ตอนที่แล้วบทที่ 26: กับดักมอนสเตอร์และม่านแสงควอนตัมเร้นกาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 28: ซากศพระดับลอร์ดที่โกรธเกรี้ยว

บทที่ 27: รังซอมบี้ จิ๊กสมบัติ


ด้วยมีทีม 5 คนของเมืองเฮยเหยียนนำหน้าซึ่งทำหน้าที่ดึงดูดพวกซอมบี้มากมายนี้เป็นไปตามที่ถังเจิ้นปรารถนาอยู่แล้ว

ใช้ประโยชน์จากสถานการที่วุ่นวายก้าวเดินอย่างระมัดระวังเข้าไปในพื้นที่ที่มีมอนสเตอร์ซากศพคอยคุ้มกันยาวไปถึง 20 เมตรโดยไม่เป็นที่สนใจของมอนสเตอร์เหล่านั้นเลย

เมื่อเห็นร่างกายของตนได้ผสานเข้ากับทิวทัศน์โดยรอบแล้วถังเจิ้นก็อดถอนหายใจไม่ได้  ม่านแสงควอนตัมเร้นกายนี่มันก็เทพเกิ๊น!

แต่ไม่ว่าม่านม่านแสงควอนตัมเร้นกายจะเทพเพียงใดเขาก็ไม่กล้าอวดดีและใช้มันอย่างแผ่วเบาที่สุด  เส้นทางที่เขาใช้นั้นเป็นเส้นทางที่อยู่ห่างจากพวกซอมบี้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  แม้จะต้องใช้เวลาเดินทางนานขึ้นเล็กน้อยแต่ปลอดภัยก็ดีกว่าเสียใจภายหลัง

ขณะที่เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่นั้นพวกทีมสำรวจทั้งห้าจากเมืองเฮยเหยี่ยนก็แสดงฝีไม้ลายมือได้เด็ดดวงไปเลย

ชายคนที่ดูแรงเยอะที่สุดในทีมกวัดแกว่งกระบี่หนักขนาดมหึมาที่เปล่งประกายแสง  แต่ละกระบวนท่าที่ออกนั้นกินบริเวณกว้าง  แถมน้ำหนักที่ลงไปกับการโจมตียังหมาศาล

บางครั้งยังได้ยินเสียงคำรามราวกับสิงโตคลั่งดังออกมาด้วย

พอเอาเจ้าหมอนี่มาเทียบกับผู้พเนจรทั่วไปแล้วทางนี้ดูจะจู่โจมออกมาอย่างมีจังหวะและสม่ำเสมอ  การหายใจกับการวางเท้ามีการสอดประสานกันได้อย่างสมบูรณ์

แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันต้องผ่านการฝึกฝนรวมไปถึงมีประสบการณ์ในการต่อสู้มาแล้วมากมาย

ทหารผีดาบโล่ที่ไล่ต้อนถังเจิ้นจนต้องหนีเป็นหมามาก่อนนั้นโดนกระบี่หนักของเจ้าหมอนั่นเข้าไปแค่ดอกเดียวก็ขี้เกียจมีชีวิตต่อแล้ว  เพราะถ้าไม่โดนฉีกเป็นชิ้น ๆ ก็ถูกผ่าครึ่งจากบนลงล่าง!

ส่วนที่เหลือเป็นชายสองหญิงสองซึ่งแบ่งกันไปเป็นสองกลุ่มโดยจับคู่ชายหญิง  ฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายที่ลงมือฆ่า  ส่วนฝ่ายชายจะเป็นคนใช้อาวุธโลหะสีแดงมีลักษณะคล้ายตะขอหรือเคียวโดยสามารถแยกส่วนกันได้โดยมีเชือกร้อยไว้ไม่ให้ขาดจากกัน  และเมื่อประกอบกันแล้วมันจะกลายเป็นอาวุธยาว

ซึ่งตอนนี้ทั้งสองกำลังใช้หอกเคียวนี้เกี่ยวเอาพวกมอนซากศพทั้งหลาย  หอกเคียวทั้งสองส่งเสียงหวีดหวิวฉวัดเฉวียนฉกไปฉกมาเหมือนกับงูพิษ

หากถูกตรงตะขอเคียวเสียบเข้าก็จะเป็นรู  และเมื่อดึงคมมันกลับก็จะจัดการฉีกเนื้อศัตรูจนเศษเนื้อกระจาย

ฝ่ายหญิงที่รับหน้าที่สังหารนั้นใช้ขวานหน้าตาแปลก ๆ ที่มีคมขวานไว้สับก็ได้และมีเดือยแหลม ๆ ซึ่งไว้แทงได้ด้วย  คมของทั้งสองส่วนมีการเรืองแสงสีฟ้าทำให้ความคมดูจะเพิ่มขึ้นไปอีก

หากมีไอ้พวกซากศพตัวไหนหลุดแหจากตะขอของฝ่ายชาย  ฝ่ายหญิงก็จะกระโดดไปซ้ำ  ขวานของพวกเธอทั้งคู่เงื้อขึ้นและสับลง  มอนที่โดนนี่สภาพยิ่งว่าเต้าหู้ที่โดนค้อนทุบซะอีก

เพียงแค่มีห้าคนนี้ก็ราวกับมีกำลังรบเทียบเท่ากับกองทัพผู้พเนจรนับพันแล้ว!

ถังเจิ้นหยุดดูด้วยความตกตะลึงกับพลังการต่อสู้ที่ฝั่งนั้นแสดงออกมา  จากนั้นก็รู้สึกอิจฉาอาวุธของคนเหล่านั้น  ใครที่มีสายตาเฉียบแหลมย่อมสามารถบอกได้ว่าอาวุธเหล่านั้นไม่ใช่ของธรรมดาแน่ ๆ

บางทีอาวุธที่พวกนั้นใช้อาจเป็นอาวุธเวทมนตร์ราคาแพงที่เฉียนหลงพูดถึง!

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสำรวจคุณค่าของอาวุธเหล่านี้  ถังเจิ้นต้องใช้โอกาสที่คนทั้งห้าให้มาให้เป็นประโยชน์และแอบเข้าไปในตัวเย่โหลว

ถังเจิ้นก้าวเดินต่อด้วยความระมัดระวังอีกครั้ง  และหลังจากเดินไปอีกสิบนาทีเขาก็มาถึงทางเข้าของเย่โหยวแล้ว

ประตูสีดำสนิทเปิดกว้าง  ด้านในเองก็เป็นสีดำสนิทราวกับปากของสัตว์ร้ายขนาดมหึมาซึ่งกำลังอ้ารอให้คนที่เป็นอาหารป้อนตัวเองเข้าไป

ดวงตาของรูปปั้นมอนสเตอร์บนตัวเย่โหลวดูราวกับจะมีชีวิตขึ้นมาและกำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างน่าขนลุกประกอบกับรอยยิ้มของมันด้วยแล้วยิ่งดูสยองเข้าไปใหญ่

เมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศที่กดดันถังเจิ้นก็เย็นเยียบไปยันไขกระดูก

หลังจากรวบรวมสติได้แล้วเขาก็มองไปที่นักสืบผีเงาที่ดูเหมือนจะเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเท่านั้น  จากนั้นก็เดินเข้าตัวอาคารไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น

มืด!

เย็น!

หดหู่!

นี่เป็นความรู้สึกแรกของถังเจิ้นหลังจากที่เข้ามาในเย่โหลว  มันทำให้รู้สึกเหมือนมีดวงตาของสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์คอยจับตาดูตนทุกความเคลื่อนไหวอย่างไร้อารมณ์

ถังเจิ้นเตือนตัวเองในใจว่าหากมีสิ่งใดเข้ามารบกวนให้เปิดใช้งานเทเลพอร์ตหนีกลับโลกเดิมทันที  ไม่งั้นสิ่งที่รออยู่คือหายนะที่แท้ทรูไม่มีเป็นอื่น

หลังจากค่อย ๆ ชินกับความมืดไปได้ระยะหนึ่งแล้วทว่าสุดถังเจิ้นก็แทบไม่อาจมองเห็นฉากในตัวอาคารอย่างชัดเจนได้อยู่ดี  แต่ก็เพราะเรื่องนี้ที่ทำให้หัวใจของเขาบีบรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก

เดินไปเรื่อย ๆ ก็ไปถึงห้องโถงที่มีการตกแต่งด้วยวัสดุสีดำซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่จนมองหาจุดสิ้นสุดไม่เจอ

ถังเจิ้นแอบสงสัยว่าตั้งแต่เดินมาจากข้างนอกจนถึงลึกขนาดนี้มันใช้เวลาไม่นานนักไม่ใช่เหรอ?

นอกจากขนาดของห้องโถงแล้วถังเจิ้นยังสังเกตเห็นว่าทั้งสองด้านของห้องโถงมีรูปปั้นของนักรบที่ดูดุร้ายสีดำสูงกว่า 3 เมตรเรียงกันเป็นตับ

เมื่อมองรูปร่างหน้าตาของพวกมันแล้วถังเจิ้นก็อดที่จะนึกถึงมอนสเตอร์ระดับลอร์ดหลิงจู่ที่เคยเห็นมาก่อนไม่ได้  ไอ้ตัวนั้นมันดูคล้ายรูปปั้นพวกนี้มากจริง ๆ

รูปปั้นเหล่านี้รู้สึกเหมือนมันกำลังปลดปล่อยกลิ่นอายของฆาตกรออกมาบาง ๆ ทำให้ถังเจิ้นรู้สึกอึดอัดไม่น้อย

อย่างกับเป็นฝูงมอนสเตอร์ที่พึ่งจะหลับไปได้ไม่นาน

เขาย่องตามทางเดินสีดำไปเรื่อย ๆ โดยพยายามที่จะไม่ส่งเสียงดัง  ถังเจิ้นเดินไปนานกว่าสิบนาทีและได้เห็นรูปปั้นสีดำขนาดใหญ่อีกตัว

รูปปั้นนี้มันจะว่ามันยืนตัวตรงก็คงใช่  ถังเจิ้นเงยหน้ามองขึ้นไปแต่ก็หาหัวมันไม่เจอ  ไม่ใช่ว่าไม่มีหัวแต่ว่าหัวของมันจมอยู่ในความมืดมิดด้านบน  ที่พอจะเห็นได้คือรูปปั้นนี้มันมีแขนหกข้างกับขาสองข้างที่หนาตึ้บ

บนตัวสวมชุดเกราะสีดำแปลก ๆ ดูหนาและหนักมากและรูปแบบของเกราะก็ค่อนข้างแปลกตาด้วย

ดูเหมือนว่ารูปปั้นทั้งหมดจะปล่อยออร่าสีแดงเลือดออกมาเบา ๆ ลอยอยู่รอบ ๆ ตัวแต่ไม่รู้มันมีไว้ทำอะไร

ถังเจิ้นมองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะละความสนใจไปเช็กดูว่าในห้องโถงนี้มีอะไรแปลก ๆ อย่างอื่นอีกมั้ย  ทว่ากลับมีสิ่งที่ขัดจังหวะเขาเข้าซะก่อนนั่นก็คือไอ้เจ้าโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟนเครื่องนั้นมันดันสั่นขึ้นมาซะได้

เมื่อมันสั่นหัวใจของเขาก็สั่นตามไปด้วย  เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากพร้อมกับคำผรุสวาทของตนที่สรรเสริญบิดามารดาของมันดังก้องอยู่ในหัว

ตั้งแต่มาที่โลกโหลวเฉิงไอ้สมาร์ตโฟนเครื่องนี้ไม่เห็นว่ามันจะหืออืออะไรเลยแต่จู่ ๆ ดันมาก่อเรื่องเอาตอนนี้เนี่ยนะ!

‘แม่มึงสิ  ตรงนี้มันคือส่วนลึกของถ้ำที่มีแต่มอนสเตอร์ซากศพโอเค้?’

‘ถ้าไอ้มือถือเวรนี่มันจู่ ๆ ก็เกิดเปิดเพลงแดนซ์สายตื๊ดขึ้นมากูไม่ไดนไอ้มอนระดับลอร์ดจับฉีกเป็นชิ้น ๆ เหรอวะสัด!’

เขาพยายามจะใช้มือหยุดไม่ให้มันสั่นถึงขนาดกดปิดเครื่องก็แล้ว  แต่ไอ้มือถือเวรก็ยังไม่ยอม

เมื่อเขาพยายามจะหยุดไม่ให้มันสั่นต่อไปนั้นเองเขากลับพบว่าการสั่นของมันกลับเกิดขึ้นเพราะมีการชี้ไปยังทิศทางหนึ่งเท่านั้น  หากมีการหันไปทางอื่นการสั่นจะเบาลงจนถึงขั้นไม่สั่นเลย

แน่นอนว่ามันต้องประหลาดใจสิ  จากนั้นถังเจิ้นจึงเปลี่ยนความคิดใหม่โดยเดินตรงไปยังทิศทางที่มือถือมันสั่นนำทาง

เดินไปได้หลายสิบก้าวก็พบกับช่องประตูซึ่งดูเหมือนข้างในจะเป็นห้องเล็ก ๆ

ถังเจิ้นแอบมองเข้าไปก็พบเข้ากับพบกล่องโลหะขนาดเกือบครึ่งตารางเมตรอยู่บนโต๊ะข้างใน

รูปร่างของกล่องนี้คล้ายกับของตัวอาคารแห่งนี้มาก  หน้าตาน่าขนลุกอย่างประหลาดเปล่งบรรยากาศลางร้ายออกมา

ทว่าปฏิกิริยาของถังเจิ้นเมื่อเห็นกล่องคือการยิ้มอย่างมีความสุข

‘ฮ่า ๆ ๆ กล่องที่สามารถอยู่ในอาคารป่าแบบนี้มันต้องมีของดี ๆ อัดอยู่เต็มชัวร์ ๆ ได้เวลาเปิดกาชาลุ้นโชคแล้วเว่ย~!’

หลังจากมองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้งและหลังจากยืนยันว่าไม่มีอันตรายใด ๆ ถังเจิ้นก็รีบเข้าแตะและเอากล่องสมบัติใส่ลงพื้นที่เก็บของมันดื้อ ๆ เลย

และขณะที่กล่องโลหะหายเข้าไปกลางอากาศนั้นเองถังเจิ้นเหมือนจะได้ยินเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดังมากจากความว่างเปล่าอันห่างไกลไร้ที่สิ้นสุด

ในเวลาเดียวกันกับที่เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้นจากส่วนลึกของห้องโถงนั่นเองมันได้มาพร้อมกับเสียงวิ่งอันดังสนั่นและมีร่างขนาดมหึมาแผ่จิตสังหารอันโคตรกระหายเลือดตรงเข้ามาในห้อง

เมื่อพิจารณาจากขนาดและท่าทางอันยิ่งใหญ่ของมันแล้วก็พอจะเดาได้ว่ามันคือมอนสเตอร์ซากศพระดับหลิงจู่!

หัวใจของถังเจิ้นเต้นแรง  ไม่ว่าปฏิกิริยาของเขาจะช้าแค่ไหนเขาก็ยังรับรู้ได้ว่าตนได้รับอะไรที่ไม่ใช่

ธรรมดาเข้าให้แล้ว  ก็ดูสิขนาดมอนสเตอร์ระดับหลิงจู่จังพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเลย!

แล้วอีกอย่างก็คือถ้าไม่วิ่งตอนนี้แล้วจะรอวิ่งตอนไหน!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด