ตอนที่แล้วบทที่ 402: ข้ารู้ว่าเฟิงเฉิงไปที่ไหน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 404: เฟิงเฉิงมาขอความช่วยเหลือ

บทที่ 403: จำเขาได้ในทันที


เมื่อเฟิงเฉิงได้ยินสิ่งที่เขาพูด นางก็ค่อนข้างรู้สึกหนักใจ

ต่อมา หญิงสาวยืดหลังให้ตรงและกวาดตามองกลุ่มภูตรอบตัว

“หึ คิดว่าคนโง่อย่างเจ้าจะจับข้าได้งั้นรึ?” หมอผีสาวพ่นลมอย่างเย็นชา ในขณะที่แววตาเฉยเมยของนางเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

“นี่เจ้า!” เฟิงอันกัดฟันแน่น

สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือเวลาที่ผู้หญิงคนนี้ชอบวางท่าเหนือกว่าตน

เห็นได้ชัดว่านางเป็นเพียงผู้หญิงไร้ประโยชน์ แล้วเหตุใดเฟิงเฉิงถึงเป็นคนเดียวที่สามารถใช้ไม้เท้าเฟิงหลีได้ แต่เขาไม่สามารถแม้แต่จะแตะต้องมัน

ถัดมา เฟิงเฉิงหันไปมองเฟิงเสวี่ยด้วยสายตาคมกริบ “และเจ้า…”

“เจ้าไม่รู้หรือไงว่าไอ้โง่คนนี้กำลังหลอกใช้เจ้าอยู่ เจ้าถึงยอมไปช่วยเขาหลอกล่อข้ามาถึงที่นี่ทั้ง ๆ ที่แม่ข้าเป็นคนเลี้ยงดูเจ้ามาจนเติบใหญ่”

ตอนที่เฟิงเสวี่ยเกิด พ่อแม่ของนางก็เสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน

ด้วยเหตุนี้ แม่ของเฟิงเฉิงจึงเป็นคนรับเลี้ยงนาง เลี้ยงดูนางและสอนวิชาให้นางเองกับมือ

“ทั้ง ๆ ที่ท่านแม่ของข้าไว้ใจเจ้ามาก แต่เจ้าก็ยืนหยัดที่จะต่อสู้เพื่อคนโง่อย่างนั้นหรือ?”

“ข้า...”

ฝ่ายที่ถูกต่อว่ายืนซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเฟิงอันโดยไม่กล้าสบตาคู่สนทนา

“เฟิงเฉิง หุบปาก!” ชายที่เป็นผู้นำกลุ่มตวาดใส่เฟิงเฉิงเสียงดัง

“เจ้าถือดีอะไรถึงมาสั่งสอนคนอื่น ทั้งที่ไม้เท้าเฟิงหลีเป็นสมบัติของเผ่า แต่พวกเจ้า 2 แม่ลูกกลับเอามันไปครอบครอง แถมเจ้าก็ยังปฏิเสธที่จะช่วยพ่อของข้า เป็นเพราะเขาคือผู้ชายใช่ไหมเขาถึงไม่มีค่าพอให้พวกเจ้าช่วยชีวิต?” บัดนี้ดวงตาของเฟิงอันแดงก่ำ เขาอยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดเพื่อระบายความโกรธของเขา

“งี่เง่า!” เฟิงเฉิงโต้กลับโดยที่นางไม่สะทกสะท้านเลย “นั่นเป็นเพราะเขาทำตัวเองต่างหาก!”

นางรู้ดีว่าเฟิงอันเป็นคนบ้าดีเดือดและยืนหยัดในแนวทางของตัวเอง เขาไม่ใช่ภูตที่จะฟังคำพูดคนอื่นเลย

ดังนั้นหมอผีสาวจึงไม่สนใจจะอธิบายให้เขาฟังอีก

นางทำเพียงแค่จ้องมองเฟิงเสวี่ยด้วยสายตาเย็นชา

“เฟิงอัน จับนางไว้ก่อนแล้วพานางกลับไปที่เผ่า”

เฟิงเสวี่ยเผชิญหน้ากับคนที่ถูกนางหลอกล่อให้มาพบนิ่ง และพูดกระตุ้นผู้นำกลุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้า

เมื่อเฟิงอันได้ยินเช่นนี้ เขาก็เขม็งมองหญิงสาวที่มีไม้เท้าอยู่ในมือ

“เอาไม้เท้าเฟิงหลีมาให้ข้า!”

ขณะนั้นเฟิงเฉิงจ้องมองทั้ง 2 คนด้วยสีหน้าสงบ

“ถ้าอยากได้ไม้เท้าเฟิงหลีก็เข้ามาเอาเองสิ”

หมอผีสาวทำท่าทีนิ่งเฉยไม่เหมือนคนที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์สิ้นหวังเลยแม้แต่น้อย

คำพูดและท่าทางของนางทำให้เฟิงอันชะงักไปครู่หนึ่ง ในขณะที่เขาหรี่ตามองผู้หญิงตรงหน้าแบบหวาดระแวง

นางยังมีกำลังเสริมอยู่หรือ?

หลังจากเขากวาดตามองไปรอบ ๆ เขาก็ไม่พบร่องรอยของผู้ติดตามนาง แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น

ในสายตาของชายหนุ่ม ผู้หญิงคนนี้ประหลาดที่สุด ถ้าขืนเขาชักช้าไปกว่านี้มันจะสายเกินแก้!

“จับเฟิงเฉิงมาให้ข้า!”

เฟิงอันพยายามสงบสติอารมณ์และสั่งลูกน้องเสียงเข้ม

จากนั้นพวกภูตก็มีท่าทีขึงขังแล้วก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับกุมเป้าหมาย

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าใกล้นาง ก็มีเสียงเสียดสีกับอากาศดังขึ้น

ฟิ้ว! ฉึก!

ลูกธนูไม้ไผ่เจาะเข้าไปที่กรงเล็บของภูตคนหนึ่ง

ส่งผลให้ภูตคนนั้นถูกตรึงอยู่กับพื้นอย่างแน่นหนาพร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวน

“อ๊ากกกกก!”

“ใครน่ะ?” สีหน้าของเฟิงอันเปลี่ยนไปทันทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียงด้วยความตื่นตระหนก

ไม่นานเขาก็เห็นภูตนก 4 คนบินวนอยู่บนท้องฟ้า

นอกจากนี้ยังมีภูตตัวเล็ก 2 คนนั่งอยู่บนภูตนกแต่ละคน ในขณะที่พวกเขาถือของแปลก ๆ ไว้ในมือแล้วเล็งมาที่พวกเขา

วินาทีนั้นสถานการณ์วิกฤตกำลังจู่โจมชายหนุ่มอย่างหนัก

เฟิงอันรู้สึกได้ว่าหนังศีรษะของเขาชาขึ้นมาทันที

จากระยะไกลขนาดนั้น พวกมันโจมตีทุกคนพร้อมกันได้อย่างไร?

แล้วพวกมันกำลังถือบ้าอะไรอยู่ในมือ!

ทางด้านเฟิงเฉิงเองก็เงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า

เมื่อหญิงสาวเห็นภูตนกที่มีคนถือคันธนูนั่งอยู่ ในที่สุดนางก็คลายมือที่กำไม้เท้าออก และเม็ดเหงื่อบาง ๆ บนหน้าผากของนางก็เผยให้เห็นความกังวลใจในขณะนี้

จากนั้นนางก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

โชคดีที่พวกเขามาถึงทันเวลาพอดี

“เฟิงเฉิง เจ้ามันนังแพศยา เจ้าเล่ห์เพทุบาย เจ้าพาคนอื่นมาที่นี่ด้วย!” เฟิงอันกัดฟันมองไปที่อีกฝ่าย

เนื่องจากเผ่าพันธุ์ของพวกเขาไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้

ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายตรงข้ามเป็นภูตนกแถมยังมีสิ่งแปลกประหลาดในมือที่สามารถโจมตีพวกตนได้อย่างรุนแรงอีก

“ขอบคุณที่ชม” ใบหน้าของเฟิงเฉิงไม่แยแส แล้วนางก็เยาะเย้ยศัตรูด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เมื่อเทียบกับความร้ายกาจของเจ้า ข้ายังถือว่าด้อยกว่าเล็กน้อย”

“เจ้าคิดว่าภูตนกพวกนั้นจะสามารถพาเจ้าหลบหนีไปได้งั้นรึ ฝันไปเถอะ!” ชายที่เป็นผู้นำกลุ่มภูตจ้องไปที่หมอผีสาวด้วยสายตาดุดันและยกมือขึ้นออกคำสั่ง

“จับนาง!”

“ภูตนกพวกนั้นเอาชนะเราไม่ได้หรอก!”

ตราบใดที่เฟิงเฉิงถูกจับได้ ภูตนกเหล่านี้ก็ไม่น่ากลัว

ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ กลุ่มภูตตัวสีฟ้าก็พุ่งไปข้างหน้า

ทางด้านภูตนกที่บินอยู่บนท้องฟ้ามีสีหน้าเปลี่ยนไป เนื่องจากอีกฝ่ายมี 12 คน พวกเขาที่มีจำนวนน้อยกว่าจึงไม่อาจรับมือไหว

ขณะที่พวกเขากำลังจะโฉบลงไปคว้าตัวเฟิงเฉิงจากฝูงชน เสียงคำรามของมังกรก็ดังมาจากอีกฝั่งของท้องฟ้า

“กร๊าซซซซซ!!”

เสียงนั้นมาพร้อมกับเสียงคำรามต่ำของสัตว์ดุร้ายชนิดต่าง ๆ

“กรรซ์!”

อีกทั้งน้ำเสียงของภูตเหล่านี้แฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราด

เวลานี้ใบหน้าของภูตนกสว่างสดใสทันที เพราะเขารู้ว่ากลุ่มคนที่มาเป็นพวกหลงโม่!

ในพื้นที่เปิดโล่ง เฟิงอันเห็นว่าเฟิงเฉิงกำลังจะถูกจับ แต่จู่ ๆ ก็มีสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่กระโดดออกมาจากด้านหลังนาง

มันก้าวข้ามเหนือหัวลูกน้องไปและกระโดดขึ้นสูง พร้อมกับใช้กรงเล็บแหลมคมตะปบเข้าใส่ภูตที่อยู่ใกล้กับเฟิงเฉิงเต็มแรง

ส่วนภูตอีก 2 คนถูกเหยียบอยู่ใต้อุ้งเท้าของจิ้งจอกขาวแสดงสีหน้าหวาดกลัว

เจ้าจิ้งจอกตัวนี้โผล่มาจากไหนกัน!?

คงไม่ได้หมายความว่ามันเป็นฝ่ายเดียวกับภูตนกที่บินอยู่บนท้องฟ้าหรอกใช่ไหม?

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ฝ่ายภูตตัวสีฟ้าจะทันได้คิดอะไรต่อ

จิ้งจอกขาวตัวนั้นก็เชือดคอพวกเขาด้วยกรงเล็บ

แล้วขนจิ้งจอกสีขาวบริสุทธิ์ก็ถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงฉานทันที ทำให้ภาพที่ปรากฏดูน่าสยดสยอง

“หูชิงซาน?” เฟิงเฉิงมองภูตจิ้งจอกขาวตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

โดยธรรมชาติแล้วร่างสัตว์ของภูตส่วนใหญ่มีลักษณะเหมือนกัน

ยิ่งสำหรับจิ้งจอกขาวนั้นยิ่งเหมือนกันมากจนแทบจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หมอผีสาวกลับจำเขาได้ในทันที

“เจ้ามาที่นี่ทำไม ไม่ใช่ว่า...”

เฟิงเฉิงทำให้ชายหนุ่มหมดสติไปเพราะไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ยามนี้ดวงตาของจิ้งจอกหนุ่มกวาดไปทั่วศัตรูที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างดุดัน

พอเห็นท่าทางหวาดกลัวของอีกฝ่าย เขาก็ไม่รู้สึกกังวลใจอะไรอีก แล้วหันไปใช้ปากงับเสื้อผ้าของหมอผีแล้วโยนนางไว้บนหลังตนเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันมีโอกาสได้สัมผัสตัวนางแม้แต่น้อย

ไม่กี่อึดใจต่อมา

ภูตหลายร้อยคนก็โผล่ออกมาจากป่าทึบ

พวกเขาคือสุนัขจิ้งจอกและเสือ

ทั้ง 2 เผ่าพันธุ์นี้เป็นนักสู้ที่เก่งกาจ!

เหล่ากำลังเสริมที่ตามมาสมทบทำให้ใบหน้าของเฟิงอันและเฟิงเสวี่ยซีดเผือดลง

ทำไมเฟิงเฉิงมีคนมาช่วยตั้งมากมาย!?

ครั้งนี้พวกเขาสะเพร่าจริง ๆ!

“ให้ตายเถอะ!” เฟิงอันกำหมัดและกัดกรามแน่น ในขณะที่ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้

“เฟิงอัน เราจะทำยังไงดี?” เฟิงเสวี่ยคว้าแขนเสื้อของเขามาถามอย่างกระวนกระวาย

“เราจะทำอะไรได้อีก ถอยกันก่อน!”

ชายหนุ่มตะคอกพลางสะบัดแขนเสื้อที่อีกฝ่ายจับอย่างโกรธจัด

ก่อนที่หูชิงซานและพรรคพวกจะมุ่งเป้ามาที่พวกเขา ผู้นำกลุ่มก็รีบพาคนของตนหนีเข้าไปในป่าทึบทันที

อีกด้านหนึ่ง บนท้องฟ้า

หูเจียวเจียวกำลังหมอบตัวอยู่บนหลังของมังกรดำขณะเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาที่เฉียบคม

“หลงโม่ พวกมันกำลังจะหนี”

ทันทีที่สิ้นเสียงของหญิงสาว มังกรตัวใหญ่ก็บินโฉบลงไปในวินาทีต่อมา

ปัง! โครม!

มีเสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ต้นไม้หนา 2-3 ต้นล้มขวางทางคนที่กำลังจะหลบหนี

“เฟิงอัน เราโดนขวางไว้แล้ว” เฟิงเสวี่ยนั่งอยู่บนหลังเฟิงอันที่แปลงร่างเป็นสัตว์ด้วยใบหน้าซีดเซียว

ขณะนั้นชายหนุ่มมองไปยังต้นไม้ที่ล้มขวางทางอย่างตื่นตระหนก

ถ้าเขากระโดดเต็มกำลัง เขาก็สามารถกระโดดข้ามมันไปได้

แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหนีไปพร้อมกับหญิงสาว มิฉะนั้นเขาอาจถูกอีกฝ่ายไล่ตามทัน

ในขณะที่คิดดวงตาของเฟิงอันก็ทอประกายแน่วแน่

“เฟิงเสวี่ย ข้าขอโทษนะ”

ทันใดนั้นเขาก็พึมพำออกมาแล้วสะบัดคนบนหลังทิ้งก่อนจะรีบหนีไปพร้อมกับกลุ่มลูกน้อง

“กรี๊ดดด!”

เฟิงเสวี่ยถูกโยนลงบนหิมะจนกลิ้งไป 2-3 ตลบ

เมื่อนางกลับมารู้สึกตัว เฟิงอันก็จากไปพร้อมกับกลุ่มภูตแล้ว ไม่นานก็มีคนแปลกหน้าเดินมาล้อมนางเอาไว้พร้อมกับจ้องมองนางด้วยสายตาดุดัน

“เฟิงอัน!”

หญิงสาวตะโกนเรียกคนที่ทอดทิ้งตนอย่างน่าสมเพชขณะมองไปยังทิศทางที่อีกคนจากไป นางแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าเขาจะทิ้งนางไว้ข้างหลังแบบนี้!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด