มือตบแมงมุมตัวหนึ่งที่เกาะอยู่แถวนั้นจนตายคามือด้วยความรำคาญ และหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองออกมารื้อค้นทันที หลังจากเสียเวลากับมันอยู่สักพัก เดวิดก็ตัดสินใจหยิบลูกแก้วจีโนมขึ้นมา 2-3 ลูก พร้อมกับหยิบแก่นพันธุกรรมติดมือขึ้นมาดูด้วย

อย่างไม่มีความลังเล เขาโยนลูกแก้วจีโนมที่มีขนาดเล็กที่สุดเข้าปากโดยตรง และใช้ฟันขบให้มันแตกเพื่อกลืนของเหลวจีโนที่อยู่ในนั้นลงไปในท้อง ส่วนสายตานั้นจับจ้องมองอยู่ที่แก่นพันธุกรรม

มันยั่วยวนและกระตุ้นความรู้สึกของเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่เดวิดรู้ดีว่าเขาไม่สามารถดูดซับมันเข้าไปได้ในตอนนี้ ไม่มีทางเลย! ต่อให้ทักษะการเสริมสร้างร่างกายของเขา เพลิงไร้ลักษณ์จะมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากในการกำจัดผลข้างเคียงจากการดูดซับของเหลวจีโนม แต่มันก็ได้ผลดีเฉพาะกับที่มาจากลูกแก้วจีโนมเท่านั้น เขาไม่มั่นใจว่ามันจะได้ผลกับแก่นพันธุกรรมด้วยหรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขามีทักษะพิเศษติดตัวอยู่ 2 ชนิด ‘แหวกธรณี’ กับ ‘การมองเห็นในความมืด’ ซึ่งมันก็แทบจะใช้ศักยภาพของเซลล์พันธุกรรมของเขาไปอย่างเกินตัวแล้ว ไม่สิ!  สำหรับสไปรเยอร์ธรรมดาทั่ว ๆ ไปต้องเรียกว่าเกินตัวแล้วต่างหาก แต่สำหรับเดวิด การที่สามารถรองรับทักษะพิเศษได้ถึง 2 ชนิดตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นเฟสเซอร์ ถือว่าเป็นความโชคดีเป็นอย่างยิ่ง

หรืออาจจะเรียกว่าเขาเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงมากก็ได้ ศักยภาพทางพันธุกรรมของเดวิดน่าจะสูงมาก แม้จะผ่านการกระตุ้นมาแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น มันสามารถรองรับการกลายเปลี่ยนแปลงลำดับเบสได้มากกว่าปกติไม่น้อยเลยทีเดียว ‘การมองเห็นในความมืด’ นั้นไม่ใช่ความสามารถพิเศษที่ต้องปรับเปลี่ยนลำดับเบสอะไรมากมายนัก มันใช้ศักยภาพที่เพิ่มขึ้นไปเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ ‘แหวกธรณี’ นั้นแทบจะไม่ต่างจากการดัดแปลงพันธุกรรมของเฟสเซอร์เลยด้วยซ้ำ เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของศักยภาพทางพันธุกรรมที่เดวิดมี หมดไปกับการจัดเรียงตัวเบสใหม่ให้ใช้ทักษะพิเศษนี้ได้

ครืด!!

เดวิดรีบเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าเป้ หูของเขาได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดปิดประตูทางลงห้องใต้ดินแห่งนี้ มันอาจจะเป็นเพียงแค่เสียงลมพัดก็ได้ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ เดวิดไม่สามารถรับความเสี่ยงจากเหตุสุดวิสัยอะไรได้อีก เขาเลือกที่จะซ่อนตัวเอาไว้ก่อนทันที

หลังจากเลือกมุมผนังที่เป็นมุมอับสายตาได้แห่งหนึ่งแล้ว เดวิดก็ถอยหลังให้แบบชิดกับผนังที่ก่อขึ้นมาจากปูนและทราย ใช้ทักษะแหวกธรณีออกมาอย่างเงียบกริบ ฝังตัวเองลึกเข้าไปในผนังจนเกือบมิด เหลือเพียงช่องจมูกเอาไว้หายใจเท่านั้น สายตาของเขาจับจ้องไปที่ช่องทางเดินเขม็ง มันเป็นทางเดียวที่จะเข้ามาถึงห้องใต้ดินแห่งนี้ได้ ถ้ามีผู้บุกรุกเข้ามา ก็ต้องโผล่ออกมาตรงนี้แน่นอน

แค่เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ชายคนหนึ่งในชุดรัดกุมและปกปิดหน้าตาอย่างมิดชิดก็เดินผ่านเข้ามาจริง ๆ

แม้ว่าจะคาดเอาไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาจริง ๆ เดวิดก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เขารีบบังคับให้ลมหายใจของตัวเองเบาลงจนถึงที่สุด เดวิดไม่ต้องการให้มีเสียงอะไรดึงดูดความสนใจของผู้ที่เพิ่งเข้ามาทั้งสิ้น สภาพของเขาในตอนนี้เหมือนกับไม่ได้หายใจเข้าออกเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่ดูเหมือนว่ามันจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะหลังจากที่ชายคนนั้นกวาดตามองไปทั่วห้อง สายตาของเขาก็หยุดเพื่อจ้องมายังทิศทางที่เดวิดแอบซ่อนตัวอยู่อย่างแม่นยำ

นั่นทำให้เขาหัวใจแทบจะหยุดเต้น ในหัวรีบคิดหาวิธีการเคลื่อนไหวต่อไปอย่างเร่งด่วนทันที

แล้วเดวิดก็อึ้งจนไม่สามารถคิดอะไรต่อไปอีกได้ เพราะเสียงที่ดังออกจากปากของชายคนนั้นมันคุ้นหูเขาเป็นอย่างยิ่ง

“เอาล่ะ! ฉันไม่มีเวลามาเล่นซ่อนหาด้วยหรอกนะ ที่เสี่ยงลงมาที่นี่ก็เพื่อจะเอาของพวกนี้มาให้” เข็มฉีดยา 2 เข็มถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าบริเวณเอวของเขา ก่อนจะโยนมันลงพื้นไปอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก

“ฉันเป็นคนเปิดโอกาสให้ผู้บุกรุกคนนั้นสามารถโจมตีเธอได้ครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการทดสอบความสามารถ และเธอก็ผ่านมันมาได้อย่างน่าประหลาดใจ แน่นอนว่าฉันพอใจมาก! แม้ว่าจะยังลังเลอยู่บ้าง แต่ถ้าเธอปรับปรุงนิสัยของตัวเอง ฉันก็น่าจะรับเธอเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวได้” เสียงของเขาเริ่มเข้มต่ำลงเมื่อพูดถึงตอนนี้ มันมีทั้งความอับอายและความโกรธแฝงอยู่ในนั้น

“เอาล่ะ ฉันต้องรีบกลับไปก่อนที่จะมีใครจับได้” เงาดำนั้นชี้ลงไปที่พื้นอีกครั้ง

“2 หลอดนี้เป็นเซรั่มฟื้นฟูฉุกเฉิน วิธีใช้ก็แค่ฉีดมันเข้าไปในเส้นเลือด อาการบาดเจ็บของเธอน่าจะรักษาให้หายขาดได้อย่างสมบูรณ์” หลังจากกล่าวทุกอย่างออกมาจบแล้ว เขาก็หมุนตัวเดินกลับออกไปทันที

เดวิดต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่จะเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นคืออะไร และเขาก็ตะโกนลั่นขึ้นมาทันทีที่จับใจความสำคัญทั้งหมดได้

“ตาแก่บ้า! ทำไมฉันถึงได้นึกไม่ออกนะว่าต้องเป็นฝีมือแกแน่ ๆ!” ร่างของเขาทะลึ่งพรวดออกมาจากกำแพง ส่งผลให้ทรายที่ปกคลุมอยู่ทั่วตัวล่วงกราวลงมา เขาไม่ใด้ใช้ทักษะแหวกธรณีเพื่อออกมาด้วยซ้ำ เดวิดใช้แรงการพุ่งออกมาด้วยความโมโหเป็นอย่างมากโดยตรงเลย เขาจำได้แล้วว่าเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหน ห้องทดลองพลังงาน และก็ห้องประชุมใหญ่นั่น เจ้าแก่นี่คือศาสตราจารย์อาวุโสไวท์คนนั้นนั่นเอง

และศาสตราจารย์ผมสีขาวคนนั้นเพิ่งจะเดินกลับไปถึงทางเข้าเท่านั้น เขายังได้ยินสิ่งที่เดวิดตะโกนออกมาอยู่เต็ม 2 หูของตัวเอง ตัวของเขาสั่นเทาอย่างหนักด้วยความโกรธ ถ้าไม่กลัวเสียหน้าเพราะถูกจับได้ว่าลงมาแทรกแซงการแข่งขันของนักเรียน เขาคงจะพุ่งกลับเข้าไปจัดการกับเดวิดอย่างสาสมไปแล้ว แต่เพื่อปิดบังร่องรอยทั้งหมดเอาไว้ ชายผมขาวได้แต่อดกลั้นเอาไว้เท่านั้น

เขาหายใจยาวและลึกเป็นอย่างมาก เอื้อมมือออกไปเปิดประตูเพื่อจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ก่อนที่เสียงแค่นเยาะเย้ยของเดวิดจะดังมาเข้าหูอีกครั้ง

“ใครจะอยากเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวของตาแก่บ้า ๆ คนหนึ่งกัน แค่ความแก่ของตัวเองยังยอมรับไม่ได้เลย”

นั่นทำให้ใบหน้าของศาสตราจารย์วัยกลางคนที่มีผมเป็นสีขาวทั่วไปหมดทั้งหัวบิดเบี้ยวอย่างหนักอีกครั้ง ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่ดูดุร้ายและเจ้าเล่ห์ เหมือนกับว่าเขาเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ไม่มีผิด

ก่อนที่เขาจะหายลับตาไปกับความมืดมิด รอยยิ้มสุดท้ายของเขานั้นดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งทีเดียว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด