ตอนที่แล้ว[ตอนฟรี] ตอนที่ 16 : ดีลลับสำเร็จ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[ตอนฟรี] ตอนที่ 18 : เซียวเฉินเจ็บปวด

[ตอนฟรี] ตอนที่ 17 : ยังไงข้าก็ไม่ใช่ปิศาจร้าย


ณ ประตูทางเข้าพระราชวังเทียนตี้

ไป่ยวี่เอ๋อยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นและไม่ได้ลุกไปไหนทั้งตลอดปี

ตอนนี้ชุดคลุมขนนกสีเพลิงที่นางสวมใส่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นดิน

แก้มที่เคยขาวกระจ่างใสในยามนี้ไม่มีแม้แต่เส้นเลือดฝาดให้เห็น มีเพียงใบหน้าที่ซีดเผือดและอ่อนแอ

ถึงแม้ไป่ยวี่เอ๋อจะเป็นองค์หญิงผู้โปรดปรานของสวรรค์และมีเพลิงวิเศษจูเชวี่ยคอยคุ้มกายนาง แต่การนั่งคุกเข่าทั้งปีโดยไม่ได้ทานข้าวแม้แต่เม็ดเดียวก็ทำให้นางอ่อนแอลงมากอยู่ดี

ในหนึ่งปีที่ผ่านมา จวินเซียวเหยาได้เข้าและออกพระราชวังเทียนตี้หลายครั้ง แน่นอนว่าเขาไม่เคยชายตามองนางแม้แต่ครั้งเดียว

ดวงใจของนางจมลึกลงเรื่อยๆ ในขณะที่กาลเวลาหมุนไป

นางรู้สึกว่าจวินเซียวเหยาอาจไม่อภัยให้กับนาง

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้วที่นางจะได้รับโอสถอมตะจากจวินเซียวเหยา นับประสาอะไรกับช่วยบิดาของตัวเอง

ส่วนดินแดนจูเชวี่ยโบราณ เพราะคำสั่งของจวินหลิงหลง พวกเขาถูกกำชับไม่ให้แจ้งข่าวแก่ไป่ยวี่เอ๋อว่าราชาแห่งจูเชวี่ยได้รับโอสถอมตะเแล้ว

ไป่ยวี่เอ๋อยังคงไม่รู้ตัวและสิ้นหวังไปทุกขณะ

ราวกับกำลังจมลงสู่ก้นลึกมหาสมุทร ปอดสองข้างกำลังจะขาดลมหายใจ และในดวงตาแดงสดก็มีเพียงแค่ความสิ้นหวัง

แต่ตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าอันเบาบางก็ดังขึ้น

ไป่ยวี่เอ๋อเงยหน้าโดยไม่รู้ตัวและเกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ

ร่างที่นางเฝ้าโหยหาตลอดคืนและวันกำลังเดินตรงมา

จวินเซียวเหยาในชุดคลุมสีขาวที่ขาวยิ่งกว่าหิมะ บริสุทธิ์หมดจดไร้มลทิน และมีผิวพรรณอันเปล่งประกาย

หนึ่งปีผ่านไป จวินเซียวเหยาอายุครบเก้าขวบพอดี เขาสูงขึ้นมากกว่าเก่า ใบหน้าของเขาราวกับถูกขัดเกลาโดยปรมาจารย์ช่างฝีมือแห่งสวรรค์ผู้เก่งกาจ หล่อเหลาจนน่าสิ้นใจตาย

เขาเดินตรงไปหาไป่ยวี่เอ๋อด้วยท่าทางอันสงบ

จวินหลิงหลงติดตามมาด้านหลังของเขาด้วย

“ข้าน้อยทำความเคารพใต้เท้า!”

นางรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกดีใจด้วยเช่นกัน

หนึ่งปีผ่านไป วันที่นางเฝ้ารอก็มาถึง

จวินเซียวเหยามองไปที่ไป่ยวี่เอ๋อ นางผอมลงมากและมีท่าทีที่สำนึกต่อความผิดอย่างใจจริง

แต่จวินเซียวเหยาไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เพียงแค่มองอยู่อย่างนั้น

เห็นเช่นนี้ ไป่ยวี่เอ๋อกัดฟันและก้มคำนับอีกสามครั้งแก่จวินเซียวเหยาและกล่าว “ใต้เท้า ยวี่เอ๋อได้รับรู้ถึงความผิดที่ตัวเองก่อแล้ว ได้โปรด... ได้โปรดเมตตาแก่ยวี่เอ๋อสักครั้งหนึ่ง”

จวินเซียวเหยาเอ่ยเบาๆ “เป็นเรื่องดีที่เจ้ารู้ความผิดของตัวเอง ลุกขึ้นเถอะ ยังไงข้าก็ไม่ใช่ปิศาจร้ายหรอกนะ”

เมื่อจวินหลิงหลงได้ยินคำพูดของเขา นางรู้สึกคันปากอยากจะเถียงเล็กน้อย

ถ้าท่านไม่ใช่ปิศาจ แล้วที่ท่านปล่อยให้นางคุกเข่าเป็นปีล่ะ?

แม้แต่โอสถอมตะก็นำไปให้บิดานางแล้ว แต่ไป่ยวี่เอ๋อยังต้องคุกเข่าต่อไปโดยไม่บอกความจริงแก่นาง

ท่านเป็นปิศาจเฒ่าชัดๆ

“ขอบคุณ ขอบคุณใต้เท้า” ไป่ยวี่เอ๋อพยายามลุกขึ้นยืน ขาของนางชาและสั่นอยู่ครู่หนึ่ง

เห็นแบบนี้ จวินเซียวเหยาจึงสะบัดนิ้วของเขา ส่งเม็ดโอสถชั้นยอดไปที่มือของนาง

ไป่ยวี่เอ๋อรู้สึกปลื้มปีติมากกว่าเดิม

เม็ดโอสถชั้นยอดซึ่งราคาแพงเสียดฟ้าหากนำไปขายที่โลกภายนอก แต่จวินเซียวเหยากลับมอบให้นางเฉกเช่นของขวัญชิ้นหนึ่ง

ชั่วขณะ ไม่เพียงนางจะไม่ตำหนิจวินเซียวเหยา แต่นางกลับมีความรู้สึกขอบคุณแทน

ไป่ยวี่เอ๋อกลืนเม็ดโอสถและเริ่มฟื้นฟูความแข็งแกร่งทันที

จวินเซียวเหยายิ้มมุมปากเยาะเย้ยเล็กน้อย

เขาคงเชี่ยวชาญเรื่องตบหัวแล้วลูบหลังมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ

ผลการฟื้นฟูของเม็ดโอสถช่างน่าทึ่ง ความอ่อนแอของไป่ยวี่เอ๋อถูกขจัดออกไปอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงอาการบาดเจ็บสาหัสของราชาแห่งจูเชวี่ยแล้ว ไป่ยวี่เอ๋อกำหมัดแน่นและรู้สึกว่ามันยากมากที่จะเอ่ยคำพูดออกมา

แค่นี้ก็คาดไม่ถึงแล้วว่านางจะได้รับอภัยจากจวินเซียวเหยา

แล้วจะไปกล้าขอโอสถอมตะจากจวินเซียวเหยาได้อย่างไร

คิดได้ดังนี้แล้ว ไป่ยวี่เอ๋อสูดลมหายใจลึก โค้งคำนับแก่จวินเซียวเหยาและกล่าว “ขอบคุณใต้เท้าสำหรับความเมตตาในครั้งนี้ ยวี่เอ๋อขอตัวลา”

ไป่ยวี่เอ๋อถอนหายใจลึกในใจ ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถนำโอสถอมตะกลับไปให้บิดาได้

แต่ทันใดนั้น จวินหลิงหลงก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนและเอ่ย “ไป่ยวี่เอ๋อ เจ้าไมได้ต้องการโอสถอมตะแล้วหรือ?”

ไป่ยวี่เอ๋อที่ได้ยินคำถาม นางยิ้มอย่างขมขื่นและตอบ “ข้าโชคดีมากแล้วที่ได้รับความเมตตาจากใต้เท้า แล้วยวี่เอ๋อจะกล้าร้องขอมากกว่านี้ได้อย่างไร?”

“ถ้างั้น ทำไมเจ้าไม่ลองติดต่อไปที่บ้านเกิดเจ้าดูล่ะ?” ดวงตาของจวินหลิงหลงเป็นประกายและกล่าว

ไป่ยวี่เอ๋อผงะอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนำแผ่นหยกออกมาเพื่อส่งข้อความไปหาดินแดนจูเชวี่ยโบราณ

และดินแดนจูเชวี่ยโบราณก็ตอบกลับมาเช่นกัน

“ตระกูลจวินได้มอบโอสถอมตะมาให้เมื่อไม่นานมานี้ และทั้งหมดคือของขวัญจากใต้เท้าบุตรพระเจ้า”

“ท่านราชาไม่เพียงแต่ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บเท่านั้น แต่ท่านราชากำลังจะทะลวงไปสู่ขอบเขตที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน”

“ทั้งหมดนี้คือความกรุณาอันยิ่งใหญ่ของใต้เท้าบุตรพระเจ้า”

ข่าวทั้งหมดทำให้สมองของไป่ยวี่เอ๋อถึงกับขาวโพลนไปชั่วขณะ

จากนั้นนางก็แสดงออกถึงความตื่นเต้นอันเหลือเชื่อ

“ใต้เท้า เป็นท่านเอง…”

ไป่ยวี่เอ๋อรู้สึกร้อนผ่าวที่ดวงตา นางจ้องมองไปที่จวินเซียวเหยาและสะอื้นไห้

“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ใช่ปิศาจ” จวินเซียวเหยายิ้มเล็กน้อย

ในตอนนี้ ตัวตนของจวินเซียวเหยาถูกสลักลึกลงไปในจิตใจของไป่ยวี่เอ๋อเรียบร้อยแล้ว

จากภายในถึงภายนอกร่างกาย มีแต่จวินเซียวเหยาผู้เดียว ราวกับว่านางคือตัวแทนของเขา

หัวใจของนางถูกจวินเซียวเหยาแทรกซึมลึกลงไปจนยากที่จะลบเลือนชั่วชีวิต

มันเป็นความรู้สึกบางอย่างที่คนผู้หนึ่งกำลังจมลึกสู่ก้นบึ้งแห่งความสิ้นหวัง แต่แล้ว กลับมีคนมาช่วยดึงขึ้นมาให้พบเจอกับความหวังอันยิ่งใหญ่

และความหวังเหล่านั้นก็มาพร้อมกับชายคนนี้ จวินเซียวเหยา

“จากนี้ไป ยวี่เอ๋อจะขอรับใช้ใต้เท้าบุตรพระเจ้าไปตลอดชีวิตด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าจะในฐานะทาสหรือสาวใช้ ยวี่เอ๋อจะไม่มีวันขัดคำสั่งโดยเด็ดขาด หากผิดต่อคำสัตย์สาบานเหล่านี้ ขอฟ้าดินจงลงโทษด้วยทัณฑ์สวรรค์ในทันที!”

ไป่ยวี่เอ๋อคุกเข่าลงต่อหน้าจวินเซียวเหยาและสาบานด้วยความหนักแน่น

ก่อนหน้า นางคุกเข่าลงเพื่อขอความเมตตา แต่ในคราวนี้ นางคุกเข่าลงและยอมจำนนต่อจวินเซียวเหยาด้วยความเต็มใจ

จบคำสาบานไม่นาน เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธก็ดังมาจากด้านนอกตระกูลจวิน

“บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินอยู่ไหน? เจ้าใช้ทักษะลับอะไร ทำไมถึงกล้ารังแกหญิงสาวผู้อ่อนแอ? เจ้ากล้ามาเจอกับข้ารึเปล่า!”

เสียงนี้ดังราวกับท้องฟ้ากำลังคำรามสะเทือนโลก

สมาชิกตระกูลจวินหลายคนตื่นตระหนก

องครักษ์ผู้หนึ่งเข้ามาด้านข้างจวินเซียวเหยาและรายงาน

“ใต้เท้า มีชายหนุ่มอวดดีคนหนึ่งอยู่ด้านนอกประตู เขาน่าจะมาจากดินแดนชิงหลงโบราณ”

“หืม… ดูเหมือนว่าคู่หมั้นผู้นี้จะไม่รู้ขอบเขตของตัวเองสินะ…” จวินเซียวเหยาเย้ยหยันอยู่ในใจ

เขาเอ่ยเบาๆ “ปล่อยให้เข้ามา ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”

“ขอรับ” องครักษ์ถอยออกไป

ไป่ยวี่เอ๋อที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นหน้าซีดอีกครา

จวินเซียวเหยาเพิ่งจะให้อภัยนาง แต่ตอนนี้คู่หมั้นของนางกลับมายั่วยุเขา นี่ไม่ใช่การทำร้ายนางหรอกหรือ?

ในตอนนี้ ไป่ยวี่เอ๋อเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับเซียวเฉินผู้เป็นคู่หมั้นของนางเล็กน้อย

“ใต้เท้า ข้า…” นางหวาดกลัวและรีบร้อนที่จะแก้ต่างให้กับตัวเอง

“ไม่มีปัญหาหรอก” จวินเซียวเหยาโบกมือ

เพียงครู่เดียว ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งในชุดคลุมมังกรครามก็มาถึง

เมื่อเขาเห็นไป่ยวี่เอ๋อกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าจวินเซียวเหยา ดวงตาของเขาก็เบิกโพลงและปลดปล่อยจิตสังหารไปทั่วบริเวณในทันที

สำหรับผู้ชายแล้ว ย่อมรับไม่ได้ที่คู่หมั้นของตัวเองจะไปนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเพศตรงข้าม

“ยวี่เอ๋อ ลุกขึ้นซะ ชายคนนี้ช่างกล้าหาญนักที่ข่มเหงเจ้าแบบนี้!” เซียวเฉินตะโกนด้วยความโมโห

แต่..

“เซียวเฉิน เงียบซะ เจ้ากล้าดียังไงถึงทำตัวหยาบคายต่อท่านใต้เท้า!” ไปยวี่เอ๋อดุเขากลับทันที

เซียวเฉินตกใจและหันไปมองไป่ยวี่เอ๋อด้วยความไม่อยากจะเชื่อทันที

“ยวี่เอ๋อ ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้านะ ทำไมเจ้าถึงไปเข้าข้างมันล่ะ?” เซียวเฉินงงและงงยิ่งกว่าเดิม

“พอเท่านั้นแหละ ข้ายอมคุกเข่าด้วยความเต็มใจของข้าเองจนใต้เท้ายินยอมที่จะให้อภัยข้า แค่นี้ข้าก็พอใจมากแล้ว แล้วเจ้าจะมายุ่งเกี่ยวเพื่ออะไร?” ไป่ยวี่เอ๋อกล่าวอย่างเย็นชา

เดิมที นางก็พอจะชอบเซียวเฉินอยู่ไม่มากนัก

แต่ดินแดนชิงหลงโบราณกลับผิดคำสัญญาและปฏิเสธที่จะมอบโอสถอมตะให้กับดินแดนจูเชวี่ยโบราณ

นางกระทั่งพูดคุยกับเซียวเฉินก่อนหน้าและเขาก็รับปากกับนาง แต่จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของโอสถอมตะ

หากจวินเซียวเหยาไม่ได้มอบโอสถอมตะให้ บิดาของนางคงไม่รอดจากอาการบาดเจ็บเป็นแน่

ดังนั้นระหว่างจวินเซียวเหยากับเซียวเฉิน ใครกันที่เมตตาต่อนาง?

“ยวี่เอ๋อ ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนี้ล่ะ? เพราะมันบังคับให้เจ้าทำแบบนี้ใช่หรือเปล่า?”

เซียวเฉินกัดฟันแน่น ในใจของเขาเดือดดาลมากยิ่งกว่าเดิม

(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด