ตอนที่แล้วบทที่ 366: สมองของพี่ใหญ่มีอะไรอยู่กันแน่?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 368: ใครก็ตามที่ได้รับบาดเจ็บในอนาคตจะถือว่าโชคร้าย

บทที่ 367: ความกังวลของเฟิงเฉิง


หลังจากพูดคุยกันจนเข้าใจ หูเจียวเจียวกับหูชิงซานก็โบกมือลากัน “พี่ใหญ่ ข้ากำลังรอฟังข่าวดีของท่านอยู่นะ”

“ขอบคุณนะน้องเล็ก”

ชายหนุ่มแทบรอไม่ไหวที่จะแปลงร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาว และในไม่ช้าเขาก็หายไปจากสายตาของผู้เป็นน้องสาว

จากนั้นหูเจียวเจียวก็ปัดมือ กอดอก ในขณะที่ยิ้มจนดวงตาของเธอกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวพลางพูดกับตัวเองว่า

“พี่ใหญ่ การรักษาลูกทั้ง 3 ของข้าขึ้นอยู่กับท่านแล้ว...” โดยธรรมชาติภูตจะแสดงความรักต่อกันอย่างตรงไปตรงมา แต่พี่ชายคนโตของเธอกลับทำตัวเหมือนเด็กแรกรุ่นที่พบรักแรก

หลังจากนี้วิธีการดังกล่าวจะได้ผลหรือไม่นั้นเธอต้องรอลุ้นไปก่อน

หากมันไม่ได้ผล หญิงสาวก็จะเปลี่ยนแผนเพราะเธอไม่อยากให้ลูก ๆ รอนานเกินไป

หูเจียวเจียวยืนอยู่ที่เดิมชั่วครู่ก่อนจะเดินกลับไปหาหลงโม่

อีกด้านหนึ่ง

หู่จิงกับหูชิงหยวนกำลังดื่มเหล้าผลไม้ทีละจิบ

ทั้งคู่รักกันหวานชื่น นางป้อนเขา เขาป้อนนาง พวกเขาพลอดรักกันแบบไม่สนใจว่าใครจะอยู่ในบ้านบ้าง

ทางด้านเฟิงเฉิงมองหู่จิงกับหูชิงหยวนด้วยสายตาเบื่อหน่าย และรู้สึกถึงกลิ่นหอมหวานจนเลี่ยนในอากาศ

“ข้าจะไปเดินเล่นสักหน่อย” นางพูดจบแล้วก็หยิบไม้เท้า ตั้งท่าจะเดินออกไปข้างนอก

“เฟิงเฉิง ข้างนอกหนาวมาก ถ้าเจ้าต้องลมหนาวแล้วล้มป่วยไปจะทำยังไง!” เสือสาวโน้มศีรษะออกมาจากแขนของสามีหนุ่มเมื่อนางได้ยินเสียงเรียบเฉยของหมอผีและรีบเรียกนางให้หยุด

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ป่วยง่าย ๆ หรอก” เฟิงเฉิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

นางห่างหายจากการได้อยู่อย่างอิสระในเผ่ามานานมาก

ข้าถูกไอ้ผู้ชายสารเลวอย่างหลางซัวคุมขังมานาน ข้าไม่เคยมีโอกาสได้ติดต่อกับผู้คนในเผ่าของข้าเลย

ข้าต้องติดต่อกับพวกเขาให้เร็วที่สุด

ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหลังจากถูกคนคนนั้นทรยศและตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง...

เมื่อเฟิงเฉิงคิดได้เช่นนี้ก็ผลักประตูออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นหู่จิงกำลังจะไปตามอีกฝ่ายกลับมา แต่นางถูกหูชิงหยวนรั้งไว้ก่อน

“เจ้าดึงข้าไว้ทำไม นางเป็นผู้หญิงนะ การปล่อยให้นางออกไปเดินอยู่คนเดียวข้างนอกในฤดูหนาวมันไม่ดี”

เสือสาวขมวดคิ้วพูดแบบไม่พอใจ

“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่านางเป็นหมอผี นางมีความสามารถในการนำภูตที่ตายแล้วกลับมาได้ แล้วนางจะป่วยได้ยังไง เจ้าเคยได้ยินใครบอกว่าหมอผีเคยป่วยบ้างไหม?” จิ้งจอกหนุ่มกล่าวพลางมองภรรยาของตนอย่างขบขัน

หู่จิงที่ได้ยินดังนั้นตกตะลึง “เอ่อ นั่นสินะ...”

นางเกือบลืมไปว่าเฟิงเฉิงเป็นหมอผี

“แต่หมอผีก็ป่วยได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่านางจะป่วยไม่ได้สักหน่อย”

ยามนี้หญิงสาวเม้มริมฝีปากมองไปยังทิศทางที่เจ้าของเรือนผมสีฟ้าเดินไป ก่อนจะเห็นว่านางได้ปิดประตูแล้ว

“ข้าได้ยินจากพี่ใหญ่ของข้าว่านางเคยถูกขังอยู่ในบ้านทุกวันตอนที่อยู่ในเผ่าหมาป่า บางทีนางอาจจะแค่อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก” หูชิงหยวนอธิบาย

หู่จิงผงกหัวรับ แต่จู่ ๆ นางก็นึกบางอย่างขึ้นได้และถามว่า

“ไม่ใช่สิ พี่ใหญ่รู้จักเฟิงเฉิงดีขนาดนี้ได้ยังไง ตอนที่ข้าอยู่กับนาง ข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย!”

ยามนี้ต้นไม้ที่เหลือแต่กิ่งนอกบ้านถูกหิมะโปรยปรายลงมาทับถมจนมันถูกย้อมกลายเป็นสีขาวโพลน

ปัจจุบันเฟิงเฉิงเดินมาอยู่ใต้ต้นไม้ ก่อนจะเอามือปัดเกล็ดหิมะที่เกาะอยู่ตรงลำต้นหนาอย่างแผ่วเบา แล้ววางฝ่ามือข้างหนึ่งบนลำต้น ส่วนอีกมือหนึ่งจับไม้เท้าไว้แน่น จากนั้นก็กระชับมันไว้แนบอกของตน

ถัดมา หญิงสาวหลับตาพึมพำเบา ๆ แต่ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังพูดถึงอะไร

หลังจากนั้นไม่นานนางก็ลืมตาขึ้น และดวงตาที่เย็นชาของนางก็ฉายแววกังวล

ทำไมข้าติดต่อพวกเขาไม่ได้เลย?

โชคดีที่ตอนที่หมอสาวหลบหนี พวกเขาทิ้งสมบัติของเผ่าไว้กับนาง ตราบใดที่สมบัติของเผ่าไม่ตกอยู่ในมือของคนทรยศ คนคนนั้นก็จะไม่กล้าทำอะไรกับพวกเขา

แม้ว่าเผ่านี้จะดีกว่าเผ่าหมาป่ามาก แต่การอยู่ที่นี่มันก็ไม่ใช่แผนระยะยาว ไม่ช้าก็เร็ว ความลับของนางจะถูกเปิดเผยและคนในเผ่านี้อาจขับไล่นางออกไป

ข้าต้องวางแผนล่วงหน้า

เฟิงเฉิงมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่ได้สังเกตเห็นรอยแตกบนกิ่งไม้เหนือหัวที่ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น

แครก!

เสียงกิ่งไม้หักดังมาจากเหนือหัวของหมอผีสาว

เฟิงเฉิงเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้เห็นต้นตอของเสียงชัดเจน จังหวะนั้นหิมะสีขาวก็ตกลงมาเข้าตานางก่อน

มันทำให้หญิงสาวตาพร่าและสัมผัสที่เย็นยะเยือกส่งผลให้นางลืมตาไม่ขึ้น ก่อนที่นางจะทันได้ขยับหลบ นางก็เห็นว่ากิ่งไม้ที่มีน้ำหนักมากกว่าภูตโตเต็มวัยกำลังจะกระแทกศีรษะของตน

ทันใดนั้นเอง

สุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวหนึ่งวิ่งมาจากระยะไกลแล้วกระโดดมาขวางกิ่งไม้ยักษ์พร้อมกับคว้าตัวเฟิงเฉิงไว้

จิ้งจอกขาวตัวใหญ่กลิ้งไปมาบนพื้นหลายตลบ เขาสามารถพาคนในอ้อมกอดหลบกิ่งไม้ได้โดยที่นางไม่เป็นอันตรายใด ๆ

วินาทีนั้นหญิงสาวกลับมามีสติทันท่วงทีเมื่อได้ยินเสียงกิ่งไม้ใกล้ ๆ ร่วงลงมาเสียงดังโครมคราม

หลบได้เฉียดฉิว…

ข้าเกือบโดนกิ่งไม้ทับแบบโง่ ๆ แล้ว

ขณะที่เฟิงเฉิงกำลังจะขอบคุณคนที่มาช่วยเหลือ แต่ทันใดนั้นก็มีของเหลวอุ่น ๆ หยดลงบนใบหน้าของนาง 2-3 หยด ตามด้วยกลิ่นหอมหวานที่โชยมาแตะปลายจมูก

นางชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและพบว่าขาหน้าของสุนัขจิ้งจอกสีขาวที่กดทับตัวนางอยู่นั้นมีเศษขนกระจายออกมาเป็นแผลถลอกประกอบกับมีเลือดไหลไม่หยุด

ตอนนั้นเองที่หญิงสาวจำได้ว่ามีกิ่งไม้ยาวเกือบทิ่มตานาง แล้วภาพตรงหน้าก็ถูกบดบังด้วยขนสีขาว

มันคือจิ้งจอกขาวที่เข้ามาช่วยนางไว้

มิฉะนั้นป่านนี้นางน่าจะตาบอดไปแล้ว

“เจ้าบาดเจ็บ!”

เฟิงเฉิงรีบลุกขึ้นจากพื้นพร้อมขมวดคิ้วมองหาไม้เท้าโดยไม่รู้ตัว

หลังจากที่นางสัมผัสไม้เท้าที่หล่นลงบนพื้น นางก็ชะงักไปกะทันหัน ก่อนจะวางไม้เท้าลงที่เดิม แล้วฉีกเสื้อหนังหมีขาวของตัวเองออกเพื่อนำไปกดบาดแผลของจิ้งจอกขาว

“แผลของเจ้าค่อนข้างลึก ข้าจะช่วยห้ามเลือดให้เจ้าก่อน”

ปัจจุบันสมบัติของเผ่าสามารถใช้ได้ในจำนวนจำกัดเท่านั้น ตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในเผ่าหมาป่า นางจึงไม่สามารถใช้สมบัติของเผ่าตามใจชอบได้อีกต่อไป

ถ้าเป็นไปได้นางจะพยายามใช้มันให้น้อยที่สุด

ทางด้านสุนัขจิ้งจอกสีขาวสะบัดหิมะออกจากตัว และค่อย ๆ ใช้หัวดุนมือของหมอผีสาวออกไป

ในวินาทีถัดมา จิ้งจอกขาวตัวใหญ่ก็กลายร่างเป็นมนุษย์

“ข้าไม่เป็นไร อาการบาดเจ็บเล็กน้อยแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” หูชิงซานยืดเอวของเขาให้ตรง ทว่าใบหน้าของเขาตึงเครียดจริงจังเหมือนกำลังฆ่าฟันศัตรูในสนามรบ

แต่เฟิงเฉิงยังคงยืนกรานที่จะเข้าไปช่วยกดบาดแผลของเขาด้วยหนังสัตว์ ก่อนจะจับมือของเจ้าตัวให้กดแผลด้วยตัวเอง

ครั้งนี้จิ้งจอกหนุ่มไม่ขัดขืน

“ขอบคุณที่เมื่อกี้ช่วยข้าไว้” ความเย็นชาในดวงตาของหญิงสาวค่อย ๆ จางหายไป แต่เสียงของนางยังคงเย็นเยียบไม่ต่างจากหิมะในฤดูกาลนี้

“เดี๋ยวข้าจะไปเอายาที่หมอ หลังจากนั้นเจ้าก็กลับบ้านได้”

เนื่องจากชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บเพื่อช่วยนางเอาไว้ นางจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อบาดแผลของอีกคนได้

“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ” หูชิงซานส่ายหัวอย่างเร่งรีบ

เขาไม่จำเป็นต้องไปหาหมอเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เขาสามารถรักษาแผลได้ด้วยตัวเอง

ถัดมา จิ้งจอกหนุ่มยกมือขึ้นใช้นิ้วหยาบกร้านเช็ดแก้มขาวใสที่เปื้อนเลือดของผู้หญิงบอบบางตรงหน้าเบา ๆ

แม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวอย่างงุ่มง่าม แต่เขาก็อ่อนโยนและระมัดระวังมาก

“ข้ามาที่นี่เพราะข้าอยากจะบอกบางอย่างกับเจ้า” หูชิงซานสูดหายใจเข้าลึก ๆ ในขณะที่เสียงของเขาแหบพร่า

ทางด้านเฟิงเฉิงเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาที่จริงใจคู่นั้นจนลืมที่จะปัดมืออีกฝ่ายออกไปชั่วครู่

สัมผัสหยาบโลนแผ่ซ่านไปทั่วแก้มนวลผ่อง ซึ่งมันหยาบกร้านคล้ายกับสัมผัสของไม้เท้าของนาง และมันก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกรังเกียจแต่อย่างใด

“เจ้าอยากจะพูดอะไร?” เฟิงเฉิงถาม

“เฟิงเฉิง ข้าชอบเจ้า ข้าต้องการให้เจ้ามาเป็นคู่ชีวิตของข้า และข้าต้องการดูแลเจ้าไปตลอดชีวิต” หูชิงซานพูดในสิ่งที่เขาทำการซักซ้อมมาตลอดทางที่มาที่นี่

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: แม่หมอมีความลับอะไรหนอ แล้วพี่ใหญ่ของเราจะสมหวังไหมเนี่ย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด