ตอนที่แล้วบทที่ 25: สู้กับศพจากอาคารป่าและการพัฒนา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27: รังซอมบี้ จิ๊กสมบัติ

บทที่ 26: กับดักมอนสเตอร์และม่านแสงควอนตัมเร้นกาย


เล็งหน้ารถเอทีวีไปยังทางที่ไม่ต้องเหยียบกับดักแล้วกระแทกคันเร่งพุ่งออกไป

ในเวลานี้พวกทหารผีมันอยู่ไม่ไกลจากถังเจิ้น  เขารีบกระโดดลงจากรถเมื่อเท้าแตะพื้นที่มือก็มีโมโลตอฟค็อกเทลถืออยู่แล้ว

จากนั้นก็รีบเอาไฟแช็คออกมาจุดแถบผ้า  เมื่อเห็นว่าพวกมอนสเตอร์อยู่ห่างจากกับดักได้ประมาณ 10 เมตรเขาก็ปาขวดไปดักหน้ามันไว้ก่อนเนื่องจากพวกมันวิ่งตามเขาเลยจะใช้เส้นทางเลี่ยงกับดักเหมือนกันไปโดยปริยาย

ตู้ม

เกิดระเบิดและเปลวเพลิงร้อนแรงลุกโชนขึ้นอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ลุกลามไปตามวัชพืชบนพื้นไปเรื่อย ๆ ทำให้เกิดแรงกดดันต่อมอนสเตอร์ที่วิ่งไล่มาส่งผมให้พวกมันชะงักไปเล็กน้อย

แต่ในไม่ช้าพวกมันก็เลี่ยงพื้นที่เปลวเพลิงมุ่งตรงเข้าหาถังเจิ้นต่อ

แต่พวกมันก็หารู้ไม่ว่าเส้นทางที่พวกมันใช้คือตรงไปสู่หลุมกับดักของถังเจิ้น

มอนสเตอร์ที่เอาแต่วิ่งอย่างไร้สมองได้เหยียบลงไปยังหลุมกับดักที่ถังเจิ้นวางไว้และร่วงลงหลุมไปทันที  ตามด้วยตัวที่สองและสาม...

แม้แต่หัวหน้าทหารผีที่ถังเจิ้นเสียว ๆ อยู่ก็ยังตกลงไปด้วยเหมือนกัน

หัวใจของถังเจิ้นแทบกระดอนด้วยความยินดี  เขากำลังกังวลอยู่เลยว่าจะจัดการกับไอ้ตัวหัวหน้ายังไงเพราะมันเป็นถึงตัวเลเวล 3 แต่กลับไม่คาดคิดว่ามันก็เป็นพวกไอคิวเตี้ยไอเดียต่ำไม่ต่างจากไอ้ตัวลูกน้องเลยถูกหลอกให้ลงหลุมไปเหมือนกันด้วย

เมื่อเทียบกับมอนสเตอร์ตัวอื่นแล้วแม้ทหารผีพวกนี้มันจะหนังหนาและแรงเยอะจนใช้ยังไงก็ไม่หมด  แต่สิ่งที่ขาดอยู่ก็คือไอคิวนี่เอง

ถังเจิ้นไม่ลังเลแม้แต่น้อย  หลังจากที่พวกมันลงหลุมไปแล้วเขาได้จุดไฟปาโมโลตอฟค็อกเทลยัดลงหลุมไปทีละขวดสองขวด

ควันดำพวยพุ่งพร้อมกับซาวด์เอฟเฟกต์เป็นเสียงคำรามของพวกมันเหมือนเดิม  แล้วก็เกิดเสียงระเบิดและมีเปลวเพลิงปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้า

เชื้อเพลิงที่ถังเจิ้นผสมมานั้นก็คล้าย ๆ กับระเบิดเพลิงแบบบ้าน ๆ เมื่อร่างกายเปียกปอนไปด้วยน้ำมันแล้วหากติดไฟก็จะถูกแผดเผาลึกไปยันกระดูกโดยไม่สามารถดับลงได้ง่าย ๆ

ด้วยปริมาณเชื้อเพลิงที่ถังเจิ้นเทไว้ในหลุมทำให้ตอนนี้อุณภูมิของหลุมสูงมากจนไม่อาจเข้าใกล้ได้อีก

ถังเจิ้นก้าวถอยหลังไปหลายสิบก้าวแล้วหยิบปืนพกออกมาจากกลางอากาศเล็งไปที่หลุมอย่างไม่ประมาท  เพราะไม่แน่ใจว่าเปลวเพลิงระดับนี้จะแผดเผาทหารผีเลเวล 3 ให้ตายในทันทีได้มั้ย

ซึ่งก็เป็นดังคาด  เพราะหลังจากเล็งอยู่ไม่นานนักเขาก็เห็นแขนที่ดำเป็นก้อนถ่านพยายามดิ้นรนออกจากหลุมกระทะทองแดง  หลังจากนั้นมันก็ยกทั้งตัวที่ดำเมี่ยมขึ้นมาจากเปลวไฟลอยขึ้นไปกลางอากาศและมาตกอยู่ตรงพื้นหญ้าหน้าถังเจิ้นเกิดเป็นเสียงเหมือนของหนัก ๆ ตกพื้น

เมื่อดูดี ๆ ก็ตามคาดอีกคือไอ้หัวหน้าทหารผี

หัวใจของถังเจิ้นสั่นสะท้านปืนที่ประทับเล็งไว้อยู่แล้วก็ยิงออกไปโดยไม่ลังเล  แต่ก็น่าเสียดายที่แม้ร่างกายจะเสียหายขนาดนั้นแล้วยังโดนลูกปืนซ้ำเข้าไปก็ยังจะไม่เป็นอะไรอีกเหมือนเดิม  ร่างที่แทบจะแปรสภาพเป็นก้อนถ่านแขนขาดเหลือแค่ข้างเดียวยังคงพุ่งตัวเข้าปะทะกับถังเจิ้น

ทำให้ตอนนี้ถังเจิ้นไม่มีจังหวะให้หลบแล้วเขาเลยต้องกัดฟันเรียกดาบแหนบรถออกมาฟันสวนหมายจะตัดคอมัน

ผัวะ

ใบดาบจมลงไปในร่างกายของมันซึ่งบริเวณที่ถูกฟันแตกออกเป็นชิ้น ๆ เหมือนไม้ผุพร้อมกับที่ร่างกายของมันกระแทกเข้ากับตัวถังเจิ้นอย่างแรงจนเขากระเด็น

หัวใจของถังเจิ้นตกไปอยู่ตาตุ่ม  เพราะการปะทะกับมอนสเตอร์เลเวล 3 ตรง ๆ นั้นอาจทำให้เขาถึงตายในทีเดียวได้เลย

“โอย~  สัดเอ๊ย!”

หลังตกกระแทกกับพื้นแล้วถังเจิ้นก็โอดโอสบถด่า  จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนกลับมาเป็นดีใจเนื่องจากเขาคิดว่าตัวเองจะต้องตายซะแล้ว  แต่ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องจะไม่เป็นอย่างที่กังวลซึ่งถือว่าน่าประหลาด

‘ครั้งก่อนแค่โดนมอนเวลสองซัดเอาก็ถึงกับต้องใช้ครีมไม้เลื้อยรักษาตั้งหลายวัน  แล้วทำไมแรงกระแทกของไอ้ตัวเวลสามนี่มันถึงน้อยจังวะ?’

‘หรือว่าเพราะมันโดนไฟเผาก็เลยพลังลดลงมาก?’

กำลังใจของถังเจิ้นมาเต็ม  เขารีบกระโดดขึ้นจากพื้นเพื่อที่จะซัดกับมันอีกรอบ  แต่จู่ ๆ ก็เกิดสัมผัสได้ว่ามีความร้อนที่ทำให้รู้สึกมึนเมาปะทุขึ้นภายในร่างกายแล้วพุ่งพล่านไปทั่วร่างทันที!

‘นี่มัน...  อัปเวล!’

ถังเจิ้นมีความสุขมาก  ความรู้สึกถึงพลังอันเกินควบคุมนี้ไม่จำเป็นต้องสืบอะไรเลยเพราะสามารถสรุปได้ว่าตนเองอัปขึ้นเป็นเลเวล 2 ได้ในทันที

การที่จู่ ๆ สามารถระเบิดพลังเท่ากับผู้ใหญ่สองคนใช้พลังเต็มเหนี่ยวได้ในช่วงเวลาวิกฤตย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี!

เมื่อเห็นหัวหน้าทหารผีพุ่งเข้ามาหาเขาอีกครั้งถังเจิ้นก็คำรามเรียกดาบแหนบรถออกมาจากกลางอากาศอีกเล่มแล้วฟันสวนหมายจะตัดคอมันอีกรอบ

ดาบฟัน  หัวปลิว!

ซากศพไร้หัวตัวดำเหมือนก้อนถ่านในที่สุดก็ยอมร่วงลงไปกองกับพื้น!

ถังเจิ้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกเดินโซเซไปที่หัวหน้าทหารผีเพื่อหยิบลูกปัดสมองของมันออกมา

ลูกปัดสมองนี่ก็แสนเลิศเลอเพราะแม้ตัวร่างจะไหม้ไฟไปหมดแล้วแต่ตัวลูกปัดกลับไร้รอยขีดข่วนไม่พอยังสะท้อนแสงวิบวับอยู่เลย

หลังจากฆ่ามอนสเตอร์ระลอกนี้เสร็จถังเจิ้นก็อัปขึ้นเป็นเลเวล 2 ได้สำเร็จและยังได้ลูกปัดสมองราคาแพงอีกเป็นจำนวนมากด้วย

หลังจากคำนวณดูดี ๆ แล้วลูกปัดสมองเลเวล 2 จะสามารถแลกเป็นเหรียญทองได้ 100 เหรียญ  ส่วนเลเวล 3 แลกได้ 1,000 เหรียญ  เสียเวลาและเสี่ยงตายได้ผลตอบแทนคือเหรียญทองเกือบหมื่น

หลังจากรอไปได้พักหนึ่งเปลวไฟในหลุมก็ดับมอดลง  ถังเจิ้นลงไปเก็บกวาดซากมอนสเตอร์ที่ไม่เหลือสภาพสมบูรณ์ข้างในและได้ลูกปัดสมองเลเวล 2 มา 12 เม็ด

จากนั้นก็หันไปมองเย่โหลวที่อยู่ไกล ๆ ด้วยหัวใจที่ไม่เป็นจังหวะ  เขาอยากรู้มากว่ามันมีอะไรอยู่ข้างในนั้นกันแน่

ว่ากันว่ายิ่งมอนสเตอร์ผู้พิทักษ์มีพลังมากเท่าไหร่สมบัติที่อยู่ข้างในก็ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น  เมื่อดูจากสถานการณ์แล้วก็เดาได้เลยว่าเย่โหลวแห่งนี้ต้องมีสมบัติล้ำค่าซุกซ่อนอยู่อย่างแน่นอน

‘ถ้าเราแอบเข้าไปได้ล่ะก็ไม่แน่อาจเจอกับผลตอบแทนที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้!’

แต่แล้วเขาก็ต้องกุมขมับเพราะนึกถึงเรื่องที่ชวนปวดหัวขึ้นมาได้  คือที่นั่นมอนสเตอร์มันอยู่กันหนาแน่นเหลือเกิน  ยังมีไอ้ตัวระดับหลิงจู่ที่น่ากลัวนั่นอีก

‘แล้วกลางวันแสก ๆ แบบนี้จะเข้าไปยังไงวะ?’

‘บุกตรง ๆ?  บุกพ่องดิสัส  แค่เดินเข้าไปก็โดยรุมทืบตายละ!’

‘บิน?  บินไปให้พวกแม่งสอยอะดิ  นักนูเพียบปานนั้นยังไม่ทันถึงกูก็โดนยิงกลายเป็นเม่นละมั้ง!’

‘แอบเข้าไป?  ปัญหาคือกูจะแอบยัง...’

‘หือ…  เด๋วนะ…  น่าจะแอบได้นี่หว่า!’

ถังเจิ้นเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก  เขาเปิดแอปสโตรในมือถือกลายพันธุ์ขึ้นมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

ป้อนคำว่า ‘ซ่อนตัว’ ในแถบค้นหาของแอปสโตรแล้วก็มีตัวเลือกขึ้นมาให้เลือกกันมากมาย

[มนตราล่องหน  หลังจากเปิดใช้งานผู้ใช้จะถูกปกคลุมด้วยพลังมนตราทำให้คนนอกไม่อาจค้นพบได้ซึ่งมีเวลาใช้งานต่อเนื่องอยู่ที่ 1 ชั่วโมง  ข้อเสียคือยามเคลื่อนไหนมนตราจะเสื่อมฤทธิ์  ค่าดาวน์โหลด 1,000 เหรียญทอง]

[มือถือล่องหน  ทำให้โทรศัพท์มือถือล่องหนเองโดยอัตโนมัติทันทีหลังจากเปิดใช้งาน ค่าดาวน์โหลด 500 เหรียญทอง]

[ซ่อนของ  เมื่อเปิดใช้งานจะฉายแสงใส่สิ่งของที่ต้องการซ่อนทำให้ล่องหนตาเปล่าไม่อาจมองเห็น  ค่าดาวน์โหลด 800 เหรียญทอง]

...

ไถอ่านไปเรื่อย ๆ ในที่สุดถังเจิ้นก็เจอเข้ากับแอปที่ตนต้องการ

[ม่านแสงควอนตัมเร้นกาย  เมื่อเปิดใช้งานสามารถจำลองตนเองให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างสมบูรณ์  เมื่อพรางตัวเสร็แล้วจะสามารถป้องกันอินฟราเรด  เลเซอร์  และการตรวจจับด้วยคลื่นไมโครเวฟ ค่าดาวน์โหลด 10,000 เหรียญทอง]

เมื่อเห็นรายละเอียดของม่านแสงควอนตัมเร้นกายถังเจิ้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและคิดว่า ‘ไอ่นี่แหล่ะ!’

เมื่อคลิกดาวน์โหลดปุ๊บยอดเงินในบัญชีก็หดหายปั๊บส่วนตัวแอปก็ถูกดาวน์โหลดและติดตั้งโดยอัตโนมัติตามลำดับ

ไอคอนของแอปนี้หน้าตาเหมือนสายน้ำ  หลังจากถังเจิ้นเปิดใช้งานเขาก็รู้สึกว่าแสงรอบ ๆ ตัวเกิดการบิดเบี้ยว

เมื่อยกแขนขึ้นมาดูก็พบว่าภาพที่เห็นคือพื้นที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า

มองดูบริเวณขาก็ปรากฏว่ามันเป็นภาพเดียวกันที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้อย่างลงตัวจนไม่อาจจับพิรุธใด ๆ ได้เลย

หากใช้ความสามารถในการล่องหนประเภทนี้ในการลอบเร้นควบคู่กันการเทเลพอร์ตด้วยล่ะก็ถือเป็นเซตคอมโบที่สวดยวดไปเลย!

หลังจากเล่น ๆ อยู่พักหนึ่งถังเจิ้นก็พอใจอย่างมากและรู้สึกว่า 10,000 เหรียญทองที่เสียไปคือคุ้มค่าแล้ว

ในเมื่อมีความสามารถในการลอบเร้นแล้วแบบนี้ถังเจิ้นย่อมไม่ลังเลที่จะลอบเข้าไปอีก  เขารีบเอารถเอทีวีไปหาที่ซ่อนก่อนแล้วค่อยมุ่งหน้าตรงไปยังเย่โหลวแห่งนั้น

เย่โหยวในตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ไม่มีคนอยู่เลย  มันมีชีวิตชีวามาก ๆ เพราะระหว่างทางมาถังเจิ้นไปเจอกับทีมสำรวจหลายทีมซึ่งล้วนเป็นผู้พเนจรที่กำลังรีบไปเพราะอยากจะขุดค้นตัวอาคาร

ในช่วงนั้นถังเจิ้นยังได้เห็นทีมที่มี 5 คน ประกอบไปด้วยชาย 3 หญิง 2 แต่ละคนสวมชุดเกราะและอาวุธที่ดูดีสุด ๆ แตกต่างจากผู้พเนจรลิบลับ

ถังเจิ้นประเมินว่าความแข็งแกร่งของคนทั้งห้านี้ควรอยู่เหนือเลเวล 2 โดยผู้นำที่ควรจะแข็งแกร่งที่สุดก็น่าจะเลเวล 3 เป็นอย่างน้อย!

การรับรู้ความแข็งแกร่งนี้เป็นความสามารถของผู้ฝึกตนทุกคนในโลกโหลวเฉิง

ในความเป็นจริงถังเจิ้นก็ไม่รู้หรอกว่ามันมีการแบ่งระดับของผู้ฝึกตนที่ต่ำกว่าเลเวล 6 ให้เป็นพวกคนธรรมดาด้วยจนเมื่อไม่นานมานี้

ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ในโลกโหลวเฉิงเป็นผู้ฝึกตนที่โชคดีพอที่จะอัปเลเวลของตนเองได้โดยการฆ่ามอนสเตอร์และต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดต่อไปได้  ผู้ฝึกตนระดับรากหญ้าประเภทนี้เรียกกันว่า ‘นักรบป่า’ (เย่ซิวซื่อ)

ส่วนผู้ฝึกตนที่เกิดในโหลวเฉิงหรือได้รับการฝึกฝนจากกองกำลังที่ทรงพลังมาก ๆ และมีวิชาล้ำค่ารวมไปถึงอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมจะเรียกกันว่า ‘นักรบแท้’ (เจินเจิ้งเต่อซิวซื่อ)

ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่ม  ฝึกฝนอย่างเป็นระบบ  ไม่ขาดทักษะวิชาและยุทโธปกรณ์  หากเป็นในระดับเดียวกันแล้วกำลังรบจะสูงกว่านักรบป่าเกือบ 3 เท่า  นี่คือจุดแข็งของผู้ที่เรียกว่านักรบแท้

เป็นเพราะเหตุนี้ยามเมื่อคนทั้ง 5 มองไปยังพวกนักรบป่าผู้พเนจรสภาพมอมแมมเหล่านั้นแล้วมักจะใช้สายตาอันภาคภูมิมองอยู่ตลอดเวลา

ถังเจิ้นเองก็ถือได้ว่าเป็นนักรบป่าคนหนึ่งเช่นกัน  แต่ด้วยเงื่อนไขพิเศษหลาย ๆ อย่างทำให้เขามีประสิทธิภาพการต่อสู้ไม่ด้วยไปกว่าพวกนักรบแท้  เผลอ ๆ จะเหนือว่าซะด้วยซ้ำ!

ซึ่งถังเจิ้นไม่รู้ตัวในเรื่องนี้  เขามองคนทั้ง 5 อยู่สองสามรอบและได้ยินแว่ว ๆ ว่ากลุ่มนี้มาจากเมืองเฮยเหยี่ยน

ยามมองต้องมองให้รอบ  การดูองค์ประกอบโดยรวมของทั้ง 5 คนนี้ทำให้ดูก็รู้แล้วว่ากองกำลังของเมืองเฮยเหยี่ยนไม่ใช่อะไรที่จะมองข้ามได้

ถังเจิ้นสงบเสงี่ยมเจียมตัวไม่มีแสดงพฤติกรรมพิเศษใด ๆ แถมเขายังสวมเสื้อคลุมปกปิดตัวเองกลมกลืนไปกับคนอื่น ๆ ทำให้คนทั้ง 5 ไม่สนใจเขา

ส่วนเรื่องที่ถังเจิ้นแอบมองนั้นทั้ง 5 ต่างชินกับเรื่องนี้แล้วและคิดว่าแค่พวกผ้าขี้ริ้วแอบมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็เท่านั้นเอง  ซึ่งคนอื่น ๆ ก็แอบมองเหมือนกัน

เดิน ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็หยุดกลางทางเมื่อข้างหน้าเป็นตัวอาคารประหลาดซึ่งถังเจิ้นได้เห็นอีกครั้งหลังจากพึ่งได้เห็นมันครั้งล่าสุดเมื่อสองชั่วโมงก่อน

แล้วเสียงคำรามของมอนสเตอร์และเสียงตะโกนโห่ร้องของนักรบป่าก็ดังออกมาให้ได้ยินเบา ๆ บ้างเป็นครั้งคราว  แปลว่าอาจมีกองกำลังน้อยใหญ่บางส่วนกำลังประเมินฝีมือของพวกมอนสเตอร์ซากศพทหารผีเหล่านั้นอยู่ก็เป็นได้

หลังจากยืนยันพลังการต่อสู้ของพวกมันแล้วก็จะสามารถกำหนดแผนการจัดการที่มีประสิทธิภาพได้

ตอนนี้มีทีมสำรวจที่เข้าไปประเมินพลังของพวกมันประมาณเจ็ดแปดทีม  โดยคนเหล่านั้นยืนอยู่ตรงระยะขอบการลาดตระเวนของพวกมอนสเตอร์คอยล่อพวกมันอยู่ห่าง ๆ แล้วลงมือจู่โจมกันเป็นกลุ่ม

ต่อให้ทุกคนล้วนได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขตลึกซึ่งมีพวกมอนสเตอร์ซากศพนี่อยู่กันแออัดก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปเสี่ยงอยู่ดี

เมื่อเห็นแบบนี้แล้วทีม 5 คนจากเมืองเฮยเหยี่ยนที่ถังเจิ้นเดินตามต่างก็ยิ้มเยาะออกมาอย่างอดไม่ไหว  จากนั้นก็เห็นว่าทั้ง 5 ได้หยิบอาวุธขึ้นมาแล้วตรงดิ่งเข้าไปยังตัวอาคารที่มีกลุ่มซากศพเฝ้ากันอยู่ยั้วเยี้ย

ถังเจิ้นเห็นฉากนี้เข้าก็เป็นต้องตกตะลึง  แต่แล้วไม่นานใบหน้าตะลึงกลับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มถูกใจ  จากนั้นก็อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครเห็นเปิดใช้งาน [ม่านแสงควอนตัมเร้นกาย] ในทันทีแล้วแอบย่องเข้าไปโดยไม่ให้มีเสียง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด