ตอนที่แล้วบทที่ 38 มาร์ควิสตื่นขึ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 40 รางวัล

บทที่ 39 การสนทนาในที่ลับ


บทที่ 39 การสนทนาในที่ลับ

ขณะนั่งอยู่ในรถม้าที่มุ่งหน้าไปยังตระกูลอลีนา เอไลมองดูเคานต์กิโมริด้วยสีหน้าขมขื่น

เคานต์กิโมริก็อายเล็กน้อยเช่นกัน ท้ายที่สุดเขาได้ทำข้อตกลงกับเอไลในตอนนั้น ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขอโทษเท่านั้น

“มันเป็นความผิดของข้าจริงๆ แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าบอกมาร์ควิสเพราะมาร์ควิสถามเท่านั้น ข้าไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

"ไม่ต้องกังวล มาร์ควิสรับรองแล้วว่าเจ้าจะปลอดภัย” เคานต์กิโมริผายมือ

“ขอบคุณที่เจ้าช่วยชีวิตมาร์ควิสจนทำให้สามารถจับตัวเคานต์ที่ทำผิดได้ หลังจากรายงานต่อราชา ตระกูลของเคานต์ก็ถูกกำจัด ข้าได้ยินมาว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และไม่รู้ว่าโดนจับและโดนสังหารไปกี่คน

“นี่ควรเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยที่สุดในเมืองจูนลิน”

ยาขวดเล็กนั่นทำให้ผู้คนมากมายเสียชีวิตและทำลายแผนการของคนจำนวนมาก

"ไม่ต้องกังวล เพื่อปกป้องเจ้า การพบกับมาร์ควิสครั้งนี้จะเป็นความลับ และมันจะมีประโยชน์อย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ต้องกังวล”

เอไลพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นได้เกิดขึ้นแล้ว และเห็นได้ชัดว่าผลดีมีมากกว่าผลเสีย สิ่งเดียวที่ไม่ดีคือเขาถูกเปิดโปง

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้เอไล ในอนาคตเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นถึงระดับหนึ่ง เขาจะต้องเรียนรู้เวทมนตร์ประเภทคำสาปหรือเวทมนตร์ประเภทควบคุมจิตใจเพื่อให้แน่ใจว่าตัวตนของเขาจะไม่ถูกเปิดเผย

ตลอดทาง ท่านเคานต์ช่างพูดมาก และเห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขมาก

หลังจากถาม เขาจึงรู้ว่าเป็นเพราะยานั่นทำให้เคานต์กิโมริกลายเป็นผู้ช่วยที่มีค่าที่สุดของมาร์ควิส และด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของมาร์ควิสอำนาจของตระกูลของเขาจึงขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง

สำหรับเคานต์มอนชิ เขากลายเป็นสงบเสงียมขึ้นอย่างทันที

เคานต์มอนชิไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะพ่ายแพ้เคานต์กิโมริหลังจากข้อได้เปรียบทั้งหมดที่เขาเตรียมมา สิ่งที่น่าเศร้าไปกว่านั้นคือการที่เคานต์กิโมริได้ประกาศต่อสาธารณชนว่ามาร์ควิสได้รับการรักษาโดยนักปรุงยาอายุน้อยสองคนที่เป็นลูกศิษย์ของหมอโรเบิร์ต สิ่งนี้ทำให้หมอหลวงอย่างโรเบิร์ตรู้สึกหดหู่ใจ และเขาประกาศว่าเขาจะเกษียณ

สำหรับสถาบันลึกลับ เหล่านักเรียนต่างหลั่งน้ำตาเมื่อได้ยินว่ามีความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับยาพิษมากมาย และพวกเขาเป็นกบใต้บ่อ

รถแล่นเร็วแต่ไม่ได้ใช้ทางปกติ มันเข้าทางประตูหลังแทน

เอไลและเคานต์กิโมริได้รับคำแนะนำระหว่างทาง และในที่สุดเอไลก็พบกับมาร์ควิสอลีน่าในห้องลับห้องหนึ่ง

ในเวลานี้ อาการของมาร์ควิสอลีน่าดีขึ้นมาก แต่ผมสีขาวบนศีรษะของเขาเพิ่มขึ้นมาก โชคดีที่เขาดูมีพลังมากและดวงตาของเขาก็สดใส

เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าเมื่อเดือนที่แล้ว มาร์ควิสผู้นี้เกือบเสียชีวิตเพราะพิษ

“ลอร์ดมาร์ควิส ข้าพาคนๆ นั้นมา ข้าขอตัวลาไปก่อน”

หลังจากส่งเอไลเข้ามาแล้ว เคานต์กิโมริก็หันหลังกลับและออกจากห้องไป ปล่อยให้ทั้งสองคนมีพื้นที่ส่วนตัว

เอไลก็ไม่กังวลเช่นกัน ท้ายที่สุดเขาอยู่ห่างจากมาร์ควิสเพียงไม่กี่เมตร หากมีอะไรเกิดขึ้น ระยะห่างนี้ก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะฆ่ามาร์ควิสหรือลักพาตัวเขาไป

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะเป็นแผนร้ายนั้นมีน้อยกว่าหนึ่งในพัน ท้ายที่สุดไม่มีใครยอมเสี่ยงใช้มาร์ควิสเพื่อจับเขา เขาเป็นแค่บรรณารักษ์ธรรมดาๆ เท่านั้น

มาร์ควิสอลีน่ามองมาที่เอไลด้วยรอยยิ้ม เขาคงไม่เคยคิดมาก่อนว่าในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เอไลก็คิดวิธีลักพาตัวเขาและวิธีหลบหนีได้แล้ว

“อะแฮ่ม ข้าส่งคำสั่งให้เคานต์กิโมริโดยเฉพาะเพื่อมารับเจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลสองประการ อันหนึ่งเกี่ยวกับยาที่ข้ากิน ส่วนอีกประการเกี่ยวกับรางวัลที่จะให้ของเจ้า” มาร์ควิสอลีน่ากล่าวขึ้น

'ดูเหมือนว่ามาร์ควิสจะสนใจยาที่ข้าปรุงมาก' เอไลคิดอย่างหมดทางเลือก

“ข้าอยากถามว่าเจ้ายังจำคนที่ขายยาให้เจ้าได้ไหม เจ้าพอจะอธิบายลักษณะของเขาให้ข้าฟังได้ไหม” มาร์ควิสอลีนามองดูเอไลด้วยสายตาอันอบอุ่น

'ข้าจะอธิบายยังไงล่ะเนี่ย? ก็คนๆนั้นข้าพึ่งอุปโลกขึ้นมาตอนที่แก้ตัวกับเคานต์!'

“เอ่อ คนๆ นั้น เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ ดวงตาของเขาสดใสมาก แต่เขาดูแก่มาก และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น” เอไลเริ่มสร้างเรื่องด้วยใบหน้าจริงจัง

"อืมๆ" มาร์ควิสฟังอย่างจริงจังและพยักหน้า

เอไลไม่เข้าใจว่าทำไมมาร์ควิสถึงสนใจคน ๆ นั้น

“ลอร์ดมาร์ควิส ถ้าไม่ว่าอะไรข้าขอถามได้ไหมว่าทำไมท่านถึงสนใจคนๆ นั้นมากนัก?” หลังจากอธิบายใบหน้าทั่วไปแล้ว เอไลก็ถามด้วยท่าทางที่งุนงง

มาร์ควิสอลีน่าส่ายหัวและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ข้าสงสัยว่ายาที่เจ้าซื้อมานั้นไม่ธรรมดา มันเป็นความลับแต่เนื่องจากเจ้าช่วยข้าไว้ ข้าจึงสามารถบอกเจ้าได้

“เจ้ารู้ไหมว่าจักรวรรดิก่อตั้งขึ้นเมื่อใด”

“แน่นอน จักรวรรดิก่อตั้งขึ้นเมื่อสามร้อยปีที่แล้ว”เอไลพยักหน้า เขาชัดเจนมากเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้

“ถ้าอย่างนั้นเจ้ารู้ชื่อราชาองค์แรกของจักรวรรดิไหม” มาร์ควิสถามอีกครั้ง

“ตามที่รู้กันคือราชาองค์แรกคือเมอร์ลินที่หนึ่ง ส่วนชื่อของเขาคือ..…” ทันใดนั้นเอไลก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่รู้จักชื่อของราชาองค์แรกเลย และเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชื่อของราชาองค์แรกในความทรงจำของเขา มันไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือเลยแม้แต่นิดเดียว

“เจ้าไม่รู้งั้นเหรอ?”มาร์ควิสยิ้มราวกับว่าเขามีความสุขที่ได้ทำเรื่องยุ่งยากให้กับนักวิชาการอย่างเอไล

เอไลพยักหน้า จากคำพูดของมาร์ควิส เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขากำลังจะได้ยินต่อไปอาจเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่

“แล้วเขาชื่ออะไรขอรับ” เอไลถาม

“อืม” มาร์ควิสตกตะลึงชั่ววินาที เขาจับเคราและยิ้มอย่างเคอะเขิน "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน"

'ให้มันได้อย่างนี้สิ วันนี้พวกเรามาเล่นทายปริศนากัน!'

มาร์ควิสอาจรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ “แต่ข้าแน่ใจว่าราชาองค์นี้มาจากที่อื่น และเขาไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เขาสามารถสร้างประเทศที่ใหญ่โตขนาดนี้ในเวลาเพียงสิบปี และเท่าที่ข้ารู้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทุกคนมีความภักดีจนดูไร้สาระอย่างยิ่ง”

บางทีเขาอาจจะพูดมากเกินไป มาร์ควิสหยิบแก้วน้ำจากด้านข้างและจิบสองครั้ง เอไลนั่งเงียบ ๆ ตรงข้ามเขา เขาต้องการรู้ว่ามาร์ควิสพยายามจะพูดอะไร

และเขามีความรู้สึกเล็กน้อยว่าสิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับเขา

“หลังจากก่อตั้งอาณาจักรแล้ว ราชาก็ไม่ได้ขยายอาณาเขตออกไปอีก แต่เขากลับหยุดและไม่ได้พัฒนามัน เขาเพียงแค่ส่งคนไปยังที่ต่าง ๆ ราวกับว่าเขากำลังค้นหาอะไรบางอย่าง”

เขาค้นหาอะไร

นัยน์ตาของเอไลกลอกไปมาเมื่อเขานึกถึงข้อความในบันทึกของซาลีน เมทาติน ประโยคสุดท้ายคล้ายๆเขาต้องการค้นหาอะไรเหมือนกัน

'ข้าสงสัยว่าข้าได้พบเบาะแสอะไรบางอย่างแล้วหรือไม่'

นอกจากนี้ นามสกุลของซาลีน เมทาตินนั้นใกล้เคียงกับคำว่าเมอร์ลิน และเมื่อรวมกับเรื่องราวของราชาที่ลึกลับ มันจึงยากสำหรับเขาที่จะไม่เชื่อมโยงพวกมันเข้าด้วยกัน

“แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เหตุผลหลัก เหตุผลที่ข้าสนใจคนๆ นั้นก็คือ ข้าเคยยาที่เหมือนของเจ้ามาก่อน มันเป็นของขวัญจากราชาองค์แรกเมื่อข้ายังเด็ก ในเวลานั้นองค์ราชาคือเมอร์ลินที่ 1 ข้าจึงสงสัยเกี่ยวกับบุคคลนั้น”

มาร์ควิสอลีนาพูดอย่างใจเย็นราวกับกำลังรำลึกถึงอดีต

แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือพายุได้ก่อตัวขึ้นในใจของเอไลแล้ว ยาแก้พิษขั้นพื้นฐานเป็นยาที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง และเป็นไปไม่ได้ที่จะปรุงมันโดยไม่ใช้เวทมนตร์ นี่ไม่ได้หมายความว่าเมอร์ลินที่ 1 ก็เป็นนักเวทย์เหมือนกันกับเขาเหรอ?

หรือว่าแท้จริงแล้วซาลีน เมทาติน คือเมอร์ลินที่ 1 ?

ก่อตั้งประเทศเพียงเพื่อแสวงหาบางสิ่ง?

เอไลรู้สึกเหมือนเพิ่งค้นพบบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคำถามอยู่ในใจของเอไล ถ้าซาลีน เมทาตินเป็น เมอร์ลินที่ 1 จริงๆ แล้วเขามาจากไหน? หรือว่ามีดินแดนนักเวทย์อื่นอีกหรือไม่? แล้วอาณาจักรของเขากลายเป็นอาณาจักรแห่งอัศวินได้อย่างไร?

ทั้งหมดนี้เป็นคำถามสำหรับเอไล

'แต่ไม่ต้องเร่งรีบ เราสามารถรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ได้ช้า ๆ ' เอไลส่ายหัว แล้วถ้าความจริงทั้งหมดปรากฏแก่เขาล่ะ เขาจะทำยังไง? เขายังต้องค่อยๆ พิจารณาทุกอย่างอย่างถี่ถ้วน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น

“มันน่าทึ่งจริงๆ ข้ารู้สึกเสมอว่าควรจะมีพลังอื่นในโลกนอกเหนือจากพลังแห่งอัศวิน มันอาจจะอยู่นอกพื้นที่นี้ นอกทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด นอกประเทศรอบๆ” มาร์ควิสอลีน่าส่ายหัวและถอนหายใจ

“ข้าเคยเห็นสัตว์วิเศษมาก่อน และความแข็งแกร่งของพวกมันก็ยิ่งใหญ่กว่าของอัศวินผู้ยิ่งใหญ่มากนัก ข้าคิดว่าอาจมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้ และชายชุดดำคนนั้นที่เจ้าพบอาจจะเป็นคนประเภทนั้น

“น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเห็นพวกเขาในชีวิตของข้าได้!”

มาร์ควิสอลีน่าถอนหายใจยาวและตกอยู่ในสภาวะเศร้าโศก แต่เขาไม่รู้ว่าเขาได้เจอคนประเภทนั้นแล้ว และคนประเภทนั้นก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงหน้าเขานี้แหล่ะ

ในทางกลับกัน เอไลแน่ใจว่ามาร์ควิสไม่รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของนักเวทย์ ดูเหมือนว่าไม่มีนักเวทย์ในอาณาจักรในขณะนี้

“ลืมมันซะ เรามาพูดถึงรางวัลที่ช่วยข้ากันเถอะ”

หลังจากอารมณ์เสียไม่กี่นาทีมาร์ควิสอลีน่าก็มองไปที่เอไลอย่างเคร่งขรึม

เอไลก็นั่งตัวตรงเช่นกัน

แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับข้อมูลที่คลุมเครือและไม่แน่นอน จะเป็นการดีกว่าที่จะสนใจเกี่ยวกับรางวัลที่มาร์ควิสกำลังจะมอบให้เขาในเวลาอันใกล้นี้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด