ตอนที่แล้วนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 45
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 47

นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 46


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 46

ราอนพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมกับแทงดาบออกไป ดาบที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงวาดผ่านอากาศที่เยือกเย็น

ปึ่ก!

เสียงสะท้อนของออร่าหลังจากที่ดาบได้ทุบลงบนพื้นดินของลานฝึกซ้อมจนดินแตกกระจายออกเหลือรอยดาบชัดเจน

นี่คือเทคนิคการใช้ดาบที่ใช้ซุ่มโจมตี มันถูกประยุกต์มาจากวิชาดาบรวมดาวและจังหวะสายน้ำ

'ไม่เลวเลย’

ราอนพยักหน้าและเก็บดาบกลับเข้าฝัก มันเป็นท่าที่ไม่ว่าใครก็คงยากที่จะป้องกันเอาไว้ได้ เพราะมันมีทั้งพลังและความเร็วที่ยอดเยี่ยม

'มันไม่ได้มีดีแค่นั้นนะ'

มันเป็นการโจมตีที่สามารถใช้ในตอนไหนหรือสถานที่แบบไหนก็ได้

ในเมื่อนิสัยของเขาในสมัยที่เป็นนักลอบสังหารยังคงเหลืออยู่ ทำให้เขาหยุดคิดค้นท่าทางที่เป็นการซุ่มโจมตีไม่ได้

เขาหันหน้ากลับไปหลังได้ยินเสียงฮึมฮัมและได้เจอกับรูนัน รูนันกำลังจ้องมองดาบของเธอด้วยสายตาว่างเปล่า

แต่ภายใต้ดวงตาอันว่างเปล่าของเธอนั้นกลับมีประกายเล็กน้อย ดูเหมือนเธอจะกำลังคาดหวังอะไรบางอย่าง เธอคงอยากให้เขาไปช่วยสอนเทคนิคใหม่ให้เธอ

"ย๊า!”

รูนันเตะตัวออกจากพื้นดินแล้วแทงดาบของเธอขึ้นไปในอากาศ เธอกำลังเลียนแบบเขา

เพียงแต่ว่าเธอคัดลอกท่าทางของเขามาโดยไม่ได้ใส่พลัง ความเร็วหรือหลักการใดๆของมันเลย แต่ราอนคิดว่าท่าทางของเธอในครั้งแรกนี้ก็ไม่ได้แย่นัก

"มันถูกมั้ย?"

รูนันตวัดดาบของเธออีกสองสามครั้งแล้วหันมาเอียงหน้ามองหน้าราอนเพื่อถามว่ามันถูกต้องหรือไม่

"เฮ้อ...เธอต้องกางขาอีกหน่อย แบบนี้..."

ราอนนึกถึงตอนที่เธอเกือบฆ่าคนในการประลองขึ้นมาได้ แล้วราอนช่วยเธอแก้ไขท่าทางเล็กน้อย

วูม!

ตอนนี้ท่าทางของรูนันเกือบจะถูกต้องทั้งหมดแล้ว แต่ก็มีลมเย็นๆพัดมาจากกำแพงของสนามฝึกเสียก่อน ในที่สุดริมเมอร์ก็มาถึง

ครั้งนี้เขามาถึงแบบตรงเวลาพอดีเขาเลยเข้ามาโดยการถีบประตูทางเข้าจนเปิดออก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขามาสายเขาจะกระโดดข้ามกำแพงมาแทน

นี่หมายความว่าสิ้นสุดเวลาของการฝึกซ้อมตามตารางแล้ว

“อะแฮ่ม!”

ริมเมอร์ขึ้นไปนั่งที่ขอบของเวทีและมองลงมาที่เด็กๆ

"อาจารย์สายสิบนาที..."

"การฝึกวันนี้ก็ทำได้ดีมาก!"

ริมเมอร์ไม่สนใจคำพูดของเบอร์เรน

"...สิบนาทีนี่มันแกว่งดาบได้เป็นหมื่นครั้งเลยนะครับ"

"ฮะ? อย่ามาเว่อร์ไปหน่อยเลย! อุ๊บ!"

ริมเมอร์ขมวดคิ้วรีบยกมือปิดปากหลังจากเผลอตอบกลับคำพูดไร้สาระของเบอร์เรน ดูเหมือนเขาจะเผลอตกหลุมพรางของเด็กตรงหน้าซะแล้ว

"อะแฮ่ม ยังไงก็ตามวันนี้ฉันมีสองเรื่องที่จะบอกพวกเธอ เรื่องแรกคือเรื่องสนามฝึกที่หก"

"สนามฝึกที่หก?”

"ทำไมเหรอครับ?"

"ที่ที่คนที่สอบตกรอบแรกไปฝึกอยู่ใช่มั้ย?"

ผู้เข้าร่วมการฝึกฝนกำลังสงสัยว่าทำไมเขาถึงพูดถึงสนามฝึกที่หกที่มีเด็กที่สอบตกในรอบแรกไปอยู่ที่นั่น

"ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่พอใจที่ทูตจากอาณาจักรโอเว่นดูหมิ่นพวกเขาและมาประลองกับพวกเราในสนามฝึกที่ห้า ตอนนี้พวกเขาเลยฝึกกันอย่างหนักจนเลือดตาแทบกระเด็นแล้วเพื่อที่จะตามเราให้ทัน"

ริมเมอร์ยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับเด็กของสนามฝึกที่หก

"เด็กจากทั้งสายตรงและสายรองที่ออกจากการฝึกฝนกลางคันเพราะอาการบาดเจ็บก็ได้กลับเข้าไปเข้าร่วมกับพวกเขาแล้ว และคงกำลังฝึกฝนโดยใช้วิธีที่ลำบากที่สุด แต่ถึงอย่างไรพวกเธอก็ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้หรอก แค่ตั้งใจฝึกฝนในทุกๆวินาทีละกันแล้วพวกเขาจะได้ตามพวกเธอมาไม่ทัน"

"ครับ/ค่ะ"

"เอ๋..."

"แต่จริงๆยังไงพวกเขาก็ตามไม่ทันอยู่แล้วแหละ"

เด็กฝึกหัดทำหน้างอ พวกเขาสร้างช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเด็กวัยเดียวกันไปแล้ว พวกเขาเลยไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเด็กจากสนามฝึกที่หก

“ฮ่าๆ”

ริมเมอร์พยักหน้า เขาได้คาดเดาปฏิกิริยาแบบนี้เอาไว้แล้ว และเขาก็เตรียมตัวจะบอกข่าวเรื่องต่อไป

"แล้วก็สัปดาห์หน้าเราจะมีการฝึกซ้อมพิเศษ"

“ม-มันคืออะไรเหรอครับ?”

ดอเรียนคนขี้กลัวเริ่มตัวสั่นเทา

"การฝึกพิเศษเหรอ..."

"อะไรเนี่ย? ยังเหลืออะไรให้ทำอีกเหรอ?"

ริมเมอร์ชอบทำอะไรแผลงๆ อยู่ตลอด นั่นทำให้เหล่าเด็กฝึกหัดรู้สึกไม่สบายใจกันเป็นอย่างมาก

"แน่นอนว่า...ความลับ"

“อ๊า…”

"อาจารย์ครับ! อย่างน้อยอาจารย์ก็ควรบอกหน่อยไหมครับว่าเป็นการฝึกประเภทไหน พวกเราจะได้เตรียมตัวได้ถูก"

เบอร์เรนยกมือขึ้นถามและพยายามจะเค้นข้อมูลมาจากริมเมอร์ แต่แน่นอนว่าริมเมอร์ไม่มีทางหลงกลเขาอีก

"บอกไปก็ไม่สนุกสิ พวกเธอไม่ต้องรู้หรอกว่าเป็นอะไรแค่ตั้งใจฝึกฝนไปก็พอ"

“…”

เบอร์เรนยอมรับและลดมือลง

"หรือว่าฉันจะใบ้ให้สักหน่อยดีนะ..."

ริมเมอร์ชูนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

"การต่อสู้ของจริงยังไงล่ะ!"

"การต่อสู้จริงๆ?"

"ไม่จริงหรอกน่า..."

ดวงตาของเหล่าผู้ฝึกฝนเบิกกว้างหลังจากได้ยินคำว่าการต่อสู้ของจริงแทนที่จะเป็นการประลองระหว่างเด็กฝึกหัดเหมือนเคย

"ฉันว่ามันถึงเวลาแล้ว และในเมื่อเธอบอกว่าจะเตรียมตัวงั้นฉันก็ขอพูดอะไรอีกอย่างหนึ่ง"

ความเจ้าเล่ห์ในรอยยิ้มของริมเมอร์เริ่มจะหายไป ตอนนี้รอยยิ้มของเขากลายเป็นรอยยิ้มที่ตึงเครียดและดูน่ากลัวแทน

"พวกเธอจะได้เจอกับการนองเลือดของจริงแล้ว"

***

หลังจากการฝึกฝนจบลง ริมเมอร์ก็ออกจากเขตตระกูลซีกฮาร์ทแล้วตรงไปยังถนนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในชานเมืองฝั่งตะวันตก

เขาเดินไปตามถนนและฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เขาเข้าไปในโรงเหล้าเล็กๆที่มีชื่อว่า'วู้ดเด้นโลตัส'ที่ตั้งอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของถนน

มันเป็นโรงเหล้าที่ภายนอกทรุดโทรมและภายในก็ยุ่งวุ่นวายเป็นอย่างมาก เสียงของคนพูดคุยกันดังไปทั่วทั้งร้านและที่นั่งแทบทุกที่นั่งถูกจับจองไว้แล้ว

ริมเมอร์พยักหน้าและหายใจเอาบรรยากาศอันวุ่นวายเข้าไป จากนั้นก็ตรงไปยังโต๊ะของชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงมุม

"นายมาเร็วนะ"

เขานั่งลงตรงข้ามชายคนนั้นแล้วฉีกยิ้มกว้าง

"ก็นักเวทย์มีเวลาว่างเยอะจะตายไป"

ชายวัยกลางคนคนนี้สวมเสื้อคลุมสีดำ เขาอ่านหนังสือเพื่อรอการมาถึงของริมเมอร์

"ไม่ได้เจอกันนานนะครับ คุณริมเมอร์"

"นายเป็นยังไงบ้าง สหายนักดื่มของฉัน"

"ก็ดี ผมสบายดีแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ"

"สบายจริงนะ ก็ได้เป็นรองหัวหน้าของหอคอยเวทย์มนต์แล้วนี่"

"ฮ่าๆ คุณริมเมอร์เองก็มีเวลาเหลือเฟือไม่ใช่หรือไง? ฉายา'จอมโจรขโมยเงินเดือน'นั่นมันของคุณไม่ใช่เหรอ"

ชายวัยกลางคนยิ้มแย้มและวางหนังสือของเขาลง

"ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่างเลย ฉันคิดถึงตอนที่ได้มาดื่มกับนายแทบแย่"

"ผมได้ยินว่าคุณใช้เวลากับเด็กๆฝึกหัดเยอะมาก แล้วก็ยังดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี"

"ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก"

การต่อบทสนทนาของพวกเขาไหลลื่น ดูเหมือนพวกเขาจะสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างดี

"เวอร์บิน แล้วตอนฉันไม่อยู่นายทำอะไรงั้นเหรอ?"

"ตอนที่คุณริมเมอร์ไม่ได้มาดื่ม ผมก็แค่อ่านหนังสือเหมือนอย่างที่ผมเคยทำ"

ชายที่ชื่อว่าเวอร์บินยกหนังสือขึ้นให้ริมเมอร์ดูเพื่อยืนยัน

"การวิจัยและอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ผมต้องทำในตอนที่อยู่หอคอยเวทมนตร์"

“นั่นก็จริง”

ริมเมอร์พยักหน้าและมองไปที่หนังสือในมือเวอร์บิน

"แล้วทำไมคุณถึงเรียกผมมาในวันนี้ล่ะ? ดูแล้วคงไม่ใช่แค่เรียกให้ผมมาดื่มด้วยกัน”

"ฉันก็มาดื่มนั่นแหละ แต่ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องด้วยน่ะ"

"ขอร้องเหรอครับ?"

"ฉันอยากให้นักเรียนของฉันได้ลองสัมผัสการต่อสู้จริงๆกับพวกมอนสเตอร์สักหน่อย"

"อา..ถ้าอยากนั้นคุณก็สามารถเขียนคำร้องขอมาที่หอคอยเวทมนตร์ได้"

เวอร์บินเอียงหัวอย่างงุนงงเล็กน้อย การให้เด็กฝึกหัดได้ลองต่อสู้กับมอนสเตอร์จริงๆก็เป็นหนึ่งในหลักสูตรการสอนทั่วๆไป ไม่มีเหตุผลเลยที่ริมเมอร์เชิญเขามาถึงที่นี่เพื่อคุยเรื่องนี้

"ฉันอยากจะขอเพิ่มอะไรนิดหน่อยน่ะ"

"แล้วอยากจะเพิ่มอะไรล่ะครับ?"

"คือว่าเด็กๆของฉันค่อนข้างแข็งแกร่งนิดหน่อย...แบบว่าฉันคิดว่ามอนสเตอร์ระดับธรรมดาคงไม่น่าจะพอ"

"อ๋อ ผมได้ยินว่าพวกเขาประลองกับอัศวินฝึกหัดจากอาณาจักรโอเว่นแล้วชนะมาด้วย"

"ใช่แล้ว"

ริมเมอร์ยิ้มอย่างภูมิใจ การที่นักเรียนของเขาได้รับคำชมทำให้อาจารย์อย่างเขาอารมณ์ดีขึ้นอย่างมาก

"ฉันอยากได้มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าปกติ อยากให้เป็นระดับของนักดาบมือใหม่เลย"

"ก็พอเป็นไปได้นะ เมื่อไม่กี่ปีก่อนมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาทำงานที่หอคอยเวทมนตร์และเขาเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเรียกและควบคุมมอนสเตอร์มากๆ เขาถึงขนาดเสกหนอนให้เป็นมังกรได้ด้วยนะ"

"น-นั่นจริงเหรอ?"

"ล้อเล่นน่ะ"

"อ๋า...ฉันจริงจังนะเนี่ย..."

"ฮ่าๆ เขาเสกหนอนให้เป็นมังกรไม่ได้แต่เขาสามารถสร้างออร์คที่เป็นคู่ต้อสู้ที่เหมาะสมสำหรับนักดาบมือใหม่ได้นะ เพียงแต่ว่าถ้าต้องการจำนวนเยอะๆอาจจะต้องรอสักหน่อย เราเร่งทำกันไม่ได้น่ะ"

เวอร์บินบอกว่ามันไม่ใช่งานที่ยาก

"ขอบคุณนะ...แล้วก็มีอีกอย่าง"

"อะไรล่ะ?"

"นายสามารถใช้เวทมนตร์ของนายสร้างภาพหลอนที่ทำให้มองเห็นมอนสเตอร์เป็นมนุษย์ได้มั้ย?”

"นั่นก็เป็นงานง่ายเหมือนกัน พวกเขายังเป็นแค่เด็กทียังไปไม่ถึงระดับเชี่ยวชาญ ใช้แค่อาร์ติแฟกต์สักชิ้นกับเวทย์มนต์นิดหน่อยก็น่าจะพอ"

"เยี่ยม งั้นช่วยฉันหน่อยนะ"

ริมเมอร์ดีดนิ้วและยกแก้วเบียร์บนโต๊ะขึ้นดื่มจนหมด

"แต่มันจะไม่ยากเกินไปเหรอ?... นักเรียนของนายต้องเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งและภาพลวงตาในเวลาเดียวกัน..."

เวอร์บินขมวดคิ้วของเขาและเริ่มกอดรัดแก้วเบียร์ของตัวเอง

"...แล้วมันก็คงยากถ้าพวกเขาต้องสู้กับออร์คที่แข็งแกร่งกว่าปกติ ยิ่งถ้าพวกเขาเห็นมันเป็นคนแล้วก็คงจะไม่กล้าโจมตีแหงๆ"

"สุดยอดดด! นี่แหละรสชาติที่แท้จริงงง"

ริมเมอร์ตะโกนแล้วกระแทกแก้วเบียร์ของเขาลงบนโต๊ะ

"เมื่อกี้นายว่าไงนะ?"

"ผมบอกว่ามันยากไปสำหรับเด็กฝึกหัด มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งก็ยากพอแล้ว แต่นี่คุณจะให้พวกเขาฆ่ามอนสเตอร์ที่พวกเขามองเห็นเป็นคนเนี่ยนะ"

"ไม่เป็นไรหรอกน่า นักเรียนของฉันเป็นระดับนักดาบแล้ว ไม่ใช่เด็กธรรมดาๆซะหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น..."

ริมเมอร์ยกยิ้ม ความคาดหวังและความสุขปรากฏขึ้นในดวงตาสีเขียวเข้มของเขา

"ร่างกายและจิตใจของพวกเขาแข็งแกร่งสุดๆ ไปเลยล่ะ"

* * *

* * *

หลอดไฟเวทมนตร์ส่องสว่างในสนามฝึกที่ห้า

ผู้ฝึกฝนส่วนมากได้กลับบ้านไปแล้ว แต่ยังมีเด็กบางคนที่ยังอยู่ที่นี่และกวัดแกว่งดาบอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

รูนัน ซัลเลียน ก็เป็นหนึ่งในนั้น เธออยู่ที่ลานฝึกซ้อมและฝึกฝนท่าที่ราอนเคยแสดงให้เธอเห็น

ปัง!

รูนันย่อตัวและแทงดาบออกไป เธอรู้สึกว่ามันยังไม่ถูกต้องแม้ว่าจะมีพลังออกมาจากดาบของเธอแล้ว

'ฉันทำมันไม่ได้สักที'

การแทงดาบของราอนนั้นดูนุ่มนวลและผ่อนคลายอย่างมาก ไม่ใช่ดูทรงพลังแบบนี้ ท่าทางของเขาเป็นธรรมชาติจนเธอดูไม่ออกว่าเขาจะโจมตีตอนไหน

ไม่ว่าเธอจะดูกี่ครั้งเธอก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำได้ยังไง

เธอมองไปที่สนามฝึกซ้อมในร่ม ราอนอยู่ที่นั่นและกำลังออกกำลังกล้ามเนื้อ เธอยังไม่อยากจะไปรบกวนเขา

'ขอลองอีกครั้งนะ'

เธอแทงดาบขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง เธอพยายามเปลี่ยนท่าทางของเธอแล้วแต่ดูเหมือนมันไม่ช่วยอะไรเลย

'...อีกรอบ'

คราวนี้เสียงของดาบที่วาดผ่านอากาศเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความเร็วและพลังของมันลดลงและพลังจากดาบก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายขึ้นบ้างแล้ว

เธอลดมือของเธอลงเมื่อดวงจันทร์ขึ้นมาบนท้องฟ้า

“เฮ้อ”

รูนันเริ่มแสดงท่าทีเหนื่อยล้า

"เหมือนจะพอได้บ้างแล้ว"

ยังอีกยาวไกลกว่าเธอจะตามราอนทัน แต่ในที่สุดเธอก็ทำท่า'ดาบรวมดาว'เบื้องต้นได้แล้ว มันเป็นท่าที่ต้องผสมผสานความเรียบง่ายของท่าทางลงไปด้วย

“หืม?”

รูนันมองไปที่โรงฝึกซ้อมในร่มอีกครั้ง ไฟที่นั่นยังคงเปิดอยู่ และเสียงตะโกนจากความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมของราอน เบอร์เรน และมาร์ธาก็ยังคงไม่หายไป

ในขณะที่เธอกำลังคิดว่าควรจะทำอะไรต่อ เธอก็นึกถึงคำพูดของแม่ได้ขึ้นมา

"แม่จะเตรียมไอศกรีมเม็ดให้ลูกนะ วันหยุดนี้ก็รีบกลับมาเร็วๆล่ะ"

'ฉันต้องรีบกลับแล้ว'

รูนันรีบเอาดาบฝึกไปเก็บทันที เธอตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องที่เธออยากจะถามราอนเอาไว้ก่อน

เมื่อเธอวิ่งออกมานอกสนามฝึกแล้วเธอก็มองหาสาวใช้ที่น่าจะกำลังรอเธออยู่ เธอเดินเข้าไปในตรอกมืดที่มีชายคนหนึ่งยืนอยู่

"รูนัน”

เธอเกือบจะเดินผ่านเขาไปแล้วแต่เงานั้นก้าวออกมาจากความมืดและเรียกชื่อของเธอเสียก่อน

“อ๊ะ…”

รูนันยืนตัวแข็งทื่อ สายตาของเธอที่มักจะว่างเปล่ากำลังวูบไหวเพราะที่มาของเสียงนั้น

ผุ้ชายคนนั้นออกมายืนตรงหน้าเธอ ผู้ชายที่มีผมสีเงินและดวงตาสีม่วงเข้มหน้าตาหล่อเหลา ใบหน้าของเขาดูคล้ายกับรูนันหลายส่วน

"พ...พี่?"

"ไม่เจอกันนาน"

รูนันกัดริมฝีปากและค่อยๆก้าวถอยหลัง แต่ชายคนนั้นก็กลับก้าวเข้ามาใกล้เธออีกพร้อมกับยกยิ้มเบาๆ

'ไซเรีย ซัลเลียน'

เขาคือพี่ชายของรูนันที่ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสิบสองดวงดาวของทวีป เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลซัลเลียน

“อ่า…”

ถึงจะเป็นพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันมานานแต่รูนันก็หน้าซีดเหมือนกับกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้าย

"รูนัน พี่ไม่ได้บอกเธอเหรอว่าอย่าแสดงสีหน้าออกมา"

ไซเรียยิ้ม รอยยิ้มของเขาดูผ่อนคลายและคำพูดของเขาก็ดูอ่อนโยน

แต่ถ้าสังเกตดีๆก็จะรู้สึกได้ถึงความน่ากลัว เพราะสายตาของเขาไม่ได้ยิ้มแย้มด้วยเลย

“อึ่ก…”

รูนันกัดฟันและก้มหัวของเธอลง ดวงตาสีม่วงของเธอสั่นไหวและเธอก็พยายามเรียกสติของตัวเอง

"ใช่แล้ว เธอต้องเป็นอย่างนั้นแหละ"

ไซเรียยังคงยิ้มและเดินเข้ามาลูบหัวของรูนัน

"ดูเหมือนการฝึกของริมเมอร์ค่อนข้างดี เธอพัฒนาขึ้นกว่าที่ฉันคิด"

เขาย่อตัวลงเพื่อสบตากับรูนัน

ทันใดนั้นเองหน้ากากปลอมๆของไซเรียก็หลุดออก การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันและแสงที่สะท้อนในดวงตาของเขาก็ได้หายไป

ดูเหมือนกับเป็นปีศาจไร้อารมณ์

"ฉันหวังว่าในสนามรบเธอก็จะทำอย่างนี้ได้นะ"

น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป มันเป็นเสียงที่แหบแห้งราวกับเป็นพายุทะเลทรายที่คร่าชีวิตคนมานักต่อนัก

"อึ่ก..."

ไหล่รูนันสั่น เธอกุมมือของตัวเองไว้แน่นแล้วเดินถอยหลังอีกก้าว

"หืม...นี่เธออ่อนแออีกแล้วเหรอ? สงสัยฉันต้องสั่งสอนเธออีกครั้งแล้ว"

ไซเรียล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าด้านในเสื้อคลุม สิ่งที่เขานำออกมาจากกระเป๋าคือกระรอกตัวหนึ่ง

"กระรอกที่เธอเคยเลี้ยงชื่อรูบี้ใช่ไหม?

"พ-พี่!?"

รูนันหยุดชะงัก เธอยื่นมือออกไปทางกระรอกตัวนั้นและพยายามจะดึงมันมา

"ฉันจะทำให้เธอนึกขึ้นมาให้ได้เอง วิธีที่รูบี้ต้องตายและสาเหตุที่ทำให้เธอเริ่มกลัวเลือด"

"ด-เดี๋ยวก่อน!"

ไซเรียยกยิ้มโดยที่ดวงตาของเขาไม่ขยับเขยื้อนไปตาม

เขาเริ่มใส่พลังเข้าไปที่มือขวาของเขาจากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดขึ้น

มือของเขาที่เคยถือกระรอกเหลือเพียงมือที่เต็มไปด้วยคราบเลือด

"กรี๊ดดด!"

รูนันกรีดร้องออกมาและทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้นทันที ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของเธอเพราะเวทมนตร์กั้นเสียงที่ไซเรียได้สร้างเอาไว้

"รูนัน"

ไซเรียเดินเข้าไปใกล้รูนันซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาก้มลงไปกระซิบบางอย่างที่หูของเธอ

"ชีวิตของเธอเป็นของฉัน...จนกว่าจะถึงวันนั้นอย่าทำอะไรที่อันตรายหรือยุ่งยากเลย"

“อา…”

"แค่มีชีวิตต่อไปจนกว่าฉันจะเรียกใช้เธอ"

เปรี้ยง!

ในขณะที่ไซเรียกำลังฝังความหวาดกลัวในสมองรูนัน ฟ้าก็ได้ผ่าลงมาในตรอกที่เขาอยู่

เด็กผู้ชายผมบลอนด์ได้ปรากฏตัวออกมาจากหลังกลุ่มควัน ดวงตาสีแดงของเขาจ้องมองไปที่ไซเรีย

"แกเป็นใครกัน?"

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด