ตอนที่ 76 ต่อให้ผู้จัดการมาเองฉันก็ยังจะจัดการกับแก
จ้าวฉางกุ่ยรีบเข้าไปช่วยเฉินเจียงไฮ่และหยุดคนกลุ่มนั้นทันที
ฝางไอกั๋วซ่อนตัวอยู่หลังทั้งสองคนอย่างชาญฉลาด
จ้าวฉางกุ่ยที่มาจากกองกำลังพิเศษนั้นทรงพลังมาก เขาสูงและตัวใหญ่ หมัดที่คนพวกนั้นต่อยเข้ามาทำได้เพียงให้เขารู้สึกคันเท่านั้น
ใช้เวลาไม่นานสำหรับคนทั้งแปดที่ถูกจ้าวฉางกุ่ยทุ่มลงกับพื้นร้องด้วยความเจ็บปวด
เฉินเจียงไฮ่ย่อตัวลง คว้าคอเสื้อของเฟิงเหรินเจี้ยขึ้นมา
พลั๊ว!
เฉินเจียงไฮ่ตบเข้าไปที่หน้าของเฟิงเหรินเจี้ย
“แกกล้าตบฉันเหรอ แกอยากตายใช่ไหม”
อย่ามองว่าเฉินเจียงไฮ่มักจะมีนิสัยดีและร่าเริง แต่หลินว่านชิวเป็นเหมือนเกร็ดย้อนของเขา หากใครกล้าแตะต้อง เฉินเจียงไฮ่จะทำให้รู้ซึ้งถึงรสชาตินั้นเลยที่เดียว
จ้าวฉางกุ่ยกับฝางไอกั๋วมองหน้ากัน และเตะพวกเขาบนพื้นอีกสองสามครั้ง
“ถ้าไม่ออกไปตอนนี้เดี๋ยวพวกแกโดนกระทืบอีกแน่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฝางไอกั๋ว พวกที่นอนอยู่บนพื้นก็สะดุงทันทีและรีบวิ่งหนีไป
ในความเป็นจริง คนเหล่านี้ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงใดๆ พวกเขาเพียงแค่นอนบนพื้นและแสร้งทำเป็นตายเพราะกลัวว่าจะถูกทำร้ายโดยจ้าวฉางกุ่ยอีก
เมื่อเฟิงเหรินเจี้ยเห็นฉากนี้ ทั้งร่างเขาก็ตกตะลึง
พลั๊ว!
"ในอนาคตแกยังกล้าจะยั่วยุภรรยาของฉันอีกไหม" เฉินเจียงไฮ่ตบเขาอีกครั้งหลังจากที่อีกฝ่ายเงียบ
เฟิงเหรินเจี๋ยที่รู้สึกถึงกลิ่นเลือดในปากรีบตะโกนออกมา "คนแซ่เฉิน พ่อของฉันเป็นรองผู้จัดการโรงงาน ถ้าแกกล้าตบฉันอีก อย่าคิดเลยว่าหลินว่านชิวจะอยู่ต่อได้!"
การโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้เฟิงเหรินเจี้ยตกอยู่ในความงุนงงโดยสมบูรณ์
ในเวลานี้เขาคิดเกี่ยวกับการไล่เธอออก
ตราบใดที่เฉินเจียงไฮ่ต้องการรักษางานของหลินว่านชิวไว้ เขาจะไม่กล้าทุบตีเขาอีกแน่นอน
เมื่อเขาบอกว่าเขาเป็นลูกของรองผู้อำนวยการโรงงาน ผู้คนก็ต่างก็ต้อนรับเขาเป็นอย่างดี
พลั๊ว!
พลั๊ว!
หลังจากเขาตบไปสี่ครั้งติดต่อกัน เฉินเจียงไฮ่ก็พูดอย่างไม่เห็นด้วย
“แกกำลังขู่ใครอยู่ พ่อแกเป็นแค่รองผู้จัดการโรงงาน ต่อให้ผู้จัดการโรงงานจะมาเอง ฉันก็ยังจะตบแกอยู่!”
ไม่มีทางที่เจิ้งโจวจะปล่อยให้หลินว่านชิวลาออก
แน่นอนว่าเฉินเจียงไฮ่ไม่ได้พูดประโยคนี้
แต่คนส่วนใหญ่ที่ทำงานอยู่ที่โรงงาน สำหรับหน้าตาพ่อของเขานั้น น้อยคนนักที่ใครจะกล้าขัดใจเขา
แต่เมื่อมาถึงเฉินเจียงไฮ่มันกลับไม่มีผลเลย
อีกฝ่ายไม่ได้เกรงกลัวเลย
นี่ทำให้เฟิงเหรินเจี๋ยงุนงงจริงๆ เฉินเจียงไฮ่ไม่เล่นไปตามบทบาทเลย
“พี่ครับ อย่าทำผมเลย ผมผิดเอง ผมไม่กล้าแล้ว ปล่อยผมเถอะ”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ในที่สุดเฟิงเหรินเจี๋ยก็ทำได้เพียงร้องขอความเมตตาอย่างเชื่อฟังในที่สุด
ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปฟันของเขาคงหลุดแน่ๆ
เฉินเจียงไฮ่ชี้ไปที่หน้าของเฟิงเหรินเจี้ยและพูดคำต่อคำว่า "ถ้าคุณกล้าเข้าใกล้ว่านชิวอีก ฉันจะไปหาแกและตบแกอีกครั้งหนึ่ง แกเข้าใจไหม!"
“ผมเข้าใจแล้ว พี่ใหญ่ ผมไม่กล้าแล้ว!”
เฟิงเหรินเจี๋ยตอบซ้ำไปซ้ำมา โดยไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
เฉินเจียงไฮ่สะบัดมือแล้วโยนเขาลงบนพื้น จากนั้นพาจ้าวฉางกุ่ยและฝางไอกั๋วออกไป
หลังจากนั้นไม่นานเฟิงเหรินเจี้ยก็พยายามลุกขึ้นยืน สัมผัสแก้มที่บวมแดงของเขาด้วยความเจ็บปวด และพึมพำด้วยความเกลียดชัง
“ให้ตายเถอะ แกกล้าตบฉันคนแซ่เฉิน เดี๋ยวก่อน ฉันจะตอบแทนแกสองเท่าเลย!”
...
ในอีกด้านหนึ่ง ทั้งสามได้กลับไปที่ภัตตราคารราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะไร อาหารยังไม่มาอีกเหรอ” เฉินเจียงไฮ่ถามด้วยรอยยิ้ม
หลินว่านชิวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเฉินเจียงไฮ่สบายดี
หลินเจียนกั๋วอดไม่ได้ที่จะถาม "ลูกเขย เป็นยังไงบ้าง"
“ผมไม่เป็นไร ผมไม่ได้ทำอะไร พวกเราแค่ออกไปสูบบุหรี่เท่านั้น” เฉินเจียงไฮ่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แล้วอีกฝ่ายล่ะ?”
“คุณลุง ไม่ต้องกังวล เด็กพวกนั้นมีสำนึกที่ดี พวกเขาไปกันหมดแล้ว!”
ฝางไอกั๋วหัวเราะออกมาเช่นกัน
ผู้คนที่อยู่บนโต๊ะอาหารก็เข้าใจเช่นกันว่าคำพูดนี้หมายถึงอะไร พวกเขาจึงไม่ได้ถามถึงเรื่องเลวร้ายพวกนี้อีก
ซุยชุนหลี่เห็นฉากพวกนี้ทั้งหมด
หากเป็นในอดีต เฉินเจียงไฮ่จะส่งเสียงดังและก่อให้เกิดความโกลาหลมากมายแน่นอน และในที่สุดก็ต้องเลิกราไปแน่นอน
แต่วิธีแก้ปัญหาของเฉินเจียงไฮ่ในตอนนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
แต่แค่...รุนแรงไปนิดหน่อย
แต่เธอก็คิดว่าทำได้ดีใก
บุคลิกของคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้เหรอ?
ซุยชุนหลี่รู้สึกว่าเธอไม่เข้าใจเฉินเจียงไฮ่มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ
การเปลี่ยนแปลงของเฉินเจียงไฮ่นั้นยิ่งใหญ่จนผู้คนไม่สามารถปรับตัวได้
มากเสียจนอาหารเลิศรสที่เธอกินเหล่านี้ไม่ได้กระตุ้นความอยากอาหารของเธอเลย
เมื่อเช็คบิลออกมา ซุยชุนหลี่และสามีของเขาก็ต่างตกใจจริงๆ
ค่าอาหารทั้งหมดสองร้อยหกสิบหยวน!
เป็นไปไม่ได้ที่จะปลอมบิลในสถานที่ประกอบการเช่นนี้
แม้ว่าเฉินเจียงไฮ่ต้องการที่จะแสดงละคร แต่เงินก็เป็นเงินจริง เขาไม่สามารถใช้มันด้วยเงินปลอมได้
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซุยชุนหลี่แน่ใจแล้วว่าคำพูดที่ลูกสาวของเธอพูดก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
แต่ซุยชุนหลี่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เหมือนกับว่าคนๆหนึ่งเหมือนมีคนสองคนอยู่ในร่างเดียวกัน แต่แตกต่างกันแค่ช่วงเวลาเท่านั้น!
ทันใดนั้นใบหน้าของซุยชุนหลี่ก็เปลี่ยนไป เธอคิดถึงความเป็นไปได้อย่างอื่น
แต่เมื่อเห็นลูกสาวที่กำลังยิ้มแย้ม ซุยชุนหลี่ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดอะไร
หลังจากกินอาหารเสร็จ เฟิงเหรินเจี๋ยก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย
จ้าวฉางกุ่ยกับฝางไอกั๋วก็กล่าวลาและจากไป
เฉินเจียงไฮ่และหลินว่านชิวไม่ได้นึงถึงเรื่องนี้เลย พวกเขาพาหลินเจียนกั๋วและซุยชุนหลี่ไปเยี่ยมชมร้านจงไป๋อี้
เมื่อเห็นสินค้าวางเรียงรายบนชั้น ทำให้หลินเจียนกั๋วไม่รู้ทิศเหนือใต้ออกตกเลยที่เดียว
เฉินเจียงไฮ่หยิบของที่พ่อตาของเขาชอบ พร้อมที่จะใช้จ่ายเงินให้เช่นกัน
ใบหน้าของหลินว่านชิวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ปราศจากความทุกข์ใจแม้แต่น้อย
ฉากแบบนี้เป็นสิ่งที่เธออยากเห็นมาตลอด
มีรอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคน แต่ซุยชุนหลี่กลับมีใบหน้ากังวลอยู่ตลอด
หลินว่านชิวยังสังเกตเห็นว่าหลังจากที่พวกเธอออกมาจากร้านอาหารแล้ว ใบหน้าแม่ของเธอไม่มีรอยยิ้มเลย
เจียงไฮ่ทำได้ถึงระดับนี้แล้ว เธอยังไม่พอใจเธออีกหรือ?
“แม่ เป็นอะไรไป คิดอะไรอยู่”
หลินว่านชิวเดินเข้าไปหาและจับมือแม่ของเธอ เหมือนเมื่อก่อนที่เธอยังเป็นเด็กและชอบจับมือแม่เธอ
ซุยชุนหลี่ฝืนยิ้ม "เด็กน้อย เธอมีชีวิตที่ดีแล้ว แม่จะไม่มีความสุขได้ยังไง"
“แต่ตอนนี้แม่ไม่ยิ้มออกมาเลย” หลินว่านชิวกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ซุยชุนหลี่ถอนหายใจและกระซิบ "ลูกสาว ถ้าเฉินเจียงไฮ่พึ่งพาการซ่อมอุปกรณ์ เขาจะทำเงินได้มากขนาดนั้นจริงหรือ"
ท้ายที่สุดซุยชุนหลี่ก็ไม่เชื่อว่าคนๆหนึ่งสามารถทำเงินได้มากมายในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้
มันเกินความเข้าใจของเธออย่างสิ้นเชิง
ในมุมมองของซุยชุนหลี่เฉพาะสิ่งผิดกฎหมายเท่านั้นที่สามารถทำได้ขนาดนี้