บทที่ 352: จับมือคืนดีกัน
ในตอนที่หลงเหยากำลังจะหันไปมองหาแม่ของตน เขาก็พบว่าหูเจียวเจียวเดินเข้ามาหาเขาแล้ว
“ท่านแม่ เด็กขนปุกปุยคนนี้ถูกก้อนหินทับ น่าสงสารจัง…” เขาวิ่งกลับไปที่ด้านข้างของแม่จิ้งจอกพลางชี้ไปทางหวงเทียนที่อายุเยอะกว่าตัวเองมาก
เมื่อจิ้งจอกสาวได้ยินคำอธิบายของลูกชายคนสุดท้อง มุมปากของเธอก็กระตุกอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่
ในสายตาของเขา เด็กมีเพียง 2 ประเภทก็คือ ‘เด็กมีขน’ กับ ‘เด็กไม่มีขน’ เท่านั้นหรือไง?
จากนั้นหูเจียวเจียวมองไปตามทิศทางที่ลูกชายชี้ แล้วพบว่าเด็กคนนั้นดูคุ้นตามาก
“เสี่ยวเทียน?” พอหญิงสาวมองดูดี ๆ ก็พบว่าเป็นหวงเทียนที่ถูกหินทับ เธอจึงขมวดคิ้วและรีบก้าวเข้าไปช่วยเขาเคลื่อนหินที่ขาออก
ทว่าเซี่ยหมานก้าวเข้ามายกหินขึ้นอย่างง่ายดายก่อนที่เธอจะทันได้สัมผัสมัน และเขาก็โยนมันทิ้งไป
“เสี่ยวเทียน ขาของเจ้าเป็นอะไรไหม เจ้ายังขยับได้หรือเปล่า?” หูเจียวเจียวก้มตัวลงเพื่อช่วยพยุงเด็กหนุ่มขึ้นมาแล้วบอกให้เขาลองพยายามขยับขาดู
ถ้าขาของเขาเป็นอะไรไปมันคงจะแย่แน่
“พี่สาวเทพธิดาแสนสวย…” เมื่อหวงเทียนเห็นจิ้งจอกสาว ความเจ็บปวดตรงบริเวณขาก็พลันหายไปชั่วขณะและเขาส่ายหัวตอบอย่างโง่เขลา
“ข้าสบายดี ขาข้าไม่เจ็บ ข้ายังขยับได้”
เด็กหนุ่มขยับขาเบา ๆ เป็นการตอบกลับ ก่อนจะกัดฟันทนความเจ็บปวดลุกขึ้นยืนเพราะอยากพิสูจน์ตัวเอง
ส่วนหลงเหยาย่อตัวลงด้านข้างหวงเทียนแล้วยื่นมือเล็ก ๆ ไปสะกิดขาอีกฝ่ายเบา ๆ “โอ้โห ท่านเก่งมาก แม้ว่าท่านจะโดนหินก้อนใหญ่ขนาดนั้นทับก็ไม่เจ็บ...”
ถ้าเป็นเขา ๆ จะต้องร้องไห้จ้าไปแล้ว!
“...” ทันใดนั้นใบหน้าของหวงเทียนก็ซีดลง
โอ๊ย! เจ้ามาสะกิดแผลข้าทำไม มันเจ็บนะ!!
แน่นอนว่าหูเจียวเจียวเห็นคนเจ็บพยายามที่จะอดทนอดกลั้นเอาไว้เต็มที่ เธอจึงยื่นมือออกไปดึงลูกชายคนเล็กมายืนข้างตัว “เหยาเอ๋อ เจ้าช่วยพี่ชายคนนี้กับแม่ได้ไหม?”
“อืม!” เด็กน้อยตอบรับเสียงดัง
เสี่ยวเหยาช่วยท่านแม่ทำอะไรได้ด้วย
เสี่ยวเหยาเป็นเด็กที่มีประโยชน์!
ก่อนที่หวงเทียนจะทันได้ตั้งตัว หลงเหยาก็คว้าแขนของเขาไว้แล้ว
จากนั้นเจ้าตัวเล็กก็ยกมือขึ้นสูงเหนือหัวเพราะตนตัวเตี้ยเกินไป เขาจึงทำได้เพียงประคองแขนคนตัวโตกว่าไว้
ถึงท่าทางของหลงเหยาจะดูเงอะงะไปสักหน่อย แต่เขาก็จับมือของหวงเทียนไม่ปล่อยเพราะกลัวว่าถ้าเขาเผลอปล่อยมือแล้วอีกฝ่ายจะล้มลง
โอกาสที่เขาจะได้ช่วยเหลือท่านแม่แบ่งเบาภาระนั้นมันเกิดขึ้นได้ไม่มากนัก ดังนั้นเขาจึงอยากจะทำมันให้เต็มที่โดยไม่ให้มีอะไรผิดพลาด
ส่วนหวงเทียนดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของคนตัวเล็ก สีหน้าของเขาจึงแข็งค้างไป แล้วเขาก็ยอมให้อีกฝ่ายช่วยเหลือ
“ขอบคุณพี่สาวเทพธิดาแสนสวย”
เด็กหนุ่มมองไปที่หูเจียวเจียวด้วยสายตาขอบคุณ ก่อนจะก้มลงมองเด็กน้อยที่พยายามช่วยตนสุดความสามารถ
“เจ้าด้วย ขอบคุณนะ”
“ด้วยความยินดี~” หลงเหยายืดอกรับอย่างภาคภูมิใจ
ทางด้านจิ้งจอกสาวลูบหัวของพวกเขาทั้ง 2 พลางพูดว่า “เสี่ยวเทียน พี่สาวจะพาเจ้าไปหาหมอ”
“พี่สาวเทพธิดาแสนสวย ข้าไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอหรอก!” หวงเทียนจับชายเสื้อหญิงสาวอย่างอ้อนวอน
นั่นเป็นเพราะเขาไม่อยากรบกวนนางอีกแล้ว
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นสายตาที่แน่วแน่ของอีกฝ่าย เธอจึงพยักหน้าโดยรู้ว่าเด็กคนนี้มีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะไปหาหมอหรือไม่
หญิงสาวเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่ว่า
“เอาเถอะ ถ้าเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ เจ้าสามารถมาหาพี่สาวคนนี้ได้ทุกเมื่อนะ”
“อืม” หวงเทียนรู้สึกโล่งใจทันทีและพยักหน้ารับแบบจริงจัง
ทว่าสีหน้าของเซี่ยหมานที่ยืนอยู่ด้านข้างมืดลง
ครู่ถัดมา ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าขึงขังและถามด้วยน้ำเสียงฉะฉานว่า
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงมาอยู่ที่นี่ พวกเจ้าทำงานกันประสาอะไรถึงได้มีเด็กบาดเจ็บแบบนี้?” เนื่องจากในกลุ่มของพวกเขามีภูตโตเต็มวัยอยู่เป็นจำนวนมาก มันจึงไม่จำเป็นต้องใช้เด็กมาทำงานเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งที่มีภูตหลายคนอยู่รอบ ๆ เมื่อพวกเขาเห็นว่าเด็กได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีภูตคนไหนออกมาช่วยเขาเลยแม้แต่คนเดียว
มันทำให้เซี่ยจื้อหนุ่มรู้สึกโกรธมากจริง ๆ
ทุกคนกลายเป็นคนเลือดเย็นกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เมื่อกลุ่มภูตที่อยู่ข้าง ๆ เห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของเซี่ยหมาน พวกเขาก็ก้มหน้าลงต่ำทีละคนโดยที่ไม่มีใครกล้าสบตากับเขาสักคน
พอไม่มีภูตตอบคำถามของคนเป็นหัวหน้า หูเจียวเจียวก็กวาดตามองไปที่ภูตเหล่านี้ ในขณะที่เธอรับรู้ได้ถึงทุกสิ่งที่เซี่ยหมานคิด
ทางด้านชายหนุ่มยังคงขมวดคิ้วมุ่น และบรรยากาศก็ตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง
“พูด!”
เซี่ยหมานตะโกนขึ้นเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ
จนในที่สุดภูตคนหนึ่งก็ตอบอย่างไม่เต็มใจ
“หัวหน้า เราไม่ได้ให้เขาทำงาน”
“เขามาที่นี่เอง ข้าบอกให้เขาวางหินลงแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมฟัง”
“เราทุกคนกำลังยุ่ง จะเอาเวลาที่ไหนไปสนใจดูแลเด็กคนเดียวกันล่ะ…”
วินาทีนั้นแววตาของหูเจียวเจียวเปลี่ยนเป็นจริงจัง
ไม่ใช่สิ ความจริงแล้วภูตพวกนี้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับหวงเทียนชัด ๆ
แม้ว่าเหล่าภูตจะแสดงออกไม่ชัดเจนนัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิบัติกับอีกฝ่ายเหมือนเด็กธรรมดาเลย
มันเป็นเพราะพวกเขามีความกังวลเกี่ยวกับตัวตนของหวงเทียนหรือเปล่า?
ทันทีที่คำพูดข้างต้นออกมาจากปากของภูตชายคนนั้น เซี่ยหมานก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“นี่พวกเจ้า!”
“ยังต้องให้ข้าบอกอีกรึ!?”
ชายหนุ่มดึงภูตคนนั้นมาและชี้ไปที่หวงเทียนก่อนจะพูดว่า “เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเผ่าหมาป่า”
เขารู้ว่าทุกคนรู้สึกไม่พอใจหวงเทียนอย่างแน่นอน
ถ้าไม่ใช่เพราะหวงเยว่ เผ่าของพวกเขาจะถูกภูตหมาป่าทำลายอย่างง่ายดายได้อย่างไร ดังนั้นตอนที่ภูตคนอื่นเห็นหวงเทียน คนเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำใจปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับเด็กทั่วไปได้
ภูตทั้งหมดไม่ได้รังแกเด็กก็จริง แต่ก็ไม่ได้เข้าไปข้องแวะกับเขาด้วยเหมือนกัน หากจะพูดให้ถูกก็คือทุกคนเมินเฉยอีกฝ่ายเหมือนเป็นธาตุอากาศนั่นเอง
“ในอนาคตหวงเทียนจะเป็นเด็กของเผ่าเรา ถ้าพวกเจ้ายังยึดติดกับอดีต ก็ออกไปจากที่นี่แล้วกลับไปที่เผ่าหมาป่าซะ อย่าโผล่หน้ามาให้ข้าเห็นอีก!”
น้ำเสียงของเซี่ยหมานเกรี้ยวกราดมากจนไม่มีใครกล้าหือ
“หัวหน้า เรารู้ว่าเราผิด...”
“ข้าขอโทษ หัวหน้า”
ภูตทุกคนกล่าวขอโทษด้วยความรู้สึกผิด
ความจริงพวกเขาทุกคนรู้ว่าหวงเทียนเติบโตมาภายใต้การควบคุมของภูตหมาป่าตั้งแต่เขาจำความได้ เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังพยายามอย่างดีที่สุดที่จะช่วยคนอื่นทำงาน
เด็กที่มีจิตใจดีและมีเหตุผลขนาดนี้ พวกเขายังมีหน้ามาปฏิเสธอีกฝ่ายได้อย่างไร?
ขณะเดียวกัน หูเจียวเจียวเฝ้ามองดูสีหน้าของภูตทุกคน
พอเธอเห็นว่าพวกเขาสำนึกผิดจริง ๆ ไม่ได้ตีสองหน้า ในที่สุดเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้น
ถ้าพวกภูตที่หนีมาพร้อมกับหวงเทียนไม่สามารถยอมรับเขาได้ จากนี้ไปเด็กชายก็จะใช้ชีวิตในเผ่าได้ยากขึ้น
ทางด้านหลงเหยามองกลุ่มภูตตัวโตด้วยสีหน้างุนงง
เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ทุกคนพูดเลยสักนัด
และเขาเพิ่งรู้ว่าเด็กขนปุยคนนี้มีความขัดแย้งกับพวกท่านลุงแปลก ๆ
ต่อมา เด็กน้อยเอียงศีรษะคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าและจับมือของภูตชายที่อยู่ใกล้ที่สุดมาก่อนจะยัดมือของหวงเทียนไปไว้ในมือของภูตคนนั้น พร้อมทำสีหน้าคล้ายกับตนกำลังเป็นผู้สร้างสันติ
“เสี่ยวเหยารู้แล้ว พวกท่าน 2 คนทะเลาะกันใช่ไหม?”
“งั้นพวกท่านก็จับมือคืนดีกันซะนะ!”
ในเวลานี้ภูตชายตัวสูงกับหวงเทียนยืนงงเป็นไก่ตาแตก ขณะที่เจ้าตัวเล็กตบมือของพวกเขาเบา ๆ
ไม่เพียงแค่นั้น หลงเหยายังทำตัวอย่างกับเป็นชายชราคนหนึ่งที่กำลังให้ความรู้แก่ทั้งคู่แบบจริงจัง
“ท่านแม่ของข้าบอกว่า ถ้าท่านรู้ข้อผิดพลาดของตัวเองแล้ว ท่านควรจะแก้ไขให้ถูกต้อง”
เมื่อภูตโตเต็มวัยได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งสับสนมากขึ้น
แต่เขาไม่กล้าชักมือกลับ
เนื่องจากเจ้าเด็กน้อยคนนี้ดูยังไม่โตเต็มวัย ถ้าเขาทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ เด็กจะต้องร้องไห้แน่ ๆ!
อีกทั้งถ้าเขาทำลูกของหูเจียวเจียวร้องไห้ นางก็คงจะเสียใจเช่นกัน
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เอ็นดูในความจีบหญิงไม่เป็นของเซี่ยหมาน 5555