ตอนที่แล้วบทที่ 49 เข่นฆ่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 51 เปลี่ยนแปลงรายชื่อ

บทที่ 50 คณะทูต


บทที่ 50 คณะทูต

ในลานมืดนั้น เขายืนอยู่บนพื้นสะอาดตรงหน้าของเขามีแอ่งเลือดอยู่ อารมณ์ของเอไลเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ตอนแรกเขาไม่รู้สึกอะไรเมื่อเขาฆ่าพวกเขา แต่ตอนนี้เขามีความรู้สึกแปลก ๆ ที่เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือเสียใจอะไร ที่มันแปลกก็เพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยซ้ำนี่แหล่ะ บางทีมันอาจจะเป็นจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของการเป็นนักเวทย์

ไม่มีความเจ็บปวด ความเสียใจ หรืออารมณ์อื่นใดที่ไม่จำเป็น แม้แต่ความสุขที่ได้เลิกงานเร็วในวันนี้ก็ดูจะรุนแรงกว่าด้วยซ้ำ

“และแน่นอน การมีเหตุผลมากเกินไปไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป!”เอไลถอนหายใจและเริ่มค้นศพ

การฆ่าแล้วปล้นศพเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?

ในท้ายที่สุดเอไลพบเหรียญทองมากกว่า 50 เหรียญบนตัวทั้งสองคน รวมทั้งหนังสือทักษะของอัศวินหนึ่งเล่ม ซึ่งเอไลประหลาดใจมากที่พบมัน

เขาไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับการเป็นอัศวิน แต่เขารู้สึกว่าเขาสามารถเข้าใจอัศวินได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นผ่านหนังสือเล่มนี้ เอไลก็มีความสุขมาก

หลังจากนั้นเอไลก็จากไปทันที

สำหรับเฮอร์แมน เขาจะทิ้งเขาไว้ที่นี่

เมื่อเขาตื่นขึ้นเขาจะต้องประหลาดใจมากอย่างแน่นอน

บ่ายวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิพบเฮอร์แมนอยู่ในบ้านร้าง

ตามที่เฮอร์แมนกล่าว เขาตื่นขึ้นในตอนบ่ายและเห็นภาพนั้น เขาถูกมัดไว้ ดังนั้นเขาจึงกำลังพยายามจะคลานออกจากที่นั่นก่อนที่จะถูกพบ

ไม่มีใครรู้ว่าเฮอร์แมนรู้สึกอย่างไรในวันนั้น

อย่างไรก็ตาม ในคืนนั้นเฮอร์แมนยังได้รู้จากเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิว่าวินด์เซอร์และเดวิดพวกเขาเป็นนักต้มตุ๋นที่ทำการหลอกลวงผู้คนมาหลายจักรวรรดิแล้ว ซึ่งทำให้เขารู้สึกละอายใจอย่างมาก

ดังนั้น ในวันที่สี่หลังจากนั้น เฮอร์แมนกล่าวว่าเขาจะทำงานให้มากขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากสำหรับเอไล

เฮอร์แมนแม้จะโง่งมแต่เขามีความอดทนสูง ดังนั้นเขาจึงผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างรวดเร็ว และว่ากันว่าเขาได้พบกับนางพยาบาลในโรงพยาบาล และดูเหมือนทั้งคู่จะตกหลุมรักกัน

ครั้งนี้มันเป็นเรื่องปกติ เธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

ทั้งสองคนกำลังเตรียมที่จะแต่งงานในอีกหนึ่งปีต่อมา แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราวในภายหลัง

ส่วนใครเป็นคนฆ่าวินด์เซอร์และเดวิดนั้นไม่มีใครสนใจ

ในตอนแรกเจ้าหน้าที่ต้องการสืบสวน แต่ไม่มีเบาะแสอะไรเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นพวกเขาจึงล้มเลิกไป ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับชีวิตและความตายของนักต้มตุ๋นทั้งสองคน

สำหรับนักวิชาการเคลเมนท์ วันนั้นเขาไปหาขุนนางที่เขาคุ้นเคยเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ขุนนางไม่สนใจมากนัก หลังจากวิ่งไปรอบๆ เคลเมนต์ก็พบเฮอร์แมนที่หน่วยงานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของจักรวรรดินั้น

ส่วนเอไล…

เขากลับบ้านไปนอน ท้ายที่สุดเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว

เรื่องของเฮอร์แมนสิ้นสุดลงแล้ว

ในอีกด้านหนึ่งของจักรวรรดิ จู่ๆ ก็เกิดข่าวลือที่ทำให้สะท้านไปทั้งจักรวรรดิขึ้น

ไม่มีใครรู้ว่าข่าวนี้มาจากไหน แต่ข่าวลือที่ว่าองค์ราชาทรงประชวรหนักนั้นทำให้เมืองจูนลิน และทั้งอาณาจักรเกิดความไม่มั่นคง

สามัญชนคนทั่วไปรักพระราชาองค์ปัจจุบัน และตอนที่เขาเป็นพระราชาจักรวรรดิก็พัฒนาไปได้ด้วยดี ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพระองค์สวรรคต

แน่นอน เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว จักรวรรดิรอบๆ ก็กังวลเรื่องนี้มากเช่นกัน

ความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดคือมีคนจากต่างจักรวรรดิจำนวนมากในเมืองจูนลิน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามาที่เมืองจูนลินเพราะมีวัตถุประสงค์อะไร

ส่วนเอไลเขาก็เดินทางไปและกลับจากที่ทำงานตามปกติ

เขาดื่มยาวิเศษโคเรียมหมายเลข 1 ทุกวัน และความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความต้านทานต่อยานี้ของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ คงอีกไม่นานที่ยานี้จะไร้ผลกับเขา

เขาได้อ่านหนังสือของอัศวินอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่เขาพบจากศพของเดวิด

เขาพบว่าการที่อัศวินระดับสูงจะก้าวเข้าสู้การเป็นอัศวินผู้ยิ่งใหญ่นั้น จำเป็นต้องมีการผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ เข้ากับร่างกาย อย่างไรก็ตามมันไม่ได้บันทึกว่าองค์ประกอบของโลกนั้นจะรวมเข้ากับร่างกายได้อย่างไร นี่ควรเป็นความลับ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก

ครึ่งปีต่อมาเอไลได้รับข่าวชิ้นหนึ่งจากอาจารย์ของเขา

บางทีอาจเป็นเพราะการพิจารณาถึงข้อดีของการฑูต จักรวรรดิจึงตัดสินใจเดินทางเยือนประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

จะมีมาร์ควิสของจักรวรรดิเป็นผู้นำทีม พร้อมด้วยเหล่าอัศวิน นักดนตรี นักวิชาการ และอื่นๆ พวกเขาจะไปเยี่ยมเยียนและปฏิสัมพันธ์กัน เพื่อสร้างมิตรภาพระหว่างทั้งสองจักรวรรดิ

ส่วนใครจะเป็นผู้นำทีม ใครจะไปบ้าง และการเดินทางจะเริ่มขึ้นเมื่อใด ล้วนเป็นข้อมูลลับ

แต่เอไลรู้ดีว่าเรื่องนี้จะไม่ล่าช้าเกินไปนัก

เขาคิดว่านี่เป็นแผนการสุดท้ายของพระราชาที่จะปูทางให้เจ้าชายก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเอไลและคนอื่นๆ

ประการแรก เป็นไปไม่ได้ที่คณะทูตผู้เยี่ยมเยียนจะพาเขาซึ่งเป็นบรรณารักษ์ธรรมดาไปด้วย และแม้ว่าเขาจะไป อาจารย์ของเขาจะต้องเป็นคนพาเขาไปเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานะของนักวิชาการเคลเมนท์ที่ค่อนข้างต่ำ จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะถูกเลือก

แม้ว่านี่จะเป็นเพียงกิจกรรมทางการทูต แต่ก็เป็นการส่งเสริมและเพิ่มสถานะที่ดีสำหรับนักวิชาการ นักวิชาการที่มีชื่อเสียงหลายคนและแม้แต่นักวิชาการที่ยิ่งใหญ่ก็ต่อสู้เพื่อให้ได้ที่ว่าง

ไม่ใช่ว่าเอไลดูถูกอาจารย์ของเขา

นักวิชาการเคลเมนท์เป็นคนเกียจคร้านในหมู่นักวิชาการ บางทีเขาอาจรู้ตัวว่าตัวเองแก่แล้วและรู้ว่าเขาไม่สามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ เขาก็เลยสนใจแต่เรื่องของตัวเองในตอนนี้

อาจกล่าวได้ว่าเคลเมนท์เป็นนักวิชาการที่ต่ำต้อยที่สุดในบรรดานักวิชาการทั้งหมด

แม้ว่าจะมีกิจกรรมข้างนอก เคลเมนท์และเหล่าลูกศิษย์ของเขาก็แทบไม่ได้เข้าร่วมเว้นแต่จะถูกบังคับ

เกี่ยวกับเรื่องนี้เอไลไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีสำหรับเขาที่ไม่ได้กลายเป็นจุดสนใจ

ในเวลาเดียวกัน ภายในพระราชวัง ราชาไบรน์ที่หกที่มีใบหน้าซีดเผือดนั่งอยู่บนบัลลังก์ มีทหารรักษาพระองค์สองคนอยู่ทั้งสองข้าง และด้านล่างมีชายคนหนึ่งซึ่งดูไม่อ่อนวัยกว่าพระองค์เลย

“มาร์ควิสอลีนา ท่านควรรู้ว่าแม้ว่าจักรวรรดิไบรน์จะดำเนินไปได้ด้วยดี แต่หลังจากข้าตาย ไม่ว่าจะเป็นหนูในจักรวรรดิหรือหมาจิ้งจอกนอกจักรวรรดิ พวกมันทั้งหมดจะเคลื่อนไหว

“ในเวลานี้ เราต้องการเพื่อนเพิ่มเพื่อช่วยเรา ครั้งนี้ข้าจะส่งเจ้าไปยังอาณาจักรลอร์เรนเพื่อสร้างพันธมิตรกับพวกเขา”

"รับบัญชาองค์ราชา!" มาร์ควิสอลีนาเงยหน้าขึ้นมองราชาเช่นกัน

ชายผู้นี้ซึ่งเคยเป็นอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมพระองค์อยู่ในสภาพเช่นนี้ มันน่าเศร้าจริงๆ

แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่แม้แต่อัศวินผู้ยิ่งใหญ่จะบุกเข้าไปในค่ายของศัตรูและสังหารดยุคแห่งดินแดนหมาป่าเยือกแข็ง มันเป็นไปไม่ได้เลย แต่เขาก็ทำสำเร็จแล้ว

“เอาล่ะเจ้าออกไปได้แล้ว สมาชิกที่ร่วมคณะได้รับการตัดสินใจแล้ว แต่ถ้าเจ้าต้องการเปลี่ยนแปลงก็ขึ้นอยู่กับเจ้า” พระราชาโบกมือเป็นสัญญาณให้มาร์ควิสอลีนาออกไป

ทั้งสองรู้จักกันมาหลายปีและคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว

"ได้ขอรับ" มาร์ควิสอลีนาไม่เสียเวลาและจากไปทันที

หลังจากที่มาร์ควิสอลีนาออกไปแล้ว ราชาก็ทรงโบกมือให้ทหารรักษาพระองค์ทั้งสองออกไปเช่นกัน

ไม่นานก็มีชายอีกคนเดินเข้ามา

เขาสวมเสื้อคลุมหลวมๆ มีผมสีขาว นัยน์ตาสีดำ พร้อมกับร่างกายที่แข็งแรง

“แอช ท่านเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว” ชายคนนั้นกล่าวว่า

"ข้ารู้!" ราชาแอชไอสองครั้ง และเลือดก็ไหลออกมาเต็มปาก “มีสิ่งของอย่างหนึ่งที่บรรพบุรุษของข้าทิ้งไว้ แต่มันต้องสังเวยเลือดและเนื้อเท่านั้นเพื่อเปิดใช้งานมัน มันน่ากลัวจริงๆ เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ แต่หลังจากใช้มันแล้วข้ากลับสามารถระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ได้” พระราชาตรัสออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“ถ้าท่านไม่เชี่ยวชาญพลังที่เรียกว่าพลังวิญญาณและมีความแข็งแกร่งของร่างกายระดับอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มัน แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ต้องจ่ายราคา” ชายคนนั้นมองไปที่ราชาและส่ายศีรษะ

“ฮ่าฮ่า นั่นก็จริง” ไบรน์คนที่หกยิ้มและถามว่า “เจ้ายังมองหาพลังนั้นอยู่หรือเปล่า”

“แน่นอน ในเมื่อซาลีนมาจากภายนอก จะต้องมีสถานที่หรือพลังที่เกี่ยวกับ 'จอมเวทย์' อย่างแน่นอน ข้ากำลังมองหามันแต่ข้ายังไม่พบมันเลย”ชายคนนั้นตอบพร้อมส่ายศีรษะ

“หยุดค้นหา มิฉะนั้นเจ้าอาจจบลงด้วยการถูกฆ่า” ราชาไบรน์ที่หกพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ

“ถึงจะเป็นอย่างนั้นข้าก็ยอม” ชายคนนั้นส่ายศีรษะแล้วตอบกลับไปอย่างไม่สนใจ

“นอกจากนี้ เจ้าชายคนโตของท่านพยายามเข้าไปยุ่งในห้องสมุดเมื่อเร็วๆ นี้ ข้าไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่”

“ฮ่าฮ่า โอเค ข้าจะเตือนเขา แต่หลังจากข้าตาย คำสั่งของข้าคงไม่สามารถขู่เขาได้หรอก ท้ายที่สุดเขาคือราชาในอนาคต” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดของราชาแอช

การที่ราชามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหัวหน้าห้องสมุดหลวงนั้นไม่ได้เป็นความลับ

“ไม่เป็นไร ข้าจะไปแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะ”ชายคนนั้นมองไปที่ราชาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากไป

ในที่สุด ภายในห้องโถงที่วิจตรและหรูหรานี้ มีเพียงราชาไบรน์ที่หกเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้บนบัลลังก์เหล็กที่เย็นยะเยือกนี้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด