ตอนที่แล้วตอนที่ 23 เรื่องราวความรัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 แนวคิดเกี่ยวกับบริการหลังการขาย

ตอนที่ 24 ถ้าคุณมีความสุขผมก็มีความสุข


“เจียงไฮ่ นี่ฉันเอง ฟู่เฉียง!”

เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากนอกประตู

เฉินเจียงไฮ่เปิดประตู มองดูฟู่เฉียงที่อยู่ด้านนอกและถามด้วยความสงสัย "มีอะไรรึเปล่า"

“โอ่ ได้เวลาของมื้อเย็นแล้ว!” ฟู่เฉียงชำเลืองมองไปข้างในแล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "วันนี้ครอบครัวของฉันทำเบคอน ฉันจะเอามาให้ชิม"

หลังจากที่พูดจบ ฟู่เฉียงหยิบจานออกมาจากด้านหลัง ซึ่งมีเบคอนวางไว้บนนั้นอยู่ราวสองสามชิ้น

เฉินเจียงไฮ่รู้สึกสับสนเล็กน้อย

นี่มันอะไรกัน?

หรือพระอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันตก แล้วตกทางตะวันออก?

ในความคิดของเฉินเจียงไฮ่ คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เป็นคนใจกว้างนัก!

“เจียงไฮ่ ให้แขกเข้ามาก่อน!” หลินว่านชิวกล่าว

เมื่อเพื่อนบ้านริเริ่มจะแสดงความอัธยาศัยดีมาที่บ้านของเขา ไม่ว่าพวกเขาจะมีจุดประสงค์อะไร เฉินเจียงไฮ่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะกันอีกฝ่ายไม่ให้เข้ามาในบ้านได้

ดังนั้นเฉินเจียงไฮ่จึงหลบไปได้ข้างของประตูและเชิญเขาเข้ามา

ฟู่เฉียงเป็นคนมีไหวพริบเช่นกัน ทันทีที่เขาเข้ามา เขาได้วางจานลงบนโต๊ะด้วยความยิ้มแย้ม “ฉันเอามาให้ทันเวลาอาหารเย็นไหม พวกคุณลองกินดูก่อนสิ ไม่ต้องเกรงใจฉัน”

เมื่อเขากำลังพูด ดวงตาของฟู่เฉียงจับจ้องไปที่ทีวีในห้องนั่งเล่นโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเจียงไฮ่ก็เข้าใจแล้วว่าฟู่เฉียงมาเพื่อจะขอดูทีวี

ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ในเมืองเล็กๆของหลิงไห่ มีครอบครัวจำนวนไม่มากนัก ที่จะสามารถซื้อทีวีได้

ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคนี้ ความบันเทิงนั้นมีน้อยมาก และโทรทัศน์สามารถเรียกได้ว่าเป็นความบันเทิงเดียวที่มีหลังอาหารเย็นได้

หลังจากที่พวกเขาทานอาหารเย็น พวกเขาจะไปบ้านที่มีทีวี และนำเมล็ดแตงและถั่วลิสงไปด้วย เพื่อนำไปพูดคุยและดูทีวี นี่คือความบันเทิงหลังอาหารเย็น

ในพื้นที่ที่เฉินเจียงไฮ่อาศัยอยู่นั้น มีแค่ทีวีของครอบครัวชิว จินเฟิงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ชิว จินเฟิงเป็นคนตระหนี่ ทุกครั้งที่พวกเขาไปดูทีวี ถ้าพวกเขาไม่นำอะไรไปด้วย เธอจะคอยพำบ่นและทำให้พวกเขาอับอาย

เฉินเจียงไฮ่เป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจที่จะดูทีวีเพื่อความบันเทิง

ในชาติก่อน เขาได้ซื้อทีวีมาไว้ที่บ้านของเขา แต่ตลอดปี เขาสามารถนับครั้งได้เลยว่าเขาเปิดทีวีไปกี่ครั้ง

ต่อมาเมื่อมีสมาร์ทโฟน ทีวีก็เป็นอดีตสำหรับเขาไป

เฉินเจียงไฮ่กินอาหารอย่างช้าๆ ส่วนหลินว่านชิวความสนในทั้งหมดกลับไปอยู่ที่ทีวีแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงฟู่เฉียงซึ่งยังจ้องมองที่ทีวี ไม่เต็มใจที่จะออกจากบ้านไป

“ฟู่เฉียง คุณไม่ต้องนำสิ่งใดมาให้พวกเราอีกนะ” เฉินเจียงไฮ่ได้ติดตาม

แค่การดูทีวี พวกเขาไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไร

การที่ต้องรับสิ่งต่างๆมา ทำให้เฉินเจียงไฮ่รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย

ฟู่เฉียงไม่รู้ว่าเขาได้ยินหรือไม่ เขาเพียงพยักหน้าและพูดว่า “โอเค เข้าใจแล้ว”

ตอนนี้เขาคิดว่าฟู่เฉียงคงไม่ได้ยินอะไร นอกเสียจากสิ่งที่อยู่ในทีวี

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฉินเจียงไฮ่ทำได้เพียงแค่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก

การขาดความบันเทิงในชีวิตทำให้คนรู้สึกถึงความว่างเปล่า

เฉินเจียงไฮ่เหลือบมองภรรยาของเขา ที่จับจ้องแต่การดูทีวี ทำให้รู้ว่าประโยคนี้ไม่ผิดไปเลยแม้แต่น้อย

หลังจากกินข้าวเสร็จ เฉินเจียงไฮ่ไม่ได้เรียกหลินว่านชิว และเดินเข้าไปในครัวพร้อมจานชาม

เมื่อเฉินเจียงไฮ่เก็บของเสร็จเรียบร้อย เขาได้กลับไปยังห้องนั่งเล่น แต่พวกเขาทั้งสองยังคงจ้องมองไปที่ทีวี โดยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย

เฉินเจียงไฮ่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาจึงหยิบวิทยุออกมาและเริ่มซ่อมวิทยุ

ดึกดื่นจนเกือบสามทุ่ม

เฉินเจียงไฮ่เหลือบมองไปที่ฟู่เฉียง และพบว่าเขายังไม่คิดที่จะจากไปเลย

“ว่านชิว ใกล้ได้เวลานอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน” เฉินเจียงไฮ่ที่กำลังต้มน้ำร้อนอยู่พูดขึ้นมา

ฟู่เฉียงตอบสนองเช่นกัน เขามองไปยังทีวีอย่างไม่เต็มใจและพูดอย่างอับอาย "มันดึกแล้ว งั้นฉันกลับก่อนแล้วกัน"

“อืม เดินกลับช้าๆ ระวังตัวด้วยละ” เฉินเจียงไฮ่ตอบเบา ๆ

หลินว่านชิวลังเล จ้องไปที่หน้าจอและพูดว่า "เจียงไฮ่ฉันขอดูอีกสักพักได้ไหม ... "

"จากนี้ไป คุณสามารถดูได้ถึงสามทุ่มของทุกวันเท่านั้น ไม่งั้น ผมจะไม่ให้คุณดูทีวีเครื่องนี้อีก" เฉินเจียงไฮ่แสร้งทำเป็นโกรธ

หลินว่านชิวตะลึไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงละสายตาออกจากหน้าจอทีวี พยักหน้าและพูดว่า "โอเค ก็ได้"

เมื่อเห็นหลินว่านชิวกระโดดไปอาบน้ำ เฉินเจียงไฮ่ก็อดยิ้มไม่ได้

ทำไมผู้หญิงคนนี้ยังดูเหมือนเด็กกันนะ?

เฉินเจียงไฮ่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินว่านชิวเพิ่งอายุยี่สิบต้นๆ เป็นเรื่องปกติที่เธอจะมีนิสัยขี้เล่นเล็กน้อย

หลังจากที่หลินว่านชิวกลับมาจากการอาบน้ำ เธอได้เห็นสิ่งที่เฉินเจียงไฮ่วางไว้ใต้เตียง

“เฮ้ เจียงไฮ่ มันคืออะไรเหรอ” หลินว่านชิวถามขณะเช็ดใบหน้าด้วยผ้าขนหนู

เฉินเจียงไฮ่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "วันหยุดนี้เราไม่ได้จะกลับไปบ้านคุณหรือ?

“แล้วคุณซื้ออะไรมา”

หลินว่านชิวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอรีบเก็บผ้าขนหนูและเดินไปเปิดกระเป๋า

"โอ้! ทำไมคุณถึงซื้อของมาเยอะขนาดนี้? ทั้งหมดเท่าไหร่เนี้ย?" หลินว่านชิวรู้สึกกังวลเล็กน้อย

เฉินเจียงไฮ่พูดอย่างไม่เห็นด้วย: “เฮ้ พ่อแม่ของคุณก็เหมือนพ่อแม่ของผม จะเป็นอะไรไป ถ้าเราใช้เงินของเราเพื่อซื้อบางอย่างให้พวกเขา”

หลินว่านชิวยิ้มเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เฉินเจียงไฮ่พูด แต่เธอไม่ยอมรับมันออกปากของเธอ

“คุณไม่ต้องซื้อของดีๆแบบนี้หรอก ยังไงฉันก็ยังไม่ชินกับกลิ่นบุหรี่เหม็นๆที่ติดกับพ่อของฉัน อีกอย่าง เราต่างก็เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องซื้อขนาดนั้นก็ได้”

เฉินเจียงไฮ่ยิ้มและพยักหน้า: “ตกลง ในอนาคตผมจะเชื่อฟังแต่ภรรยาของผม”

“โดยเฉพาะคำไร้สาระของคุณ!”

หลินว่านชิวยิ้มอย่างอ่อนโยน

เขากำลังจะไปบ้านของหลินว่านชิวในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้

แต่ตอนนี้ไม่มีข่าวเกี่ยวกับร้านที่เขาจะขอเช่าเลย ส่วนฝาง ไอกั๋วยังคงขายวิทยุของเขาอยู่

เฉินเจียงไฮ่เริ่มไปตามถนนอีกครั้ง เพื่อมองหางานซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า

หลังจากวันที่วุ่นวายจบลง เฉินเจียงไฮ่และหลินว่านชิวกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร แต่ความสนใจส่วนใหญ่ของหลินว่านชิวก็ยังคงอยู่ในทีวี

เฉินเจียงไฮ่รู้สึกเสียใจจริงๆในตอนนี้ ภรรยาของเขาติดทีวีเครื่องนี้แล้วอย่างสมบูรณ์แบบ

เธอไม่ขยับตัวอะไรเลย เมื่อกลับถึงบ้าน

ชั่งมันเถอะ ตราบใดที่เธอมีความสุข เราก็มีความสุข

เมื่อเฉินเจียงไฮ่พึมพำอย่างลับๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก

เฉินเจียงไฮ่เลิกคิ้ว เป็นไปได้ไหมว่าฟู่เฉียงจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง?

เมื่อเขาไปเปิดประตู คราวนี้ไม่ได้มีแต่ฟูเฉียงเท่านั้นที่มา

“เจียงไฮ่ เป็นไงบ้าง” ฟู่เฉียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

อีกคนคือโม ซินเหม่ยที่ทักทายเฉินเจียงไฮ่เมื่อวานนี้

ในเวลานี้เธอมองไปที่เฉินเจียงไฮ่ด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่ามีความคาดหวังออกมาทางสายตาของเธอเล็กน้อย

เฉินเจียงไฮ่ทำได้เพียงให้สองคนเข้ามา แต่เขาไม่ได้ปิดประตู

“ว่านชิว คุณยังกินข้าวอยู่เหรอ!”

ทันทีที่เข้ามา โม ซินเหม่ยทักทายหลินว่านชิวอย่างอบอุ่น

หลินว่านชิวถือชามข้าวของเธอด้วยรอยยิ้ม  "พี่เหม่ย คุณมานี่เอง คุณกินข้าวหรือยัง?"

“ฉันกินแล้ว ได้ยินว่าติดตั้งเสาสัญญาณแล้วเหรอ ฉันขอดูด้วยได้ไหม!”

เมื่อพูดเสร็จ โม ซินเหม่ยนั่งลงข้างหลินว่านชิวทันที

เมื่อพูดถึงทีวี หลิน ว่านชิวดูตื่นเต้นมาก “พี่เหม่ย คุณเคยดู”จิ้งจอกภูเขาหิมะ” ไหม หูเฟยนั้นน่าสงสารเกินไป!

“ฉันเคยดูมาบ้าง เด็กคนนี้ไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เกิด ช่างน่าสงสารเหลือเกิน!” โม ซินเหม่ยตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ฟู่เฉียงนั่งอยู่ที่ข้างกำแพงคนเดียว เขารู้สึกอายที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนทนาระหว่างผู้หญิง

เฉินเจียงไฮ่ไม่สนใจเขาเช่นกัน เขาหยิบเครื่องมือและเริ่มทำการประกอบชิ้นส่วนต่างๆทันที

นี่เป็นงานเร่งด่วน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด