ตอนที่แล้วบทที่ 1 เรื่องจวนตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 โดดเด่น

บทที่ 2 ลองดู


“เจ้า?” ฮั่วหมิงประหลาดใจ ขมวดคิ้วโดยทันที

แต่เมื่อประเมินสีหน้าเสิ่นเยว่อย่างละเอียดแล้ว ก็เห็นได้ว่าจริงจังไม่เหมือนกับกำลังล้อเล่นอยู่ น่าจะเป็นเพราะได้ยินเรื่องเหลียงเย่จากในห้องโถงเมื่อครู่จึงมองเห็นโอกาส นึกเรื่องที่เขาเคยพูดถึงจวนอ๋องผิงหย่วนขึ้นได้แล้วเกิดความคิดเช่นนี้

ฮั่วหมิงรู้ว่านางเจตนาดี จึงกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “อาเยว่ ข้ารู้ว่าเจ้าอยากช่วยเหลียงเย่ แต่จวนอ๋องผิงหย่วนไม่เหมือนกับที่อื่น เด็กๆ ภายในจวนแต่ละคนดูแลไม่ง่ายเหมือนหานเซิง”

จากมุมมองของฮั่วหมิง เสิ่นเยว่ที่เป็นหญิงสาวที่อายุเพียงเท่านี้ เด็กเล็กที่เคยดูแลก็น่าจะมีเพียงน้องชายของตนเองอย่างเสิ่นหานเซิง

เพราะเคยดูแลหานเซิง จึงคิดว่าตนเองจะสามารถดูแลต้นตระกูลตัวน้อยกลุ่มนี้ของจวนอ๋องผิงหย่วนได้...

แต่เป็นเรื่องง่ายเสียที่ไหนกัน?

เสิ่นเยว่ยอบตัวทำความเคารพเขาเล็กน้อย ตอบกลับด้วยท่าทางไม่รีบร้อน “ความกังวลของท่านลุงฮั่วอาเยว่เข้าใจ อาเยว่ไม่ได้รู้สึกสนใจขึ้นมาเพียงชั่วครู่ชั่วคราว ก่อนหน้าที่ท่านลุงจะไปรับข้าและหานเซิงจากจิ้นโจวมาเมืองหลวง ข้าเคยดูแลเด็กๆ ให้ใต้เท้าเวิง เจ้าเมืองจิ้นโจวเวิงหยุ่นมาก่อน ก่อนเข้าเมืองหลวง ใต้เท้าเวิงยังเคยเขียนจดหมายแนะนำด้วยตนเองให้หนึ่งฉบับ บอกว่าหลังจากเข้าเมืองแล้วอาจจะสามารถใช้เป็นประโยชน์ได้”

เสิ่นเยว่พูดจบก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งที่ฉีกแล้วออกมาจากปลายแขนเสื้อ ส่งให้ท่านลุงฮั่วด้วยสองมือ “ท่านลุงฮั่วโปรดอ่าน”

จดหมายแนะนำที่เจ้าเมืองจิ้นโจวเวิงหยุ่นเขียนด้วยตนเอง?

ฮั่วหมิงรับมาด้วยความสงสัย หลังจากอ่านอยู่ครู่ใหญ่ ในดวงตาก็ปรากฏความประหลาดใจขึ้นมาทันที

แล้วมองไปทางเสิ่นเยว่ด้วยสายตาสับสน

จดหมายฉบับนี้คือจดหมายแนะนำจริงๆ

ในจดหมายกล่าวไว้ว่าเสิ่นเยว่เคยดูแลเด็กๆ ของตระกูลเวิงในจวนเจ้าเมืองจิ้นโจวจริง ไม่เพียงเท่านี้ ใต้เท้าเวิงยังบอกว่าเสิ่นเยว่ดูแลเด็กๆ ในจวนได้อย่างดีเยี่ยม สามารถทำให้เด็กๆ ภายในจวนเชื่อฟังนางได้

ท้ายจดหมายแนะนำฉบับนี้ไม่ได้มีเพียงลายลักษณ์อักษรของเวิงหยุ่น แต่ยังมีตราประทับของเวิงหยุ่น ไม่มีทางผิดพลาดแน่!

ฮั่วหมิงไม่เชื่อไม่ได้

เพียงแต่เวิงหยุ่นที่เป็นเจ้าเมืองจิ้นโจว คิดไม่ถึงว่าจะเขียนจดหมายแนะนำให้เสิ่นเยว่ด้วยตนเอง ทั้งยังประทับตราของตนเองด้วย...

ฮั่วหมิงกลุ้มอกกลุ้มใจ “อาเยว่ เจ้าจะดูแลได้อย่างไร?”

เสิ่นเยว่ตอบกลับ “คราก่อนในเทศกาลโคมไฟ คุณชายน้อยของจวนใต้เท้าเวิงหายไป ข้าบังเอิญพบเข้า ในตอนที่ฮูหยินมู่ภรรยาเจ้าเมืองมาตามหา รู้สึกว่าข้าและคุณชายน้อยถูกชะตากันจึงเชิญชวนข้าไปเที่ยวเล่นที่จวน ต่อมาฮูหยินมู่ไม่สบายจึงดูแลเด็กๆ ภายในจวนไม่ได้ เพราะข้าคุ้นเคยกับเด็กๆ ในจวน ฮูหยินมู่จึงให้ข้าไปช่วยเหลือที่จวน ข้าดูแลเด็กๆ ในจวนเจ้าเมืองจิ้นโจวเป็นเวลาครึ่งปี ต่อมาท่านลุงก็มาที่จิ้นโจว รับข้ากับหานเซิงเข้าเมืองหลวง ใต้เท้าเวิงจึงเขียนจดหมายแนะนำฉบับนี้ให้ข้า กลัวว่าจะมีความจำเป็นต้องใช้”

เสิ่นเยว่พูดเจื้อยแจ้ว พูดอย่างคล่องแคล่วด้วยความจริงใจ ไม่ได้เจาะจงตอบรับคำที่เขาพูดก่อนหน้า มีเพียงเล่าความเป็นมาเป็นไปอย่างละเอียด

ฮั่วหมิงมีประสบการณ์พบเจอผู้คนมากมาย ย่อมรู้ดีโดยธรรมชาติ

ฮั่วหมิงมองจดหมายแนะนำในมืออีกครั้ง คิดหาวิธีอยู่ภายในใจอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าเสิ่นเยว่จะอายุไม่มาก แต่สามารถทำให้เจ้าเมืองจิ้นโจวเวิงหยุ่นยอมเขียนหนังสือรับรองให้นางด้วยตนเองได้...

นอกจากจะดูแลเด็กๆ ในจวนได้เป็นอย่างดี ทำให้ฮูหยินเวิงหยุ่นรู้สึกซาบซึ้งแล้ว นางจะต้องเป็นคนที่เชื่อถือได้คนหนึ่งแน่นอน เวิงหยุ่นถึงได้เชื่อใจและเขียนจดหมายแนะนำเช่นนี้ให้นาง

ฮั่วหมิงแอบชั่งใจ สิ่งที่จวนอ๋องขาดมิใช่คนที่สามารถดูแลเด็กๆ กลุ่มนี้ได้ ทั้งยังสามารถไว้วางใจได้หรือ?

อีกทั้งเสิ่นเยว่ยังเป็นหลานสาวของตระกูลเหลียง รู้จักขอบเขต

ภายในใจฮั่วหมิงเกิดความรู้สึกเห็นด้วยเล็กน้อย ถามอีกครั้งว่า “อาเยว่ เหตุใดเมื่อก่อนเจ้าถึงไม่เคยพูดถึง?”

เสิ่นเยว่เองก็ไม่ได้ปิดบัง “ฮูหยินมู่ห่วงใย กลัวว่าข้าที่อยู่ในเมืองหลวงจะถูกท่านลุงท่านป้าดุด่า บอกว่าเมืองหลวงไกลจากจิ้นโจว กลัวเกิดเรื่องที่จัดการไม่ได้ จึงให้ใต้เท้าเวิงเขียนจดหมายแนะนำฉบับนี้ไว้ให้ข้าติดตัว แต่เมื่อถึงเมืองหลวง ท่านลุงท่านป้าดูแลข้าและหานเซิงเป็นอย่างดี ดังนั้นข้าจึงไม่เคยพูดกับท่านลุง”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” คำพูดของนางเป็นการยืนยันความคิดก่อนหน้านี้ของฮั่วหมิง—ในใจฮูหยินเวิงหยุ่น เสิ่นเยว่เป็นคนที่เชื่อใจได้ ดังนั้นจึงคิดไตร่ตรองเรื่องราวล่วงหน้าแทนนาง หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้เหลียงเย่เกิดเรื่อง เสิ่นเยว่คงไม่มีทางนำจดหมายของเวิงหยุ่นออกมาโดยง่าย

ฮั่วหมิงมั่นใจในความคิด “ปรึกษากับท่านลุงของเจ้าหรือยัง?”

นางออกมาจากจวนเพียงลำพัง ฮั่วหมิงกลัวว่านางจะตัดสินใจด้วยตนเองไม่ได้

เสิ่นเยว่ส่ายหน้า เอ่ยเสียงเบา “ท่านลุงฮั่ว ข้าคิดอยากไปจวนอ๋องก่อนค่อยบอกท่านลุงและท่านป้า ตอนนี้ท่านลุงและท่านป้ากำลังมีเรื่องทุกข์ร้อน ทั้งยังคิดหาวิธีอื่นอีก หากไปจวนอ๋องแล้วไม่เหมาะสม แล้วพูดกับพวกเขาไปก่อน ในทางตรงกันข้ามจะกลายเป็นการทำให้พวกเขาดีใจเก้อ มิสู้ปิดบังพวกเขาไว้ หากจวนอ๋องคิดว่าไม่เหมาะสม ข้าก็จะแอบไปและแอบกลับมา ถือว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นและไม่เป็นการสร้างความวุ่นวายให้ท่านลุงและท่านป้า หากจวนอ๋องเห็นว่าข้าเหมาะสม ข้าค่อยถามท่านลุงท่านป้าก็ไม่นับว่าสายไป”

แม้นางจะอายุน้อย กลับคิดไตร่ตรองได้ถ้วนถี่ ในดวงตาฮั่วหมิงแสดงออกถึงความประหลาดใจ

ฮั่วหมิงเก็บสีหน้าตื่นตระหนก กล่าวกับเสิ่นเยว่ว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้ามาหาข้าที่จวนอ๋องยามเฉิน [1] ข้าจะพาเจ้าไปพบผู้ดูแลจวนเถา แต่จดหมายแนะนำฉบับนี้เจ้าจะต้องเก็บไว้ที่ข้าก่อน ข้าจะนำไปให้ผู้ดูแลจวนเถาพิจารณาเสียก่อน”

เสิ่นเยว่แสดงสีหน้าดีใจ “ขอบคุณท่านลุงฮั่วมาก”

……

รอจนเงาของฮั่วหมิงหายไปจากปลายถนน ภายในใจเสิ่นเยว่ถึงได้รู้สึกโล่งอก

ด่านท่านลุงฮั่วนี้ถือว่าผ่านแล้ว...

กลับถึงห้องเสิ่นเยว่ก็ล้างหน้าบ้วนปากอย่างรวดเร็ว ไม่ได้กลับไปนั่งบนเตียงพักผ่อน แต่นั่งลงหน้าโต๊ะจับพู่กัน

ก่อนหน้าที่ท่านลุงฮั่วจะไป ได้พูดถึงเรื่องจวนอ๋องผิงหย่วนโดยภาพรวมกับนาง

หลังจากจวนอ๋องผิงหย่วนเสียสละอย่างกล้าหาญ ทั้งหมดล้วนสิ้นชีพในสนามรบ ภายในจวนเหลือเพียงอ๋องผิงหย่วนที่ยังอายุน้อยและกลุ่มทายาทผู้เสียสละที่ทั้งมีค่าและเอาใจยาก

อ๋องผิงหย่วนดูแลเด็กๆ กลุ่มนี้เป็นอย่างดี แต่ก็มีเรื่องให้ปวดหัวมากเช่นกัน เด็กๆ กลุ่มนี้คล้ายกับเกรงกลัวเพียงอ๋องผิงหย่วน แต่ก็คล้ายกับแม้แต่อ๋องผิงหย่วนก็ไม่กลัว จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น

ในหนึ่งปีอ๋องผิงหย่วนมีเวลาครึ่งปีในการออกรบหรือไม่ก็เฝ้าปกป้องเขตชายแดน เวลาที่เหลือในเมืองหลวง นอกจากจัดการเรื่องงานราชการแล้ว เวลาที่เหลือโดยส่วนมากก็คืออยู่เป็นเพื่อนเด็กๆ ในจวน เด็กๆ กลุ่มนี้สนิทกับเขาและเอาแต่ใจกับเขาเช่นกัน โดยเฉพาะชื่นชอบการก่อกวนเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาอย่างยิ่ง มีบางเวลาที่ทำตัวน่ารัก แต่เวลาที่ยิ่งไม่ให้ทำสิ่งใดก็ยิ่งทำสิ่งนั้นมีมากกว่า

อ๋องผิงหย่วนยังดี แต่คนอื่นกลับไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้

อ๋องผิงหย่วนเคยกล่าวหนึ่งประโยคในตอนที่โมโหที่สุด เด็กๆ เหล่านี้สามารถเอาชนะทหารกล้านับล้านได้

ในระหว่างนั้นไม่รู้เพราะเหตุใด เพียงเห็นก็เข้าใจในทันที

อ๋องผิงหย่วนยังไม่ได้ออกเรือน ในจวนอ๋องไม่มีฮูหยินใหญ่ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงเชิญโมโม่มาคอยดูแล แต่โมโม่เหล่านี้อยู่ได้ไม่นาน ไม่ก็ดูแลได้ไม่ดี ไม่ก็ถูกเด็กๆ ทำให้โมโหจนหนีออกไป ไม่ก็จะว่าสนใจก็ไม่ใช่ ไม่สนใจก็ไม่เชิง ท้ายที่สุดก็โกรธจนหนีไป อ๋องผิงหย่วนถึงขั้นเข้าวังเชิญคนมา แต่ก็ยังรับมือไม่ไหว

ดังคำพูดท่านลุงฮั่วกล่าวว่า ไม่ว่าวิธีไหนก็คิดมาหมดแล้ว

ใครสามารถดูแลเด็กๆ กลุ่มนี้ได้ อ๋องผิงหย่วนจะต้องตอบแทนบุญคุณคนผู้นั้นแน่

ตอนนี้เด็กๆ ในจวนอ๋องผิงหย่วนคนที่ออกไปข้างนอกก็ไปข้างนอก ส่วนคนที่ไปเยี่ยมตายายก็ออกไปเยี่ยมตายาย ในจวนเหลือเพียงสามคน

สามคน นางน่าจะดูแลได้...

เสิ่นเยว่เขียนคำสำคัญสามคำลงไปบนกระดาษ

บิดามารดาไปจากโลกนี้ก่อนวัยอันควร—— ขาดความรู้สึกปลอดภัย—— จงใจก่อความวุ่นวายเพื่อเรียกร้องความสนใจ

ผู้ดูแลคาดหวังให้เชื่อฟัง—— ความเคยชิน ——เกิดการเลียนแบบพฤติกรรม

ตอนนี้ผู้ดูแลถูกเปลี่ยนตัวไปหลายคน—— ความรู้สึกไว้ใจระยะยาวยังไม่ถูกสร้าง—— มักขาดการถูกเอาใจใส่ มีตัวข้าเองเป็นศูนย์กลาง...

ทำความเข้าใจการกระทำของเด็กเป็นจุดเริ่มต้นแรก

ก่อนจะทะลุมิติมา นางจบปริญญาโทมหาวิทยาลัย X สาขาการสอน นางชอบอยู่กับเด็ก รู้ว่าควรจะทำความรู้จักกับเด็กและควรดูแลเด็กอย่างไร

เด็กในจวนอ๋องผิงหย่วนมีไม่น้อย สามารถทำเป็นโรงเรียนอนุบาลคละอายุขนาดเล็กได้ ทุกวันทำงานตามที่กำหนดไว้ สอนให้เด็กๆ รู้จักการสื่อสาร รวมถึงสร้างกฎเกณฑ์และความเป็นระเบียบเรียบร้อย

เมื่อก่อนนางเคยดูแลเด็กที่จวนเจ้าเมืองจิ้นโจว ภายในใจจึงมีความมั่นใจอยู่มาก

ตอนนี้นางเขียนเรื่องที่ท่านลุงฮั่วเล่าให้ฟังลงบนกระดาษอีกครั้ง ภายในใจจึงพอจะรู้ทิศทางการดำเนินงานโดยภาพรวม

พรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้า อย่างไรก็ต้องไปที่จวนอ๋องอย่างสดชื่น

เสิ่นเยว่มองดูบนกระดาษที่เพิ่งเขียนไปเมื่อครู่ ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วดับโคมไฟกลางคืน

บนเตียงนอน เสิ่นเยว่นึกถึงคำพูดที่ท่านลุงฮั่วพูดกับท่านลุงท่านป้าในวันนี้ที่โถงข้าง แม้ว่าตอนนี้เวยเต๋อโหวจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ชีวิตเหลียงเย่ยังปลอดภัยในชั่วขณะนี้ แต่เกรงว่าหากปล่อยเวลานานไปจะเกิดเหตุเหนือความคาดหมายขึ้น

เสิ่นเยว่กำผ้าห่มแน่นโดยไม่รู้ตัว หวังว่าพรุ่งนี้จะราบรื่น

……

วันรุ่งขึ้น ฮั่วหมิงไปหาผู้ดูแลจวน เถาตงโจว

เถาตงโจวเป็นผู้ดูแลของจวนอ๋องผิงหย่วน เรื่องภายในจวนทุกเรื่องล้วนเป็นเถาตงโจวดูแล

ฮั่วหมิงมาหาเขา พูดถึงเรื่องของเสิ่นเยว่ ในดวงตาของเถาตงโจวแสดงออกถึงความกังวลใจ “หลานสาวของเพื่อนร่วมโรงเรียนเจ้า? อายุเท่าไรแล้ว?”

รู้จักขอบเขตแน่นอนว่าย่อมวางใจได้ แต่ก่อนหน้านี้คนที่จวนหามาล้วนเป็นโมโม่

ฮั่วหมิงกล่าว “อายุไม่มาก เพิ่งได้สิบห้าปีเต็ม แต่เป็นคนละเอียด ทั้งยังวางใจได้ เมื่อก่อนเคยดูแลเด็กในจวนเจ้าเมืองจิ้นโจวเวิงหยุ่น นี่เป็นจดหมายแนะนำของใต้เท้าเวิง”

ฮั่วหมิงยื่นมือออกไป เถาตงโจวรับมา

ในจดหมายพูดอย่างชัดเจน ไม่มีความจำเป็นต้องพูดซ้ำอีกครั้ง ท้ายจดหมายยังมีลายมือชื่อของเวิงหยุ่นเขียนด้วยตนเอง พูดได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการดูแลเด็กในจวนเจ้าเมืองจิ้นโจว

เถาตงโจวลังเล “อายุยังน้อยเกินไป เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เมื่อหลายวันก่อนเชิญโมโม่มา คิดว่ายังพอพึ่งพาได้ ผลสุดท้ายค้นพบว่าโมโม่ผู้นี้แอบใส่บางอย่างลงไปในเครื่องดื่มของเด็กๆ กลุ่มนี้ ชั่วขณะนั้นท่านอ๋องรู้สึกโกรธยิ่ง สองวันนี้ความโกรธยังไม่ทุเลาลง...”

เขาพูดเช่นนี้ ฮั่วหมิงเองก็รับรู้ได้ถึงความสำคัญ ทอดถอนใจกล่าวอย่างเชื่องช้า “จวนอ๋องหาโมโม่มาเยอะขนาดนั้น เวลาที่ทำงานอยู่ได้ก็ไม่นาน อีกไม่กี่วันท่านอ๋องต้องไปจากเมืองหลวงแล้ว ยังไม่แน่นอนว่าจะหาโมโม่ที่เหมาะสมได้ แม้ว่าเสิ่นเยว่จะอายุไม่มาก แต่มีจดหมายแนะนำของเจ้าเมืองจิ้นโจว มิสู้ลองดูสักหน่อย บางทีอาจจะเหมาะสมก็เป็นได้?”

เถาตงโจวครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ประจวบเหมาะกับที่มีเสี่ยวซือของจวนเดินเข้ามา “ผู้ดูแลจวนเถา พ่อบ้านฮั่ว ด้านนอกจวนมีแม่นางชื่อว่าเสิ่นเยว่มาหา บอกว่านัดไว้กับพ่อบ้านฮั่วเพื่อมาพบผู้ดูแลจวนเถาและพ่อบ้านฮั่ว”

“เชิญนางเข้ามา” เถาตงโจวเอ่ยปากสั่ง

เสิ่นเยว่เข้ามาแล้วทำความเคารพ เถาตงโจวมองดูนาง “แม่นางเสิ่นใช่หรือไม่?”

อายุอาจน้อยไปบ้าง แต่เมื่อมองแล้วดูคล่องแคล่วเชี่ยวชาญยิ่ง และทำให้คนรู้สึกดี

เสิ่นเยว่เงยหน้าอย่างมั่นใจ “เสิ่นเยว่ยินดีที่ได้พบผู้ดูแลจวนเถา”

แม้ว่าเถาตงโจวจะเป็นผู้ดูแลภายในจวน แต่เมื่อก่อนเคยร่วมกองทัพกับอ๋องคนก่อน บนใบหน้าจึงแสดงความน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย มีคนจำนวนมากที่เจอเพียงครั้งแรกก็รู้สึกหวาดกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวอายุน้อยขนาดนี้

แต่เสิ่นเยว่กลับไม่ได้หวาดกลัว

เถาตงโจวอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจนาง—— สาวน้อยที่เพิ่งเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ รูปร่างหน้าตายังโตไม่เต็มวัย แต่สวยสดงดงามยิ่ง ดวงตาทั้งสองข้างสดใส ไม่เหมือนคนที่เลอะเลือน

เถาตงโจวเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “จดหมายของใต้เท้าเวิงข้าอ่านแล้ว เพียงแต่แม่นางเสิ่น ภายในจวนนี้ล้วนเป็นทายาทของผู้ที่สละชีพ นิสัยเอาแต่ใจไม่น้อย เจ้าอายุก็ไม่มาก จะดูแลไหวหรือ?”

เสิ่นเยว่กล่าวด้วยความจริงใจ “ลองดูได้เจ้าค่ะ”

--------------------------------------------------------------------

(1) ยามเฉิน คือ 07.00 น. – 08.59 น.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด