ตอนที่แล้วเล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 3 บทที่ 12 – ป้องกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 3 บทที่ 14 – เบื้องหลังของการเปลี่ยนแปลง

เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 3 บทที่ 13 – สิ่งที่ต้องทะลวงผ่านไป


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

เล่มที่ 3 บทที่ 13 – สิ่งที่ต้องทะลวงผ่านไป

(เดริชา)

มอนสเตอร์มีการป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ

พลังเวทย์พุ่งขึ้นภายในร่างกายของข้าอย่างต่อเนื่องด้วยพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้

ความกระสับกระส่ายที่อธิบายไม่ได้ปะทะกันในหน้าอกของข้า ผลักดันให้ข้าโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งครั้งแล้วครั้งเล่า

นี่คือพลังของการหลอมรวมกับวิญญาณมังกรงั้นหรือ?

ความแข็งแกร่ง ความเร็ว เทคนิค - ทุกความสามารถของข้าได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ทว่า...

“พายุกรรโชก!” แสงสีฟ้าที่ปลายหอกของข้าเปล่งประกายพร้อมกับรอยตัดพายุที่เฉือนผ่านซากศพของมอนสเตอร์ เสียงที่คมชัดดังก้องพร้อมกับลมที่หมุนปะทุขึ้น!

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีพลังที่มากขึ้น แต่การโจมตีของข้า…ก็ถูกเบี่ยงเบนไป

ใบมีดลมที่พุ่งไปกลับฉีกขาด ทำให้ปีกมังกรที่เกิดจากพลังเวทมนตร์อันพร่าของข้ากำลังหายไป…ข้าถูกสะท้อนการโจมตีงั้นหรือ?

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้นข้าก็เห็นถึงสายตาของมอนสเตอร์ที่กำลังจับจ้องมาทางข้า

"เดริชา!"

แรงกระแทกเมื่อครู่ทำให้จิตใจของข้าตกลงไปสู่ความว่างเปล่า...

"เดริชา!!!"

เสียงตะโกนดังไม่หยุด แต่ราวกับว่ามันไม่ได้เข้ามาถึงข้าเลย

"เดริชา!!! หยุดฝันกลางวันได้แล้ว! เจ้าจะทำตัวไม่มีมารยาทเช่นนี้ไปถึงเมื่อไรกัน? กลับมามีสติได้แล้ว!!!”

ทันใดนั้นระลอกคลื่นที่ดูว่างเปล่า ร่างที่พร่ามัวก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น

เป็นเด็กน้อยผมขาวสวมมงกุฎบนศีรษะและประดับประดาด้วยเครื่องแต่งกายฟุ่มเฟือย

ต่อหน้านางมีผู้หญิงที่กำลังสวมมงกุฎอยู่…พี่สาวเหรอ?

“จงเก็บนิสัยทั้งหมดของเจ้าไป! นิสัยไร้มารยาทเช่นนั้น ห้ามให้ผู้อื่นได้เห็นโดยเด็ดขาด!”

แม้ข้าจะมองไม่เห็นใบหน้าของนาง แต่ไหล่ของข้าก็สั่นราวกับว่ากำลังร้องไห้

ขณะที่ข้ากำลังจะพูด จู่ๆ ทิวทัศน์ตรงหน้าข้าก็บิดเบี้ยว

ภาพมันเริ่มชัดเจนขึ้นอีกครั้ง

"เดริชา!!!"

เสียงกรอบแกรบดังก้องและใบหน้าของเด็กน้อยก็ผิดแปลกไป

“ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้ว? นิสัยที่รุนแรงแบบคนชนบทเช่นท่านไม่ควรอยู่ในวัง! ท่านจะไปทุบตีพลเมืองของท่านเองได้อย่างไร? หา? เลิกฝันกลางวันได้แล้ว! ตอบข้ามา!” คนที่ดุหญิงสาวคนนั้นเป็นหญิงชราที่แต่งกายอย่างเป็นทางการ แต่ข้าจำนางได้ดี นางเป็นครูสอนมารยาท

“ก็เขาเป็นคนไม่ดี ขโมยของที่คนอื่นทำงานหนักมา…”

“ท่านพูดจาอะไรไร้สาระ! ท่านเดริชา! ท่านต้องรู้ตำแหน่งของท่านด้วย! ท่านเป็นเจ้าหญิงของประเทศนี้! การกระทำของท่านถูกมองว่าเป็นการกระทำของประเทศนี้! อย่างน้อยที่สุดท่านควรรายงานต่อองครักษ์ อย่าคิดจะทำมันด้วยตัวเองอีก!”

จากนั้นมันก็กลับกลายเป็นอีกภาพหนึ่ง

"เดริชา!!! เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ข้ากำลังพูดกับเจ้านะ ให้ตายสิ!”

“ดูเหมือนว่าสิ่งที่สาวใช้พูดนั้นถูกต้องหมดเลย เจ้าก็เป็นเพียงอันธพาลชั้นต่ำอีกคนหนึ่งที่องค์ราชาเผอิญสร้างขึ้นมาก็เท่านั้น! เจ้าดูไม่ได้เชื้อสายอะไรมาจากองค์ราชาเลย! เจ้าคล้ายกับแม่ผู้ต่ำต้อยของเจ้าไม่มีผิด… อ๊าาาาก!!!”

“อย่าดูถูกแม่ข้า!” เด็กน้อยผู้หนึ่งเหวี่ยงเก้าอี้ในมือของนางอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เด็กชายกลิ้งไปกับพื้นและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

จากนั้นภาพฉากนั้นก็หยุดนิ่ง ท่ามกลางทหารที่ล้มลงและผู้คนที่กำลังคร่ำครวญ เด็กน้อยยืนจับขาเก้าอี้หันหน้าเข้าหาราชากผู้กำลังปกป้องภรรยาและลูกๆ ของเขา

เด็กคนนั้นมองดูราชาที่กำลังปกป้องราชินีและเจ้าหญิงที่กำลังอยู่ด้านหลังเขา

เป็นภาพที่น่าชมทีเดียว

ด้านหนึ่งมีครอบครัวที่ทุกคนสวมมงกุฎไว้ โดยเบื้องหน้าเป็นชายผู้หนึ่งที่สวมมงกุฎเช่นกันกำลังปกป้องพวกเขาจากอันตราย

ในอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นครอบครัวของพวกเขา แต่กลับตัวคนเดียว

ข้ามองไม่เห็นใบหน้าของเด็กน้อยคนนั้น แต่สัมผัสได้ถึงความโกรธและความเศร้าของนาง

.

“เดริชา เจ้าต้องหัดยับยั้งชั่งใจบ้างนะ!”

“การต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำในวังหลวง!”

“ทำไมเจ้าไม่กลับไปที่หลุมโคลนของเจ้าเล่า เจ้าอันธพาลตัวน้อย!”

“เจ้ามีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งงั้นหรือ? แล้วยังไง? เจ้าต้องการที่จะเข้าไปในวังด้วยร่างกายที่สกปรกเช่นนี้เหรอ?”

“องค์หญิง ได้โปรดห้ามใจตนเองบ้างเถอด ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ ท่านจะทำอะไรโดยประมาทนะ!”

พระราชวังไม่ใช่บ้าน

มันเหมือนกับคุกที่กำลังกุมขัง

เหมือนกับคุก

เหมือนกับคุก

เหมือนกับกรงขังไม่มีผิด

กรงขังที่ลงโทษตัวข้าผู้มิควรเกิดมา

ภาพเบื้องหน้าข้าเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

เฝ้ามองดูบุตรหลานของตระกูลขุนนางในวังออกไปข้างนอกด้วยกัน ในขณะที่ข้าไม่มีเพื่อนเล่น ต้องถอดชุดของข้าออกและช่วยสาวใช้ทำงานบ้านต่างๆ

เฝ้าดูพ่อของข้าพร้อมกับราชินี พี่สาวและน้องสาวของข้าไปเที่ยวชมและสนุกกับการออกเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะที่ข้ากำลังศึกษามารยาท ทำได้เพียงโบกมือลารถม้าที่จากไปอย่างเงียบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ประเทศชาติต้องอับอายและผู้อื่นเห็นถึงความด้อยของข้า

คอยมองดูพ่อของข้าที่ลูบหัวพี่สาวและน้องสาวของข้า โดยไม่คิดจะสนใจข้าที่ปรารถนาความรักเป็นที่สุด

ท่ามกลางน้ำตาที่หยดไหลลงมา ความหวังก็เลือนหายไป

เหมือนกับคุก

เหมือนกับคุกไม่มีผิด

ข้าร้องไห้แล้วลุกขึ้นยืน

อยู่คนเดียวโดยไม่มีเพื่อนร่วมทาง

ไม่มีใครเลยสักน...

“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ต้องการถูกจำกัดโดยผู้อื่น ตอนนี้ก็ไม่มีใครสามารถจำกัดเจ้าได้แล้ว ต่อสู้ด้วยสัญชาตญาณของเจ้าสิ แม้ว่าอาวุธของเจ้าจะแตกหักแล้วก็ตาม…”

มีเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นมาในใจของข้า

“ข้าจะซ่อมให้เจ้าด้วย เพระาเจ้าเป็นสหายของข้า!”

ใบหน้าของเขาปรากฏขึ้นในใจของข้า…ใช่แล้ว…ใช่ ตอนนี้ข้าไม่ได้ต่อสู้ตัวคนเดียว

ความคิดของข้าปั่นป่วนและทันใดนั้น วิสัยทัศน์ของข้าก็ชัดเจน!

เบื้องหน้าข้า มีเศษหินลอยและของเหลวสีแดงเต็มไปทั่ว

.

กำแพงหินหนาสามเมตรแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับกระดาษแผ่นหนึ่ง

เบื้องหน้าวอลสัน แรงกระแทกได้ทำให้กำแพงหินแตกเป็นเสี่ยงๆ มันระเบิดออกทิ้งรอยเลือดไว้ตามร่างกายของวอลสัน… ของเหลวสีแดงพุ่งออกจากแขนขวาของเขา และแขนเสื้อที่ว่างเปล่าของเขาก็กวัดแกว่งไปในอากาศ

“อึก…เจ้ามัวชักช้าอะไรอยู่?”  วอลสันสบถออกมาอย่างอ่อนแรง

ข้ามัวชักช้าอะไรอยู่งั้นหรือ?

ตอนนี้ข้ามีสหายที่ต้องปกป้อง ไม่ใช่เพียงเจ้าหญิงที่ถูกกุมขัง...

เหตุอันใดวาลคิรีแห่งสายลม ณ เมืองวารีจึงต้องยึดติดอยู่กับเพียงแค่สายลมกัน?

สายลมเป็นเพียงสื่อกลาง...

“โอมมมม-” ร่างกายของข้าเริ่มเคลื่อนไหว หันหน้าไปทางมอนสเตอร์ที่กำลังเปล่งแสงสีม่วงและสีฟ้า ปีกมังกรกระพือปีกอย่างแรง ผลักดันข้าไปข้างหน้าในขณะที่เปลี่ยนเป็นพายุหมุนที่ห่อหุ้มบริเวณโดยรอบ

ความดันอากาศอัดแน่นลงไปทำให้พื้นผิวของน้ำกระเพื่อม ก่อให้เกิดทอร์นาโดน้ำเป็นพายุห่อรอบตัวข้าทีละชั้น

เวทมนตร์ได้ผสานเข้ากับต้นแบบหอกต่อต้านเมลอน 1.0 และสายฟ้าก็เริ่มกะพริบ

การเจาะให้ถึงขีดสุดคือการทะลวง การทะลวงให้ถึงขีดสุดคือการทำให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆ การจะทำให้เป็นเช่นนั้นได้…ต้องแปรสภาพเป็นลม

สายลมแห่งความเป็นไปได้อันไม่มีที่สิ้นสุด

“【หอกกระแสน้ำวนยักษ์】…”

กระสุนสีม่วงและน้ำเงินได้พุ่งเข้ามาหาข้า คล้ายกับมันจะจัดการข้าให้สิ้นซาก

ทว่ามันก็ได้เข้าปะทะกับพลังที่ข้าปลดปล่อยออกไป…สิ่งที่ข้าทำมีเพียงแค่หลับตาลง

ข้าเพิ่มการไหลเวียนเวทมนตร์ลงในอาวุธของข้า โดยใช้ลมเพื่อขับเคลื่อนการไหลเวียนของมัน

แรงกระแทกทุกอย่างได้สลายหายไปหมด ข้าลืมตาขึ้นและเห็นแสงสีม่วงและสีฟ้าล้อมรอบการไหลของน้ำ ดูดซับมันกับตัวข้าเอง

เมื่อมีหอกอยู่ในมือ ข้าไม่จำเป็นต้องลังเลอีกต่อไป

คุกที่กุมขังข้าไว้ ตอนนี้พวกมันไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งที่ข้าต้องเจาะทะลวงออกไปพร้อมกับชุดเกราะของปลามหึมาตัวนี้

【ปลดล็อคความสำเร็จ:  เงื่อนไขที่ซ่อนอยู่ “เจ้าแห่งสรรพสิ่ง – สายลม”】

【เรียนรู้ทักษะใหม่: “สายลมเหนือกาลเวลา”】

“【สลายธาตุ – ทลายวารี】!!!!!!”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด