ตอนที่แล้วบทที่ 300: วันนี้ช่างเหมือนฝันเหลือเกิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 302: เรื่องนี้ปล่อยให้พี่รองเป็นคนจัดการเอง

บทที่ 301: เขานำ ‘ข่าวดี’ มาบอก


เมื่อหูเจียวเจียวเห็นท่าทางปฏิเสธแบบหัวชนฝาของหูชิงเกา เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฝากภูตคนอื่นให้ดูแลเฟิงเฉิง

“หวงเทียน เจ้าอยู่กับพี่ชายคนนี้สักพักนะ เดี๋ยวพี่จะพาเจ้าไปที่เผ่าใหม่” หญิงสาวไม่ลืมว่ามีหวงเทียนอยู่อีกคน เธอจึงเรียกภูตคนหนึ่งมาคอยดูแลเขา

เนื่องจากตัวตนของเด็กหนุ่มอาจจะเป็นภัยต่อตัวเขาเอง จิ้งจอกสาวจึงตัดสินใจปิดบังความจริงเอาไว้ชั่วคราวแล้วค่อยบอกกับทุกคนอีกที

อีกทั้งเขาเพิ่งสูญเสียสมาชิกในครอบครัวที่เหลือเพียงคนเดียวในโลกไป ถ้าเขาถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยจากทุกคนในเวลานี้ เขาอาจจะไม่เหลือความหวังที่อยากจะมีชีวิตอยู่อีก

“พี่สาวเทพธิดาแสนสวย ข้าอยู่กับท่านไม่ได้หรือ...” หวงเทียนถามอย่างไม่แน่ใจ

นอกจากหวงเยว่แล้ว หูเจียวเจียวเป็นคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด

เมื่อหลงโม่ได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม เขาก็จ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา

เขาไม่นึกเลยว่าแม้แต่เด็กก็ยังจะมาแย่งผู้หญิงของเขาไปด้วย!

ส่วนหูเจียวเจียวยิ้มเอ็นดูคนตัวเล็ก “หวงเทียน พี่จะอยู่ใกล้ ๆ เจ้า ถ้าเจ้ามีอะไรก็บอกพี่ชายคนนี้ได้เลย ไม่ต้องกลัวนะ ตั้งแต่นี้ไปพวกเขาทั้งหมดจะเป็นคนในเผ่าของเจ้า”

จิ้งจอกสาวต้องปล่อยให้หวงเทียนได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นบ้าง

แม้ว่าเขาจะน่าสงสารมาก แต่เขาก็ไม่สามารถพึ่งพาเธอได้ทุกอย่าง

นอกจากนี้ยังมีไหน้ำส้มสายชู*อยู่ข้าง ๆ ตนอีกด้วย เธอจึงไม่อยากให้เด็กหนุ่มกลัวเขา

*ไหน้ำส้มสายชู เป็นการเปรียบเปรยถึงคนที่ขี้หึง

“ก็ได้ ข้าจะเชื่อฟังท่าน” หวงเทียนพยักหน้ารับ ก่อนจะสงบสติอารมณ์แล้วเดินไปด้านข้างคนที่หญิงสาวบอกให้ดูแลตนอย่างเชื่อฟัง

เขาเตือนตัวเองในใจว่าอย่าสร้างปัญหาให้พี่สาวเทพธิดาลำบากใจ

แค่นี้นางก็ช่วยเขามากมายจนเขาไม่รู้ว่าจะชดใช้บุญคุณหมดภายในชาตินี้ไหม

...

ปัจจุบันภูตประมาณ 800 คนที่ถูกช่วยออกมาจากเผ่าภูตหมาป่านั้นมีเซี่ยหมานเป็นคนคอยจัดการ

ตอนนี้เหล่าภูตทั้งหลายเพิ่งได้รับอิสรภาพคืนมา พวกเขาจึงกำลังรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ทุกคนก็ยังรักษาระเบียบวินัยไว้ได้เป็นอย่างดี โดยมีผู้นำกลุ่มคอยดูแลไม่ให้มีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้น

ไม่นานเซี่ยหมานก็กำลังออกคำสั่งให้พวกเขาติดตามกลุ่มอย่าให้หลงทางเด็ดขาด ซึ่งทุกคนก็จดจำสิ่งนี้ไว้ในใจแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมออกเดินทาง

ขณะนี้ทาสตัวน้อยเดินมายืนอยู่ด้านข้างชายหนุ่มโดยที่เขาเงยหน้าขึ้นมองตามสายตาของคนตัวโตกว่าไป

ที่ปลายสายตา เขาเห็นหูเจียวเจียวยืนอยู่เคียงข้างหลงโม่พลางคลอเคลียแสดงความรักต่อกัน ทั้งคู่จับมือกันแนบชิด ซึ่งคนหนึ่งมีรอยยิ้มสดใสในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยอะไรบางอย่าง

ถึงแม้ว่าชายร่างสูงจะทำหน้าเคร่งขรึมฟังที่อีกคนพูดเงียบ ๆ แล้วพยักหน้าเป็นระยะ แต่ความรักในดวงตาของเขานั้นก็เอ่อล้นออกมาจนทุกคนสังเกตเห็นได้

ชายหญิงทั้ง 2 ดูเหมาะสมกันมากดั่งสวรรค์สรรสร้าง มันทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นรู้สึกอิจฉาตาร้อน

“พี่เจียวเจียวดูดีมาก คู่ของนางก็หน้าตาดีไม่แพ้กัน แถมไม่พอเขายังเป็นถึงภูตมังกรที่ทรงพลังมากด้วย ทั้งคู่เหมาะสมกันจริง ๆ...”

เด็กน้อยยกมือขึ้นกุมใบหน้าตัวเองเอาไว้พลางถอนหายใจด้วยความอิจฉา

เขาเองก็จะต้องพยายามฝึกฝนอย่างหนักเพื่อแข็งแกร่งขึ้นให้ได้

นั่นเป็นเพราะภูตสนใจเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น การที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของตัวเอง

เมื่อเซี่ยหมานได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม เขาก็เม้มปากแน่นจนริมฝีปากของเขาแทบจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง

จากนั้นภูตตัวน้อยก็เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ค่อยสู้ดี เขาจึงกะพริบตาถามว่า “พี่หมาน ท่านคง... ไม่ได้ชอบพี่เจียวเจียวหรอกใช่ไหม?”

หลังจากเขานึกถึงปฏิกิริยาแปลก ๆ ของเซี่ยหมานในระหว่างการเดินทาง คนตัวเล็กก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาคิดน่าจะเป็นเรื่องจริง

ทางด้านเซี่ยจื้อหนุ่มขมวดคิ้วกับคำพูดของทาสตัวน้อย

แล้วสีหน้าเคร่งขรึมก็ขึงขังขึ้นทันทีราวกับนักโทษที่กำลังจะก้าวเข้าสู่แดนประหาร

ก่อนที่เขาจะทันได้อ้าปากพูด ภูตตัวน้อยก็เร่งเร้าว่า

“พี่หมาน พี่เจียวเจียวเป็นคนที่โดดเด่นมาก นางคงมีผู้ชายมากมายอยากจะครอบครองตัวนาง ท่านต้องรีบเร่งมือหน่อยแล้ว ถ้าท่านชอบพี่เจียวเจียวจริง ๆ ท่านก็ควรแสดงความในใจให้นางได้รับรู้ หรือท่านจะยืนดูเฉย ๆ ปล่อยให้คนอื่นครอบครองนางไปล่ะ”

ในโลกภูต ผู้ชายที่ไม่มีคู่สามารถเกี้ยวพาราสีผู้หญิงที่มีคู่แล้วได้

บัดนี้เซี่ยหมานดูเหมือนจะถูกคำพูดของเด็กหนุ่มแทงทะลุเข้าไปในใจ แล้วเขาก็พูดขัดจังหวะอีกฝ่ายว่า

“สือโถว อย่าพูดไร้สาระ ข้าไม่ได้ชอบนาง”

“พี่หมาน ท่านหน้าแดงขนาดนั้นแล้วยังมาบอกว่าไม่ชอบนางอีก แม้ว่าท่านจะสู้คู่ของพี่เจียวเจียวไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นท่านชนะขาดลอยเลยนะ”

“ท่านจะต้องมั่นใจในตัวเองสิ!”

ยิ่งชายหนุ่มฟังคำพูดของภูตตัวเล็ก ใบหน้าของเขาก็ยิ่งมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเขาหันไปหิ้วเจ้าเด็กปากมากขึ้นมาแล้วโยนอีกฝ่ายไปรวมกลุ่มกับเหล่าคนที่อยู่ข้างหลังตน

“พี่หมาน อย่าโกรธเลย ข้าแค่คิดแทนท่านเท่านั้น…”

ยามนี้เสียงของสือโถวยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเซี่ยหมาน

มันเป็นเหมือนเสียงสะกดจิตที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็กำจัดมันออกไปไม่ได้

...

ณ เทือกเขาชางเฟิง

“หัวหน้า!”

ภูตหมาป่าคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในบ้านของหลางซัว

“เป็นยังไง พวกเจ้าจับหูเจียวเจียวมาได้หรือไม่?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วถาม

เขาส่งลูกน้องออกไปเป็นจำนวนมาก แม้ว่าแม่จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์จะมีปีกงอกออกมา เขาก็น่าจะจับตัวนางกลับมาได้

อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ไม่มีทางที่นางจะหนีออกจากเผ่าหมาป่าที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้แน่นอน

“กะ-กลับกัน หัวหน้า เราตามจับนางไม่สำเร็จ ในระหว่างนั้นมีภูตกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาช่วยนางไว้...” ภูตหมาป่าที่มาแจ้งข่าวตอบเสียงสั่น เขาก้มศีรษะลงโดยไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าของผู้เป็นนาย

“ไร้ประโยชน์… ไอ้พวกไร้ประโยชน์! นี่พวกเจ้าทำให้นางหนีไปได้งั้นรึ!” สีหน้าของหลางซัวมืดลงทันที และเขาก็เตะลิ่วล้อตรงหน้าจนกระเด็น

“เราไม่คิดว่าคนในเผ่านั้นจะแข็งแกร่งพอที่จะชิงตัวนางไปได้ ระ-เราประเมินพวกมันต่ำไป…” ยามนี้ภูตหมาป่าทั้งรู้สึกเจ็บและหวาดกลัวถึงที่สุด

หลังจากที่คนเป็นหัวหน้าตะคอกเสียงดัง ความโกรธที่พุ่งพล่านในดวงตาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว

“ถ้าข้าจับเจ้าได้ครั้งหนึ่ง การที่ข้าจะจับเจ้าเป็นครั้งที่ 2 ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร คิดหรือว่าเจ้าจะหนีพ้น ฝันไปเถอะ!”

เขาจะปล่อยให้นางได้วิ่งหนีไปอีกสักพัก คราวนี้เขาจะจับพวกมันมาให้หมด!

ครู่ต่อมา หลางซัวเหลือบมองลิ่วล้อด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าจะนั่งบื้ออยู่ที่นี่อีกทำไม ออกไป!”

จากนั้นคนเป็นลูกน้องก็กุลีกุจอลุกขึ้นขยับถอยออกไป ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นในขณะที่เขาสั่นไปทั้งตัว

“หัวหน้า ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องรายงาน หวงเยว่ตายแล้ว ส่วนหวงเทียนก็ถูกหูเจียวเจียวพาตัวไปด้วย...”

“อะไรนะ! ใครอนุญาตให้เจ้าฆ่าผู้หญิงสารเลวนั่น!” หลางซัวที่ได้ทราบข่าวนี้รู้สึกโกรธมาก

นั่นทำให้ภูตหมาป่ายิ่งหมอบลงกับพื้นโดยไม่กล้าพูดอะไรอีก

“ช่างมันเถอะ ในเมื่อมันตายไปแล้วก็ช่างมัน” หมาป่าหนุ่มกัดฟันพูด ปรากฏว่าเขาไม่ได้อารมณ์เสียเหมือนที่ลูกน้องจินตนาการไว้

ทว่าผู้เป็นหัวหน้าทอดสายตามองออกไปนอกประตูแบบคนไม่สบอารมณ์ คล้ายกับเห็นหูเจียวเจียวกำลังวิ่งหลบหนีผ่านความว่างเปล่าข้างนอกนั่น ก่อนที่เขาจะกำหมัดแน่นจนมีเสียงกระดูกลั่น

“ถ้าข้าจับหูเจียวเจียวได้ ข้าก็จะมีของเล่นชิ้นใหม่ ข้าจะทำให้นางรู้ซึ้งว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้านางหลอกข้าอีก...”

ความจริงแล้วจิ้งจอกสาวน่าสนใจกว่านังตัวไร้ประโยชน์นั่นเสียอีก

ขณะนี้ฝ่าเท้าของภูตหมาป่าผู้มารายงานรู้สึกเย็นเยียบ พร้อมกับที่เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นช่างโชคร้ายจริง ๆ ที่ถูกหัวหน้าหมายหัวเอาไว้

การที่นางกล้ามาหยามหัวหน้าของเขามันก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตายเลยสักนิด

ต่อมา ภูตหมาป่าเช็ดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผากพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ไม่ทันไรก็มีภูตอีกคนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากนอกประตู เขาคือหลางเมี่ยที่หัวหน้าส่งไปจัดการกับเหมืองหินดำ

เมื่อหลางซัวเห็นว่าเป็นหลางเมี่ยเข้ามา สีหน้าขุ่นมัวของเขาก็อ่อนลงเล็กน้อย

เพราะเขาคิดว่าอีกฝ่ายกำลังนำข่าวดีมาบอก

“ไฟในเหมืองหินดำดับแล้วหรือ?”

“มันดับแล้ว…”

หลางเมี่ยชะงักและลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ

ทันทีที่หลางซัวได้ยินว่าไฟดับลงแล้ว เขาก็คลายคิ้วที่ขมวดแน่น ก่อนจะยกมือขึ้นและพูดด้วยท่าทางโล่งใจว่า “ดีแล้วที่เจ้าสามารถจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยแล้วกลับมาอย่างปลอดภัย ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ”

คนเป็นลูกน้องชำเลืองมองผู้เป็นนายแล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า

“หัวหน้า ไฟดับแล้ว แต่เหมืองหินดำได้รับความเสียหายหนัก เราต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะสามารถถลุงหินดำได้อีกครั้ง”

ทว่าหลางซัวที่ได้ยินเช่นนี้ไม่รู้สึกโกรธเลย “ถ้ามันพังก็ปล่อยให้มันพังไป สั่งให้ทาสซ่อมแซมเหมืองแล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่”

ไม่กี่อึดใจต่อมา หลางเมี่ยพูดต่อด้วยเสียงกระซิบเหมือนยุงบินผ่าน

“ทะ-ทาสทั้งหมดถูกหูเจียวเจียวพาตัวไปแล้ว ไม่เหลือใครเลย...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด