ตอนที่แล้วตอนที่ 92 ก่อตั้งกิลด์เทพศาสตราวุธ(อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 94 ความสามารถย่อยปลดล็อกคลื่นพลังไอเทม(อ่านฟรี)

ตอนที่ 93 พลังพรสวรรค์ของบอสตัน(อ่านฟรี)


ตอนที่ 93 พลังพรสวรรค์ของบอสตัน

หลังจากการล่มสลายของเมืองปลายฝน ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ไม่เห็นความหวังในใช้ชีวิตต่อในซากเมืองปลายฝนอีก พวกเขาพาครอบครัวขึ้นเครื่องบินอพยพไปหาโอกาสในเมืองใหม่ ๆ

แม้การเดินทางไปเมืองใหม่ ๆ จะเป็นอะไรที่น่ากลัว เพราะเท่ากับการเริ่มใหม่ แต่ทุกคนเชื่อว่ามันมีโอกาสมากกว่าที่นี่แถมพวกเขาไม่อยากอยู่ในเมืองที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป การจากไปช่วยให้ใจพวกเขาบรรเทาลงได้

มีคนคิดแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ศูนย์ช่วยเหลือที่ก่อนหน้านั้นมีคนมากกว่า 20,000 คนเหลือคนไม่ถึง 8,000 แล้วด้วยซ้ำ

ส่วนคนที่อยู่พวกเขาหลายคนไม่มีทางเลือกหรือบางคนก็ยังมองเมืองปลายฝนเป็นบ้าน การอยู่ในที่หนึ่งมาทั้งชีวิตยากที่จะทิ้งมันไปได้ และบางคนคิดว่ามีโอกาสบางอย่างอยู่ในเมืองพวกเขาแค่ต้องคว้ามันไว้ แต่ทุกคนรู้ดีว่ากว่าที่เมืองปลายฝนจะฝืนกลับมาได้อาจจะต้องใช้เวลา 20-30 ปี

สหพันธรัฐเองก็ไม่อาจจะทอดทิ้งเมืองปลายฝนได้ แม้ว่าเมืองจะเสียหาย แต่ยังมีรากฐานที่ฟื้นฟูได้มันดีกว่าไปสร้างใหม่ นอกจากนั้นยังมีอีกเหตุผลสหพันธรัฐไม่ต้องการทิ้งให้เมืองและอาณาเขตของเมืองปลายฝนกลายเป็นรังของมอนสเตอร์ มันจะทำภัยพิบัติไปยังเมืองรอบ ๆ ด้วย

ซึ่งสหพันธรัฐเคยเรียนรู้มันมาจากบางเมืองที่เคยทิ้งร้างไว้ แค่ 5 ปีมอนสเตอร์ก็เพิ่มจำนวนอย่างบ้าคลั่งและรวมตัวกันบุกเมืองอื่น ๆ

ทำให้สหพันธรัฐยังให้ความสำคัญกับเมืองขนาดเล็กพวกนี้ มันเป็นเหมือนตาข่ายในการควบคุมจำนวนประชากรของมอนสเตอร์

ลุคที่นั่งรถมากับพวกกำลังออกไปนอกเมืองในฐานะฮันเตอร์ ซึ่งจากคำสั่งลุคมีสิทธิ์ออกไปล่าจากเมือง ระหว่างที่รอการตรวจสอบลุคก็มองดูผู้คนที่ลดน้อยลงไปด้วย

ตอนนั้นเองก็มีสายตาหลายคู่มองมาที่ลุคกับพวกที่นั่งอยู่ในรถ

“คนของพวกกิลด์กะโหลกดำ” นิโคลพูดขึ้นมา เธอจำบางคนในกิลด์ได้ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “กิลด์กะโหลกดำไม่พอใจกับคำตัดสินมากที่สุดและแอบตั้งค่าหัวนาย แม้มันจะไม่เป็นทางการเพราะถ้าเหนือมนุษย์ฆ่ากันเองภายใต้กดพวกเขาจะเป็นอาชญากรทันที แต่ว่านอกเมืองมีแต่ซากความเสียหาย ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ไม่มีภาพวงจรปิด ฉันว่าพวกเขาจะลงมือในตอนที่เราออกไป”

“ระดับ D จะมาไหม” ลุคสอบถาม

“ไม่ ในเมืองขาดกำลังคนระดับ D ขึ้นไปถูกดึงไปช่วยกันฆ่ามอนสเตอร์อันตรายในเมือง มีผู้อำนวยการอีคอนคอยสั่งการคนพวกนี้อยู่พวกเขาไม่มีทางหลบออกมาได้” นิโคลพูดขึ้นมา

“ฉันจะไม่ลงมือ แต่ถ้าพวกเขาลงมือก็เท่ากับเป็นไอเทมให้ฉัน” ลุคกล่าวด้วยแววตาเย็นชา เขามั่นใจว่าตัวเองสามารถฆ่าเหนือมนุษย์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ D ได้ทุกคนและเหนือมนุษย์ที่รนหาที่ตายเป็นเพียงไอเทมให้กับเขาเท่านั้น

พอคิดถึงไอเทมลุคก็นึกไปถึงสองพรสวรรค์ที่เขาได้มาจากการฆ่าเหนือมนุษย์ที่เขาฆ่า ในการไต่สวนคดีลุคถูกกล่าวว่าฆ่าเหนือมนุษย์ไป 19 คน แต่ที่จริงมันมากกว่านั้นและมีเพียงแค่ลุครู้จำนวนที่แน่นอน เพราะส่วนใหญ่ที่ลุคฆ่าคนพวกนั้นจะเป็นตามมุมในหลืบหรือข้างตึกที่อับสายตาไม่มีกล้องหรือสิ่งใดมาบันทึกภาพ

ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าลุคฆ่าพวกเขาและคิดว่าเหนือมนุษย์ที่หายไปได้ตายไปจากการโจมตีของมอนสเตอร์เช่นเดียวกับเหนือมนุษย์คนอื่น ๆ อีกนับพันคนที่ตายไป

ในบรรดาเหนือมนุษย์ที่เขาสังหารมี 2 คนที่มีพลังพรสวรรค์และมันถูกเก็บไว้ในรูปแบบร่างพลังพรสวรรค์ซึ่งอยู่ในตัวลุค จึงไม่ได้ถูกค้นพบและยึดไปตอนเขาโดนจับ

พรสวรรค์แรกคือ พรสวรรค์ฝ่ามือเพลิง กับอีกพรสวรรค์คือ พรสวรรค์ควบคุมสายน้ำ

และลุคก็มอบพรสวรรค์ฝ่ามือเพลิงให้กับบอสตันได้ บอสตันไม่มีพลังพรสวรรค์ของตัวเอง ดังนั้นเขามีสิทธิ์ในการผสานกับร่างพรสวรรค์ของฝ่ามือเพลิง

“นายผสานมันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ลุคหันไปถามบอสตันที่ทำหน้าที่ขับรถ

“เรียบร้อยแล้ว” บอสตันชูนิ้วชี้ขึ้นมา ก่อนที่มันจะมีเปลวไฟขนาดเล็กติดขึ้นมา

“แบบนี้ก็เท่ากับว่าพวกเราทั้ง 4 คนก็เป็นเหนือมนุษย์ที่มีพลังพรสวรรค์ครบทุกคนแล้วใช่ไหม” ไอกะกล่าวด้วยความตื่นเต้น

“ก็คงอย่างนั้น” บอสตันเผยรอยยิ้มพอใจ ที่ผ่านมาเขารู้ว่าตัวเองอ่อนแอที่สุด และกดดันไม่น้อย เพราะทีมพวกเขาทุกคนมีพลังพรสวรรค์กันหมด แต่บอสตันก็อดเป็นห่วงไม่ได้เรื่องหนึ่ง

“แต่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมที่เอาร่างพรสวรรค์นี้มา”

นิโคลนั่งอยู่เบาะหลังข้างไอกะกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางผ่อนคลาย

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเช็กมาแล้วในประกาศตามหาศพของเหนือมนุษย์ที่มีพลังพรสวรรค์ หนึ่งในพรสวรรค์ฝ่ามือโดนฆ่าตายโดนลุค แต่พวกเขาหาร่างพรสวรรค์ไม่เจอและก็ไม่ได้สงสัยลุคอีก เพราะพวกเขาเคยค้นตัวลุคแล้ว หลังจากวันนี้เราออกไปก็ทำเป็นขับผ่านแถวนั้นหน่อย แล้วอ้างว่าเจอมันก็ได้ เจ้าของคนก่อนของพลังพรสวรรค์ฝ่ามือเพลิงไม่มีคนในครอบครัวรอดชีวิต พลังพรสวรรค์นี้จึงถือว่าไร้เจ้าของ ใครเก็บได้ก็ได้ไป”

“แบบนั้นก็ดี”

“เราไปกันเถอะ พวกเขาเปิดทางแล้ว” ลุคกล่าวขณะที่ชี้ไปด้านหน้าประตูศูนย์ช่วยเหลือเปิดออก รถจำนวนมากพากันเคลื่อนขบวนออกจากศูนย์

...

เวลาเกือบเที่ยงตรง

ลุคและกลุ่มขับรถกันมาถึงที่เขต พวกเขาแวะไปยังจุดที่ลุคเคยฆ่าเหนือมนุษย์แถว ๆ นั้นและปะทะกับมอนสเตอร์หนอนริบบิ้นลิ้นตาข่ายอยู่ฝูงหนึ่ง ซึ่งจัดการไม่ยากเพราะพวกมันเป็นเพียงมอนสเตอร์ระดับ F เท่านั้น

“คุณได้รับไอเทมปืนยิงตาข่ายระดับ F เกรดสีส้ม จำนวน 3 ชิ้น”

“คุณได้รับไอเทมปืนยิงตาข่ายระดับ F เกรดสีม่วง จำนวน 5 ชิ้น”

“ไอเทมปืนยิงตาข่าย ผลพิเศษสามารถยิงตาข่ายที่มีความเหนี่ยวสูงใช้จับมอนสเตอร์ระดับ F ได้เป็นอย่างดี”

‘ไอเทมชิ้นนี้เหมาะกับการจับมอนสเตอร์มาก เพราะมันสามารถเอามาใช้ซ้ำได้ แค่เอามอนสเตอร์ออกจากตาข่ายที่จับไปก่อนหน้านั้นก็พอ พวกร้านอสูรกายคงชอบไอเทมชิ้นนี้’

ขณะที่ลุคหลับตาตรวจสอบข้อมูลของไอเทม บอสตันที่ขับรถก็เรียกทุกคน

“เรามาถึงแล้ว”

คนทั้งหมดพากันลงจากรถมายืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่มองดูแล้วยังอยู่ในสภาพดี บ้านของลุคในเขต 4 ลุคอยากจะมาที่อีกครั้ง อย่างน้อยมันก็มีของหลายอย่างที่ให้เขาเก็บได้

ลุคยกกระถางหน้าบ้านที่ยังอยู่ดีออก เผยให้เห็นกุญแจเปิดเข้าไปด้านใน แต่ทันทีที่เปิดประตูบ้านออกไปภาพตรงหน้าก็ทำให้ลุคและทุกคนชวนตะลึงไม่น้อย

ปรากฏว่าที่จริงแล้วบ้านที่มองเหมือนจะยังอยู่ดีกลับมีเพียงแค่ตัวบ้านกำแพงด้านหน้าเท่านั้น ส่วนบ้านด้านในจนไปถึงข้างหลังพังราบไปหมดแล้ว มันราวกับว่ามีฝูงมอนสเตอร์นับร้อย ๆ ตัววิ่งเหยียบบ้านพวกนี้พังเป็นทางยาว

พวกเขามองดูทางที่ทอดยาวจากการทำลายของฝูงมอนสเตอร์มันไปยังเขต 3 ก็เดาไม่อยากว่าเกิดในช่วงเวลาไหน

“ตรงนั้นเป็นห้องแช่เย็นใช่ไหม” บอสตันพูดขึ้นมาและอดที่จะเดินไปดูไม่ได้ มันซากของห้องแช่เย็นอยู่ แต่พังหมดเหมือนกัน

ห้องแช่เย็นเป็นเหมือนสถานที่ในการเพิ่มพลังแบบก้าวกระโดดของพวกเขา พอเห็นมันพังลงทุกคนก็ใจหวิวไม่น้อย

ลุคเองก็รู้สึกแบบนั้น เขาเริ่มค้นหาอะไรสักอย่างที่ยังเหลือในบ้าน คนอื่น ๆ ก็ช่วยลุคด้วยเช่นกัน

สุดท้ายก็ได้ของมาไม่กี่อย่างเป็นพวกรูปที่อยู่ในกรอบ แม้กรอบจะแตกแต่รูปก็ไม่เสียหายมาก ลุคยังเจอกองซากตรงลิ้นชักที่ยังมีเอกสารและจี้ห้อยคอที่มีร่างพรสวรรค์ไอเทมมอนสเตอร์ซ่อนไว้อยู่ ที่จริงมันน่าจะมีหินพลังงาน 2 ก้อน แต่ว่ามันหายไป เขาเดาว่าคงโดนมอนสเตอร์สักตัวที่ค้นพบกินไปแล้ว

ฟู่...

ลุคเป่าฝุ่นออกจากซองกระดาษที่ค่อนข้างยับเยิน โชคดีที่เอกสารด้านในยังไม่เสียหาย เขาเดินไปนั่งลงบนซากโซฟา ก่อนจะหยิบเอาจี้ห้อยคอขึ้นมาและเทียบดูกับในเอกสาร

ตอนนั้นลุคค้นพบตราบนเอกสาร ซึ่งก็คุ้นเคยมาก ตอนนั้นเขาไม่มีเวลาตรวจสอบจึงได้เก็บไว้ในตู้ลิ้นชักก่อน ตอนนี้เมื่อได้กลับคืนมาเขาก็มั่นใจว่าตราสัญญาลักษณ์ในเอกสารเหมือนกับตราสัญญาลักษณ์บนจี้ห้อยคอ

ถึงจะมีส่วนที่เสียหาย แต่มองดูดี ๆ แล้วพวกมันนั้นเหมือนกัน

“นายเป็นอะไรหรือเปล่า” นิโคลเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นรูปอีกใหม่ที่เป็นรูปของลุคและเจนถ่ายคู่กันในวันที่ไปกินหมูกระทะกันในวันที่ลุคมีพลังตื่นขึ้นมา เจนปริ้นรูปนี้มาใส่กรอบไว้

“ขอบใจนะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แค่พึ่งรู้ว่าครอบครัวตัวเองเหมือนจะมีความลับบางอย่าง” ลุคตอบด้วยรอยยิ้มยื่นมือไปรับเอารูปมา

“นี่ทุกคนมานี่หน่อย” ไอกะเรียกทุกคนไปยังมุมหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะพบว่าในซากบ้านของลุคมีคนตายอยู่สองคน เป็นผู้ใหญ่คนและอีกคนเหมือนจะเป็นเด็ก

“สองคนนี้คงทุบหน้าต่างเขามาหลบมอนสเตอร์ แต่สุดท้ายก็โดนเหยียบตาย” นิโคลกล่าวข้อสันนิษฐานของตัวเอง

“บอสตัน คุณช่วยเผาบ้านหลังนี้ทิ้งหน่อยได้ไหม” ลุคกล่าว เขาในเมื่อมันมีคนมาตายที่นี่เขาก็คิดว่าควรจะเผาทิ้งไปเลยพร้อมกับศพ ดีกว่าปล่อยให้ศพเน่าที่นี่

“ได้ไม่มีปัญหา” บอสตันนั่งลงมือทั้งสองลุคเป็นไฟ ก่อนที่ไฟจะลุคไหมซากบ้านอย่างรุนแรง บ้านนี้เป็นไม้จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

ทุกคนกลับออกมามองดูเพลิงที่เผาบ้านทั้งหลัง โดยไม่พูดอะไร

“กำหนดเขตล่ากันก่อนก็แล้วกันก่อนแล้วก็หาที่ตั้งแคมป์พักค้างคืนนี้กัน” ลุคพูดขึ้นมาพร้อมกับเปิดแผนที่ จุดหมายตอนแรกคือจะพักที่บ้านของลุค แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแล้ว

“เริ่มจากโรงพยาบาลไหม ที่นั่นอาจจะยังมีคนรอดอยู่” ไอกะเสนอความคิดของเธอ

คนอื่น ๆ ก็คิดว่ามันเข้าท่าดี แม้โรงพยาบาลจะเป็นเป้าหมายแรก ๆ ในการช่วยเหลือ แต่การช่วยเหลือพวกเขาก็ไม่ได้ทั่วถึง ทั้งเมืองปลายฝนมีโรงพยาบาลเกือบ 20 แห่งและส่วนใหญ่ที่ได้รับการช่วยก็เป็นในเขต 1 และ 2 ในเขต 4 มีบางส่วน เขต 5 ค่อนข้างยากเพราะเป็นจุดที่ไกลที่สุด เนื่องจากกำลังคนมีน้อย

“เราจะไปโรงพยาบาลเขต 4 หรือ 5” นิโคลถามขึ้นมา

“ถ้าไม่ว่าอะไรฉันอยากไปที่เขต 5 โรงพยาบาลที่รักษาเจน” ลุคจำได้ว่าคืนวันกินเลี้ยงอีลิกพูดเรื่องที่ตนให้คำแนะนำกับหมอที่เคยช่วยเจนไว้ ตอนนั้นมันวุ่นวายมากและรู้ว่ามอนสเตอร์จะตามเขาและเจน ลุคจึงไม่ได้ให้คนธรรมดาตามมาด้วย

ถ้าหมอและพยาบาลพวกนั้นยังรอดอยู่ลุคก็อยากจะไปช่วยอยู่เหมือนกัน ที่สำคัญคือในเขต 5 ค่อนข้างห่างไกลจากเหนือมนุษย์ทุกคน ดังนั้นลุคจะลงมือได้อย่างเต็มที่

“ฉันไม่มีปัญหาอะไร”

“ฉันเหมือนกัน”

“ไปที่นั่นกันเถอะ”

ทั้งสามคนตอบรับพร้อมกัน ก่อนจะพากันขึ้นรถไปที่โรงพยาบาล ส่วนหนึ่งเพื่อไปพักที่นั่นและอาจจะเจอกับคนที่ยังรอดชีวิตอยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด