ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 เมืองโบราณ

ตอนที 1 ศพ


ฉันชื่อจาง หลิงเฟิง แต่ฉันไม่ค่อยชอบชื่อนี้สักเท่าไร เพราะหลายๆคนชอบเรียกฉันว่า เสี่ยวเฟิง  ซึ่งมันเหมือนกับชื่อผู้หญิง

ฉันเคยถามพ่อว่า ชื่อของฉันใครเป็นคนตั้งให้ พ่อบอกว่า ตอนฉันเกิด พ่อเรียกฉันว่า จางหลิงหลิง ส่วนแม่เรียกฉันว่า จางเฟิงเฟิง พ่อกับแม่เลยเอาชื่อมาผสมกัน ชื่อของฉันก็เลยกลายมาเป็น จางหลิงเฟิง และนี่ก็คือที่มาของชื่อฉัน ..

ฉันได้รับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่อายุยังน้อย โลกที่ฉันอยู่ผู้คนจะเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์มากกว่าเรื่องไสยศาสตร์ และฉันก็ฝันว่าสักวันฉันจะต้องได้เป็นนักวิทยาศาสตร์แน่ๆ

แต่ในทางกลับกันปู่ของฉันเป็นคนเชื่อในเรื่องโชคลาง เวทย์มนต์คาถา มากกว่าวิทยาศาสตร์

ปู่ของฉันชื่อว่า จาง ดาวเฉิง ว่ากันว่าในสมัยก่อนครอบครัวของ ฉันค่อนข้างรวยและมีฐานะ   แต่เนื่องจากปู่ของฉันได้ทำนายดวงชะตาให้กับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่มากันแปดคน ซึ่งในกลุ่มนั้น มีชายคนหนึ่งชื่อหวัง กูดาน ซึ่งชายคนนี้ไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์

หวังกูดาน กล่าวหาปู่ของฉันว่าเป็นพวกนอกรีต พวกหลอกลวง หวังกูดาน จึงไปบอกทางการและหัวหน้าหมู่บ้านให้จับปู่ของฉัน

ในวันนั้นปู่ของฉันก็ถูกจับไปไว้ที่คอกวัวพร้อมกับพ่อของฉันซึ่งตอนนั้นพ่อของฉันยังเป็นเด็กอยู่ ปู่ของฉันถูกกลั่นแกล้งจากชายที่ชื่อ หวังกูดาน อยู่บ่อยๆ

ว่ากันว่า หวังกูดาน เป็นคนสุดโต่ง เขามาทําให้ปู่ของฉันอับอายเมื่อเขาไม่มีอะไรทํา ตลอดเวลาที่ปู่ของฉันอยู่ที่คอกวัว หวังกูดาน ก็มาแกล้งปู่ของฉันอยู่เป็นประจำ

จนกระทั่งวันหนึ่ง หัวหน้าหมู่บ้านพาคนในหมู่บ้านไปเปิดที่ดินและไถดินใกล้ใกล้หมู่บ้าน แต่ในขณะนั้น พวกเขาก็ไถไปพบเข้ากับหลุมศพเป็นจำนวนมาก

ในตอนนั้นไม่มีใครเชื่อเรื่อง ผี วิณญาณ กันเลย หัวหน้าหมู่บ้านจึงสั่งให้ชายห้าคนขุดหลุมศพขึ้นมาเพื่อจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่นั้นให้กลายเป็นพื้นที่เพาะปลูก

ปู่ของฉันได้พบกับหัวหน้าหมู่บ้านในเวลานั้นและปู่ของฉันก็บอกกับหัวหน้าหมู่บ้านไปว่า หลุมศพจํานวนมากเหล่านนี้เป็นสถานที่ที่คนสมัยโบราณได้รวบรวมเอาฝังมันเอาไว้ มันเป็นดินแดนที่สร้างโดย นักพรตเต๋าในอดีต ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านได้ยิน เขาก็ดุว่าปู่ของฉันและก็เตะบั้นท้ายปู่ของฉันไปสองที ……

สามวันในการขุดและเคลื่อนย้ายหลุมศพก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทุกคนสบายดี แต่ในตอนเย็นของวันที่สี่ ทั้งห้าคนได้ขุดเจอโลงศพที่มีสีแดงเหมือนกับเลือดสดๆที่ไหลออกมา

ทุกคนสงสัยว่าในโลงศพสีแดงนี้เป็นศพของใคร อยู่ๆ หวังกูดาน ก็พูดขึ้นมาว่า“เปิดเลย”ชายอีกสี่คนก็เปิดฝาโลงเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน …

ทันทีที่ทั้งสี่คนเปิดโลงศพพวกเขาก็ตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น ภายในโลงมีศพที่ร่างกายสมบูรณ์ราวกับว่าศพนั้นยังมีชีวิต

ศพยังคงสวมเสื้อคลุมอย่างเป็นทางการของราชวงศ์ชิงและร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย ศพนั้นยังคงสภาพเหมือนคนที่พึ่งตายใหม่ๆ

แม้ทุกคนจะไม่เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ แต่สิ่งที่ทุกคนได้เห็นในตอนนี้มันเหลือเชื่อเกินไป ทุกคนเริ่มกลัวในสิ่งที่เห็น แต่มันก็สายไปแล้ว

หวังกูดาน จึงบอกให้พวกเขาปิดผนึกโลงศพกลับไปเหมือนเดิมและบอกว่าเราจะจัดการกับศพในวันพรุ่งนี้ และทั้งห้าคนก็วิ่งกลับไปที่หมู่บ้านด้วยความกังวล

ย้อนกลับไปที่หมู่บ้าน…… หัวหน้าหมู่บ้านโกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดที่เหลวไหลจากคนเหล่านี้ โดยหัวหน้าหมู่บ้านบอกว่า “เราจะกลัวพวก ผี ปีศาจ วิญญาณสัตว์ร้าย และพระเจ้าได้อย่างไร? สิ่งเหล่านี้มันไม่มีอยู่จริง”

จากนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็วิ่งกลับไปที่หลุมศพพร้อมกับชายผู้แข็งแกร่งมากกว่าสิบสองคนเพื่อไปเผาศพแปลกๆที่ขุดขึ้นมา

แต่…ทันทีที่ทุกคนกลับไปถึงโลงศพ พวกเขาก็เปิดฝาโลงออกและเห็นว่าโลงศพนั้นว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย และศพก็หายไปในตอนนี้

หัวหน้าหมู่บ้านโกรธมาก ที่เปิดโลงศพมาแล้วไม่เจออะไร หัวหน้าหมู่บ้านดุหวังกูดานและคนอื่นๆที่พูดจาเหลวไหล

หวังกูดาน และคนอื่นๆก็สับสนเช่นกันมันจะเป็นไปได้ยังงัย พวกเขาพูดได้แค่เพียงว่าพวกเขาเข้าใจผิดไปเอง

ทุกคนกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อพักผ่อน เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้ชายสองคนที่ไปขุดโลงศพเมื่อวานนี้ก็เสียชีวิตอย่างประหลาด ร่างกายของทั้งสองไม่มีเลือดสักหยด ร่างกายเหี่ยวแห้งเหมือนกับมัมมี่ เนื้อหนังแข็งกระด้างราวกับว่าศพนี้ตายมานาน

ตอนนั้นมีคนบอกว่าในหมู่บ้านเรามีผีดูดเลือดหรือเปล่า และหัวหน้าหมู่บ้านก็ดุว่าคนพวกนั้น เราควรเชื่อในวิทยาศาสตร์ ไม่งมงายเรื่องแบบนี้ ผีไม่มีในโลก

และในเช้าอีกวัน นอกจากหวังกูดานแล้ว อีกสองคนที่ขุดโลงศพก็เสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน

หมู่บ้านก็โดนไฟไหม้ ตอนนี้ไม่มีใครเชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านที่เชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์ก็ยังสับสนในตอนนี้

เรื่องนี้แพร่กระจายไปถึงหูของปู่ ซึ่งปู่ยังอยู่ในคอกวัว ตอนนั้นปู่ของฉันออกมาตามหาหัวหน้าหมู่บ้านและบอกกับหัวหน้าหมู่บ้านว่าได้เจอศพแล้ว

ตอนนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็เตะบั้นท้ายปู่แล้วดุว่า "คุณยังจะมาพูดล้อเล่นอะไรอีก คุณยังส่งเสริมเรื่องไสยศาสตร์ ยังงมงายเหมือนเดิม เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะฆ่าคุณ"

เมื่อปู่ของฉันได้ยินเช่นนี้ เขาก็เงียบและไม่พูดอะไรเลย

แต่หวังกูดานกลัวในสิ่งที่ได้พบเจอมา เขาคุกเข่าลงแล้วคว้าต้นขาของปู่แล้วพูดว่า "พี่ใหญ่ ช่วยฉันด้วยฉันยังเด็กและยังไม่อยากตาย" ปู่ของฉัน บอก หวังกูดานไปว่าถ้าอยากให้ช่วยก็ต้องกราบขอขมาปู่ของฉันก่อน

ที่ปู่ต้องมาอยู่คอกวัวก็เพราะ หวังกูดาน หวังกูดานไม่รอช้ารีบมาก้มขอขมาปู่อย่างรวดเร็ว

แล้วปู่ของฉันก็กระซิบบอกไปว่า

นําภู่กันและหมึกแดง กระดาษสีเหลือง ข้าวเหนียวปรุงสุก 1 ถ้วย ข้าวเหนียบดิบ 1ถ้วย มาให้ฉันที่คอกวัวตอนสี่ทุ่ม ไม่อย่างนั้นคืนนี้คุณจะต้องตายแน่นอน"

เวลาสี่ทุ่ม หวังกูดาน นําสิ่งของของเขาไปที่คอกวัวและมอบของที่ปู่ให้หามา

ปู่ของฉันรับของมาแล้วก็พูดไม่พูดอะไร และก็ไม่สนใจหวังกูดานอีกเลย

เขาหยิบชามข้าวเหนียวที่ปรุงสุกแล้วรีบยื่นให้พ่อของฉัน แล้วปู่กับพ่อก็กินข้าวเหนียวที่ปรุงสุกกันอย่างเอร็ดอร่อย พอกินเสร็จ ปู่ก็บอกให้พ่อของฉันไปหลบอยู่ในหมู่บ้าน

ทันทีที่พ่อฉันออกไป หวังกูดานก็คุกเข่าแล้วพูดกับปู่ฉันว่า ช่วยฉันด้วยฉันยังไม่อยากตายตอนนี้

“ฉันพูดไปนานแล้วว่าที่ดินตรงนั้นไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ คุณไม่เชื่อ ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?เป็นงัยละ กลัวมั้ยละ”

คืนนี้เวลาเที่ยงคืน ศพจะมาหาคุณอย่างแน่นอน… ปู่ของฉันพูดอย่างนั้น

เขาให้ หวังกูดาน ถอดเสื้อแล้ว นอนลงกับพื้น ปู่ไม่รอช้า หยิบภู่กันกับหมึกสีแดงมา เขียนยันต์บนหน้าอกของหวังกูดานแล้วก็ร่ายคาถา ยันต์นี้จะทําให้คุณปลอดภัย

แค่อยู่คุณที่นี่ อย่าไปไหน แล้วรอให้ศพมา"

หลังจากที่ปู่ของฉันพูดจบ เขาก็วาดยันต์ไปติดทั่วทั้งคอกวัว เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนตรงเสียงวัวก็ร้องดังขึ้นแล้วก็ร้องดังขึ้นมาเรื่อยๆ เสียงร้องของวัวดังไปทั่วทั้งบริเวณนั้น

ทันใดนั้นก็มีร่างศพเน่าเปื่อยพุ่งออกมาจากพุ่มหญ้า ซึ่งในตอนนี้ร่างนั้นแตกต่างกันเป็นอย่างมากกับครั้งแรกที่ได้เจอ

ศฟค่อยๆโดดมาทางคอกวัว กลิ่นเน่าเหม็นก็โชยมาเรื่อยๆ

หวังกูดานตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นและตกใจจนปัสสาวะราดเต็มกางเกงของเขาในขนะนั้น

ปู่ของฉันก็ไม่รอช้าเขาวิ่งไปต่อสู้กับศพอย่างรวดเร็ว ในมือของเขาถือกระดาษยันต์ และท่องคาถาไปด้วยในขณะนั้น

ในคืนนั้นหวังกูดานไม่ได้เห็นการต่อสู้ของปู่อย่างชัดเจนเพราะมัวแต่ก้มหน้าด้วยความกลัว

เมื่อการต่อสู้จบลง หวังกูดานก็เห็นแต่ร่างของศพที่เน่าเปื่อยแต่ไม่เห็นปู่ของฉันในเวลานั้น

เขารู้แต่เพียงว่าศพนั้นนอนแน่นิ่ง จนรุ่งสางปู่ก็ได้เดินออกมา

ร่ายกายของปู่มีบาดแผลยาวที่หน้าอก

เมื่อแสงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากท้องฟ้า หัวหน้าหมู่บ้านก็มาถึงแล้วก็เห็นศพที่เน่าเปื่อยนอนแน่นิ่งอยู่ เขาจึงสั่งให้คนที่ติดตามมาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ห้ามให้ทุกคนพูดถึงเรื่องนี้โดยเด็ดขาด

หัวให้คนนําศพไปที่หลุมศพและเผาทิ้งในทันที

ปู่ของฉันมีรอยแผลขนาดใหญ่ที่หน้าอกลึกลงไปเกือบถึงหัวใจ ปู่และพ่อของฉันอาศัยอยู่ในคอกวัวเพราะหวังกูดานแต่ปู่ก็ยังช่วยชีวิตหวังกูดานเอาไว้

แต่วันรุ่งขึ้นหลังจากเผาศพไปแล้ว หวังกูดานก็ไปฟ้องเจ้าหน้ารัฐโดยบอกว่าปู่ของฉันยังคงส่งเสริมไสยศาสตร์ มัวเมาคนให้คนหลงเชื่อ……(หวังกูดานคนนี้มันเนรคุณจริงๆ)…..

ปู่ของฉันถูกจับและถูกนําตัวไปที่ลานถนนเพื่อทำโทษเขาถูกทำโทษต่อสาธารณะชน ด้วยการทุบตี

เขาถูกลงโทษด้วยข้อหาที่ฝึกวิชาเหล่านี้และมัวเมาชาวบ้านด้วยเรื่องไสยศาสตร์ โดยการใส่ร้ายของหวังกูดาน

เดิมทีปู่ของฉันได้รับบาดเจ็บที่หน้าอกอยู่แล้ว หลังจากเขาถูกทำโทษบนถนนเขาก็อ่อนแอและร่ายกายก็อิดโรยลงเรื่อยๆ ปู่ของฉันป่วยหนักและเสียชีวิตลงในไม่กี่วันหฃังจากนั้น

ก่อนปู่จะเสียชีวิต เขาทิ้งหนังสือไว้ให้พ่อเล่มหนึ่ง โดยบอกว่าถ้าพ่อเรียนหนังสือเล่มนี้จบ เขาจะได้รับประโยชน์มากมายจากหนังสือเล่มนี้ในอนาคต

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องราวที่พ่อเล่าให้ฟังตั้งแต่เด็กฉันมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องราวในตอนเด็กของฉันเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วสิ่งต่างๆในเรื่องนี้ลึกลับเกินไป ฉันเลยมองว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ฉันเจอหนังสือที่ปู่มอบให้พ่อไว้ครั้งแรกโดยไม่ได้ตั้งใจ

ซึ่งมันอยู่ในลิ้นชักเก็บของ หนังสือเล่มนี้โทรมมาก และหน้าปกมีเพียงรูปภูเขาเท่านั้น ตอนนั้นฉันยังมึนงงกับเรื่องราวที่พ่อเล่าให้ฟังตั้งแต่เด็กว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่?

มิฉะนั้นจะมีหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร? ฉันแอบดูหนังสือและพบว่าจริงๆแล้ว มันเกี่ยวข้องกับวิธีการจับผีการปราบผีและการวาดสัญลักษณ์บางอย่าง

จนกระทั่งฉันอายุสิบเจ็ดปี และปีที่สองในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนได้จัดทริปไปยังเมืองโบราณฟีนิกซ์ ฉันพบว่ามีบางอย่างในโลกที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้จริงๆ…..

โปรดติดตามตอนต่อไป……………

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด