ตอนที่แล้วบทที่ 14 เจียเจี๋ยอวี้ได้รับความลำบาก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16 คำนับ

บทที่ 15 เสวี่ยถวน


วันเวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า ฉินชิงยังคงทำการบ้านที่ฮ่องเต้มอบหมายให้ในทุกๆ วันจนเสร็จ จากนั้นก็อ่านนิยาย อ่านบันทึกการเดินทาง และทำในสิ่งที่สนมคนโปรดทำเวลาฮ่องเต้เรียกหา ไม่วิ่งออกไปข้างนอกเหมือนกับหญิงสาวที่ไม่ก้าวออกจากประตูเรือนแม้แต่ก้าวเดียว

ในวังที่แสนกว้างใหญ่แห่งนี้ ฉินชิงไม่มีเพื่อน นางใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกวัน ทันใดนั้นนางก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนจำนวนมากถึงอยากมีลูก

ฉินชิงสรุปเหตุผลที่เป็นไปได้หลายประการ

หนึ่งคือ มีเรื่องให้ทำมากมาย เด็กต้องการคนดูแล การเลี้ยงเด็กมีเรื่องซับซ้อนมากมาย ต้องใช้เวลากับมันมาก แต่คนในวังหลังส่วนใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอยู่แล้ว นอกจากฮองเฮา

สองคือ เมื่อมีลูก แม้ว่าจะไม่ได้รับความโปรดปราน แต่ชีวิตในวังหลังก็ย่อมไม่ลำบาก ถึงอย่างไรก็ได้ให้กำเนิดสายเลือดของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ ไทเฮา ฮองเฮาย่อมจำสิ่งนี้ได้ เมื่อมีรางวัลอะไรก็จะแบ่งให้เจ้าเพราะให้กำเนิดทายาทของราชวงศ์

สามคือ สามารถสะสมเงินได้ องค์ชายคนหนึ่งหรือต่อให้เป็นองค์หญิง ไม่ว่าจะเป็นขันที นางกำนัล หรือแม่นม อย่างน้อยก็มีหนึ่งร้อยคน เงินเดือนหลายคนขนาดนี้ก็ต้องมีแบ่งให้องค์ชายองค์หญิงบ้าง แน่นอนว่าเงินจำนวนนั้นคงมีไม่น้อย

สี่คือ มีเพื่อน ลูกคือหนึ่งในไม่กี่คนที่ใกล้ชิดที่สุดในชีวิต แน่นอนว่าย่อมสำคัญกว่าการให้คนอื่นมาอยู่เป็นเพื่อน

ห้าคือ เมื่อแก่ตัวลงจะได้มีที่พึ่ง แม้ว่าจะมีตำแหน่งสนมคนโปรดของฮ่องเต้ แต่เมื่อฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ก็ต้องไปที่ตำหนักฉืออัน อันเป็นตำหนักของสนมที่มีตำแหน่งผินขึ้นไป ชีวิตความเป็นอยู่ต้องเลวร้ายมากแน่นอน สนมที่ไม่เป็นที่โปรดปรานทำได้เพียงไปอาศัยอยู่ตามวัดนอกวัง ใช้ชีวิตบั้นปลายกับการบำเพ็ญเพียร

แต่หากให้กำเนิดลูก ถ้าเป็นองค์ชาย เมื่อได้รับตำแหน่งอ๋องก็จะได้เป็นเหล่าไท่จวิน [1] ที่มีความสุขอยู่ในจวนอ๋อง ถึงแม้ว่าจะเป็นองค์หญิงก็ยังมีจวนขององค์หญิง สามารถพามารดาผู้ให้กำเนิดไปเลี้ยงดูที่นั่นได้ ชีวิตในบั้นปลายก็น่าจะไม่แย่ อย่างน้อยก็ดีกว่าในวัง

หกคือ แม้ว่าจะเป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด องค์ชายองค์หญิงสิ้นพระชนม์ก่อนการเป็นผู้ใหญ่ แต่อย่างน้อยก็ต้องได้รับความสงสารจากไทเฮา ฮองเฮา แบบนี้ดีกว่าสิ่งอื่นใดเป็นไหนๆ

สรุปประโยชน์มากมายของการมีลูก หากถามฉินชิงว่านางต้องการมีลูกหรือไม่ คำตอบของนางคือ ‘ไม่ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้’

เหตุผลอย่างเช่น

ข้อแรก นางยังเด็กเกินไป แม้ว่าจิตใจของนางจะไม่เด็กแล้ว แต่ร่างกายของนางก็เพิ่งอายุสิบเจ็ดปี สตรีควรตั้งครรภ์ตอนอายุยี่สิบสามปีขึ้นไป หากมีลูกตอนที่ร่างกายยังเติบโตไม่เต็มที่ มันจะไม่ดีต่อตัวเองและไม่ดีต่อลูก ง่ายต่อการตายก่อนวัยอันควร

ฉินชิงเคยอ่านนิยายข้ามมิติมาบ้าง นางเอกอายุสิบห้ากำลังตั้งครรภ์แฝดสามคน คลอดออกมาได้อย่างสมบูรณ์ เด็กฉลาดมีไหวพริบ นางเอกไม่มีปัญหาหลังคลอด ความเร็วในการฟื้นตัวก็เหมือนกับการขี่จรวด ฉินชิงทำได้เพียงพูดเช่นนี้เห็นมีแต่ผู้ที่ได้นิ้วทองคำ [2] เท่านั้น

ในยุคปัจจุบัน ฉินชิงเคยดูแลหญิงตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง และหญิงตั้งครรภ์เหล่านั้นก็มีปัญหาหลังคลอดตามมาอีกไม่น้อย ยังไม่ถึงครึ่งปีสุขภาพก็แย่ลง ยังพักผ่อนไม่เต็มที่ถึงหนึ่งเดือนก็ท้องอีกรอบ

ประการที่สอง ทายาทของฮ่องเต้มีน้อย รักษาไว้ได้เพียงองค์หญิงสามคนเท่านั้น ฉินชิงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ ละครการต่อสู้ในวังนางดูจนเบื่อแล้ว ดังนั้นตอนนี้นางจึงยังไม่อยากมีลูก นางไม่อยากให้ใครมาใส่ร้าย อย่างน้อยก็จนกว่านางจะมีฐานะมั่นคงในวังหลัง จึงจะยังไม่ให้กำเนิดเด็กชั่วคราว

ส่วนข้อสุดท้าย ฉินชิงรู้สึกว่าตอนนี้นางกับฮ่องเต้ยังเป็นช่วงข้าวใหม่ปลามัน ดังนั้นนางจึงไม่อยากมีลูกในตอนนี้ ลูกของนางต้องเกิดมาจากความรักของคนสองคนจริงๆ

แต่การทำกิจวัตรเช่นนี้ทุกวันมันก็น่าเบื่อเกินไป ฉินชิงคิดว่าจะหาเพื่อนสักคน ฮ่องเต้ก็ยุ่งกับกิจการบ้านเมือง วันนี้พอฟ้าสางเขาก็ต้องตื่นไปว่าราชการเช้า ฉินชิงเองก็ตื่นขึ้นมาสักพัก แต่หลังจากเขาบอกให้นางไม่ต้องรีบตื่นขึ้นมา นางก็ได้รับผลประโยชน์จากการเป็นสนมคนโปรดของเขา ได้กลับเข้าไปนอนในกรงต่อ

จะให้ฮ่องเต้อยู่กับนางทั้งวันเกรงว่าจะไม่ได้ เหล่านางกำนัลในวังก็ไม่สามารถเติมเต็มความอ้างว้างในใจของฉินชิงได้ ส่วนหยินผิงและหยินซั่นก็มองว่าฉินชิงเป็นเจ้านาย พวกนางไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับฉินชิง ดังนั้นจึงไม่อาจแลกใจเป็นเพื่อนกันได้

ฉินชิงตัดสินใจรับเลี้ยงสัตว์ เมื่อพูดแล้วก็ทำเลย นางจึงเรียกหยินผิงเข้ามา

“หยินผิง เจ้าไปถามที่กรมกิจการภายในทีว่ามีสัตว์ที่ข้าพอจะเลี้ยงได้หรือไม่?”

เมื่อหยินผิงได้รับคำสั่งแล้ว นางก็ไปที่กรมกิจการภายในทันที

เมื่อคนในกรมกิจการภายในได้ยินว่าฉินชิงต้องการเลี้ยงสัตว์ พวกเขาก็จัดการให้ทันที ดังนั้นในช่วงบ่ายวันนี้ ในตำหนักของฉินชิงก็มีสัตว์หลายประเภท ทั้งบินบนฟ้า ทั้งว่ายในน้ำ ทั้งวิ่งบนดิน

คนที่นำสัตว์ทั้งหมดนี่มาก็คือกงกงนามว่าหนิงโซ่วฉวน

“เหนียงเหนียง นี่คือสัตว์เลี้ยงที่พวกเราคัดสรรมาให้ท่านอย่างพิถีพิถันที่สุด เชิญท่านไปดูทางนู้น นั่นคือนกแก้ว”

ฉินชิงมองไป หนิงโซ่วฉวนก็อธิบายให้นางฟัง

“เหนียงเหนียง ท่านดูสิ นี่คือนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบ หรือเรียกอีกอย่างว่านกแก้ววงจันทร์ จะเห็นได้บ่อยๆ คือทางใต้ งดงามมาก นี่คือตัวที่มีขนสีงดงามที่สุดที่พวกเราเลือกมา”

ฉินชิงไม่ค่อยสนใจเลี้ยงนกแก้วเท่าไรนัก ดังนั้นจึงเดินผ่านเขตของนกแก้วไปทันที จนมาถึงถังน้ำสองสามถัง

“พวกนี้คือปลากัด เป็นปลาที่เอาไว้ชมชนิดหนึ่ง สีสันงดงาม ตอนว่ายน้ำก็ดูงดงามมาก”

ฉินชิงนึกถึงประสบการณ์อันน่าเศร้าที่ตนเคยเลี้ยงปลาในชาติก่อน นางต้องเปลี่ยนน้ำสามวันครั้งหนึ่ง และเปลี่ยนปลาหนึ่งตัวต่อสัปดาห์ นางไม่เคยเลี้ยงปลาให้รอดได้เลยสักตัว และนางก็ไม่อยากให้ปลาตัวนี้โชคร้ายอีก

ฉินชิงเดินไปทางที่อยู่ของเหล่าสุนัข มองสุนัขขนยาวที่กำลังจ้องฉินชิงด้วยแววตากลมโตและเปียกชื้น จนเกือบทำให้ฉินชิงเลือกเลี้ยงสุนัขทันที

น่าเสียดายที่ต้าเหลียงมีสุนัขตัวเล็กไม่มาก ทั้งยังหน้าตาไม่น่ารัก นางไม่กล้าเลี้ยงสุนัขตัวใหญ่ในวัง ถ้าจับเชือกไม่ดี แล้วถูกมันทำให้ลื่นไถลและหลุดไปกัดใครจะทำอย่างไร สมัยนี้ยังไม่มีวัคซีน แม้ว่าจะโชคดีไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า แต่การถูกสุนัขกัดนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องดีต่อคนสูงศักดิ์ในวัง ฉินชิงไม่สามารถแบกรับความสูญเสียเหล่านี้ได้

ดังนั้นจึงเดินหน้าต่อ

“เหนียงเหนียง ทางนี้คือแมว พวกเราเลือกที่มีนิสัยเชื่องไม่ข่วนคน เหนียงเหนียงเลี้ยงได้อย่างสบายใจ”

เมื่อเห็นแมวน้อย หัวใจของฉินชิงก็ละลาย และคิดว่าต่อจากนี้จะเลี้ยงแมว ดังนั้นฉินชิงจึงตัดสินใจเลือกแมว

หนิงโซ่วฉวนพาแมวเข้ามา ทางด้านซ้ายสุดคือแมวสีส้ม ตามคำกล่าวโบราณ แมวส้มนั้นชอบกินจึงทำให้มันอ้วนจนสามารถเหยียบเตียงให้ทรุดได้ ฉินชิงคิดว่าสุดท้ายนางก็คงอุ้มมันไม่ไหว จึงเลิกคิดจะเลี้ยงแมวส้ม

จากนั้นก็เหลือบไปทางขวา เห็นลูกแมวสีขาวบริสุทธิ์ ความน่ารักของมันยิ่งไม่ต้องพูดถึง ดังนั้นฉินชิงจึงตัดสินใจเลี้ยงมันทันที

หลังจากหนิงโซ่วฉวนอธิบายข้อควรระวังให้กับฉินชิงแล้ว แมวขาวตัวน้อยตัวนี้ก็เป็นของฉินชิง

สิ่งแรกที่ทำเมื่อมีแมวคืออะไร? แน่นอนว่าคือลูบมัน

ฉินชิงกอดแมว และในที่สุดก็สัมผัสได้ถึงความสุขที่ได้ลูบแมว นางรู้สึกว่าไม่สามารถหยุดลูบได้ ดังนั้นนางจึงยังคงลูบมันต่อ

ก้อนเล็กๆ ขดอยู่ในมือของนาง แค่มองก็รู้สึกถูกเติมเต็ม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกอดมัน

ฉินชิงอุ้มลูกแมวจนถึงเวลาอาหารค่ำ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอาหารอร่อยขนาดนี้ เกรงว่านางคงไม่ยอมปล่อยมัน

นี่แค่วันแรกเท่านั้นฉินชิงก็ถูกตกจนได้ และกลายเป็นทาสแมวไปตลอดกาล

เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ในที่สุดฉินชิงก็คิดขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ตั้งชื่อแมวของตนเอง เมื่อเห็นขนของมันเป็นสีขาวราวหิมะ ฉินชิงจึงอุ้มแล้วพูดกับมัน “เช่นนั้นเรียกเจ้าว่าเสวี่ยถวนดีหรือไม่? ถ้าเจ้าชอบก็ร้องเหมียวออกมาหนึ่งครั้ง แต่ถ้าไม่ชอบก็ร้องเหมียวสองครั้งเป็นอย่างไร?”

เสี่ยวถวนไม่ร้องสักแอะ

“ในเมื่อเจ้าไม่ร้อง งั้นข้าก็ถือว่าเจ้าเห็นด้วยแล้วกัน ต่อไปเจ้าชื่อว่าเสวี่ยถวน เสวี่ยถวน เสวี่ยถวน เสวี่ยถวน”

ตั้งแต่นั้นมาฉินชิงก็เริ่มเดินอยู่บนเส้นทางของทาสแมว

-----------------------------------------

(1) เหล่าไท่จวิน หมายถึง ยศหรือบรรดาศักดิ์ที่ฮ่องเต้พระราชทานแก่มารดา พระญาติสนิท หรือมารดาขุนนางที่มีความชอบ

(2) นิ้วทองคำ หมายถึง ดัชนีทองคำ หรือสูตรโกงของตัวเอกในนิยาย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด