ตอนที่แล้วบทที่ 38
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 40

บทที่ 39


บทที่ 39

“ทักษะฝึกระดับธรณีหรือ?” ดวงตาของสวี่ล่ายเบิกกว้างเล็กน้อย แม้ตัวเขาจะครอบครองทักษะฝึกระดับธรณีอยู่เช่นกัน แต่ก็ยังอดสนใจไม่ได้

เพราะสิ่งที่เรียกว่าทักษะฝึกระดับธรณี มันมักจะปรากฏในระดับนิกายใหญ่เท่านั้น

ดังนั้นงานประมูลครั้งนี้ คงแก่งแย่งกันจนเกิดพายุนองเลือดขึ้นอย่างแน่นอน

“โฮ โฮ่  เอาหล่ะ เราผู้เฒ่าจะไม่ถ่วงเวลาของทุกท่าน แต่ก่อนเริ่มประมูลสมบัติตกทอดจากบรรพชน ตามปกติแล้วต้องมีอาหารเรียกน้ำย่อยก่อน”

ปรมาจารย์ฟางเพิ่งพูดจบ หลายคนในงานประมูลที่ลุกขึ้นยืนเพราะประโยคครึ่งท่อนแรก พอฟังท่อนหลังก็สะดุดขาตัวเองล้มครืนทันที

ปุก ปุก โครม...

“ไอ้หยา……”

“เรียกน้ำย่อยแม่เจ้า!”

“ตาแก่อย่ามาแกล้งกันนะ! พวกเรารอมาตั้งครึ่งค่อนวัน ตอนนี้เบื่ออาหารเรียกน้ำย่อยแล้ว”

“พัฟฟ!” สวี่ล่ายอดหัวเราะไม่ได้ ไม่คาดหวังว่าปรมาจารย์ฟางผู้นี้จะตลกขนาดนี้! ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลานซินฝีปากดีมาก ที่แท้ก็ได้ลูกเล่นมาจากอาจารย์นี่เอง

“โฮะ โฮ่ ทุกท่านโปรดสงบใจ ไม่ต้องกังวล! ที่ทำแบบนี้ก็เพราะในเมื่อมันคือสมบัติตกทอดจากบรรพชน เช่นนั้นแน่นอนว่าพวกเราต้องเก็บมันไว้ในตอนท้าย”

ปรมาจารย์ฟางพูดจบ ก็ปรบมือเบาๆ อีกสองสามครั้ง

แป๊ะ แปะ!

สาวใช้อีกกลุ่มเดินเข้ามาในงาน

“ถัดไป มาดูกันก่อนว่ามีอาหารเรียกน้ำย่อยอะไรให้ทุกท่านได้ลิ้มลองบ้าง” ปรมาจารย์ฟางพูดพร้อมกับยกผ้าไหมสีแดงขึ้น บนถาดเงินกระพริบไปด้วยแสงงดงามหลายสาย

“เอ๊ะ อันนั่นมัน...?”

“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นสมบัติชิ้นนี้”

“หรือนี่จะเป็น......”

ปรมาจารย์ฟางยิ้มเล็กน้อย “ดูท่าเราผู้เฒ่าไม่จำเป็นต้องแนะนำ สหายหลายท่านก็ล่วงรู้แล้ว ถูกต้อง นี่คือผลงานชิ้นเอกของผู้เชี่ยวชาญค่ายกลประสานวิญญาณ : หินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณ!”

“เป็นอย่างที่คิด ...”

“มันคือหินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณจริงๆ”

เวลานี้สวี่ล่ายผุดยิ้มเล็กน้อย “ในที่สุดก็ถึงคราวสมบัติข้า”

“หินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณในมือเราผู้เฒ่ามีทั้งสิ้นสามก้อน หนึ่งผนึกสัตว์ปีศาจหมาป่ายักษ์ระดับ 1 ขั้นสูงสุด , หนึ่งผนึกเม่นหางลูกศรระดับ 1 ขั้นสูง และสุดท้ายผนึกแรดฟันฉลามระดับ 2 ขั้นกลาง”

ปรมาจารย์ฟางยกหนึ่งในนั้นขึ้นมา แล้วบีบแรงๆ

ติ๊ง!

รัศมีแสงวิญญาณสว่างวาบ ค่ายกลดาวหกแฉกก่อตัวขึ้นข้างปรมาจารย์ฟางอย่างรวดเร็ว

กรร~!

พร้อมกับเสียงคำราม หมาป่ายักษ์ยาวกว่าสิบอิงฉื่อพุ่งออกมา

“หมาป่ายักษ์เงาขั้นสูงสุด พลังรบของมันเทียบได้กับผู้ชำนาญการต่อสู้ในขอบเขตรวมวิญญาณ แถมยังใช้ซ้ำได้อีกจนกว่าปราณวิญญาณบนหินประสานค่ายกลจะหมดลง”  ปรมาจารย์ฟางขยับมืออย่างไม่เป็นทางการ รัศมีแสงวิญญาณของหมาป่ายักษ์สลายไป รวมกันเป็นหินประสานค่ายกลอีกครั้งและบินกลับมาที่ฝ่ามือเขา

“ในการสู้ตัวต่อตัวบนสังเวียนประลอง หากท่านมีสัตว์ปีศาจเช่นนี้ในครอบครอง ผลลัพธ์การต่อสู้แทบไม่ต้องกังวลเลย”

แม้ว่าปรมาจารย์ฟางไม่ได้มีทักษะฝีปากที่เกินจริงเหมือนหลานซิน แต่คำง่ายๆ สองสามคำที่เขาพูด มันให้ความรู้สึกเป็นกันเอง เหมือนได้กลับมาคุยกับคนที่บ้าน

“เอาล่ะ เวลามีจำกัด หินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณหมาป่ายักษ์ระดับ 1 ขั้นสูงสุด ราคาเริ่มประมูลคือ 1,000 หินดวงดาวขั้นต้น เริ่มประมูลได้”

“1,100 หินดวงดาว!”

“1,500!”

“ข้าให้ 2,000...!”

การประมูลเป็นไปอย่างร้อนแรง สวี่ล่ายเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ราคาก็ไล่สูงขึ้นมากกว่า 6,000!

หินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณระดับ 1 ขั้นสูงสุด มีค่ามากกว่าอาวุธสมบัติชั้นยอดอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วในสนามรบ การมีหินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณในครอบครอง มันจะช่วยชีวิตท่านได้แน่นอน

“ข้าจะเสนอหินดวงดาว 7,500 ก้อน!”

สวี่ล่ายหันศีรษะมอง เห็นเพียงชายอ้วนคนหนึ่งลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นและเสนอราคา

“7,500 หินดวงดาวครั้งที่หนึ่ง!”

“ครั้งที่สอง ......”

ป้าง!

“จบประมูล! ขอแสดงความยินดีกับสหายผู้นี้ด้วย”

“เยี่ยมไปเลย!” ชายอ้วนพูดอย่างตื่นเต้น แทบรอไม่ไหวที่จัตรงเข้าไปจ่ายเงิน

“ข้ารวยแล้ว! หินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณระดับ 1 ขายได้ราคา 7,500 เช่นนั้นแสดงว่าระดับ 2 ต้องขายได้มากกว่า 10,000 ถูกไหม?  นั่นราคาพอๆกับอาวุธระดับสมบัติชั้นยอดในมือข้าเลย!”

ในความเป็นจริง สวี่ล่ายยังไม่เข้าใจความหมายของเรื่องนี้ แม้ผู้ชำนาญการต่อสู้จะแก่กล้าแค่ไหน มีอาวุธคู่กายที่ดีเพียงใด แต่เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์หนึ่งต่อสอง พวกเขายังถือว่าเสียเปรียบอยู่สามส่วน ฉะนั้นหากมีหินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณในมือ สถานการณ์ก็จะกลายเป็นสองต่อสอง มีโอกาสรอดชีวิตสูงมาก”

“เอาล่ะ มาดูกันต่อไป หินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณเม่นหางลูกศรระดับ 1 ขั้นสูง ...”

เวลาผ่านไป หินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณที่เหลืออยู่สองก้อนถูกประมูลออกอย่างรวดเร็ว

หินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณเม่นหางลูกศรระดับ 1 มันถูกขายในราคา 5,800 หินดวงดาว ส่วนแรดฟันเลื่อยระดับ 2 มีราคาสูงถึง 14,000!

สวี่ล่ายลอบสังเกตอย่างระมัดระวัง และเมื่อพบว่า ‘นายน้อย’ ที่เคยเสนอราคาแย่งอาวุธระดับสมบัติชั้นยอดกับเขาก่อนหน้านี้ก็เสนอราคาเช่นกัน ตนจึงอดผสมโรงร่วมประมูลด้วยไม่ได้

สวี่ล่ายเติมเชื้อไฟแข่งเสนอราคากับเขา แล้วสุดท้ายแสร้งทำเป็นหินดวงดาวในมือไม่พอ ยอมปล่อยด้วยความเกลียดชัง

และสุดท้ายหินประสานค่ายกลเรียกวิญญาณระดับ 2 ก็ถูกอีกฝ่ายซื้อไปได้จริงๆ

“เหอะ! ก็แค่พวกตระกูลต่ำต้อย คิดแย่งของกับข้า”

‘นายน้อย’ คนนั้นแสดงท่าทีสูงส่ง เอ่ยยกตนข่มท่าน โดยไม่รู้ว่าสวี่ล่ายแอบเยาะเย้ยเขาในใจ มองอีกฝ่ายเป็นคนโง่เง่าอย่างสื้นเชิง

“โฮะ โฮ่ ไม่คิดว่าความกระตือรือร้นของสหายทุกท่านจะยังไม่ลดน้อยลง เช่นนั้นก็ดี!ต่อไปเรายังมีสมบัติที่หายากอีกชิ้นหนึ่ง ...”

ปรมาจารย์ฟางพูดจบก็หินสีแดงอีกก้อนหนึ่งขึ้นมา

“หินประสานค่ายกลรวมวิญญาณ!?”

“ถูกต้อง! มันคือหินประสานค่ายกลรวมวิญญาณจริงๆ”

“สมบัติประเภทนี้ไม่ได้ออกสู่ท้องตลาดมานานมากแล้ว”

“เป็นมันจริงๆหรือ?”

นักบู๊หลายคนในสถานที่จัดงานแทบอดใจไม่ไหว พากันยืนขึ้นและเพ่งมองให้ชัดๆ

“โฮะ โฮ่ ดูท่าเราผู้เฒ่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากกว่านี้ ถูกต้อง ทั้งสองก้อนนี้คือหินประสานค่ายกลรวมวิญญาณ และยังคงเป็นสมบัติที่ปรมาจารย์ท่านเดิมหลอมขึ้น”

ปรมาจารย์ฟางยิ้มเล็กน้อย อธิบายต่อไปว่า “ตอนนี้ ข้าเกรงว่าสหายทั้งหลายคงมีคำถาม เหตุใดหลายปีที่ผ่านมา หินประสานค่ายกลรวมวิญญาณจึงไม่ค่อยมีขายตามท้องตลาด อันที่จริง ไม่ใช่ว่าปรมาจารย์แห่งพันธมิตรประสานค่ายกลไม่ต้องการที่จะหลอม แต่เป็นวัสดุที่จำเป็นสำหรับการสร้างหินประสานค่ายกลรวมวิญญาณ มันหาได้ยากเต็มที”

“เท่าที่เราผู้เฒ่ารู้ สมบัตินี้ต้องการเลือดสัตว์ปีศาจระดับสองและสามจำนวนมาก ประกอบกับสกัดจากสมุนไพรหายากบางชนิด ซึ่งมีข่าวลือว่าต้องเข้าไปในส่วนลึกของป่าหมอกเท่านั้นจึงจะสามารถรวบรวมได้ ด้วยเหตุนี้หินประสานค่ายกลรวมวิญญาณในปัจจุบันจึงหายากมาก”

สวี่ล่ายกระพริบตาหลังจากได้ยิน เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าตอนหลอมหินประสานค่ายกลรวมวิญญาณ ตนได้นำวัสดุจำนวนมากที่ได้จากป่าหมอกมาผสม แค่แก่นโลหิตของสัตว์ปีศาจอย่างเดียวก็ปาเข้าไป  7-8 ชนิดแล้ว

“เอาล่ะ ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายประสิทธิภาพของหินประสานค่ายกลรวมวิญญาณมากไปกว่านี้ ราคาเริ่มประมูลคือ 2,000 หินดวงดาวต่อก้อน เริ่มประมูลได้!”

ปรมาจารย์ฟางเพิ่งพูดจบ คนในห้องประมูลก็เสนอราคาอย่างบ้าคลั่งทันที

“2,200!”

“ข้าจะจ่าย 2,500!”

“ข้าจะเสนอราคา 3,000”

“เจ้าคิดจะครอบครองมันแค่ในราคา 3,000 กระนั้นหรือ? ข้ายินดี 5,000 ต่อก้อน!”

“สารเลว! เจ้ากล้าเพิ่มราคาโดดๆเช่นนี้ได้อย่างไร? เช่นนั้นข้าจะจ่าย 6,000 หินดวงดาว!”

“ข้าจ่าย 6,500!”

สวี่ล่ายไม่คาดคิดมาก่อนว่าสองคนนี้ต้องการหินประสานค่ายกลรวมวิญญาณทั้งสองก้อน พวกเขาเสนอสู้ราคาจนเกือบจะทะเลาะกัน

ป้าง!

“หินดวงดาว 11,500 ก้อน จบประมูล!”

ในที่สุด

หินประสานค่ายกลรวมวิญญาณทั้งสองก้อนก็ถูกซื้อโดยชายร่างอ้วนและชายชุดดำอีกคน

สวี่ล่ายถึงกับแอบแลบลิ้น ตอนแรกเขาตั้งใจว่าน่าจะขายมันได้ 6,000 ถึง 7,000 หินดวงดาวต่อก้อน แต่ใครจะคิดว่าจะไปจบที่ราคาเกือบสองเท่า บัดนี้สวี่ล่ายถือได้ว่าเป็นคนร่ำรวยอย่างแท้จริง!

“เอาล่ะ สมบัติชิ้นต่อไปที่เราจะประมูล คือหินเก้าสงัดระดับ 4 ที่นำมาจากสระเย็นเก้าสงัด สมบัตินี้เป็นวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับการหลอมอาวุธระดับวิญญาณ ...”

ถัดมา ปรมาจารย์ฟางเริ่มประมูลวัสดุสำหรับงานหลอมที่หาได้ยาก แล้วก็พวกวัสดุสำหรับทำโอสถชั้นดี

ของพวกนี้สวี่ล่ายยังเอาไปทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ เขาจึงไม่สนใจมัน

เวลาผ่านไป เหลือเพียงสมบัติชิ้นสุดท้ายบนถาดเงิน

ในเวลานี้ ปรมาจารย์ฟางยกชาจิตวิญญาณขึ้นจิบให้ชุ่มคอ จากนั้นเขาก็ยิ้มเล็กน้อย

“เอาล่ะ สมบัติชิ้นสุดท้ายนี้ มันคือ 'สมบัติตกทอดจากบรรพชน' ที่ทุกท่านรอคอย”

พรึ่บ!

ปรมาจารย์ฟางกระชากผ้าไหมแดง เผยให้เห็นกล่องไม้สีชาดที่มีอายุกว่าศตวรรษวางอยู่บนแผ่นเงิน

“เยี่ยม! ในที่สุดที่เรารอคอยก็มาถึง!”

“สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ บิดาต้องคว้ามาให้ได้”

“ฮึ่ม! เจ้าต้องการที่จะขโมยมันจากข้า? ก็ต้องดูก่อนว่าเจ้ามีหินดวงดาวเพียงพอหรือไม่!”

สมบัติตกทอดจากบรรพชนปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างแทบจะรีบวิ่งขึ้นไปแย่งกัน

ปรมาจารย์ฟางยิ้มเล็กน้อย “สหายทุกท่านอย่าใจร้อน ให้ข้าเล่าที่มาของสมบัติชิ้นนี้ให้พวกท่านฟังก่อน”

“โอ้? สมบัติตกทอดจากบรรพชนก็มีประวัติศาสตร์ด้วย?”

“เฮ้ย เฮ้ย ปรมาจารย์ฟาง ได้โปรดเริ่มประมูลเถอะ อย่าทำลายความอยากอาหารของพวกเราเลย”

“แต่ข้าว่าฟังก่อนก็ไม่เห็นเป็นไร”

ขณะนี้ สวี่ล่ายกำลังนับหินดวงดาวในมือตัวเอง ประเมินว่าตนพอจะสู้ได้ในราคาเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม เขายังไม่รู้เลยว่าทักษะฝึกระดับธรณีที่ว่านี้คือประเภทใดกันแน่

ปรมาจารย์ฟางกระแอมในลำคอ พูดช้าๆ “ประมาณหนึ่งพันปีที่แล้ว เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นในรัฐต้าหยาน ว่ากันว่ามีนักบู๊จากต่างถิ่น เหยียบย่ำแผ่นดินเรา สังหารพลเรือนตามใจชอบ และคนผู้นี้มีฐานบำเพ็ญเพียรสูงมาก แถมเขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลอีกด้วย”

“ในเวลานั้น หลายสิบตระกูลและนิกายต่างๆ ของรัฐต้าหยาน เข้าร่วมในการปิดล้อม หลังจากต่อสู้กันเจ็ดวันเจ็ดคืน ในที่สุดเขาก็ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และสมบัติตกทอดนี้ คือหนึ่งในสินสงครามที่ริบมาได้ในครั้งนั้น”

ปรมาจารย์ฟางเล่าสั้นๆถึงประสบการณ์ที่ตระกูลเจ้าของสมบัติชิ้นนี้ได้รับมันมา ก่อนยิ้มอย่างลึกลับว่า “จนถึงวันนี้ ตระกูลนั้นค่อยๆเสื่อมถอย สุดท้ายกัดฟันขายสมบัติชิ้นนี้ออกประมูล”

ปรมาจารย์ฟางทางหนึ่งกล่าว ทางหนึ่งค่อยๆ เปิดกล่องไม้สีชาดอย่างช้าๆ เผยใบหยกให้ทุกคนได้เชยชม

“ข้าเกรงว่าสหายหลายคนคงพอรู้ข่าวไปบ้างแล้ว แต่เราผู้เฒ่าจำเป็นต้องบอกทุกท่านอีกครั้ง ภายในใบหยกใบนี้ คือทักษะฝึกระดับธรณีของนักบู๊ต่างถิ่นผู้นั้น——ทักษะฝึกประสานหนึ่งไร้ขอบเขต!”

“ว่ากระไรนะ!?”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด