ตอนที่แล้วตอนที่ 23 จู่โจม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 กำไรเล็กน้อย

ตอนที่ 24 การแสดง


สีหน้าซุนซู่หนักอึ้ง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจปล่อยเฉินเฟยไปก่อน ไม่อย่างนั้นการโจมตีจากระยะไกลขนาดนี้คงเป็นการโอ้อวดเกินไป และตอนนี้เขายังถูกตระกูลจางตั้งรางวัลอยู่ด้วย

เมื่อซุนซู่กำลังจะหยุด เขาพบว่าเฉินเฟยที่วิ่งอยู่ข้างหน้าเคลื่อนไหวช้าลง แม้จะเร็วกว่านักยุทธ์ขัดเกลาผิวหนังหรือแม้แต่ขัดเกลากล้ามเนื้อทั่วไป แต่มันยังอยู่ในระดับที่ซุนซู่ไล่ตามได้ทัน

“เมื่อครู่คือวิชาลับ?”

ซุนซู่เปลี่ยนใจและรู้สึกว่าแบบนี้มีเหตุผลกว่า ไม่อย่างนั้นการเคลื่อนไหวของนักยุทธ์ขัดเกลาผิวหนังเมื่อครู่ที่แม้แต่นักยุทธ์หลอมกระดูกอย่างเขายังตามไม่ทันคงเป็นเรื่องไร้เหตุผลเลย

“ไอ้หนู ให้ข้าดูว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้!”

ซุนซู่เย้ยหยันแล้วไล่ตามไปอย่างใกล้ชิด หลังจากนั้นระยะห่างทั้งสองฝ่ายสั้นลงครึ่งหนึ่ง ตอนนี้ห่างกันเพียงยี่สิบหมี่เท่านั้น ตามความเร็วในตอนนี้ซุนซู่จะจับเฉินเฟยได้ในไม่กี่ลมหายใจ

เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันจากด้านหลังเฉินเฟยจึงใช้โอกาสนี้หันกลับไปมอง พบว่าระยะห่างของพวกเขาใกล้เข้ามามากขึ้น ใบหน้าเฉินเฟยซีดลงทันที

เมื่อเห็นสีหน้าเฉินเฟยซุนซู่ก็อดยิ้มไม่ได้ เขาชอบที่คนอื่นแสดงสีหน้าแบบนี้ มันเหมือนกับคนรับใช้ต่ำต้อยที่เขาควบคุมชีวิตและความตายไว้ในมือได้อย่างสมบูรณ์

เหมือนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากความตาย เมื่อซุนซู่ใกล้เข้ามามากกว่าสิบหมี่ การเคลื่อนไหวของเฉินเฟยก็เร็วขึ้นเล็กน้อย ระยะห่างของพวกเขาค่อยๆเพิ่มขึ้น

“ดิ้นรนก่อนตาย!”

ซุนซู่เย้ยหยันแล้วโบกมือขวา แสงเย็นวาบผ่าน เฉินเฟยที่อยู่ข้างหน้าโยกหลบอาวุธลับของซุนซู่ได้ แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขาได้รับผลกระทบเช่นกัน ระยะห่างระหว่างซุนซู่ลดเหลือน้อยกว่าสิบหมี่

เฉินเฟยวิ่งด้วยแรงทั้งหมดที่มี เห็นได้เลยว่าตอนนี้คอเขาแดงก่ำราวกับว่าในช่วงเวลาต่อไปเฉินเฟยจะหมดแรงและล้มไถลไปข้างหน้า

แต่เฉินเฟยยังยืนหยัดอยู่ได้ตลอดเวลา ทั้งสองดึงระยะไปมาระหว่างสิบหมี่ถึงยี่สิบหมี่ และช่วงนี้ใกล้จะอยู่ในระยะสิบหมี่แล้ว

แต่สุดท้ายเฉินเฟยที่สู้สุดชีวิตยังทิ้งห่างซุนซู่ได้

ซุนซู่กัดฟันแน่นรู้สึกโกรธยิ่งกว่าเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าการฆ่าเฉินเฟยคงไม่ยากไปกว่าการฆ่าไก่

แต่ความว่องไวเฉินเฟยทำให้ซุนซู่ประหลาดใจเล็กน้อยซึ่งได้มารู้ทีหลังว่ามันเป็นวิชาลับ และตอนนี้มันอยู่ห่างจากเขาแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ในระยะนี้กลับเหมือนคูน้ำที่ไม่อาจข้าม

สิ่งนี้ทำให้ซุนซู่โกรธและบ้างคลั่งยิ่งกว่าเดิม

“ไม่ดีแล้ว ตรงนี้อยู่ใกล้ตระกูลจางเกินไป!”

ซุนซู่ไล่ตามเฉินเฟยจนบ้าคลั่งด้วยความรู้สึกที่ว่าใกล้จับเฉินเฟยได้แล้ว แต่พอเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบซุนซู่จึงได้สติกลับมา

หลังวิ่งไปอีกไม่กี่ร้อยก็จะไปถึงคฤหาสน์ตระกูลจาง ตอนนี้ซุนซู่อาจเหมือนคนกล้าหาญที่ฆ่าคนได้ตามที่ต้องการ แต่ถ้าเขาวิ่งไปถึงคฤหาสน์ตระกูลจาง คนที่ตายจะเป็นตัวเขาเอง

ในเวลานั้นต่อให้อยากตายแค่ไหนก็ตายไม่ได้ เกรงว่าคงไม่พ้นจากการโดนทรมาณแน่นอน

ซุนซู่หยุดไล่ตาม เขามองเฉินเฟยอย่างมืดมนและตั้งใจหลบหนีก่อน ตำแหน่งนี้อันตรายเกินไป ไม่ว่าอยากฆ่าเฉินเฟยมากแค่ไหนเขาก็จะไม่เอาชีวิตตัวเองไปเดิมพัน

“หืม?”

เฉินเฟยที่วิ่งอยู่ข้างหน้าพบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวจากข้างหลัง เขาหันหลังไปมองพบว่าซุนซู่หยุดไล่ตามและจ้องมองเขาอย่างเย็นชา

เฉินเฟยเหยียบขึ้นไปบนหลังคา เขาก้มลงใช้มือยันเข่าและหอบอย่างหนักราวกับว่าจะหมดสติในเวลาต่อไป

“เจ้าโชคดี ครั้งต่อไปที่เราเจอกันจะเป็นวันตายของเจ้า!”

ซุนซู่มองเฉินเฟยราวกับจะบีบคอเขาให้ตาย เขาอดก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ลังเลและหันหลังหายเข้าไปในตรอก

เฉินเฟยดูซุนซู่หายไป เขาหยุดหอบแล้วยืดตัวขึ้น

“อีกแค่นิดเดียวเอง ซุนซู่ระวังตัวเกินไป!”

เฉินเฟยหายใจคล่องขึ้น ผิวแดงที่เกิดจากการใช้แรงมากกลับเป็นปกติ

ใช่แล้ว ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เฉินเฟยตั้งใจทำเพื่อล่อซุนซู่ไปที่คฤหาสน์ตระกูลจาง ตอนนั้นเขาจงใจเว้นระยะห่างให้ซุนซู่รู้สึกว่ากำลังได้ล่าเหยื่อ

เพื่อให้การแสดงสมจริงยิ่งขึ้นเฉินเฟยจึงใช้วิชาปลอมตัวแสร้งทำเป็นแบบนั้นเพื่อหลอกให้ซุนซู่ตามมา แต่สุดท้ายมันก็ไม่สำเร็จ

หากเฉินเฟยตะโกนเสียงดังหลังวิ่งไปอีกร้อยหมี่ คนคุ้มกันจากตระกูลจางจะรีบออกไปและซุนซู่จะหนีไปไหนไม่ได้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ

ท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งของเฉินเฟยยังอ่อนแอกว่า ไม่อย่างนั้นเขาคงจับซุนซู่ไปรับรางวัลด้วยตัวเองแล้ว

“ไปรายงานตระกูลจางก่อน น่าจะแลกเป็นรางวัลได้เล็กน้อย”

เฉินเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ววิ่งไปยังคฤหาสน์ตระกูลจาง

หนึ่งเค่อต่อมา ตระกูลจางรีบส่งคนคุ้มกันมากมายไปยังจุดที่ซุนซู่หายตัวไป ส่วนเฉินเฟยเดินออกจากคฤหาสน์ตระกูลจางอย่างสงบพร้อมกับถุงเงินในมือ

ตระกูลจางน่าเชื่อถือจริง เพียงข้อมูลของซุนซู่ก็แลกเป็นรางวัลได้ยี่สิบตำลึง

เดิมทีเฉินเฟยต้องการพบจางซือหนานและถามเรื่องสูตรโอสถจิตเบา แต่ตอนนี้มันดึกแล้ว หากไปหาจางซือหนานในเวลานี้เกรงว่าเขาคงโดนทุบตี

เฉินเฟยเดินไปมาตามตรอกซอยสองสามครั้ง เมื่อออกมาอีกครั้งรูปลักษณ์เขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มีรอยแผลเป็นที่มุมตาลากยาวไปถึงมุมปากซึ่งดูดุร้ายและน่ากลัว

สวมหน้ากากและหมวกไม้ไผ่ เฉินเฟยมาที่ตลาดมืด

“นี่เป็นโอสถสำหรับครั้งนี้” เมื่อมาถึงแผงขายของ เฉินเฟยก็ยื่นขวดโอสถให้

“สีสันดูดีกว่าเดิม!”

เจ้าของร้านมองโอสถในขวดแล้วอดยิ้มไม่ได้ แม้ว่าเฉินเฟยจะมาเพียงครั้งเดียวในหลายวัน แต่ข้อดีคือโอสถมีคุณภาพดีและมีจำนวนมากพอ ดังนั้นมันจึงขายได้ง่าย

“นี่เป็นเงินของเจ้า”

เจ้าของร้านส่งเงินให้เฉินเฟย เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “นายของเราพอใจกับโอสถของเจ้ามา เขาต้องการทำธุรกิจกับเจ้าจ่อ”

“ได้” เฉินเฟยพยักหน้าโดยไม่ปฏิเสธ

“เจ้าสามารถหลอมโอสถอื่นได้หรือไม่ แม้ว่าโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพจะดีแต่มันมีราคาถูกกว่า หากมีโอสถขั้นสูง เราสามารถพูดคุยเรื่องราคากันได้”

“โอสถจิตเบา?”

“ใช่ โอสถจิตเบาเป็นสิ่งที่ดี หรือแม้แต่โอสถเหนือสามัญ!” เจ้าของร้านมองเฉินเฟยอย่างใกล้ชิด “หากเจ้าสามารถจัดหาโอสถทั้งสองนี้ได้ เราสามารถเพิ่มราคาให้เจ้าได้ แม้แต่เจ้ามีเรื่องยุ่งยากก็สามารถมาหาเราได้!”

เฉินเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย โอสถเหนือสามัญเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นในอำเภอ แต่โอสถจิตเบายังพอได้เห็นอยู่บ้าง เหตุใดอีกฝ่ายจึงต้องการโอสถสองอย่างนี้

“ไม่มีสูตรโอสถเลยไม่เคยลอง ถ้าเจ้าหาสูตรโอสถให้ได้ข้าจะลองทำดู”

“พูดเล่นแล้ว สูตรโอสถโอสถจิตเบายังพอหาได้ แม้มันจะแพงก็ยังต่อราคาได้ แต่ในอำเภอผิงหยินไม่มีใครยอมขายสูตรโอสถเหนือสามัญหรอก” เจ้าของร้านส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม