ตอนที่แล้วตอนที 1 ศพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3 ลัทธิเต๋า

ตอนที่ 2 เมืองโบราณ


ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณครูคิดอะไรกัน ทำไมต้องพาพวกเรามาเมืองโบราณฟีนิกซ์กันด้วย นี้มันเรื่องตลกอะไรกันว๊ะ……

มันร้อนมาก เดิมทีเราพักกันอยู่ที่โรงเรียนกันดีๆ ไม่รู้ว่าครูคิดอะไรกันพวกเขายืนกรานที่จะพาเราไปเที่ยว เห้อ…..

แรกๆการเดินทางก็ค่อนข้างสบาย แต่ในเดือนกรกฎาคม แดดมันร้อนจัด ฉันก็เริ่มคิดถึงแอร์ในห้องเรียนและฟังเพลงกล่อมเด็กของครูที่กล่อมให้ฉันนอนหลับ

ครูของเราเช่าเหมาลํารถเมล์สองคัน คนขับรถบัสคันนี้คาดว่าจะประหยัดไฟฟ้าและเชื้อเพลิง เขาไม่เปิดเครื่องปรับอากาศเลย รถบัสร้อนมากจนเหมือนเรือกลไฟ โอ้ย…ร้อนอะไรอย่างนี้วะ

บนรถบัสคันนี้ ความสนุกมีเพียงอย่างเดียวคือการชื่นชมนักเรียนหญิงที่ต้องการเปลื้องผ้าเพราะความร้อน

“พี่เฟิง ดูหลิวฉีฉีสิ เธอแต่งตัวเซ็กซี่มากจริงๆ” หวังลุ่ย ที่นั่งข้างๆ ฉันเหล่ไปที่ หลิวฉีฉี ที่นั่งอยู่แถวหน้า

หวังลุ่ยเป็นพี่ชายที่เติบโตมากับฉันตั้งแต่ฉันยังเด็ก เขาถูกมองว่าเป็นคนหื่นกามที่ชอบในเรื่องเซ็กส์และเขาก็กล้าหาญชาญชัย

ฉันจําได้ว่าตอนที่ฉันเรียนจบมัธยมต้น ครูสอนศิลปะเป็นนักศึกษาฝึกสอนที่สวมเสื้อผ้าที่รัดรูปสวยงามและชอบใส่กระโปรงสั้นๆ หวังลุ่ยมีกระจกตั้งบนรองเท้าแล้วเขามาเดิมพันกับฉันว่าครูสอนศิลปะสวมกางชั้นในสีอะไร **

ในที่สุดเขาก็ใช้กระจกสองไปที่กระโปรงของครูฝึกสอนแล้ว หวังลุ่ยก็พูดมาว่าสีแดงๆ

แต่ในขณะเดียวกันครูฝึกสอนศิลปะก็หันมาเห็นพอดี ครูสอนศิลปะโกรธมากแล้วก็ได้หยุดสอนในชั้นเรียนของเราในเวลานั้น ไปเลย วีรกรรมของหวังลุ่ยชั่งแสบจริงๆ 55555

หลิวฉีฉี ริมฝีปากของเธอช่างแดงราวกลีบดอกกุหลาบ เธอสวยงามจนเป็นดาวประจำชั้นเรียนของเรา อาจเป็นเพราะความเร่าร้อนของเธอ เธอใส่เสื้อยืดสีขาวแล้วกระโปรงของเธอนั้นก็สั้นมาก ใครเห็นก็ต้องจ้องมองไปที่เธอ

“ดูสิ นั่นคือพี่สะใภ้ของนายในอนาคต” หวังลุ่ยกล่าว ฉันได้ยินแล้วก็อุทานคืนมาว่า “หลิวฉีฉีนี่อะนะคือพี่สะใภ้ฉัน !!!!!”

เสียงของฉันดังมากจนเพื่อนร่วมชั้นในรถหัวเราะ ทันทีที่พวกเขาได้ยิน หลิวฉีฉี ที่อยู่ตรงหน้าฉันก็จ้องกลับมาที่ฉันและดุฉันว่า "ถ้าคุณพูดเรื่องไร้สาระอีกครั้ง ฉันจะตัดลิ้นของคุณ"

“คุณตัดมันด้วยฟันของคุณหรือไม่” หวังลุ่ยพูด ….

นี่…..เธอมันอย่างไร้ยางอายจริงๆ  แล้วใบหน้าของหลิวฉีฉีก็แดงราวกับกลีบดอกกุหลาบในทันที

แม้จะมาพร้อมกับนักเรียนหญิงที่แต่งตัวบางๆเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถบรรเทาความร้อนในรถได้เลย มีแต่มันจะทําให้เราร้อนขึ้น ฉันเบื่อและหยิบหนังสือที่ปู่ทิ้งไว้ให้พ่อ ออกมาอ่าน

รถบัสขับไปแปดชั่วโมง กว่าจะมาถึงเมืองโบราณฟีนิกซ์

เมืองโบราณฟีนิกซ์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจางเจียเจี้ย อาคารส่วนใหญ่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในศตวรรษที่ผ่านมาซึ่งเป็นเมืองเก่า

พวกเรามากกว่า 50 คน ลงที่ประตูจางเจียเจี้ย

"ทุกคนมารวมตัวกัน" ครูใหญ่ของเราตะโกนเสียงดัง

แม้ว่าเราจะซน แต่เราไม่กล้าขัดคำสั่ง ต่อหน้าครูใหญ่ของเรา

ครูใหญ่ของเรา ชื่อ จางเจี๋ย เขาเป็นครูพลศึกษา เขาสูง 190เซนติเมตร แต่คุณจะไม่รู้สึกว่าเขาสูงเมื่อคุณยืนห่างๆ แต่คุณจะรู้สึกว่าเขาอ้วนมาก ฉันได้ยินมาว่าเขาเคยเป็นนักกีฬาต่อสู้ระดับมือโปรในเมือง แต่ต่อมาเขาเกษียณและมาที่โรงเรียนของเราในฐานะครูพลศึกษา

ชั้นเรียนของเราเป็นห้องชั้นเรียนที่ยากจน และ นักเรียนที่มีผลการเรียนไม่ดีสักเท่าไร นักเรียนเหล่านี้จะมารวมอยู่ห้องเรา แต่มีอยู่4คนที่สนิทกับครู่ใหญ่ และพวกเขาก็มักทำตัวเหมือนเป็นหลานชายครูใหญ่

ต่อหน้าครูประจำชั้นอยู่เสมอ

เมื่อถึงที่หมายปลายทาง “เราจะไปพักกันที่ไหนละเล่าจาง”เรารวมตัวกันแล้วถามครูประจำชั้น

ครูประจำชั้นของเราหันมาแล้วยิ้มและพูดว่า "มีป่าเล็กๆ อยู่ทางตอนใต้ของเมืองโบราณฟีนิกซ์ เราไปตั้งแคมป์ที่นั่นกันเถอะ"

ทันทีที่ได้ยินพวกเราก็มีความสุขทันที นึกว่าจะให้พวกเราพักในโรงแรมเพราะมันน่าเบื่อมาก

แต่การตั้งแคมป์ในป่ามันต่างกัน มันตื่นเต้นดี  โดยเฉพาะตอนกลางคืน สาวๆจะเปลี่ยนเสื้อผ้าในเต็นท์ ตราบใดที่ข้างในมีแสงสว่างเพียงพอ เราก็มองเห็นเรือนร่างอันสวยงามของสาวๆ ว๊าว…มันช่างตื่นเต้นจริงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เมื่อถึงที่พัก พวกเราก็ต้องแบ่งหน้าที่กัน กางเต้นท์ เก็บฟืน

เล่าจาง หวังลุ่ย ฉัน และก็กลุ่มเพื่อนๆของฉัน ก็เดินไปวางแผนแบ่งหน้าที่กันไป

กลุ่มของเราเดินไปที่ป่าลึกทางตอนใต้ของเมืองโบราณ

ในเวลานั้นฟ้าก็เริ่มมืด ทางเดินค่อนข้างราบเรียบ

เมื่อกลุ่มของเราเดินตรงไปเรื่อยๆ พวกเราก็เห็นแนวป่าทึบซึ่งป่าแห่งนี้ดูค่อนข้างใหญ่

“อย่าแยกทางกันนะเราต้องเกาะกลุ่มกันไว้ ไม่ว่าใครจะไปฉี่หรือปวดท้อง ก็ต้องไปด้วยกันไม่อย่างนั้นมันจะลําบากและจะหลงทางได้  ”เล่าจางพูดกับกลุ่มนักเรียน

หลังจากฟังคําพูดของ เล่าจางแล้ว ฉันก็เริ่มพาเพื่อนร่วมชั้นหญิงที่อายุน้อยกว่าไปเข้าห้องน้ํา แล้วฉันก็เดินตามเข้าไปในป่า

หลังจากเดินเข้าไปในป่าไม่กี่นาที เราก็เห็นพื้นที่เปิดโล่งค่อนข้างกว้างและไม่มีต้นไม้เลย

"เราจะตั้งค่ายกันที่นี่ หลิงเฟิง พวกคุณรีบไปเอาฟืนมา" เหลาจางชี้มาที่ฉันและสั่งการ

ตกลงเราจะรีบไป แล้วจะรีบกลับมา บางทีฉันอาจจะได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นหญิงที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในเต็นท์ก็ได้ อิอิ…

ฉัน หวังลุ่ย และ ซู่หยาง หยิบเชือกจากเล่าจาง แล้วก็เดินตรงไปในป่า

ป่าในตอนกลางคืนอากาศหนาวมาก และลมก็พัดแรง

“แค่ไปหาฟืน มันคงไม่ยากลำบาก สู้โว้ย”

หลังจากเดินได้ประมาณสิบนาที ฉันก็เหนื่อยกับการเดินเล็กน้อย ฉันจึงพูดกับ หวังลุ่ยว่า ฉันเหนื่อยมาก

ให้มันเร็ว อย่าขี้เกียจ ซู่หยาง กล่าว….

“โอ้ ฉันปวดท้อง ฉันปวดท้อง มันเจ็บจริงๆ ฉันไม่ไหวแล้ว

มันจะออกมาแล้ว โอ้ย โอ้ย ไม่ไหวแล้วโว้ยยยย”

“เดินๆไปก่อนเลยเดี๋ยวฉันตามไป ฉันไปหาที่ระบายก่อน”

ฉันวิ่งไปที่ซุ้มหญ้าแล้วถอดกางเกงพร้อมที่จะขับถ่าย

ไม่มีทาง!!!!!!

ฉันรู้นิสัยสองคนนี้เป็นอย่างดี ถ้าฉันทำธุระอยู่ตรงนี้ สองคนนี้จะต้องหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วถ่ายรูปฉันไว้แน่ๆ ฉันไม่ไว้ใจพวกนายสองคนอย่างแน่นอน

มันเสี่ยงเกินไปพวกนั้นต่องแกล้งฉันแน่ๆ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉันจึงหยิบกางเกงขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในป่าลึกเข้าไปอีก

เมื่อมองไปด้านหลังดูเหมือนว่าไม่มีใครตามฉันมา ฉันก็เลยโล่งใจ ฉันนั่งยองๆและเริ่มขับถ่าย ฮูยยย สบายจริงๆ

หลังจากปลดทุกข์เสร็จแล้ว ฉันก็สับสนมึนๆงง ฉันมองไปที่ป่าโดยรอบๆซึ่งมืดมาก ฉันวิ่งมาจากทิศทางไหน? เวรแล้ว!!!

ฉันเพิ่งดูทิศทางเดินตามความรู้สึกของฉันต้องไปทางนี้แน่ๆและฉันก็เดินไป

“ซู่หยาง หวังลุ่ย โว้ววว คุณได้ยินฉันไหม พวกคุณอยู่ไหนกัน ได้ยินไหมฉันอยู่ทางนี้”

ฉันเดินมาครึ่งชั่วโมงแล้วฉันก็เชื่ออะไรบางอย่าง ฉันคงหลงทางแล้วแน่ๆ

ไม่มีใครได้ยินฉันเลยเหรอ" ฉันตะโกน และทันใดนั้น ฉันก็เห็นอาคารเหมือนบ้านเบลอๆอยู่ตรงหน้า

เยี่ยมเลย ต้องมีใครสักคนอยู่ในบ้านนั้นแน่ๆ   ฉันรีบวิ่งเข้าไป บ้านหลังนี้ดูเหมือนโรงแรมในสมัยโบราณ

แต่มันดูทรุดโทรมมาก ข้างนอกเก่าแล้วมีรอยปูนแตก มีคราบดำๆเกาะติดผนังอยู่ด้านนอก แล้วก็มีใยแมงมุมขึ้นเต็มไปหมด  ดูเหมือนจะเป็นบ้านล้าง

สงสัยจะไม่มีคนอยู่แน่ๆเลย แต่ในป่าอากาศหนาวจัด

อย่าน้อยก็หลบลมหลบฝนได้ดีกว่าไม่มีที่พักเลย   พรุ่งนี้ค่อยออกไปตามหาพวกเขาตอนรุ่งสางก็แล้วกัน

เห้อ..น่าเสียดายจัง…ที่ฉันกลับไปไม่ทัน เลยไม่ทันเห็นเพื่อนร่วมชั้นหญิงเหล่านั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย

ฉันเดินเข้าไปในบ้าน ด้านในของห้องโทรมมาก มีใยแมงมุมและฝุ่นอยู่ทุกหนทุกแห่ง ฉันจะสามารถอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้หรือไม่? เห้อ….

โชคดีที่ในห้องอุ่นไม่หนาว ฉันเอาโต๊ะที่อยู่ในบ้านมาต่อกันแล้วก็เช็ดปัดปัดฝุ่น  หลังจากที่ดูว่าเหมือนจะสะอาดแล้ว ฉันก็กำลังจะนอนลงบนโต๊ะ

ติ๊ก ติ๊ก

ฉันได้ยินเสียงน้ำหยด ดูเหมือนว่าจะมาจากสวนหลังบ้าน

น่าแปลกที่เสียงน้ําในสวนหลังบ้านจะมีได้อย่างไร?

ฉันยืนขึ้น แล้วก็หยิบเทียนที่ฉันพกมา จุดเทียน แล้วสภาพแวดล้อมในห้องก็สว่างขึ้นในทันที

ฉันเดินช้าๆ ไปที่สวนข้างหลังของบ้าน

สนามหลังบ้านมีขนาดใหญ่มาก และมีวัชพืชอยู่ทุกหนทุกแห่ง

แม้ว่าฉันจะกล้าพอ แต่ฉันก็กลัว สนามหลังบ้านเต็มไปด้วยโลงศพ โลงศพเหล่านี้ทรุดโทรมมากและดูเหมือนจะมีประวัติอันยาวนานซึ่งมันดูน่ากลัวมาก

ในเวลานี้ฉันได้ยินเสียงน้ํามาจากโลงศพสองโลงที่มุมหนึ่งของหลังบ้าน ฉันเดินไปช้าๆ

ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่ฉันเหยียบ ฉันมองลงไปและเห็นว่ามันเป็นโครงกระดูกซึ่งยังคงสวมเสื้อคลุมนักพรตเต๋าสีเหลือง

ดูเหมือนจะเป็นนักบวชลัทธิเต๋าแน่ๆ

โครงกระดูกนี้ยังมีกริชที่เป็นสนิมอยู่ในมือของเขา

ฉันเดินไปที่โลงศพ มีโลงศพอยู่สองโลง โลงศพทรุดโทรมมาก มีสัญลักษณ์โบราณเป็นจำนวนมากซึ่งถูกวาดด้วยน้ำหมึกสีแดงด้านนอก และดูเหมือนว่าเสียงน้ํานั้นจะดังมาจากโลงศพ

ฉันนั่งยองๆก้มลงไปดู ในเวลานั้นพื้นผิวใต้โลงศพเปียกๆชื่นๆและมีน้ําไหลออกมาจากใต้โลงศพจํานวนมาก

ฉันเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งบนพื้นผิวของโลงศพ

กระดาษนี้เป็นสีเหลือง และตัวหนังสือก็ไม่ชัดเจน ฉันแทบมองไม่ออกว่าเป็นอักษรอะไร แตก็ยังอ่านจับใจความได้

“ทักษะวิชาเต๋าของข้าไม่เก่ง ข้าจึงถูกปีศาจที่ชั่วร้ายฆ่า

ฉันปิดผนึกศฟไว้ด้วยยันต์เทพเจ้าแห่งความสุข ไว้ในโลงศฟแห่งนี้ ถ้าคุณเห็นพวกเขา

โปรดส่งศพทั้งสองนี้กลับไปที่บ้านเกิดของฉันเพื่อฝังศพแทนข้า

ถ้าคนธรรมดาที่ไม่มีวิชาอาคมเห็นจดหมายฉบับนี้ จงไปจะจากที่นี่ทันที จําไว้ว่าอย่าเปิดโลงศพ!  เฉิน หลี่ ไห่ พักในปี 1973

1973? ปีนี้คือปี 2017นั่นหมายความว่ามันเกิดขึ้นเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้วหรือนี่?

ฉันค่อนข้างเชื่อเรื่องโชคลางแบบนี้มาก ฉันได้ยินเรื่องราวของปู่ตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก แต่เมื่อฉันอ่านข้อความบนกระดาษแผ่นนี้

ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดโลงศฟ?

แต่บ้างครั้งยิ่งถูกห้ามก็ยิ่งอยากทำ

ในเวลานี้ เมื่อฉันมองดูคําเหล่านี้แล้ว จิตใต้สำนึกของฉันก็อยากจะเปิดโลงศพ เพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ถ้าเป็นศพขึ้นมาจริงๆ ฉันก็สามารถลืมตาดูได้

ฉันวางมือลงบนโลงศพแล้วก็ดันฝาโลงออก…….

โปรดติดตามตอนต่อไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด