ตอนที่แล้วบทที่ 37 เจ้าจะตายถ้าไม่เย็บศพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 ให้เบาะแสกับลิ่วซ่านเหมิน

บทที่ 38 นกกลไกของเหลิงเสวียน


บทที่ 38 นกกลไกของเหลิงเสวียน

หลังจากศึกษาไประยะหนึ่ง หยางจิ่วก็ทำได้เพียงบีบศีรษะเข้าหากันอย่างแรง แล้วเย็บมันด้วยเข็มและด้าย

  

หลังจากเย็บแล้ว หัวของชายคนนั้นก็ดูแปลกและประหลาด

  

แต่ก็ทำได้แค่นั้น

  

เมื่อเห็น "คัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย" บันทึกเรื่องราวของชายผู้นี้ หยางจิ่วจึงรู้ว่า การเย็บแบบนี้คงจะดีอย่างแน่นอน

  

บุคคลนี้เป็นสมาชิกของสำนักคุ้มกันภัย หรือที่รู้จักกันในชื่อเล่าฉี (ผู้เฒ่าเจ็ด)

  

เล่าฉีเกิดมาพร้อมกับสมองที่แย่ แต่เขามีพละกำลังมหาศาล และทำงานเป็นกุลีแบกหามเพื่อหาเลี้ยงชีพ

  

หลังจากนั้น เขาได้รับการแนะนำจากใครบางคน เขาก็เข้าร่วมสำนักคุ้มภัยไฉเสิน(ไฉ่ซิ่งเอี๊ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภนั่นเอง) ในฐานะหน่วยคุ้มกัน

  

เล่าฉีเกิดมาเพื่อเป็นผู้แข็งแกร่ง

  

เขาตั้งหลักได้อย่างรวดเร็วในสำนักคุ้มภัยไฉเสิน และกลายเป็นหัวหน้าหน่วยคุ้มกันระดับเทียน ซึ่งเป็นผู้นำของผู้คุ้มกัน ที่สามารถรับเงินได้มากขึ้น

  

สำนักคุ้มภัยไฉเสิน เป็นสำนักคุ้มกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเว่ยอันยิ่งใหญ่ สำนักงานใหญ่นั้นตั้งอยู่ในเมืองฉางอัน และมีสาขากระจายไปทั่วอาณาจักร

  

ในการทำงานเป็นผู้คุ้มกันให้ดีนั้น ไม่ต้องพึ่งพาศิลปะการต่อสู้และการใช้กำลังดุร้าย แต่ต้องใช้ความคิดที่เฉียบแหลม จำเป็นต้องมีทั้งขาวและดำเพื่อให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง

  

ทุกคนในอาณาจักรนี้ รู้ว่าการใช้งานสำนักคุ้มภัยไฉเสินนั้นปลอดภัย และรับประกันสินค้า

  

สำนักคุ้มภัยไฉเสินไม่ค่อยมีสินค้าหายมาหนัก

  

หากสินค้าสูญหาย พวกเขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตามหามันคืน หากหาไม่พบ พวกเขาจะจ่ายค่าชดเชยเป็นร้อยเท่า

  

สำนักคุ้มกันภัยเจ้าอื่น ๆ ไม่กล้าให้คำมั่นสัญญาเช่นนั้น

  

การได้เป็นหัวหน้าหน่วยคุ้มกันระดัยเทียน แห่งสำนักงานใหญ่ฉางอัน เหล่าฉีรู้สึกพึงพอใจมาก และรู้สึกว่า เขาได้ถึงจุดสุดยอดของชีวิตแล้ว

  

เมื่อไม่กี่วันก่อน สำนักคุ้มภัยไฉเสินได้นำสินค้าจำนวนหนึ่งมาที่ฉางอัน

  

ทันทีที่พวกเขามาถึงชานเมืองฉางอัน ทันใดนั้น กลุ่มโจรก็บุกเข้ามาเพื่อปล้นสินค้า

  

เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ ชื่อของสำนักคุ้มภัยไฉเสิน ย่อมไม่สามารถยับยั้งกลุ่มโจรได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ต่อสู้จนตัวตายในฐานะหน่วยคุ้มกัน

  

กลุ่มโจรมีความชำนาญในศิลปะการต่อสู้สูง และมีคนจำนวนมาก หัวหน้าหน่วยคุ้มกัน และผู้คุ้มกันถูกสังหารอย่างรวดเร็ว

  

สำหรับผู้ร่วมเดินทางมากับสินค้านั้น พวกเขาถูกโจรแทงทีละคน เหมือนกับการตัดตุ๊กตาหิมะ

  

เล่าฉีพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเกวียนสินค้าของเขา

  

แม้ว่าเขาจะถูกแทงหลายครั้ง แต่เขาก็ยังเข็นเกวียนสินค้าและพุ่งไปข้างหน้า

  

ทันใดนั้น โจรระดับปรมาจารย์คนหนึ่งก็ตามมาทันเขา โจรกระโดดขึ้นไปในอากาศ โฉบลงมา และเขาแทงจุดกึ่งกลางศรีษะของเล่าฉีอย่างรุนแรง

  

หัวของเล่าฉีแตก กลายเป็นป๊อปคอร์นทันที!

  

เมื่อเหล่าฉีล้มลง เกวียนสินค้าที่เขากำลังเข็นก็กลิ้งไปกับพื้นเช่นกัน

  

กล่องตกลงมาและเงินบางส่วนก็กลิ้งออกมา

  

นั่นมัน!?

  

"คัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย" หายไปในทันที

  

แม้ว่าเขาจะมองเห็นแวบเดียว แต่หยางจิ่วก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเงินที่ตกลงมานั้น เป็นเงินของราชสำนัก

  

หลังจากที่อู๋โหย่วต้าปล้นเงินบรรเทาทุกข์ เขาจ้างให้สำนักคุ้มภัยไฉเสินคุ้มกันเงินบรรเทาทุกข์มาที่ฉางอัน?

  

เขาช่างกล้าได้กล้าเสียจริงๆ

  

แม้ว่าจักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะทรงพระประชวร และยังทรงขอให้จักรพรรดินีชู ช่วยจัดการเรื่องราชการด้วย แต่จักรพรรดิก็ยังทรงมีพระราชดำรัสสุดท้ายเกี่ยวกับกิจการของรัฐ

  

อู๋โหย่วเต้าไม่กลัวที่จะฆ่าพี่สาวตัวเอง ด้วยการกระทำแบบนี้งั้นเหรอ?

  

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราชสำนักหรือเรื่องของโลก หยางจิ่วจะไม่เข้าไปแทรกแซง มันฉลาดกว่ามากสำหรับเขาที่จะเย็บศพอยู่ในร้านเย็บศพ เพื่อให้มีชีวิตที่ดี มากกว่าที่จะแสวงหาความตาย

  

เมื่อดึงห่วงเหล็ก เจ้าหน้าที่ตงฉ่าง ก็เข้ามาและหามร่างของเล่าฉีออกไป

  

【เย็บศพยี่สิบสามศพ โฮสต์จะได้รับรางวัลเป็นทักษะปลดล็อก 】

  

ทักษะปลดล็อกสามารถเปิดล็อกทั้งหมดในโลกได้

  

เล่าฉีคนนั้นเก่งมากในการปลดล็อก แต่ทักษะปลดล็อกที่ระบบให้รางวัลมานั้น ดีกว่าเล่าฉีเป็นร้อยเท่า

  

ตามคำกล่าวที่ว่า เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะมาก แต่เจ้าจำเป็นต้องมีทักษะให้มาก และทักษะปลดล็อกยังคงใช้งานได้จริง และข้าจะสามารถใช้มันได้ในอนาคตอย่างแน่นอน

  

มันยังเช้าอยู่ ดังนั้นหยางจิ่วจึงออกไปสูดอากาศข้างนอกโดยไม่รู้สึกง่วง

  

มีคนนั่งอยู่ที่ประตูร้านเย็บศพหมายเลขสอง และนั่นคือ ฉางกวนเฟิง

  

เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนเต็ม แต่ฉางกวนเฟิงล้มเหลวในการทำลายร่างของฉวนเปาเป้า และเกือบเอาชีวิตไม่รอด

  

หลังจากฟื้นขึ่นมาได้ ฉางกวนเฟิงกำลังพักผ่อน และสำนักตงฉ่างจะไม่ให้ศพเขา

  

"ใต้เท้าฉางกวน ท่านดีขึ้นหรือยัง?" หยางจิ่วเดินไปอย่างรวดเร็ว และถามพร้อมกับประสานหมัดแน่น

  

ฉางกวนเฟิงเงยหน้าขึ้นมองหยางจิ่ว จากนั้นก้มศีรษะลงอีกครั้ง และถามด้วยเสียงต่ำ: "ข้าได้ยินมาว่า ท่านเย็บศพในห้องหมายเลข 20 อักขระหวง"

  

"ข้าแค่มีโชค"หยางจิ่วเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตน

  

ฉางกวนเฟิงหัวเราะและกล่าวว่า: "ใต้เท้าหยาง ช่างโดดเด่นจริงๆ ท่านควรเป็นแบบอย่างให้กับช่างเย็บศพ โดนเฉพาะในรุ่นของข้า!"

  

เพราะหยางจิ่วเย็บศพหญิงสาวในห้องหมายเลข 20 อักขระหวงที่ตำหนักยมบาล หยางจิ่วกระโดดจากขุนนางเทียนระดับเก้า ไปที่ขุนนางเทียนระดับห้า และทำให้ระดับขุนนางสูงกว่าฉางกวนเฟิง

  

"ใต้เท้าฉางกวน ชมเกินไปแล้ว"หยางจิ่วรู้สึกถึงความอาฆาตพยาบาทจากฉางกวนเฟิงได้

  

ในฐานะช่างเย็บศพ สิ่งที่เขาต้องทำคือ การเย็บศพที่ขาดวิ่นทุกศพ

  

หากไม่ใช่เพราะการปรับโครงสร้างอย่างกะทันหันของเว่ยจงเซียน สถานะของช่างเย็บศพทั้งหมดก็คงใกล้เคียงกัน

  

แต่ตอนนี้ ทุกคนต่างกระตือรือร้นที่จะไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งช่างเย็บศพหมายเลขหนึ่ง ของขั้นเทียน

  

เมื่อมีคนปีนได้เร็วกว่า ก็จะดึงดูดความอิจฉาและความเกลียดชังจากทุกคนโดยธรรมชาติ

  

ฉางกวนเฟิงหัวเราะเบาๆ และหยุดพูด

  

หยางจิ่วไม่อยากทำให้ตัวเองขายหน้าอีกต่อไป เขาแค่แวะมาทักทาย แต่ดันโดนตบหน้า

  

ขณะที่เขากำลังจะกลับไปที่ร้านเย็บศพ เขาก็เห็นนกประหลาดตัวหนึ่ง ยืนอยู่บนหลังคาของร้านเย็บศพหมายเลขสิบ ซึ่งไม่ไกลนัก

  

นกประหลาดยกหัวขึ้นสูงและดูเหมือนจะมองมาทางนี้

  

หยางจิ่วไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นนกชนิดใด และรู้สึกว่ามันทำมาจากแท่งไม้

  

หวือ หวือ!!

  

ทันใดนั้นนกประหลาดก็อ้าปาก และเข็มเหล็กก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

  

มีเข็มบรรจุอย่างหนาแน่น

พุ่งมาอย่างต่อเนื่อง.

  

หยางจิ่วไม่ได้พกดาบตอนที่เขาออกมา ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ทักษะภูษาเหล็ก แล้วรีบพุ่งไปหานกประหลาดตัวนั้น

  

เข็มเหล็กกระแทกร่างของหยางจิ่ว ทำให้เกิดเสียงดังกราว และเข็มกระดอนออกไปทีละอัน

  

ยังมีเข็มเหล็กจำนวนมากผ่านร่างของหยางจิ่วและพุ่งไปทางฉางกวนเฟิง

  

ฉางกวนเฟิงตอบสนองเร็วมาก เขาก้าวเข้าไปในร้านเย็บศพหมายเลขสอง และปิดประตูดังปัง

  

เข็มเหล็กกระทบบนประตูไม้ ทำให้ประตูไม้ดูเหมือนหลังเม่นทันที

  

เมื่อเห็นหยางจิ่วใกล้เข้ามา นกประหลาดก็กางปีกและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยกางปีกกว้างประมาณ 10 ชุ่น(1 ฟุต)

  

ปากของนกประหลาดนั้นเปิดออก และมันยังคงยิงเข็มเหล็กไปทางหยางจิ่ว

  

หยางจิ่วบินไม่ได้ เขาเลยไม่สามารถจัดการนกนี่ได้ ช่างอึดอัดเสียจริงๆ

  

"เจ้านกนกอินทรีโง่ ลงมาซะ" ทันใดนั้นเสียงโกรธก็ดังมาจากด้านข้าง

  

หยางจิ่วหันศีรษะไปมอง เขาเห็นคนๆ ​​หนึ่ง ยืนอยู่ข้างหลังเขาไม่ไกลนัก สวมเสื้อผ้าผ้าเนื้อดี หลังค่อมเล็กน้อย มีดวงตาที่เฉียบคมเป็นพิเศษ

  

นกประหลาดที่ตกใจสุดขีดในอากาศหดปีก และหดหัวกลายเป็นลูกบอล พุ่งเข้าหาคนหลังค่อม

คนหลังค่อมคว้ามันด้วยมือของเขาและใส่ไว้ในถุงผ้าที่เขาพกติดตัว ประสานหมัดของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "พี่ชาย เจ้าโอเคไหม ข้าไม่ชอบนกอินทรีโง่ๆ ตัวนี้มาพักหนึ่งแล้ว มันชอบวิ่งออกไปสร้างปัญหา”

  

"นี่คือนกกลไก?" คราวนี้หยางจิ่วเข้าใจแล้ว

  

นกตัวนี้ไม่ใช่นกจริงๆ แต่เป็นนกกลไก

  

คนหลังค่อมคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหลิงเสวียน 1 ใน 4 สี่มือปราบพญายมของลิ่วซ่านเหมิน

  

เหลิงเสวียนไม่ชอบจัดการกับคดี แต่ชอบคิดค้นสิ่งประดิษฐ์แปลกๆ

  

เขาบอกว่านกกลไกวิ่งออกมาโดยไม่ตั้งใจ แต่จริงๆ แล้ว เขาปล่อยมันออกมาโดยตั้งใจ จากนั้นจึงเดินตามไปเงียบๆ แอบสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของนกกลไก เพื่อดูว่ามีที่ว่างให้ปรับปรุงหรือไม่

  

แต่เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่า นกงี่เง่าจะเปลี่ยนเป็นโหมดโจมตี ด้วยความคิดริเริ่มของมันเอง หลังจากที่ได้เห็นหยางจิ่ว

มันมีข้อบกพร่อง

  

ยังมีข้อบกพร่องร้ายแรงด้วย

เมื่อเหลิงเสวียนมองดูหยางจิ่วอย่างระมัดระวัง เขาเห็นว่าหยางจิ่วสวมเครื่องแบบขุนนางของช่างเย็บศพจากสำนักตงฉ่าง โดยมีนกกระยางปักอยู่ที่หน้าอกของเขา เขารู้ว่าตำแหน่งทางการของหยางจิ่วนั้นถือเป็นขุนนางขั้นหก ซึ่งอันที่จริงแล้ว เป็นระดับเดียวกับเขา

  

"ใต้เท้า ข้าขออภัยที่ไม่ได้ให้เกียรติท่าน โปรดรับสินน้ำใจด้วย" เหลิงเสวียนหยิบแท่งเงินออกมาจากอกของเขา ยัดเยียดให้หยางจิ่ว และวิ่งจากไปเหมือนสายลม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด