ตอนที่แล้วตอนที่ 1259 นี่... มันจำเป็นต้องถามอยู่ไหม?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1261 มันไม่ได้มีความหมายแบบนั้น..

ตอนที่ 1260 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก


ในโลกนี้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง เมื่อถูกดึงดูดโดยอีกฝ่าย นั่นจะต้องเป็นเพราะอีกฝ่ายมีบางสิ่งที่ทำให้หัวใจคุณหวั่นไหว หรือมีบางอย่างที่ทำให้คุณคาดหวัง

แน่นอนว่า ผู้ชาย และผู้หญิงมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

ถ้าหากคุณเป็นผู้ชาย และคุณอยากให้อีกฝ่ายชมชอบคุณ คุณก็จะต้องเอาใจใส่อีกฝ่าย และทำให้ตัวเองดูดี นี่เป็นพื้นฐานที่สุด จากนั้นคุณจะต้องเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ และคิดอีกครั้งว่าคุณจะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของอีกฝ่ายได้หรือไม่ ถ้าคุณสามารถทําในสิ่งที่คุณเองยินดีได้ ..งั้น คุณก็เข้าใกล้ความสำเร็จแล้ว

คุณมีคู่แข่งเป็นพันๆ คน ทั้งพวกเขาต่างเป็นผู้ชายที่มีลักษณะเดียวกันกับคุณ.. แล้วทําไมคุณถึงชนะมาได้ล่ะ? นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าคุณมีอะไรที่แตกต่างจากคู่แข่ง และทําให้ฝ่ายผู้หญิงประทับใจได้มากกว่า

สมมติว่า ..แม้ว่าคุณจะยากจนเช่นกัน แต่คุณก็ได้แสดงจุดแข็ง และทําให้ฝ่ายผู้หญิงเห็นว่าคุณมีความหวังที่จะดีขึ้น หากเป็นแบบนั้น มันก็เป็นธรรมดาที่คุณจะมีความสามารถในการแข่งขันมากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ

แต่หากคุณเป็นผู้หญิงมันก็จะเป็นอะไรที่ดูง่ายกว่ามาก และตราบใดที่คุณมีหน้าตาดี ผู้ชายก็จะต้องตกหลุมรักคุณ ..อย่างแน่นอน

ให้พูดตามตรง คือ.. ผู้ชายไม่มีความต้านทานต่อความงามอยู่แล้ว

และหลินฟาน ก็เป็นผู้ชาย..

หยุน ชิงเย้า เป็นผู้หญิงที่สวยสดงดงาม เป็นความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ แล้วเช่นนี้ หลินฟาน จะไม่หวั่นไหวไปได้อย่างไร!

เพียงแต่ว่า นอกจาก หลินฟาน จะเป็นผู้ชายแล้ว ตอนนี้เขายังเป็นมหาเศรษฐีแสนล้าน เขาไม่ได้ขาดผู้หญิง และก็ไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิงสวย.. และเมื่อพูดถึงผู้หญิง เขาเอง.. ไม่จำเป็นต้องไปคิดถึงเรื่องพวกนี้อีกต่อไป

ลองคิดดูสิว่าถ้าเขายังคงเป็นคนส่งอาหารอย่างในตอนนั้น ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่เขาเผชิญจะต้องเหมือนกับเพื่อนร่วมชาติชายอีกหลายพันคน และต่อให้เขาจะถูกนัดบอดไปเรื่อยๆ แต่แล้วมันก็ยังคงล้มเหลวต่อไปเรื่อยๆ พอสุดท้ายเขาเองอาจจะไม่มีทางเลือก หรือไม่.. หากเป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ตราบใดที่เป็นผู้หญิง ตราบใดที่เธอยินดีเต็มใจที่จะอยู่กับเขา เช่นนั้นเขาก็ยอมรับได้

ไม่ไม่.. ไม่, นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดแน่นอน ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด.. มันอาจจะเป็นเช่นเดียวกันกับ พี่ชายคนนั้นในหมู่บ้าน ที่เขายังโสดจนถึงอายุสี่สิบ…

แต่ หลินฟาน ตอนนี้ เขาย่อมไม่ต้องห่วงเรื่องเป็นโสดอีกแล้ว ขอแค่เขายินดี เค้าก็สามารถเปลี่ยนผู้หญิงวันละคนก็ยังได้ และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด

เมื่อคุณไม่มีทางเลือก คุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปจู้จี้จุกจิกกับรูปลักษณ์ของผู้หญิง หรือแม้แต่ทุกสิ่งทุกอย่างของฝ่ายหญิง แต่เมื่อคุณสามารถเลือกภรรยาท่ามกลางสาวงามนับไม่ถ้วน เมื่อนั้นรูปร่างหน้าตาก็ไม่ใช่เรื่องแรกที่จะคิด หรือแม้แต่จะวางมันเป็นเรื่องรองก็ตาม เช่น ผู้ก่อตั้งบริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง เศรษฐีระดับโลก ภรรยาของเขาก็ยากที่จะเรียกว่าเป็นผู้หญิงสวยได้ เช่นนั้นสิ่งที่เขาแสวงหาอาจจะแตกต่างจากคนทั่วไป และไม่ใช่แค่การมองอย่างผิวเผิน

แต่ หลินฟาน ค่อนข้างคิดตื้นเขินเกินไป เขาชอบผู้หญิงสวย ดังนั้นรูปร่างหน้าตาจึงเป็นสิ่งแรกที่เขาต้องพิจารณา แต่เขาก็ยังมีเงื่อนไขในการพิจารณาอื่นๆ เช่นกันที่นอกเหนือจากรูปร่างหน้าตาแล้ว เขายังต้องพิจารณาถึงบุคลิกนิสัยของกัน และกัน รวมถึงชาติตระกูล อะไรประมาณนั้นด้วย

ในตอนนี้ไม่มีอะไรจะต้องพูดถึงหน้าตาของ หยุน ชิงเย้า, ซึ่งเธอคือนางฟ้า นางสวรรค์ เป็นความงามที่ไม่มีใครเทียบได้, ต้องบอกว่าหัวใจของ หลินฟาน หวั่นไหวเพียงแค่มองไปที่เธอ แต่แล้วนั่นก็ไม่ได้หมายความว่า หลินฟาน จะอยู่กับ หยุน ชิงเย้า ได้

เพราะเมื่อพิจารณาถึงกฎของชนเผ่าหยุนแล้ว ลูกเขยของเผ่าหยุนจะต้องแบกรับภาระ แค่นั่นก็เพียงพอที่จะทําให้ หลินฟาน เลือกที่จะถอยแล้ว

นอกจากนี้ ในก่อนหน้านี้ เขา กับหยุน ชิงเย้า ยังมีความบาดหมางกัน ทั้ง เขา กับหยุน ชิงเย้า ก็ยังเป็นศัตรูกัน ในความคิดของเขาก็ยังมองว่า หยุน ชิงเย้า เป็นเหมือนกับตัวร้าย

ทั้งความประทับใจนี้ ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเพียงเพราะรูปลักษณ์ของ หยุน ชิงเย้า

ดังนั้น ถ้า หลินฟาน จะอยู่กับ หยุน ชิงเย้า สิ่งที่ต้องเอาชนะไม่ใช่แค่เรื่องของรูปลักษณ์เท่านั้นที่ผ่านแล้ว แต่มันยังมีปัญหาอื่นๆ ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาอีก...

ทุกคนในหยุนเหมิน เมื่อเห็น หยุน ชิงเย้า เปิดเผยใบหน้าต่อหน้า หลินฟาน ก็ย่อมเข้าใจในทันทีว่ามัน ..หมายถึงอะไร

และแน่นอนว่า.. ทุกอย่างมันอยู่ในสายตาของ หยุน จงเจิ้ง และท่านยาย เมื่อนั้นอารมณ์ของพวกเขาก็ค่อนข้างที่จะซับซ้อนขึ้นมา

หากฉากนี้เกิดขึ้นก่อนที่ ชายใบหน้าเหลี่ยม จะบุกเข้ามาในหยุนเหมิน หยุน จงเจิ้ง กับท่านยาย คงจะเป็นคนแรกที่ออกมาคัดค้าน ..อย่างแน่นอน

หลินฟาน เป็นศัตรู หยุน ชิงเย้า กลับไปชอบพอศัตรู นี่ถือเป็นการทรยศครั้งใหญ่ต่อตระกูล ทั้งยังเป็นสิ่งที่ฝ่ายอาจารย์ไม่เห็นชอบ

แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว สถานการณ์จากในก่อนหน้านี้ก็ได้ถูกยกเลิก และหลินฟาน ก็กลายมาเป็นผู้มีพระคุณของ หยุนเหมิน ในชั่วพริบตา หยุน จงเจิ้ง และท่านยาย ก็ได้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อ หลินฟาน ไปอย่างสิ้นเชิง หาก หลินฟาน กลายมาเป็นบุตรเขยของเผ่าหยุน มันคงกลายเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ เขาเป็นดั่งมังกร และหงส์ในหมู่ชน คนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ หากเขาสามารถมาเป็นลูกเขยของชนเผ่าหยุนได้ เมื่อนั้นพวกเขาคงมีความสุขมาก จนไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว ยิ่งกลับเป็นชายหนุ่มคนนี้ ต่อให้ยกถือโคมไฟก็ยังนับว่ายาก.. (หาจากไหนไม่ได้อีกแล้ว)

แล้วทําไมอารมณ์พวกเขาถึงได้ดูค่อนข้างซับซ้อน.. นั่นเพราะท้ายที่สุดแล้ว หลินฟาน ยอดเยี่ยมมากจริงๆ จนพวกเขายังรู้สึกว่า พวกเขา ..ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้

ยิ่งเมื่อพิจารณาว่า หลินฟาน อาจมาจากหนึ่งในสำนักนิกายซ่อนเร้นที่เก่าแก่แล้ว อารมณ์ของพวกเขาก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น การแต่งงานของคนในสำนักนิกายซ่อนเร้นนั้น มันแตกต่างจากโลกภายนอก และมันเป็นอะไรที่ดูซับซ้อนมากกว่าอีกด้วย

“ไอไอ ท่านผู้นำ ข้าขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?” ท่านยาย ได้ขยับเข้ามาข้างๆ หยุน จงเจิ้ง และไอแห้งๆ ออกไปสองครั้ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาๆ ออกไป

หยุน จงเจิ้ง เองก็ต้องการพูดคุยกับ ท่านยาย พอดี ดังนั้นเขาจึงพูดทันทีว่า : “งั้น.. ท่าน โปรดตามข้าไปด้านหลัง”

ทั้งสองจึงได้ออกมา และเข้าไปในห้องหนึ่งที่อยู่หลังห้องโถงใหญ่

“ผู้นำ ท่านเองควรรู้ว่าข้าจะพูดอะไรกับท่าน” ท่านยาย ได้กล่าวออกมา

หยุน จงเจิ้ง ได้พูดว่า : “เรื่อง ชิงเย้า กับท่านหลิน นะหรือ?”

ท่านยาย ยกยิ้ม และพูดว่า : “แน่นอนว่าเป็น ชิงเย้า ของเราที่ชอบ ท่านหลิน ในเรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ได้แปลกใจอันใด ข้านั้นได้ยิน ชิงเย้า พูดถึงประสบการณ์ของนางกับ หลินฟาน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ชายหนุ่มอย่าง หลินฟาน คนนี้นั้นยอดเยี่ยมมาก แล้วสตรีที่ไหนจะไม่คิดหวั่นไหว หรือสนใจได้กันล่ะ อีกอย่าง ท่านเองก็เห็นอยู่ว่า ชิงเย้า ของเรานั้น ไม่เคยหวั่นไหว หรือสนใจชายใดมาก่อน แต่มาตอนนี้นางก็ได้หวั่นไหวกับเขาไปแล้ว และข้าก็มั่นใจมากว่าเขาก็คือคนในอุดมคติที่ ชิงเย้า กําลังมองหาอยู่”

หยุน จงเจิ้ง ได้ถอนหายใจ แล้วพูดว่า : “ใช่ ท่านหลิน นั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ก็เป็นเพราะ ท่านหลิน ยอดเยี่ยมมากนี้แหละ สถานการณ์มันจึงเป็นอะไรที่น่ากังวล ท่านยาย ไหนข้าขอถามท่านว่า ท่านหลิน เขานั้นต้องการมาเป็นบุตรเขยของเผ่าหยุนของข้า งั้นหรือ?”

ท่านยาย ได้ส่ายศีรษะทันที : “ถ้าเขามาจากสำนักนิกายซ่อนเร้น หรือหนึ่งในสำนักนิกายซ่อนเร้นที่เก่าแก่จริงๆ อันนี้ท่านก็ไม่จําเป็นต้องถามข้าแล้ว”

หยุน จงเจิ้ง พยักหน้า : “ใช่ ถ้าเขาเป็นคนจากสำนักนิกายซ่อนเร้น และการที่เขายอดเยี่ยมเช่นนี้ เขา.. คงไม่ยอมมาเป็นบุตรเขยของเราอย่างแน่นอน เพียงแต่... หากสามีของ ชิงเย้า ไม่ใช่บุตรเขยเข้าตระกูล มันก็เป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้ และนั่นที่ทำให้ข้า ..กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”

ท่านยาย กล่าวว่า : “ข้าเข้าใจในความหมายของท่าน ข้านั้นก็คาดหวังกับ ชิงเย้า ไว้มาก ชิงเย้า เป็นลูกหลานที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลหยุน ของเรา ในอนาคตนางจะขึ้นเป็น ผู้นำ หากเช่นนี้คงจะไม่สามารถให้นางแต่งกับคนนอกได้ และยังไงสามีของนางก็จะต้องเป็นเขยที่ถูกแต่งเข้ามา”

หยุน จงเจิ้ง กล่าวไปว่า : “ชะตากรรมอันชั่วร้าย!” *(หากในไทยก็ประมาณ อุทานว่า ‘เวรกรรมจริงๆ’)

ใครจะไปคิดว่าหญิงสาวผู้งดงามจะไปตกหลุมรักชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมเข้า แต่แล้วมันก็กลับถูกลิขิตจากชะตากรรม ให้ไม่ควรเกิดขึ้น…

สิ่งที่เรียกว่า ชะตากรรมอันชั่วร้าย ก็คือ ชะตากรรมที่ไม่ส่งผลดี และมันเป็นเคราะห์กรรมที่ไม่ควรมีอยู่ตั้งแต่แรก

“ท่านยาย แล้วตอนนี้ข้าควรทําอย่างไร ชิงเย้า ได้แสดงทัศนคติออกไปแล้ว และในเรื่องนี้ข้าควรที่จะจัดการอย่างไรดี?” หยุน จงเจิ้ง พูดต่อไปว่า : “ชิงเย้า ถึงวัยที่ควรแต่งงานออกเรือนแล้ว มันยากมากที่นางจะพบเจอชายที่นางสนใจได้ ข้าเองก็ทนไม่ได้ที่จะหักหาญนางจริงๆ”

ท่านยาย ได้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า : “ก่อนอื่น ท่านอย่าได้เร่งรีบพูดอันใดกับ ชิงเย้า พวกเราอาจจำเป็นต้องไปพูดคุยเรื่องนี้กับ หลินฟาน เสียก่อน”

หยุน จงเจิ้ง กล่าวขึ้นทันทีว่า : “อะไรนะ ไม่.. หรือนี่ท่านกำลังคิดว่า หลินฟาน เต็มใจเป็นบุตรเขยแต่งเข้าตระกูลเรา?”

ท่านยาย ได้ครุ่นคิด และกล่าวว่า : “อันนี้พูดได้ยาก หลินฟาน ปฏิเสธมาตลอดว่าเขาไม่ใช่คนจากสำนักนิกายซ่อนเร้น แล้วหากถ้าท่านคิดว่า เขา.. ไม่ใช่คนจากสำนักนิกายซ่อนเร้นจริงๆ ล่ะ?”

หยุน จงเจิ้ง ตกตะลึง : “เขายอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ ..จะไม่ใช่คนจากสำนักนิกายซ่อนเร้นได้ยังไง?”

ท่านยาย กล่าวว่า : “นี่เป็นสิ่งที่เขาพูดเอง พูดง่ายๆ ก็คือ เราจะต้องลองดู อีกอย่างในครั้งนั้น ราชินีแห่งเมืองแม่ม่าย ซึ่งนางก็ได้ตกหลุมรักพระถัง (พระถังซัมจั๋ง) และต้องการให้พระถังอยู่กับนาง ในตอนนั้นข้าเห็นว่า พระถังเกือบจะโอนอ่อนละทิ้งหน้าที่ที่สำคัญเพื่อมาอยู่กับนางแล้ว อีกอย่างหากพูดถึง ชิงเย้า ของเราในแง่ของรูปลักษณ์ของนาง ก็ไม่แพ้ราชินีเมืองแม่ม่าย และข้าก็ไม่เชื่อว่า หลินฟาน จะปราบได้ยากกว่า พระถัง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด