ตอนที่แล้วบทที่ 37: สรวงสวรรค์ย่านฮาร์เลม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39: ว่าจ้าง

บทที่ 38: คอตตอนเมาธ์


[พรุ่งนี้ลง 3 ตอนนะครับ หรืออาจมากกว่านั้น]

บทที่ 38: คอตตอนเมาธ์

"อึก.."

ได้แต่กลืนน้ำลายที่ไหลอยู่ท่วมปาก...

ชาเมคเดินอย่างระมัดระวังไปที่ชั้นสองของสรวงสวรรค์ฮาร์เลม ผ่านแสงไฟสลัวของไนท์คลับ

"เชี่ย นี่แหละคือสรวงสวรรค์ฮาร์เลม นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ!" ชาเมคไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาขณะที่เขาคลายความกังวลพลางมองลงไปที่ชั้นหนึ่งจากระเบียงของชั้นสอง

ด้วยความตื่นเต้น เขายังคงเดินเข้าไปข้างใน เมื่อยืนอยู่บนชั้นสอง เขาก็พบชายหลายคนแต่งตัวเป็นบอดี้การ์ด มันทำให้ชาเมครู้สึกกลัวพอสมควร โชคดีที่เขาไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนพวกนั้น ตามทางเดินบนชั้นสอง ชาเมคได้มาถึงสถานที่ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นสำนักงาน

มาร์ตินที่เขาเคยเห็นก็อยู่ในห้องนี้

“ฉันไม่ชอบการพูดจาอ้อมค้อม บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น?”

คอร์เนลถามพร้อมกับมองไปยังมาร์ตินและคนอื่นๆ ที่มีผ้าพันแผลติดเต็มทั่วร่างกายของพวกเขา ด้านหลังของเขามีโปสเตอร์ขนาดใหญ่ที่เขียนว่า 'โนทอเรียสบีไอจี'

"เราได้พบกับชายคนหนึ่งที่..."

"หา!" ขณะที่ยื่นมือออกไปขัดจังหวะมาร์ตินที่กำลังอธิบาย คอร์เนลก็หันไปมองมงกุฎที่สะดุดตาบนโปสเตอร์ 'โนทอเรียสบีไอจี' ที่อยู่ข้างหลังเขา "ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวหรือคำอธิบาย ฉันจ่ายเงินให้พวกแกทำงานให้ฉัน ไม่ใช่มาฟังแกคร่ำครวญเหมือนกะหรี่"

"เป็นผู้ชายเอเชียสวมเสื้อกันฝนสีแดงและรองเท้าผ้าใบโทรมๆ ครับ"

คอร์เนลเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัวและมองไปทางมาร์ตินที่รูปร่างสูงใหญ่ "แล้วไอ้หมอนั้นคนเดียวทุบตีแกและคนของแกเหรอ?"

“เขาแข็งแกร่งมากครับ เขาส่งผมบินด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว”

คอร์เนลนั่งลงบนเก้าอี้และเงียบไปครึ่งวินาที ก่อนจะพูดว่า "เตะเหรอ?"

"เราพบหนูครับ"

ในขณะนี้เอง ประตูห้องทำงานก็ได้ถูกเปิดออก บอดี้การ์ดคนหนึ่งลากตัวชาเมคเข้ามาก

มาร์ติน: "ชาเมค?"

คอร์เนล: “แกรู้จักมันเหรอ?”

มาร์ติน: "ไม่ครับ เราไม่ได้สนิทกัน"

คอร์เนลมองไปที่ชาเมคและโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย "งั้นบอกมาสิไอ้หนู แกมาทำอะไรที่หน้าห้องทำงานของฉัน?"

“ผมแค่เดินดูรอบๆ เท่านั้นเองครับ ผมเป็นเพื่อนของดันเต้ ผมอยู่ฝั่งคุณ”

เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองของคอร์เนล ชาเมคได้แต่กลืนน้ำลายลงไป

“ไอ้หนู โชคร้ายหน่อยนะ โลกใบนี้มันก็มีบางที่ที่ไม่อาจจะเดินเล่นไปมาได้ โดยเฉพาะที่ของฉัน” เมื่อเห็นบอดี้การ์ดกำลังเอื้อมมือหยิบอะไรบางอย่าง ชาเมคก็หันกลับไปมองมาร์ตินและคนอื่นๆ

"ด-เดี๋ยวก่อนครับ! ผมรู้ว่าผู้ชายเอเชียคนนั้นเป็นใคร! วันนี้ผมเห็นเขา!"

เมื่อคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ชาเมคก็รีบดิ้นรนและตะโกนเพื่อหลุดออกมาจากมือของบอดี้การ์ด

“หยุด”

คอร์เนลยกมือขึ้นเพื่อหยุดบอดี้การ์ดและมองไปทางชาเมค

“บอกฉันมาว่าเขาเป็นใคร?”

  ...

"มีห้องเล็กๆ อยู่บนชั้นสามของร้านอาหาร เดิมทีมันเป็นห้องเก็บของ แต่ตอนนี้เธอสามารถใช้มันเป็นห้องนอนของเธอได้แล้ว "

เมื่อยามราตรีมาเยือน ที่ร้านอาหารจีนก็กำลังจะปิดร้านพอดิบพอดี...

คุณนายคอนนี่คุยกับไรอันที่กำลังทำความสะอาดห้องครัว

“ถ้าเป็นไปได้ในช่วงกลางคืนก็อยู่แต่ในห้อง ย่านฮาร์เล็มไม่ค่อยปลอดภัย โดยเฉพาะตอนดึกๆ คนจรจัดและคนไม่มีงานทำจำนวนมากชอบเดินเตร็ดเตร่ไปตามถนน พวกเขาคงมาหาเรื่องคนอย่างเธอแน่”

คุณนายคอนนี่แนะนำไรอันด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดพร้อมกับกล่าวคำพูดสองสามคำ

"การอยู่ต่างประเทศตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมาที่อเมริกา แต่ในเมื่อเธอทำงานที่นี่แล้ว อย่างน้อยก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ ถึงเงินเดือนจากร้านอาหารจะไม่มาก แต่อย่างน้อยก็คงสามารถรับประกันอาหารสามมื้อต่อวันของเธอได้"

“ขอบคุณครับ”

ถึงไรอันจะไม่ได้ตั้งใจทำงานในร้านอาหารจีนนานขนาดนั้น แต่ความมีน้ำใจของคุณนายคอนนี่ก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเล็กน้อย

ปัง--

ทว่าช่วงเวลาที่อบอุ่นนั้นอยู่ได้ไม่นานนัก ในไม่ช้า ก็มีเสียงเคาะประตูและนักเลงผิวดำหลายคนที่มีไม้เบสบอลได้บุกเข้ามา

"ขอโทษนะ เรา..."

เมื่อเห็นผู้ชายสองคนบุกเข้ามา ไรอันกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ถูกคุณนายคอนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาดึงกลับมา

“มีเรื่องอะไรเหรอ?”

ในห้องครัว ชายเจ้าของร้านอาหารจีนที่เป็นชายวัยกลางคน มีผมสีเข้มและผิวสีเหลืองได้เดินออกมา

เพล้ง--

ไม้เบสบอลได้ทำให้ขวดเซรามิกที่วางไว้ภายในร้านแตกเป็นเสี่ยงๆ ชายผิวดำที่เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้นำได้มองไปที่คนทั้งสามภายในร้านอาหารจีน และถามด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า "พวกแกอยู่ในประเทศนี้มานานแค่ไหนแล้ว? นี่พวกแกพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่าวะ?"

"ภาษาอังกฤษของฉันไม่มีอะไรผิดปกติสักหน่อย"

เมื่อเผชิญหน้ากับอันธพาลที่ก้าวร้าว ชายคนนั้นก็ปกป้องภรรยาของเขาที่อยู่ข้างหลังและได้กล่าวตอบกลับไป

"คอร์เนล สโตกส์กับมาเรีย ดิลลาร์ดบอกว่าพวกแกต้องบริจาคเงินเพื่อสร้างฮาร์เลมใหม่ ถ้าส่งเงินมา พวกเราถึงจะไปกัน"

ไรอันที่อยู่ด้านข้างก็เข้าใจสถานการณ์แล้ว เห็นได้ชัดว่าอันธพาลพวกนี้มาบุกรุกเพื่อเก็บค่าที่

ดูเหมือนความปลอดภัยในย่านฮาร์เลมก็แทบจะไม่ต่างจากย่านเฮลคิทเช่นเลย

เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามจากอันธพาล เจ้าของร้านอาหารจีนที่ถึงแม้จะกลัว แต่ก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่า "ร้านอาหารนี้เป็นของฉัน พ่อของฉันทำงานอย่างหนักเพื่อซื้อตึกนี้มา บอกคอร์เนล สโตกส์และมาเรีย ดิลลาร์ดว่าฉันจะไม่ให้เงินสักแดงเดียว เราจะไม่โหวตให้มาเรีย ดิลลาร์ดเด็ดขาด ถ้าเธอยังทำเรื่องแบบนี้อีก"

“ดูเหมือนว่าแกจะไม่มีสมองเลยนะไอ้แก่”

เมื่อได้ยินเจ้าของร้านปฏิเสธ พวกอันธพาลก็เริ่มรู้สึกโกรธ คนที่เป็นผู้นำได้ยกไม้เบสบอลขึ้นและเล็งไปที่เจ้าของร้านพร้อมกับพูดออกมาว่า "ฉันไม่ใช่พวกหาเรื่องคนแก่หรอกนะโว้ย ให้เงินมาตอนที่ฉันยังพูดดีๆ อยู่ เข้าใจไหม?"

"ฉันคิดว่าพวกเขาพูดชัดเจนพอแล้วนะ"

หลังจากเฝ้ามองอยู่ด้านข้างมาเป็นเวลานาน ก็ถึงเวลาที่ไรอันจะปรากฏตัว

"อาซิง!"

เมื่อได้ยินคำพูดของไรอัน คุณนายคอนนี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รีบตะโกนเพื่อพยายามห้ามเขา

แต่เห็นได้ชัดว่าพวกอันธพาลสองสามคนเริ่มสังเกตเห็นไรอันกันแล้ว

“แกพูดว่าอะไรนะ?” เมื่อเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในชายผิวดำก็วางไม้เบสบอลลงบนไหล่ของเขาและเผชิญหน้ากับไรอัน "ไหนลองพูดอีกครั้งสิ"

“ฉันบอกว่าพวกเขาบอกไปแล้วว่า...” หลังจากมองไม้เบสบอลที่อยู่หลังศีรษะของชายผิวดำอย่างเงียบๆ ไรอันก็ยังคงตอบด้วยใบหน้าตรงไปตรงมา

ทว่าก่อนที่ไรอันจะพูดซ้ำ ชายผิวดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็เปลี่ยนสีหน้าและโบกไม้เบสบอลไปทางไรอัน

 

 

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด