ตอนที่แล้วบทที่ 29
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31

บทที่ 30


บทที่ 30

“นี่ นี่ นายน้อย ไม่นึกเลยว่าคนที่พวกเราเพิ่งเจอจะเป็นผู้บัญชาการของกองทัพธงดำ ว่าแต่ทำไมเราไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายสังหารจากบนตัวราชานักสู้คนนั้นเลย?”

ผ่านประตูเมืองเทียนตูเข้ามา สวี่เปาก็ขยับเข้ามาถามด้วยเสียงกระซิบ

“ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องประพฤติตัวเป็นนักฆ่าเป็นที่สร้างหวาดกลัวแก่ผู้คนนับพัน แต่ต้องสร้างความยำเกรงที่เกิดขึ้นจากใจจริง” สวี่ล่ายยิ้มเล็กน้อย ตบไหล่สวี่เปา

“เอ่อ เหมือนบางคำข้าก็เข้าใจ แต่บางคำก็ไม่เข้าใจ ...” สวี่เปากระพริบตา ท่าทีคล้ายไม่เข้าใจทั้งหมด

“เหอ เหอ เจ้านี่นะ ... เอ๊ะ?”

เพียงแต่ในตอนนั้นเอง สวี่ล่ายก็หันไปเห็นถนนที่คึกคักไปด้วยผู้คน นักบู๊หลายคนขี่สัตว์ปีศาจดุร้ายท่องไปรอบๆ

“หมา ... หมาป่ายักษ์? เสือเขี้ยวดาบ? แล้วก็นั่น ... อินทรีทองสองหัว?”

ไม่เพียงแต่สวี่ล่ายเท่านั้น กระทั่งสวี่หูและคนอื่นๆ ต่างก็เบิกตากว้าง เฝ้ามองด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจ

“นายน้อย พวกเราได้ยินว่าพวกตระกูลเล็กหรือบางตระกูลใหญ่ มักจะเลี้ยงดูสัตว์ปีศาจระดับต่ำไว้ใช้ในการเดินทาง ตอนนี้การประลองเกณฑ์ทหารกำลังจะจัดขึ้นในเมืองหลวง ข้าเกรงว่าเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความแข็งแกร่ง ตระกูลเหล่านี้จึงนำสัตว์ปีศาจที่พวกเขาเลี้ยงไว้หลายปีออกมาอวด”

สวี่หูยิ้มขมขื่น ขยับเข้ามาอธิบายนิดๆหน่อยๆ

“ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ!” กล้ามเนื้อบนแก้มของสวี่ล่ายกระตุกอย่างช่วยไม่ได้  ในขณะนี้เขาตระหนักว่ากลุ่มตัวเองกำลังขี่ม้า มันช่างง่อยนัก

สวี่ล่ายลูบคางตัวเอง พิจารณาว่าเขาควรปล่อยเซียะเทียนออกมาดีหรือไม่ จากนั้นขี่มันอวดบารมีไปรอบเมือง อย่างไรก็ตาม เซียะเทียนสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของสวี่ล่าย จึงปฏิเสธตรงๆว่าไม่ให้ขี่

“ไอ้เวร......นี่เจ้ากล้าปฏิเสธได้ยังไง เซียะเทียนตัวดี! คราวหน้าข้าจะไม่พาเจ้าไปกินอาหารดีๆ อีกแล้ว” สวี่ล่ายส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ได้แต่มองถนนทอดยาวที่เต็มไปด้วยผู้คน มองดูนักบู๊แต่ละคนขี่สัตว์ปีศาจอย่างสง่างาม

“นายน้อย เรามาถึงแล้ว” สวี่หูชี้ไปที่อยู่ไม่ไกล มันเป็นอาคารงดงามสีทองอร่าม

“โรงเตี๊ยมเผิงไหล”

“นายน้อย ทุกครั้งที่มีงานประลองคัดเลือกเกณฑ์ทหาร ตระกูลสวี่ของเราจะพักที่นี่”

“โอ้ งั้นเรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ” หลังจากวิ่งไปทั่วมาสิบกว่าวัน สวี่ล่ายรู้สึกเหนื่อยจริงๆ

ทุกคนลงจากหลังม้าและเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมเผิงไหล อย่างไรก็ตาม...

“อะไรนะ? ไม่มีห้องว่าง? แต่ตระกูลสวี่เราได้จองล่วงหน้าไว้แล้วนะ” สวี่หูขมวดคิ้ว ในใจไม่พอใจอย่างมาก

“ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้วจริงๆ ไปหาโรงเตี๊ยมอื่นเถอะ” เถ้าแก่ร้านกลอกตา แสดงสีหน้ากระวนกระวายใจ เริ่มขับไล่สวี่ล่ายและคนอื่นๆ

“เจ้าหมายความว่ายังไง ...”

สวี่เปาแค่ต้องการโจมตี แต่ถูกสวี่ล่ายเรียกกลับมา

“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีห้องว่าง งั้นเราไปถามโรงเตี๊ยมอื่นกันเถอะ” สวี่ล่ายส่งสัญญาณมือให้สวีหูและคนอื่นๆ

“ขอรับนายน้อย” สวี่เปาจ้องเจ้าของร้านอย่างดุเดือด ตามสวี่ล่ายออกจากโรงเตี๊ยมเผิงไหล

อย่างไรก็ตาม...

“อะไรนะ? ไม่มีห้องว่างอีกแล้ว? นี่เราค้นหามาเป็นสิบที่แล้วนะ!”

“ไม่มีก็คือไม่มี พวกเจ้าไปหาโรงเตี๊ยมอื่นเถอะ” เถ้าแก่ร้านไม่แม้แต่จะมองสวี่ล่ายและคนอื่นๆ

“ช่างมันเถอะ เราไปถามโรงเตี๊ยมอื่นแล้วกัน” สวี่ล่ายกระจ่างแจ้งในใจ เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจทำเรื่องยุ่งยากสำหรับพวกเขา

เพียงแต่ในขณะนั้น นักบู๊หลายสิบคนเดินเข้ามาจากนอกประตู

“เถ้าแก่ พวกเรามาจากตระกูลฉีแห่งเมืองเฟิงตู ข้าขอถามได้หรือไม่ว่ามีห้องพักว่างบ้างไหม” สุภาพบุรุษหน้าตาสะอาดคนหนึ่งเอ่ยปากถาม

“โอ้ ที่แท้คือตระกูลฉี มีห้องพัก มีห้องพักว่างอยู่ เชิญเข้ามาข้างในก่อน” เถ้าแก่ร้านพอได้ยิน ก็เปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มแย้มทันที

สวี่เปียวได้ฟังแบบนั้น ก็โกรธขึ้นมาทันที “เฮ้ย! เมื่อครู่พวกเราถามว่ามีห้องว่างไหม แต่เจ้ากลับบอกไม่มี แล้วทำไมพอพวกเขาถาม เจ้าถึงบอกว่ามี?”

“พวกเขามาจากตระกูลฉีแห่งเมืองเฟิงตู มีชื่อเสียงโดดเด่น แล้วตระกูลสวี่ของเจ้ามีชื่อเสียงหรือไม่? พรสวรรค์เล่า? พวกเจ้ามีไหม? ในเมื่อไม่มีก็แค่ไล่หาที่ซุกหัวนอนจากโรงเตี๊ยมเล็กๆก็พอ ...”

ไม่รอให้เถ้าแก่ร้านพูดจบ สวี่เปาขยับเท้าพุ่งดั่งคันศร ฉกมือหนึ่งว้าคออีกฝ่าย เอ่ยอย่างดุร้ายว่า “แน่จริงเจ้าลองพูดอีกที!”

“ทุบตีคน! ผู้ร้ายทุบตีคน! คนจากตระกูลสวี่กำลังทุบตีผู้อื่น!” เถ้าแก่ร้านไม่แก้ตัวซักคำ ยกมือขึ้นกุมคอตัวเอง ร้องตะโกน

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ใครสร้างปัญหาที่นี่?”

พรึบ พรึบ!

จากที่ไหนสักแห่ง นักบู๊ราวยี่สิบหรือสามสิบคนที่มีฐานบำเพ็ญเพียรไม่อ่อนแอพลันปรากฏตัวขึ้น

“เถ้าแก่ใหญ่! เป็นพวกเขา ... ตระกูลสวี่คิดใช้กำลังรังแกผู้อื่น!” เถ้าแก่ร้านรีบฉวยโอกาสนี้หนีจากเงื้อมมือของสวี่เปา ในชั่วพริบตาวิ่งไปหลบหลังชายร่างกำยำ

“ฮึ่ม! ตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลสวี่กล้าดีอย่างไรถึงมาวิ่งเต้นป่าเถื่อนในเมืองหลวง?” ชายร่างกำยำถกแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น กลิ่นอายที่ทรงพลังแผ่ออกมา

“ซู้ดดด~!ขอบเขตรวมวิญญาณขั้น 3?”สวี่ล่ายตกใจมาก ไม่คิดว่าเถ้าแก่ใหญ่ของโรงเตี๊ยมนี้ จะเป็นยอดฝีมือขอบเขตรวมวิญญาณ

“ปกป้องนายน้อย!”

สวี่หูออกคำสั่ง หน่วยอารักขาทั้งสามสิบสองคนต่างชักอาวุธเพื่อปกป้องสวี่ล่าย

“หยุด!” สวี่ล่ายขมวดคิ้ว ห้ามสวี่หูและคนอื่นๆ จากนั้นเดินฝ่าทุกคนออกมาหาเถ้าแก่ใหญ่

“ผู้น้อยสวี่ล่าย คนของข้าหุนหันพลันแล่นไปหน่อย ได้โปรดยกโทษที่ล่วงเกินด้วย” สวี่ล่ายประสานกำปั้นทั้งสองเข้าหากัน เอ่ยปากช้าๆ

“นายน้อย?”

“นายน้อย? นี่ท่าน ...”

สวี่ล่ายยกมือขึ้น ขัดจังหวะคำพูดของสวี่หู และคนอื่นๆ

“เหอ เหอ  ดีมาก นับว่าเจ้ารู้สถานการณ์ ที่นี่ไม่ต้อนรับตระกูลสวี่ ผู้ใดแซ่สวี่จงออกไปเสีย!” มุมปากของเถ้าแก่ใหญ่ยกโค้งขึ้นเล็กน้อย โบกมือขับไล่สวี่ล่าย

“พวกเราไปกัน!” สวี่ล่ายหันหลังในพริบตา นำสวี่หูและคนอื่นๆ ออกจากโรงเตี๊ยม

“ฮ่าฮ่าฮ่า... เจ้าพวกขี้ขลาด!”

“ถุย ตระกูลสวี่นับวันยิ่งถดถอย คนรุ่นหลังใช้ไม่ได้จริงๆ”

“ฮ่าๆๆ...” เสียงหัวเราะเยาะอย่างรุนแรงดังไล่หลัง รุ่นเยาว์ของตระกูลสวี่ต่างก็เดือดดาลด้วยความโกรธ คิดหันกลับไปสร้างเรื่องราวให้ใหญ่โต จำใจจากไปอย่างเชื่อฟัง

“นายน้อย พวกเขาแสดงเจตนากลั่นแกล้งเราอย่างชัดเจน พวกเราควรตอบโต้ไปบ้าง!” สวี่เปาบ่นอย่างไม่ยุติธรรมจากด้านข้าง

“ใช่ นายน้อย ยิ่งเราอดทนมากเท่าไหร่ พวกเขายิ่งยโสมากขึ้นเท่านั้น”

“นายน้อย ตราบเท่าที่ท่านสั่ง พวกเราสาบานว่าจะเหยียบย่ำโรงเตี๊ยมนั่นให้จมดิน”

“เอาเถอะๆ ใจเย็นๆหน่อย” สวี่ล่ายโบกมืออย่างจนใจ “ในเมื่อพวกเจ้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจงใจสร้างความยุ่งยาก งั้นทำไมถึงไม่คิดบ้าง ว่าในทุกวันนี้ มีใครบ้างที่มีอำนาจมหาศาล ถึงขั้นสั่งให้โรงเตี๊ยมหลายสิบแห่งสร้างปัญหากับพวกเรา”

“นี่...”

“ใช่คนสกุลหลิวหรือเปล่า?”

สวี่เปาสมองหมุนอย่างรวดเร็ว ก่อนพุ่งเข้าจุดสำคัญในคราวเดียว

“นอกจากพวกเขาแล้ว ข้าเกรงว่าจะหาคนที่สองไม่เจอ” สวี่ล่ายยิ้มเย็นชาและพูดต่อว่า “เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือทำให้เราดูแย่ ขณะเดียวกัน ตราบใดที่เราสร้างปัญหาในพื้นที่เมืองหลวง พวกเขาก็พร้อมเอาผิดพวกเราทุกเมื่อ”

“ถึงตอนนั้น... อย่าว่าแต่เข้าร่วมงานประลอง เกรงว่าเราคงต้องโทษจำคุกด้วย”

“อะไรนะ”

“นี่... ร้ายแรงขนาดนั้นเลย?”

ในขณะนี้ สวี่หูเข้ามาและถามด้วยเสียงต่ำ “นายน้อย ตอนนี้เราควรทําอย่างไรดี?”

“เรื่องนั้น ... เอาเป็นว่าลองพยายามหากันต่อไป ถ้าไม่ได้ผลคงมีแต่ต้องรอพวกท่านพ่อมาถึง แล้วค่อยหารือ”

ตอนนี้สวี่ล่ายก็ไม่มีทางแก้เหมือนกัน เพราะยังไงซะ เมืองเทียนตูตอนนี้ไม่ใช่แบบเดียวกับในชีวิตก่อน

“กลุ่มคนข้างหน้า พวกท่านมาจากตระกูลสวี่แห่งเมืองหรันเถียนใช่หรือไม่? นายน้อยสวี่อยู่ที่นี่หรือเปล่า?”

ในตอนนั้นเอง มีคำถามดังมาจากด้านหลัง

สวี่ล่ายและคนอื่น ๆ หันกลับมา เห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างหลังพวกเขา

“ข้าคือสวี่ล่าย แล้วเจ้าคือ......?” สวี่ล่ายก้าวมาข้างหน้า เอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ

“โอ้ ผู้น้อยแซ่เฉิน เป็นสมาชิกของพันธมิตรการค้าว่านตง คุณหนูของข้าสั่งจอง ‘ตงฟู่’ ในโรงเตี๊ยมหอจูเซียน สำหรับพวกท่านโดยเฉพาะ นายน้อยสวี่โปรดตามข้ามา”

หนุ่มแซ่เฉินยิ้มเล็กน้อย เขายื่นมือออกมาและทำท่าทาง ‘เชิญ’

“ตง ... ตงฟู่?”

“ว้าว!  ใจกว้างอะไรขนาดนี้!”

สวี่เปา และคนอื่นๆ พอได้ยิน ดวงตาทั้งสองข้างส่องสว่างทันที

“อะไร? ตงฟู่ที่ว่ามันพิเศษยังไง?”สวี่ล่ายกระพริบตา ฟังไม่เข้าใจ

สวี่หูก้าวมาข้างหน้า กระซิบที่หูของสวี่ล่าย พึมพำเบาๆ “นายน้อย การเช่าตงฟู่นั้นมีราคาแพงกว่าห้องพักมาก ไม่เพียงเท่านั้น ภายในตงฟู่ยังติดตั้งค่ายกลวิญญาณสำหรับนักบู๊ไว้ใช้ฝึกตนโดยเฉพาะ ถือเป็นที่พักชั้นยอด เฉพาะผู้อาวุโสบางนิกาย หรือผู้อาวุโสของตระกูลใหญ่บางตระกูลเท่านั้นถึงจะเช่าได้”

“เป็นแบบนี้นี่เอง” สวี่ล่ายพยักหน้า จากนั้นมุมปากก็กระดกขึ้นเล็กน้อย “ดีล่ะ เช่นนั้นโปรดนำทาง”

“นายน้อย ... เช่นนี้จะเหมาะสมหรือ?”

“นายน้อย จู่ๆจะมีของดีหล่นจากฟ้าเช่นนี้ได้อย่างไร? นี่อาจเป็นกลลวง โปรดคิดให้ดีก่อนตกปากรับคำ”

สวี่เปาและสวี่เปียวรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อเตือนเขา

“หลีกทางไปให้พ้น มี ‘ห้องเพรสซิเดนเชียลสวีท’ อยู่ตรงหน้า  พวกเจ้าไม่เอา หรืออยากนอนบนถนน?” สวี่ล่ายเพิกเฉยต่อคำเตือนของสวี่เปียว ออกเดินตามคนแซ่เฉินไปเป็นคนแรก

“พี่ใหญ่ ‘ห้องเพรสซิเดนเชียลสวีท’ คืออะไร?” สวี่เปียวเกาศีรษะ วิ่งไปหาสวี่หูแล้วสอบถาม

“เรื่องนี้ ... ก็ข้าบอกแล้วไงว่าให้อ่านตำราเยอะๆ เจ้าก็ไม่ฟัง ว่างๆลองไปเปิดอ่านแล้วหาดูเองเถอะ!” สวี่หูแถสีข้างถลอก คำแปลกๆเช่นนั้นเขาจะไปรู้ได้อย่างไร

“สหายเฉินผู้นี้ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณหนูของเจ้าอยู่ที่ไหน? ผู้แซ่สวี่อยากจะขอบคุณนางด้วยตัวเอง” สวี่ล่ายสบตากับสหายแซ่เฉิน ถามถึงเหยาว่านซินคร่าวๆ

“โอ้ เมื่อเร็วๆนี้ คุณหนูของเรายุ่งกับการประมูล ตอนนี้ทุกตระกูลและนิกายในรัฐต้าหยานมารวมตัวกันเกือบครบ เป็นเวลาเหมาะที่จะทำเงิน ด้วยเหตุนี้ พันธมิตรการค้าว่านตงของเราจึงจัดงานประมูลหลายครั้งติดต่อกัน”

“แน่นอน นอกจากนี้ยังมีงานประมูลที่ใหญ่ที่สุดกำลังจะจัดขึ้นในเร็วๆนี้ เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลใหญ่และนิกายทั้งหมดจะถูกเชิญให้เข้าร่วม”

สหายแซ่เฉินด้านหนึ่งนำทาง ด้านหนึ่งอธิบายไปพร้อมๆกัน

“โอ้? งานประมูล?” สวี่ล่ายตะลึงเล็กน้อย อันที่จริงเขาอยากหาโอกาสเข้าร่วมสักครั้งมาโดยตลอด

“โอ้ นายน้อยสวี่ พวกเรามาถึงแล้ว นี่คือโรงเตี๊ยมหอจูเซียนที่กลุ่มพันธมิตรการค้าว่านตงของเราเช่าตงฟู่ไว้”

สวี่ล่ายเงยหน้าขึ้นมอง เบื้องหน้าเขาไม่ต่างอะไรจากโรงแรมหรู 5 ดาว อย่างไรก็ตาม โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีอักขระยันต์เปล่งประกายออกมาจากภายใน ทำให้มองไม่เห็นทั้งประตูและหน้าต่าง สามารถเห็นเพียงอักษรห้าตัวคำ ‘โรงเตี๊ยมหอจูเซียน’ ที่สลักอยู่บนชั้นสองเท่านั้น

“นายน้อยสวี่ นี่คือตราควบคุมตงฟู่ โปรดรับไว้ อีกอย่าง คืนพรุ่งนี้คุณหนูข้าจะจัดงานเลี้ยงร้อยที่นั่งในคฤหาสน์กลางหุบเขาไผ่ม่วง ซึ่งรวบรวมชนชั้นสูงมาไว้ในที่เดียว ขอนายน้อยโปรดมาให้ทันเวลา”

“งานเลี้ยงร้อยที่นั่ง?”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด