ตอนที่แล้วบทที่ 2 ลองดู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 ผักเพื่อนรัก

บทที่ 3 โดดเด่น


เถาตงโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดตัดสินอยู่ภายในใจ

ขณะที่หางตาปรายมองฮั่วหมิง ก็นึกขึ้นได้ถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของฮั่วหมิง——จวนอ๋องหาโมโม่มามากขนาดนี้ เวลาที่อยู่ได้ก็ไม่นานนัก อีกไม่กี่วันท่านอ๋องต้องไปจากเมืองหลวงแล้ว ยังไม่แน่นอนว่าจะหาโมโม่ที่เหมาะสมได้ แม้ว่าเสิ่นเยว่จะอายุไม่มาก แต่มีจดหมายแนะนำของเจ้าเมืองจิ้นโจว มิสู้ลองดูสักหน่อย บางทีอาจจะเหมาะสมก็เป็นได้?

สายตาของเถาตงโจวมองไปทางเสิ่นเยว่อีกครั้ง

หลังจากนั้นก็ก้มหน้าลง อ่านจดหมายแนะนำในมือซ้ำไปมา คล้ายกับกำลังตัดสินใจ “แม่นางเสิ่น เช้าวันนี้ท่านอ๋องออกจากจวนพอดี หลังช่วงพลบค่ำถึงจะกลับมา ประจวบเหมาะที่มีเวลาว่างช่วงนี้พอดี เจ้าตามข้ามาก่อน เหมาะสมหรือไม่พวกเราค่อยดูวันนี้กันอีกที”

เสิ่นเยว่ยอบตัวลงด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณผู้ดูแลจวนเถาอย่างยิ่ง”

เสิ่นเยว่พูดจบก็เหลือบตาขึ้นมองไปทางท่านลุงฮั่ว

เสิ่นเยว่คาดเดาได้ว่า ที่สุดท้ายผู้ดูแลจวนเถายอมเห็นด้วย นอกจากเพราะจดหมายแนะนำของใต้เท้าเวิงแล้ว ยังเพราะมีความเชื่อใจท่านลุงฮั่วด้วย

ฮั่วหมิงรีบร้อนโบกมือ ส่งสัญญาณให้นางรีบตามผู้ดูแลจวนเถาไป

เสิ่นเยว่ไม่กล้าชักช้า

เถาตงโจวพาเสิ่นเยว่เดินจากด้านหน้าเรือนไปทางเรือนทิศตะวันออก

จวนอ๋องกว้างใหญ่ แต่ก้าวเดินของเถาตงโจวกลับไม่เร็ว เดินไปพลางหันมาพูดคุยกับนางไปพลาง “วันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของมารดาคุณชายห้า ช่วงเช้าท่านอ๋องจึงพาคุณชายห้าไปวัดผู่เจ้า ตอนนี้ ในจวนยังมีคุณชายเจ็ดและคุณหนูเก้า คุณชายเจ็ดเจ็บป่วยติดต่อกันหลายวัน หมอเขียนเทียบยาให้ กำลังพักผ่อนอยู่ที่สวน ในจวนคุณหนูเก้าอายุน้อยที่สุด แม่นางเสิ่น วันนี้เจ้าสามารถดูแลคุณหนูเก้าในจวนไปก่อนได้”

เสิ่นเยว่ฟังอย่างตั้งใจ เมื่อผู้ดูแลจวนเถาพูดจบ นางก็ตอบรับกลับด้วยเสียงนุ่มนวล

เสิ่นเยว่รู้จักข้อห้ามต่างๆ ของจวนสูงศักดิ์เหล่านี้ หลังจากที่เข้ามาแล้วก็ไม่ได้สอดส่องสายตาไปทั่ว และไม่ได้จงใจถ่อมตัว มีเพียงก้มหน้าระวังคำพูด

แต่จากมุมมองของเถาตงโจว คำพูดและการกระทำของนางกลับดูเหมาะสม

เมื่ออยู่ในจวน ความสงสัยไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะคนที่เข้ามาใหม่ แต่หากจะดูแลเด็กๆ ในจวนให้ดี นิสัยจะอ่อนน้อมถ่อมตนเกินไปไม่ได้ มิเช่นนั้นจะควบคุมเด็กๆ ไม่ได้ เป็นแบบไหนก็จะเลียนแบบเช่นนั้น——สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อหลีกเลี่ยงที่ท่านอ๋องให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนคัดเลือกโมโม่

เถาตงโจวอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ นิสัยนี้ของแม่นางเสิ่นถือว่ากำลังดี

ในดวงตาของเถาตงโจวแสดงถึงความพึงพอใจชั่วครู่หนึ่ง เป็นดั่งเช่นที่ฮั่วหมิงพูดไว้ เสิ่นเยว่อายุไม่มาก กลับดูเชื่อถือได้

เถาตงโจวชะลอฝีเท้าลง

เสิ่นเยว่จึงชะลอฝีเท้าตาม เงยหน้าขึ้นมอง ประจวบเหมาะที่เดินมาถึงหน้าประตูสวนแห่งหนึ่ง

เหนือประตูสวนมีป้ายแขวนไว้ บนแผ่นป้ายเขียนไว้ว่า ‘สวนเถาฮวา’

โอ้เจ้าดอกท้อ งดงามหาใดเปรียบ นี่คือการบรรยายลักษณะหญิงสาวที่ออกเรือน เป็นส่วนน้อยที่จะเห็นการใช้คำนี้กับเรือนพักอาศัยของหญิงสาว

เป็นจริงดั่งที่คิด เถาตงโจวเดินนำนางเข้าไปข้างในพลางพูดคุยกับนาง “สวนเถาฮวาเป็นสวนของคุณหนูเก้า แม่นางเสิ่น มีหนึ่งเรื่องที่ข้าจะต้องบอกแม่นางเสิ่นก่อน เพื่อเลี่ยงไม่ให้แม่นางเสิ่นกระทำผิดไปเพราะความไม่รู้”

เสิ่นเยว่เงยหน้าสบสายตาเข้าพอดี เอ่ยเสียงเบา “ผู้ดูแลจวนเถาเชิญพูด”

เถาตงโจวกล่าว “เด็กในจวนอ๋องผิงหย่วนมีมาก แต่กลับไม่ใช่หลานชายหลานสาวของท่านอ๋องเสียทั้งหมด อย่างเช่นคุณหนูเก้าแซ่ฟาง เป็นหลานสาวของท่านอ๋อง เพราะเขยเสียชีวิตในสนามรบ ปู่ย่าตายายของคุณหนูเก้าก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ล้วนเป็นญาติที่ไม่ใช่ญาติสายตรง ในทางตรงกันข้ามกลับไม่สนิทเท่ากับท่านอ๋อง ดังนั้นท่านอ๋องจึงรับคุณหนูเก้ากลับมาเลี้ยงดูที่จวนอ๋องผิงหย่วน เพราะฉะนั้นท่านอ๋องจึงเป็นท่านน้าของคุณหนูเก้า”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

เสิ่นเยว่นึกถึง ‘สวนเถาฮวา’ ที่เขียนบนแผ่นป้ายอีกครั้ง คงจะเป็นคำที่อ๋องผิงหย่วนมอบให้พี่สาวของตนเอง

โอ้เจ้าดอกท้อ งดงามหาใดเปรียบ คงจะเป็นภาพจำของตนเองก่อนที่พี่สาวจะออกเรือน

ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองพี่น้องแน่นแฟ้นเสียจริง

ดังนั้นจึงรับหลานสาวกลับมาที่จวน ถึงแม้จะแซ่ฟาง แต่ในใจของอ๋องผิงหย่วน หลานชายหลานสาวคงจะไม่แตกต่าง ความมีเมตตาธรรมเช่นนี้พบเห็นได้ที่นี่น้อยนัก

เถาตงโจวพูดจบ เสิ่นเยว่จึงเกิดความคิดอยู่ข้างในใจหลายส่วน ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากตอบรับก็คล้ายกับได้ยินเสียงร้องไห้งอแงมาจากในสวน “ข้าไม่ใส่สีฟ้า แงๆ ...ข้าไม่ใส่! ข้าไม่ใส่! ข้าไม่ใส่ ...แงๆ ...ข้าอยากเจอท่านน้า ข้าไม่ใส่สีฟ้า ข้าไม่ชอบสีฟ้า!”

เสิ่นเยว่ยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เสียงภายในสวนก็หยุดลง

เสิ่นเยว่มองไปทางผู้ดูแลจวนเถาด้วยสายตามีคำถาม ผู้ดูแลจวนเถาพยักหน้าอย่างรู้กัน

ความหมายคือ นี่ก็คือคุณหนูเก้า

เสิ่นเยว่นึกถึงเสียงเมื่อครู่ แม้จะร้องไห้ตลอด แต่อย่างไรก็อ่อนโยน มีความน้อยใจ แม้จะร้องไห้ด้วยความไม่พอใจและกำลังเอาแต่ใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ร้องไห้โวยวาย นอนชักดิ้นชักงอ แต่ยังสามารถบอกความต้องการของตนเองได้อย่างชัดเจน

ทั้งยังสามารถสื่อสารได้

เมื่อครู่ที่หยุดไปชั่วขณะ น่าจะเป็นเพราะคนที่อยู่ตรงหน้ากำลังพูดกับนาง

เป็นจริงดั่งคาด ผ่านไปครู่หนึ่ง เป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามพูดจบ เสียงร้องไห้งอแงจึงดังขึ้นอีกครั้งและยิ่งมีความน้อยใจมากขึ้นไปอีก “แต่ว่า...เมื่อวานข้าชอบสีฟ้า แต่วันนี้ข้าไม่ชอบสีฟ้าแล้ว! แงๆ ...สีฟ้าไม่สวย ข้าไม่ชอบอย่างยิ่ง ก็ข้าไม่ชอบสีฟ้า...”

เถาตงโจวคล้ายกำลังปวดหัว แต่ก็คล้ายกับคุ้นชินไปแล้ว ขณะที่มองไปทางเสิ่นเยว่ กลับเห็นนางกำลังตั้งใจฟังอย่างจริงจัง จิตใจจดจ่อ ไม่สังเกตเขาสักนิด

เสิ่นเยว่เองก็ไม่ได้สังเกตจริงๆ

คาดเดาว่าหลังจากเสียงร้องเมื่อครู่ น่าจะเป็นเพราะคนที่ดูแลนางรีบสาวเท้าเดินไปเปลี่ยนสีชุดที่อยู่ด้านข้าง แต่ขณะที่กำลังเดินกลับมา เสียงร้องกลับดังมากขึ้นอีกเล็กน้อย “สีเขียวข้ายิ่งไม่ชอบ... แงๆ ...ข้าไม่เอาสีเขียว ข้าจะไปพบท่านน้า...”

ถัดจากนั้น โดยพื้นฐานแล้วไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะพูดอะไร อย่างไรเสียอารมณ์ของข้าคือตัดสินใจแน่วแน่ไม่เห็นด้วย สุดท้ายจึงพูดคำว่าท่านน้าสองคำนี้ออกมา ฝ่ายตรงข้ามก็คล้ายกับจะปฏิบัติตาม

เสิ่นเยว่พอจะเข้าใจคร่าวๆ จึงหมุนตัวกลับไปถามเถาตงโจว “ผู้ดูแลจวนเถา คำขอของคุณชายและคุณหนูที่อยู่ในจวน ปกติแล้วท่านอ๋องทำตามที่ขอหรือไม่?”

เถาตงโจวไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่ ตอบกลับว่า “ทำตามที่คุณหนูทั้งหลายต้องการเป็นส่วนมาก แต่เข้มงวดกับพวกคุณชายยิ่งกว่า”

เสิ่นเยว่นิ่งชะงักไป และเข้าใจโดยคร่าวๆ ว่าเพราะเหตุใดคุณหนูเก้าจึงเรียกหาแต่ท่านน้า

เสิ่นเยว่ยอบตัวให้กับผู้ดูแลจวนเถา “ผู้ดูแลจวนเถา ให้ข้าไปดูแลคุณหนูเก้าเถอะเจ้าค่ะ”

เถาตงโจวพยักหน้า

เสิ่นเยว่นึกขึ้นได้อีกว่า “ชื่อเรียกของคุณหนูเก้าคือ?”

เถาตงโจวตกใจเล็กน้อย ในจวนนอกจากท่านอ๋องแล้ว มีคนไม่มากที่จะเรียกชื่อเรียกของคุณหนูเก้าโดยตรง

แต่เพราะก่อนหน้านี้เห็นว่าเสิ่นเยว่เชื่อถือได้ และอาจเป็นเพราะเห็นว่าเมื่อครูเสิ่นเยว่ตั้งใจฟังอย่างละเอียด ในใจของเถาตงโจวจึงเกิดความรู้สึกเชื่อใจและคาดหวังขึ้นมาหลายส่วน จึงกล่าวกับเสิ่นเยว่ว่า “คุณหนูเก้าแซ่ฟาง ชื่อจริงเฉินซี ชื่อเรียกเถาเถา ท่านอ๋องมักจะเรียกว่าเถาเถา บางครั้งก็เรียกเสี่ยวจิ่ว”

เสิ่นเยว่ขานรับ

เถาตงโจวเรียกสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติให้เดินมาหา “ท่านผู้นี้คือแม่นางเสิ่น วันนี้แม่นางเสิ่นจะมาดูแลคุณหนูเก้า มีเรื่องอะไรก็ทำตามที่แม่นางเสิ่นบอก”

สาวใช้ยอบตัวทำความเคารพ เอ่ยปากไถ่ถามเสิ่นเยว่ แล้วค่อยๆ เลิกผ้าม่านขึ้น นำทางเสิ่นเยว่เข้าไปในห้อง

ไม่รู้เพราะเหตุใด ลึกลงไปภายในใจของเถาตงโจวจึงภาวนา ขอให้แม่นางเสิ่นผู้นี้สามารถดูแลบรรดาเด็กๆ ในจวนนี้ได้

......

ใกล้ช่วงเวลาเที่ยง เสี่ยวซือรีบร้อนเดินมาหาเถาตงโจว “ผู้ดูแลจวนเถา เมื่อครู่ทางด้านวัดผู่เจ้าส่งคนมา บอกว่าท่านอ๋องจะกลับเร็วขึ้น อีกไม่นานคงจะกลับจวนแล้ว!”

เถาตงโจวตื่นตระหนก “มิใช่เพิ่งไปวัดผู่เจ้า จะกลับช่วงก่อนพลบค่ำหรือ?”

เสี่ยวซือหน้าดำคร่ำเครียด “ได้ยินมาว่าตอนที่คุณชายห้าไปวัดผู่เจ้าเคารพศพ แอบหนีไปต่อยตีกับคนอื่น ท่านอ๋องจึงลากตัวกลับมาทันที กำลังโกรธอยู่ด้วย”

เสี่ยวซือพูดเช่นนี้ เถาตงโจวก็เข้าใจ

วันนี้เดิมทีต้องไปเซ่นไหว้มารดาของคุณชายห้า สร้างเรื่องเช่นนี้ท่านอ๋องคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เถาตงโจวรีบออกไปต้อนรับที่ประตูใหญ่ของจวนอ๋อง

เป็นจริงดั่งที่คาด รถม้าเพิ่งจอดก็เห็นจัวหย่วนหิ้วเสี่ยวอู่ลงมาจากรถม้าด้วยมือเดียว

องครักษ์ที่เฝ้าประตูก็ดี เสี่ยวซือเองก็ดี เถาตงโจวเองก็ดี สถานการณ์เช่นนี้เห็นมามากแล้ว ต่างก็ไม่กล้าเอ่ยปาก

รอเมื่อผ่านประตูใหญ่จวนอ๋องแล้ว จัวหย่วนถึงได้ปล่อยมือ เสี่ยวอู่ยังยืนทรงตัวได้ คนรอบข้างมองออกว่าท่านอ๋องไม่ได้ใช้แรงมาก แต่ยังคงใช้อำนาจ

เสี่ยวอู่ดูตกใจเล็กน้อย

จัวหย่วนหันมาพูดกับเถาตงโจว “ลุงเถา พาเขาไปลงโทษนั่งคุกเข่าที่โถงพระ!”

ในคำพูดยังคงมีความโกรธอยู่ ความโกรธยังไม่จางหาย สายตาค่อยๆ เลื่อนไปทางเสี่ยวอู่อีกครั้ง “วันนี้เป็นวันระลึกถึงแม่ของเจ้า เจ้าไปวัดผู่เจ้าเพื่อต่อยตี เจ้าออกลายแล้วจริงๆ !”

เพียงจัวหย่วนพูดเช่นนี้ แม้ในแววตาเสี่ยวอู่จะมีความกลัว แต่กลับยังคงเบือนหน้าหนี สองมือกอดอก เบ้ปาก ส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ

เมื่อเห็นจัวหย่วนกำลังจะโมโห เสี่ยวอู่จึงหนีไปหลบอยู่ด้านหลังเถาตงโจว “ท่านปู่เถา...”

เถาตงโจวมองไปยังจัวหย่วน แม้ว่าจะกำลังโกรธ แต่ก็ไม่คิดจะตีคุณชายห้าจริงๆ แล้วหันไปพูดกับเสี่ยวซือด้านข้าง “พาคุณชายห้าไปที่โถงพระเถอะ”

เสี่ยวอู่เห็นสถานการณ์ผิดปกติ ตนเองจึงหนีไปก่อน

จัวหย่วนทอดถอนใจอย่างจนปัญญา เห็นเถาตงโจวเดินมาจึงเอ่ยปากถาม “เสี่ยวชีเป็นยังไงบ้าง?”

เถาตงโจวตอบกลับ “ช่วงเช้าที่ท่านอ๋องคอยเฝ้าให้ดื่มยาก็หลับยาวจนเมื่อครู่ถึงได้ตื่น หมอมาตรวจอาการ บอกว่าการฟื้นฟูเป็นไปได้ช้าเพราะไม่ค่อยดื่มยา”

จัวหย่วนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกหลายส่วน

เช้าวันนี้ก็เป็นเขาที่คอยเฝ้าถึงได้ยอมดื่มยา

จัวหย่วนก้าวเดินไปทางเรือนที่เสี่ยวชีอยู่ ถาม “เถาเถาล่ะ?”

เถาตงโจวเองก็ไม่ได้ปิดบัง “แม่นางเสิ่นกำลังดูแลอยู่ คุณหนูเก้าอารมณ์ดีตลอด ตื่นขึ้นมาก็กินผัก เล่นอยู่ในห้องสักพัก จากนั้นก็ไปเล่นต่อในสวนอีกสักพักใหญ่ ไม่ร้องไห้ เมื่อครู่เพิ่งรับประทานอาหารเที่ยงไป กำลังเดินย่อยอาหารอยู่ในสวน เมื่อครู่แม่นางเสิ่นพาไปนอนกลางวันแล้ว”

จัวหย่วนหยุดเดิน กินผัก ไม่ร้องไห้ เมื่อครู่เพิ่งนอนกลางวันไป...

จัวหย่วนคล้ายกับกำลังฟังนิทานพันหนึ่งราตรีของอาหรับ

ครู่ใหญ่ผ่านไปก็นึกได้ในฉับพลัน “แม่นางเสิ่นผู้ใดกัน?”

เถาตงโจวตอบรับ “เป็นหลานสาวเพื่อนร่วมโรงเรียนของฮั่วหมิง เมื่อก่อนเคยดูแลเด็กเล็กให้ใต้เท้าเวิงที่จวนเจ้าเมืองจิ้นโจวเวิงหยุ่น ใต้เท้าเวิงเขียนจดหมายแนะนำให้หนึ่งฉบับ แม่นางเสิ่นมาพร้อมกับจดหมายแนะนำ”

เวิงหยุ่น?

เวิงหยุ่นในภาพความทรงจำของจัวหย่วนเป็นคนระมัดระวังรอบคอบ ไม่มีทางเขียนจดหมายแนะนำให้ผู้อื่นโดยง่าย

จัวหย่วนจึงรู้สึกวางใจ แล้วเอ่ยปากถามด้วยความสบายใจ “อายุเท่าไรแล้ว?”

“สิบห้าสิบหกปีขอรับ” เถาตงโจวเพิ่งพูดจบ จัวหย่วนก็สบสายตาเข้ากับเขาพอดี กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “ลุงเถา ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือ?”

เถาตงโจวทอดถอนใจกล่าว “เมื่อครู่บ่าวพิจารณาแล้ว แม่นางเสิ่นมีท่าทางสุขุมเป็นอย่างมากและเข้ากับคุณหนูเก้าได้ดี ในภาพความทรงจำของบ่าว น้อยนักที่คุณหนูเก้าจะชื่นชอบใครเช่นนี้ วันนี้คุณหนูเก้ายิ้มเป็นส่วนมาก และเชื่อฟังยอมรับประทานอาหาร ไม่งอแงแม้สักนิด บ่าวคิดว่าแม่นางเสิ่นผู้นี้มีความโดดเด่นแน่นอน”

จัวหย่วนมองเขา “นางอยู่ที่ใด?”

เถาตงโจวยกมือคารวะ “ยังอยู่ที่สวนเถาฮวาขอรับ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด