ตอนที่แล้วนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 38
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 40

นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 39


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 39

“เฮ้อ…”

หลังจากแสดงจังหวะสายน้ำทั้ง12ท่าแล้ว ราอนก็ถอนหายใจออกเบาๆ

‘ถือว่าทำได้ดีเลย’

ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวตามที่เขาคิดได้ทุกอย่าง ทั้งกระแสการไหลและท่าทางล้วนเป็นอย่างที่เขาต้องการ

ดูเหมือนว่าการใช้'วงแหวนแห่งไฟ'เพื่อทำความเข้าใจกระแสการไหลของมันก่อนที่จะลองเคลื่อนไหวร่างกายจะเป็นความคิดที่ดี

“หืม?”

คิ้วของราอนเลิกขึ้น สนามฝึกซ้อมที่ควรจะมีเสียงดังเพราะทุกคนกำลังทำการฝึกจังหวะเท้าของตัวเองกลับเงียบฉี่เหมือนกับอยู่ในห้องสมุด

ราอนรู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆ ที่จ้องมองเขาจากด้านหลังจึงหันไปมอง

"บ้าไปแล้ว…"

“นั่น…?”

เบอร์เรนและมาร์ธาต่างก็อ้าปากค้างอย่างเสียสติ รูนันกำลังโบกมือมาทางเขา เขาอ่านปากของรูนันที่กำลังขมุบขมิบแล้วดูเหมือนรูนันจะอยากให้เขาไปสอนท่าทางให้เธอ

คนที่ดูตกใจไม่ได้แค่มีแค่พวกเขาเท่านั้น ยังมีเหล่าผู้ฝึกฝนและผู้ฝึกสอนคนอื่นๆ ที่เบิกตากว้างจนดวงตาแทบจะถลนออกมา

“ทำไมเธอ…?”

“ราอน”

ราอนได้ยินเสียงคนเรียก เมื่อหันกลับไปเขาก็เจอกับริมเมอร์ที่มายืนตรงหน้าเขา

“เธอรู้จักจังหวะสายน้ำมาก่อนไหม?”

ดวงตาสีเขียวของเขาวูบไหวเบาๆ ราวกับสายพิณที่ถูกดีดเขารู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จัก”

มันอาจจะคล้ายคลึงกับฝีเท้าเงาที่เขาได้เรียนรู้ในชีวิตก่อน แต่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับจังหวะสายน้ำมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

“แล้วเธอ...”

ริมเมอร์ยังพูดไม่จบแต่ราอนก็รู้ได้เลยว่าเขาอยากจะถามอะไร

“ผมจะอธิบายยังไงดีล่ะ…”

ราอนยิ้มออกมาเล็กน้อยและเกาคอของเขา

“ผมอ่านการไหลได้”

“อ่านการไหลเหรอ?”

"ใช่แล้วครับ ตอนที่อาจารย์สาธิตจังหวะเท้านั้นผมก็สังเกตเห็นการไหลของมันได้ก่อนที่จะเห็นท่าทางและลำดับของมันซะอีก”

จังหวะสายน้ำมีความคล้ายกับฝีเท้าเงาที่เขาเคยใช้ในชีวิตก่อน  เขาเลยสามารถเรียนรู้มันได้อย่างง่ายดาย

“ผมมองเห็นป่าก่อนที่จะมองเห็นต้นไม้ นั่นคือวิธีที่ผมทำความเข้าใจมัน”

"โห สุดยอดเลย”

ริมเมอร์จับหัวของตัวเองแล้วอุทานออกมา  ดูเหมือนเขาจะพูดไม่ออกอีกแล้ว

“ฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลากันอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ซะอีก”

ริมเมอร์พึมพำ เขาไม่คิดว่าจังหวะเท้าที่เขาตามหามาอย่างยากลำบากอันนี้จะมีคนที่สามารถทำตามได้ง่ายขนาดนี้

“ขอโทษครับ”

“ไม่ๆ ไม่มีอะไรให้เธอต้องขอโทษหรอก ฉันแค่ตกใจนิดหน่อยน่ะ”

“อ่า…”

ราอนแอบเลียริมฝีปากของเขา

'ฉันทำมันได้เร็วเกินไปเหรอ?'

เขารู้สึกตื่นเต้นมากในตอนที่เขาได้เห็นจังหวะเท้า ดังนั้นเขาถึงรีบร้อนที่จะทำมันให้ได้ เขาไม่คิดว่าริมเมอร์จะตกใจขนาดนี้

'จริงๆ แล้วฉันก็ค่อนข้างมั่นใจในจังหวะเท้าของตัวเองในชาติก่อนอยู่แล้ว'

ความเก่งกาจโดยรวมในฐานะนักฆ่าของเขาอาจจะเทียบไม่ได้กับคนที่ช่ำชอง แต่กับเรื่องจังหวะเท้าแล้วนั้นเขาคิดว่าเขาทำได้ดีไม่แพ้ผู้เชี่ยวชาญ

ประหลาดใจกับการก้าวเดินธรรมดาเนี่ยนะ… มนุษย์ช่างน่าสมเพชจริงๆ  หากย้อนกลับในตอนที่ข้ายังอาศัยอยู่ในอาณาจักรปีศาจ ราชาแห่งแก่นแท้ได้สร้าง’ก้าวแห่งบุปผาน้ำแข็ง’ ที่ใช้เพียงก้าวเดียวก็สามารถแช่แข็งทั้งภูเขาและมหาสมุทรได้...

'อ้อ โอเค'

ราอนไล่ราธซึ่งจู่ๆ ก็เริ่มโอ้อวดเกี่ยวกับตัวเองออกไป

“อะแฮ่ม”

ริมเมอร์กระแอมในลำคอ และหันหลังกลับไปโดยเอามือไพล่ไว้ที่หลัง

“เอาล่ะ แน่นอนว่าเธอทำได้ดีมากสำหรับครั้งแรก แต่ท่าทางของเธอยังขาดๆอยู่  การไหลดูดีแล้ว แต่ร่างกายยังไม่ถูกทั้งหมด  เธอจะไปให้ใครช่วยก็ได้นะแต่ยกเว้นฉัน”

“รับทราบครับ”

ราอนพยักหน้าแล้วหมุนตัวกลับไป  แน่นอนว่าเขารู้ว่าเขาสามารถทำได้ดีกว่านี้อีกมาก นี่เป็นแค่ครั้งแรกเอง

"ฮะ!"

“ร-เราต้องสอนเขาเหรอ?”

“ฉันว่าเขาทำได้ดีกว่าฉันอีก…”

ผู้ฝึกสอนส่ายหัวและพากันคิ้วขมวดหน้าย่นไปหมด

* * *

* * *

หลังจากฝึกจังหวะสายน้ำ มาร์ธาก็ออกจากสนามฝึกไปพร้อมกับคาเมล

“ท่าทางพวกนั้นค่อนข้างดูดีเลยนะครับ”

คาเมลยิ้มให้มาร์ธา

“มันเป็นท่าพื้นฐานของจังหวะเท้าอื่นๆอีกทีน่ะ ฉันควรจะตั้งใจทำมันให้ถูกต้อง”

"เข้าใจแล้วครับ"

มาร์ธาพยักหน้าเบาๆ และเดินไปทางอาคารหลัก

“คุณหนูครับ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”

คาเมลรู้สึกเหมือนเธอแตกต่างไปจากปกติ เขาจึงขึ้นมาเดินข้างเธอ

“เฮ้อ…”

มาร์ธาที่เคยอยู่เงียบๆ ก็หันหน้ามาขมวดคิ้ว

“การเรียนรู้จังหวะเท้ามันยากแค่ไหนเหรอ?”

“อืม…จังหวะเท้าอันนี้เป็นแค่ขั้นพื้นฐานแน่นอนก็จริงครับ แต่การเรียนรู้มันก็ไม่น่าง่ายเลย กระแสของมันค่อนข้างซับซ้อน…”

คาเมลหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนตอบกลับ

“แต่คุณหนูของผมมีพรสวรรค์อยู่แล้วครับ น่าจะใช้เวลาไม่เกินสามวันก็เข้าใจการไหลของมันได้”

"สามวัน?  ไอ้เวรนั่น…”

อยู่ๆมาร์ธาก็สบถออกมาพร้อมกับทำสีหน้าตกตะลึง

"คุณหนู?"

“แล้วเป็นไปได้ไหมที่ผู้ฝึกฝนจะเลียบแบบมันได้ในครั้งเดียว?”

“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ถ้าเป็นนักรบที่พอมีฝีมือก็อาจจะพอทำได้หรอก  แต่ผู้ฝึกฝนนั้นขาดทั้งทฤษฎี ความรู้ และประสบการณ์ พวกเขาได้รู้จักศิลปะการต่อสู้มาแค่ผิวเผิน”

“แต่มีคนทำได้แล้วนะ…”

"อะไรนะครับ? คุณหนูหมายความว่า…?”

ดวงตาของคาเมลเบิกกว้าง

'เป็นไปแล้วงั้นเหรอ?'

แม้ว่าท่าทางของจังหวะสายน้ำจะค่อนข้างธรรมดา แต่ต้องใช้เวลานานถึงจะเข้าใจการไหลของมัน

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้ฝึกฝนที่เข้าใจมันได้ในทันที เว้นแต่ว่าเขาจะเป็นสัตว์ประหลาดที่เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เกิด

มาร์ธายังคงดูตกใจไม่หาย

นั่นทำให้เขานึกได้ถึงผู้เข้าร่วมการฝึกฝนคนหนึ่ง

"ไม่มีทาง… คุณชายราอนงั้นเหรอครับ?”

“จะเป็นใครได้อีกล่ะนอกจากไอ้บ้านั่น!”

“ฮะ…?”

คาเมลรีบยกมือปิดปากของตัวเองก่อนที่จะเผลอสบถคำหยาบออกไป

“เกิดอะไรขึ้นบ้างเหรอครับ?”

“หลังจากการสาธิตสิ้นสุดลงทุกคนก็เริ่มลองปฏิบัติตามทันที มีแต่เขาที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่แล้วหลับตา พอการฝึกกำลังจะสิ้นสุดลงเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วจากนั้น…”

มาร์ธาบรรยายทุกอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์อันน่าประหลาดใจที่พึ่งเกิดขึ้น

“หา…”

คาเมลส่ายหัว

'เด็กคนนั้นมันบ้าไปแล้ว'

แปลว่าเขากำลังเรียนรู้เรื่องจังหวะสายน้ำในหัวของเขาในตอนที่เขาหลับตา

'อายุแค่นี้แต่สามารถใช้มโนภาพได้แล้ว…'

เขาคิดว่าราอนก็พอจะมีพรสวรรค์อยู่บ้าง นั่นคงทำให้เขาเติบโตอย่างไม่ลำบากเท่าไหร่

แต่ว่าไม่ใช่แบบนี้

ราอน ซีกฮาร์ทเป็นสัตว์ประหลาดที่จะเป็นสะพานเชื่อมแสงของอาคารรองเข้ากับอาคารหลักได้

'ฉันต้องรีบรายงานเรื่องนี้'

นี่เป็นข้อมูลที่สำคัญมาก  เขาจำเป็นต้องบอกเดเนียร์เกี่ยวกับสิ่งนี้ในทันทีหลังจากที่เขาพามาร์ธาไปถึงอาคารหลักแล้ว

“หืม?”

ทันใดนั้นเขาก็พึ่งรู้ตัวว่ามาร์ธาไม่ได้เดินอยู่ข้างๆ เขาแล้ว เมื่อเขาหันกลับไปมองหาก็เห็นเธอเดินอยู่ด้านหลังของเขาและก้มศรีษะลงตลอดเวลา

'เวรเอ๊ย…ฉันคงประเมินมันต่ำไป'

เธอพึ่งพ่ายแพ้ให้กับราอนเมื่อไม่นานมานี้ เขาคงระวังตัวขึ้นเหมือนกัน

“คุณชายราอนกับคุณหนูของผมย่อมมีพรสวรรค์ที่แตกต่างกันออกไป มันไม่มีอันไหนที่ดีไปกว่ากันหรอกครับ…”

แล้วคาเมลที่กำลังปลอบใจเธอก็ต้องหยุดหลังจากที่ได้สบตากับมาร์ธา

'สายตาแบบนั้น'

สายตาของมาร์ธาไม่ใช่สายตาของคนที่กำลังเศร้า

มันเป็นสายตาของคนที่อยากเอาชนะ

เป็นดวงตาของสัตว์ร้ายที่กำลังจะออกล่าเหยื่อ

และมันเป็นดวงตาแบบเดียวกับที่เขาเคยเห็นมาก่อนในที่กบดานแห่งหนึ่งของลัทธิโลหิตขาว ที่ซึ่งเขาได้พบกับเธอเป็นครั้งแรก

"ฉันตื่นเต้น"

มาร์ธาแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

“อย่างน้อยคนที่เอาชนะฉันได้ก็ไม่ใช่พวกกาก”

รอยยิ้มชั่วร้ายที่ปรากฏใบหน้าอันสง่างามของเธอดูเหมือนกับเป็นภาพฝันร้าย

'ฉันเข้าใจเธอผิดไป'

คาเมลกลืนน้ำลายลงคอ  นั้นอสักครู่มาร์ธาไม่ได้กำลังผิดหวังกับความสามารถของเธอ

แต่เธอกำลังตื่นเต้นเมื่อได้นึกถึงการเอาชนะราอนซึ่งแข็งแกร่งกว่าเธอได้

มาร์ธาไม่ใช่คนที่มีอะไรให้เขาต้องคอยกังวลเลย

"ถึงแล้วครับคุณหนู"

คาเมลโค้งคำนับให้มาร์ธาแล้วเธอก็เดินผ่านเขาไป

เขาสามารถมองเห็นอนาคตอันสดใสได้จากแผ่นหลังเล็กๆของเธอ

นักดาบหญิงที่ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์

***

“... นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น  นายว่ามันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อไหมล่ะที่เด็กอายุเท่านั้นจะเรียนรู้โดยแค่หลับตาคิดนิ่งๆได้? หลานชายของนายต้องเป็นอัจฉริยะแน่ๆ!”

ริมเมอร์ยิ้มกว้างและจ้องมองไปที่หินขนาดใหญ่บนภูเขาสุสานตอนเหนือ

“แกเป็นพ่อบ้านประจำตัวเขารึไง?  พอมาเจอหน้าฉันทีไรก็เอาแต่พูดเรื่องเขา”

เสียงอันน่าเกรงขามดังมาจากยอดหิน ในที่สุดใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเกล็นก็ปรากฏขึ้นมาในสายตาของริมเมอร์

“ฉันแค่สนองความอยากรู้อยากเห็นของนายเท่านั้น”

ริมเมอร์ไม่หยุดยิ้มแม้เกล็นจะปล่อยแรงกดดันอันหนาวเย็นออกมาก็ตาม

“นายไม่แปลกใจรึไงเหรอที่หลานชายเรียนรู้ด้วยมโนภาพได้แล้ว”

“นั่นมันไร้สาระน่า อย่างน้อยเขาก็ต้องอยู่ในระดับสูงสุดหรือระดับผู้เชี่ยวชาญ ถึงจะใช้มโนภาพเพื่อที่จะเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ได้”

เกล็นโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แต่เขาไม่สามารถซ่อนมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยได้

“เขาบอกว่าเขาเลือกที่จะอ่านการไหลของจังหวะเท้าก่อน แบบว่ามองดูป่าแทนที่จะเป็นต้นไม้น่ะนะ  เขารู้ได้ยังไงนะว่าแก่นแท้ของจังหวะสายน้ำก็คือการไหล”

“นี่มันน่าทึ่งสุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอ?  ใครจะทำแบบนั้นได้อีก!”

“......”

เกล็นไม่ตอบกลับ เขาเอามือไพล่หลังและจ้องมองไปที่อาคารหลักด้านล่างภูเขา

“นายจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ ดีนะเนี่ยที่ฉันมาเล่าให้นายฟัง”

ริมเมอร์ลอบยิ้มหลังจากที่เห็นการแสดงออกของเกล็น

"เงียบซะ ถ้าพูดเสร็จแล้วก็ออกไป แกต้องให้ความสำคัญกับเด็กทุกคนให้เท่าๆกัน อย่าให้ฉันต้องย้ำอีก”

“นายไม่ไว้ใจฉันงั้นเหรอ?  ฉันคือดาบแห่งแสงไง ดาบแห่งแสงเชียวนะ! นายไว้ใจฉันได้แน่นอน”

“ดาบแห่งแสงอะไรกัน? ก็แค่เอลฟ์แก่”

เกล็นโบกมือไล่เพื่อแสดงท่าทีรำคาญ แต่ริมเมอร์กลับพิงหลังไปทางหินแทนที่จะจากไป

“อืม…คนรับใช้ในอาคารหลักดูยุ่งๆกันนะ พวกเขากำลังเตรียมจัดงานอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่า?”

ริมเมอร์ผิวปาก มองดูผู้คนในอาคารหลักที่กำลังวิ่งไปรอบๆ

“ไม่ได้จัดงานอะไรหรอก แค่จะมีแขกมาเยี่ยมเยือนนิดหน่อย”

“จะมีแขกมาเหรอ?”

“อีกไม่กี่วันทูตจากอาณาจักรโอเว่นจะมาที่นี่”

“ทูตของอาณาจักรโอเว่น…”

ริมเมอร์ขมวดคิ้ว โอเว่นคืออาณาจักรที่ตั้งอยู่ตรงกลางของทวีป เป็นหนึ่งในอาณาจักรที่อยู่ในราชาทั้งหกร่วมกับซีกฮาร์ท

"อย่างนี้นี่เอง"

มีไม่กี่กองกำลังที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับซีกฮาร์ท เขาถึงคิดว่ามันแปลกที่มีแขกมาเยี่ยมที่นี่ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นอาณาจักรโอเว่นซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน

“แล้วใครเป็นคนนำล่ะ?”

“ปกติแล้วควรจะเป็นดยุคทาร์ทัน แต่ฉันได้ยินมาว่าครั้งนี้เป็นเจ้าชายคนที่สาม”

“โอ้ ไอ้หมอนั่นมันขึ้นเป็นดยุคได้แล้วเหรอ?”

ริมเมอร์ยิ้มแหยๆ เมื่อได้ยินชื่อทาร์ทัน

"โอ๊ะ? เดี๋ยวสิ!   องค์ชายสามคาร์เทนยังเด็กอยู่ไม่ใช่เหรอ?  เขาน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับราอนหรือเบอร์เรน…”

“ฉันก็ไม่ค่อยได้สนใจหรอก”

"โอเค"

ริมเมอร์พยักหน้า  เกล็นไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรมากถ้ากษัตริย์ของอาณาจักรไม่ได้มาเป็นทูตด้วยตนเอง

“สั่งให้ผู้เข้าร่วมการฝึกฝนทุกคนรักษารูปลักษณ์ที่เป็นระเบียบเรียบร้อยให้ตลอดล่ะ”

“ฮะ? ทำไมล่ะ”

“องค์ชายสามจะพาอัศวินฝึกหัดในอาณาจักรมาพร้อมกันด้วย พวกเขาบอกว่าต้องการเห็นการฝึกของนักดาบและเด็กฝึกหัด”

“แล้วนายก็ตอบกลับไปแล้ว?”

“แน่นอน ฉันให้เขาทำได้”

สายตาของเกล็นมุ่งหันไปที่ริมเมอร์

“การถูกมองไม่ได้ทำให้ดาบของซีกฮาร์ทอ่อนแอลง  ซีกฮาร์ทไม่หนีและไม่ซ่อน”

“... ฉันไม่ได้ยินประโยคนั้นมานานแล้ว”

ริมเมอร์เคยได้ยินประโยคนั้นทุกวัน เขายิ้มออกมาอย่างขมขื่น

“ออกไปได้แล้ว  แกเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน จะแอบอู้ไปอีกนานแค่ไหนกัน?”

เกล็นทำหน้านิ่วและลดมุมปากของเขาลง

“ฮับ!”

ริมเมอร์โค้งคำนับหลังจากยกมือทำความเคารพ  เขาหันหลังและกำลังจะเดินลงจากภูเขา แต่เขาก็หยุดชะงัก

“หืม…”

เขาเลียริมฝีปากขณะมองดูสนามฝึกที่ห้าจากระยะไกล

'เจ้าชายคนที่สามกับอัศวินฝึกหัดเหรอ…'

เมื่อได้รู้ว่าทูตของอาณาจักรโอเว่นคือคนในวัยเดียวกับราอน เขาก็ผุดความคิดที่ดีๆขึ้นมาได้

ริมเมอร์หันกลับไปหาเกล็นและยิ้มกว้าง

“สีหน้าแบบนั้นของแก…กำลังคิดอะไรแผลงๆอีกแล้วสินะ…”

เกล็นขมวดคิ้วราวกับว่าเขาเห็นบางสิ่งที่ไม่น่าดู

“ไม่ใช่สักหน่อย เรื่องนี้มันจะไม่ไร้สาระ”

ริมเมอร์ยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอกแก่แล้วส่ายหัว

“เพราะสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเด็กๆของซีกฮาร์ท”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด