ตอนที่แล้วตอนที่ 6 ผู้หญิงชุดแดง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 สิงร่าง

ตอนที่ 7 ผี!


ฉันรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหานักพรตคนนั้น

ฮาโหล ฮาโหล นี่พี่ จิ่งฟงหรือปล่าว ฉันมีเรื่องเร่งด่วนและต้องการขอความช่วยเหลือจากพี่"

นั่นใคร! “ฉันเอง ฉันจางหลิงเฟิง ฉันมีเรื่องให้พี่ช่วย”

วันนี้คุณไปเจอกับอะไรมาอีกละ จิ่งฟงถามด้วยรอยยิ้มทางโทรศัฟท์

“คุณมีเวลาว่างไหม ไปร้านกาแฟข้างโรงแรมหยวนเฟิงในเมืองฟีนิกซ์กันเถอะ”

"ตกลง" จิ่งฟงพยักหน้าและพูดว่า "ฉันจะไปถึงที่นั่นในอีกหนึ่งชั่วโมง"

ร้านกาแฟมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีสองชั้น คู่รักเล็ก ๆ หลายคนชอบมาที่นี่เพื่อลองชิม

ฉันมองดูคู่รักเป็นคู่ๆ และคิดถึงตัวเอง ฉันไม่มีคู่มาสองปีแล้วแม้ว่าปกติฉันจะทําตัวเหมือนคนมีความรัก แต่ฉันก็ไม่ได้แตะต้องมือผู้หญิงมาเลย

ฉันมองหาพี่จิ่งฟง ในที่สุดก็พบนักบวชลัทธิเต๋า

พี่จิ่งฟง สวมสูทสีดําและแว่นตาขอบทอง ฉันแทบจําเขาไม่ได้เลย เขาแตกต่างไปจากการปรากฏตัวที่ใส่เสื้อคลุมเต๋าในป่าลึกในตอนนั้นมาก

"สวัสดีครับ" ฉันนั่งเผชิญหน้ากับนักพรตลัทธิเต๋าที่น่าตกใจและ ฉันก็ยิ้มออกมา

พี่จิ่งฟงเหลือบมองมาที่ฉันและพูดพร้อมกับไขว่ห้างว่า "อย่าพูดกับฉันแบบสุภาพเลย มีอะไรก็จะพูดตรงๆ"



"ก็เท่านั้นแหละ" ฉันขี้เกียจพูดคําสุภาพ และบอกนักพรตทุกอย่างที่ฉันไ้ด้เจอมา



หลังจากเล่าเรื่องจบลง นักพรตลัทธิเต๋าก็ทำหน้านิ่งๆขมวดคิ้ว เขากล่าวว่า "ครั้งนี้คุณลําบากจริงๆแล้ว  คืนนี้มีดาวดุร้ายปรากฏอยู่บนท้องฟ้า ผีดุร้ายกําลังมาในเร็วๆนี้

“ท่านนักพรต ท่านช่วยฉันได้ไหม”

ฉันมองไปที่พรตลัทธิเต๋าที่กำลังขมวดคิ้วอยู่

"ฉันไม่รู้" จิงเฟิงส่ายหัว: "ผีดุร้ายตัวนี้แตกต่างจากศพที่เราพบในตอนนั้น ศพทั้งสองนั้นเป็นเพียงศพธรรมดาที่ดูน่ากลัว แต่ก็รับมือได้ง่าย แต่ผีตนนี้มีความแค้นอย่างมาก ยากที่จะรับมือ"

“ผีตัวนี้หน้าตาเป็นอย่างไรตอนที่เธอตาย เธอนอนคว่ำหรือหงายท้อง จิ่งฟงถามอย่างจริงจัง

ฉันคิดอย่างรอบคอบ: "ดูเหมือนว่าท้องจะหงายขึ้น"

"เมื่อวานตอนเที่ยงใช่มั้ย" จิ่งฟง ขมวดคิ้วมากขึ้น เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและถามฉันว่า "เที่ยงของเมื่อวานดูเหมือนจะมีเมฆมากใช่มั้ย"

น่าจะใช่ ฉันพยักหน้าฉันไม่ได้สนใจดูเหมือนว่าจะไม่เห็นดวงอาทิตย์

จิ่งฟงยิ้มแปลกๆ “โอ้ ตอนนี้สนุกแล้ว ฉันจะบอกคุณว่าถ้าบนท้องฟ้ามีเมฆมากแล้วฝนจะตก ผู้ตายกระโดดจากอาคารตึกด้านหลัง

จะเรียกว่าไม่เห็นดวงอาทิตย์ แต่การกระโดดจากหลังโดยหันหน้าไปทางท้องฟ้า มันคือท้องขึ้น

ดังคำกล่าวที่ว่า หลังหันฟ้าคนละครึ่งทาง ท้องหันฟ้าพลังไร้เทียมทาน

"ฉันกลัวว่าผีตัวนี้ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นผีที่ดุร้ายเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นปีศาจแดงอีกด้วย" นักพรตลัทธิเต๋ากล่าวอย่างเคร่งขรึม

“มีวิธีรับมือไหม” ใจฉันเต้นแรงแล้วรีบถาม

“วิธี? คุณบอกฉันว่าสองวิธีนั้นยากเกินไป มีวิธีที่งายกว่านี้ ลองมั้ยละ? เธอกำลังจะฟื้นคืนชีฟกลับมาฆ่ามากมาย แต่ถ้าคุณเผาร่างของเธอ เธอจะมุ่งความสนใจไปที่คุณ  เธอจะมาฆ่าคุนในเจ็ดคืนแรก” นักพรตลัทธิเต๋ากล่าว

“ฉันจิงจังนะ!” เราอย่าไรสาระกัน

ทันใดนั้นจิ่งฟงก็หยิบหุ่นกระบอกเล็กๆออกมา หุ่นกระบอกนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น เขาพูดว่า "ไปเขียนวันเกิดและชื่อของครูเธอลงไป วางรูปถ่ายไว้บนหัวของหุ่นอันนี้

เธอจะจัดการกับผีตัวนี้ได้มั้ยฉันจะรอดู  ถ้าคุณไม่สามารถจัดการได้ก็ถอยออกมาทันที เพราะฉันไม่อยากตายไปพร้อมกับคุณ . "

“พี่ชาย คุณเป็นนักพรตลัทธิเต๋า คุณไม่คิดจะไปช่วยฉันเลยเหรอ” ฉันก็ถามแปลก ๆ”

“ถ้าฉันอารมณ์ดี ฉันก็จะไปช่วยคุณ แล้วแต่อารมณ์นะ เด็กน้อย ทำตามที่ฉันบอก แล้วฉันจะไปหาคุณในอีกวัน”

หลังจากนักพรตเต๋าพูดเส็จก็เดินออกจากร้านกาแฟ

ฉันเดินกลับโรงแรมโดยไม่เอะอะอะไร ฉันพุ่งตรงไปหา เล่าจาง

ฉันขอรูปและวันเดือนปีเกิด เล่าจาง โดยที่เล่าจางก็ ไม่ได้ถามอะไรฉันมากนักเขาจึงเอาให้ฉันโดยดี

หลังจากที่ฉันใส่รูปถ่ายและวันเกิดลงบนหุ่นกระบอกฉันก็ใส่หุ่นกระบอกไว้ในกระเป๋าเป้อย่างระมัดระวัง ตอนนี้ฉันแค่ต้องรอวันที่ผีดุร้ายตัวนั้น ฟื้นคืนชีฟ

ช่วงนี้ฉันหงุดงิดกังวลใจมาก ฉันพบว่าฉันกลายเป็นคนที่เศร้าโศกที่สุดในชั้นเรียนตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ฉันใช้เวลาทั้งวันด้วยความมึนงง ในไม่ช้าก็ถึงช่วงเวลาการกลับมาของวิญญาณ

เวลาประมาณสี่ทุ่มโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น มันเป็นสายจากนักพรตลัทธิเต๋า เขาบอกให้ฉันไปที่ชั้นบนสุดของโรงแรม

ฉันหยิบหนังสือวิ่งไปที่ชั้นบนสุด โรงแรมมีห้าชั้น ชั้นบนสุดเป็นชั้นที่ว่างเปล่า และประตูเหล็กก็ขึ้นสนิมไม่ได้ล็อก ผมออกไปและเห็นว่านักพรตลัทธิเต๋ายืนอยู่ตรงนั้นในชุดคลุมลัทธิเต๋าสีเหลือง

ข้างหน้าก็มีโต๊ะสี่เหลี่ยมซึ่งปูด้วยผ้าสี่เหลือง มีกระถางธูปอยู่ตรงกลางโต๊ะ มีกระบี่ไม้ท้อ ซึ่งก็มีกระดาษยันต์ติดอยู่ พร้อมด้วยระฆังอันเล็กหนึ่งอัน

มันเป็นมืออาชีพจริงๆ และฉันไม่รู้พี่จิ่งฟงในชุดนักพรตลัทธิเต๋าหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมและนําโต๊ะนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?

พี่จิ่งฟงก็ไม่รอช้า รีบบอกให้ฉันนำหุ่นกระบอกไม้ออกมา

ฉันหยิบหุ่นกระบอกออกมาแล้วยื่นให้  พี่จิงเฟิงวางหุ่นไว้ข้างกระถางธูป แล้วเขาพูดว่า "หลังจากที่ผีกลับมา สิ่งแรกที่ต้องทําคือฆ่าพวกอันธพาลที่คุณพูดถึง และอย่างที่สองคือการฆ่า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็ควรเป็นครูประจำชั้นของคุณ"

หุ่นตัวนี้สามารถหลอกล่อผีให้มาที่ระเบียงได้" พี่จิ่งฟง จุดบุหรี่แล้วเดินไปที่ระเบียงแล้วนั่งลงและฉันก็เดินไปนั่งข้างเขา

ฉันถามพี่จิ่งฟงว่า คุณไม่อยากช่วยชีวิตพวกอันธพาลพวกนั้นเหรอ? แม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนไม่ดีแต่พวกเขาก็ยังเป็นคนที่ยังมีชีวิต

“คงไม่มีใครชอบคนพวกนั้น” ในเมื่อผีสาวต้องตายเพราะคนอันธพาลพวกนั้น มันก็สมควรแล้ว ฉันจะไม่ห้ามเธอเลยถ้าเธอจะแก้แค้น ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่ง และมันก็ดีสำหรับพวกเรา

จิงเฟิงกล่าวว่า "อันที่จริงความโกรธแค้นของผีดุร้ายตัวนั้น

ก็คล้ายกับน้ําที่เทลงในขวด เธอเพิ่งกลายเป็นผีที่ดุร้าย

และน้ําในขวดนั้นก็เต็ม ถ้าเธอฆ่าพวกอันธพาล น้ําในขวดจะน้อยลงครึ่งหนึ่ง และเราก็สามารถจัดการกับมันได้หลังจากที่โกรธแค้นของเธอลดลง"

ฉันยื่นฟังและนิ่งอยู่สักพักหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นจาก

พี่จิ่งฟง อย่างไรก็ตาม นักเลงอันธพาลพวกนั้นก็เป็นคนที่มีชีวิต

เหมืนกับเรา และฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

แต่ตอนนี้เราไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงการช่วยชีวิตอันธพาลพวกนั้นเลย  ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้จะรอดจากสถานการณ์นี้หรือไม่

กว่าผีร้ายนั้นจะมาคงอีกนาน  ฉันก็ยังยืนสนทนากับพี่จิ่งฟงไปเรื่อยๆ

“พี่จิ่งฟง ทำไม่คุณถึงช่วยฉันละ ?”  จู่ๆ ฉันก็ถามด้วยความสงสัย ฉันไม่คิดเลยว่าพี่จิ่งฟงจะเป็นคนที่จิตใจดีขนาดนี้ และทุกคนมีจุดประสงค์ของตัวเองในการทําบางสิ่ง

พี่จิ่งฟงตกตะลึงในคำพูดของฉันไปครู่หนึ่งแล้วพูดกับฉันด้วยรอยยิ้มว่า "ใครบอกว่าฉันช่วย? ฉันคิดเงินเพื่อช่วยในการจับผี ครั้งนี้ ถ้าคุณต้องการจับผีที่ดุร้ายตัวนี้ คุณต้องจ่ายเงินฉัน20,000 หยวน”

"ให้ตายสิ คุณกําลังปล้นฉันชัดๆ" ฉันไม่จ่ายให้แน่ๆ

"โอ้ ปล้นเหรอ? ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันเก็บข้าวของแล้วออกไปทันที จิ่งฟง พูดและแสร้งทําเป็นจากไป

"เดี๋ยวก่อนๆ เราต่อรองได้นะ" ฉันรีบพูดว่า "ยกเว้นเรื่องเงิน

ทุกอย่างฉันได้หมด"

นักพรตลัทธิเต๋ามองมาที่ฉันและคิดอยู่ครู่หนึ่งว่า "ฉันจะได้อะไรจากคุณ"

ฉันรีบหยิบหนังสือที่ปู่ของฉันทิ้งไว้ให้และลังเลที่จะแสดงให้นักพรตลัทธิเต๋าดู และฉันก็พูดว่า

"นี่คือสิ่งที่ปู่ของฉันทิ้งไว้ให้ มันน่าจะเป็นสิ่งที่ดี ถ้าคุณช่วยฉัน ฉันจะมอบสิ่งนี้กับคุณ"

เมื่อนักพรตเต๋าเห็นหนังสือเล่มนี้ เขาก็ตกตะลึงไปนานกว่าสิบวินาที เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น “ของสิ่งนี้ไปอยู่กับเธอได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้”

“เกิดอะไรขึ้น!” ฉันถาม

"หนังสือของคุณเป็นหนึ่งในเคร็ดวิชา 5 ศาสตร์ คือ ภูเขา ยา โชคชะตา โหงวเฮ้ง และการทำนาย

คุณต้องช่วยฉันหาทายาทของหนังสือแห่งโชคชะตา ฉันต้องการให้เขาทำนายบอกชีวิตให้ฉันสักครั้ง" นักบวชลัทธิเต๋ามองมาที่ฉันอย่างจริงจัง

ฉันคิดว่าฉันยังต้องพึ่งพาเขาเพื่อรับมือกับผีที่ดุร้าย

ถ้าปฏิเสธเขาตรงๆจะทำยังไงถ้าเข้าเดินหันหลังและจากไป

ฉันพยักหน้า “ฉันจะทำให้ดีที่สุด”

ฉันกับพี่จิ่งฟงนั่งสูบบุหรี่ไปเรื่อยๆ จนเวลา 11.55 น.

พี่จิ่งฟงหยิบขวดเล็กๆออกมาซึ่งมันดูเหมือนกับยาหยอดตา

แล้วโยนมาให้ฉันแล้วพูดว่า "นี่คือน้ําตาของวัว ถ้าคุณทามันลงบนเปลือกตา คุณจะสามารถเปิดยมโลก และคุณจะเห็นผีได้"

"มันจะเป็นได้จริงหรือ" ฉันมองไปที่ขวดเล็ก ๆ มันเหมือนน้ำยาทาเล็บเลยจริงๆ ฉันเอาเช็ดเปลือกตาเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ไหนละผีไม่เห็นสักตัว

“ผี” คุณคิดว่าผีจะเดินอยู่บนนถนนเหรอ “ จิงฟงพูดออกมา

“น้ำตาของวัวนี้จะทำให้คุณเห็นผีแค่สามชั่วโมงเท่านนั้น

มันมีราคาแพงมากนะใช้อย่างระมัดระวังละ”

แล้วพี่จิ่งฟงก็หยิบกระบี่ไม้ท้อส่งมาให้ฉัน “เอาไปกระบี่นี้ไว้สำหรับป้องกันตัว จําไว้ไม่ว่าผีจะทรงพลังแค่ไหน ถ้าคุณใช้กระบี่เล่มนี้แทงไปที่จุดพลังวิญญาณของมัน มันจะสูญเสียพลังวิญญาณทันที”

“จุดพลังอยู่ตรงไหนเหรอ?” ฉันถามด้วยความไม่รู้

"มันคือจุดที่อยู่ตรงกลางระหว่างคิ้ว" หลังจากพูดอย่างนั้น จิ่งฟงก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่หน้าโต๊ะพิธี

เป็นเวลาเที่ยงคืน แต่ผีก็ยังไม่ปรากฏตัว หากไม่มีข้อผิดพลาดฉันจัดการมันได้แน่ๆ หลังจากนั้นประมาณห้านาทีจู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมเริ่มเย็นลง

คำคืนปกติในฤดูร้อนมักจะร้อนมาก แต่ตอนนี้ฉันเหมือนตกลงไปในหลุมน้ําแข็งอย่างอธิบายไม่ถูก

มันมาแล้ว! จิงฟงรีบหยิบเครื่องรางและยันต์วางบนโต๊ะ

แล้วเอาหุ่นกระบอกติดกับยันต์ หลังจากนั้นไม่นาน ผีผู้หญิงในชุดสีแดงก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าโต๊ะพิธี

เอาจริงๆ นะ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผี แล้วตกใจกลัวจนตัวสั่นสะท้าน  ความตกใจกลัวยิ่งกว่าการเจอศพฟื้นคืนชีฟสองศฟนั่นอีก

ผีดุร้ายตัวนี้ช่างแตกต่างกับร่างของเธอตอนมีชีวิต

ความแตกต่างคือใบหน้าของเธอซีดราวกับเธอไปทาแป้งมา ไม่มีอะไรขาวไปกว่าหน้าของเธอในตอนนี้

น่าแปลกที่ผีตัวนี้ไม่เหมือนผีในทีวีที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับเสียงคำราม ฉันมองไปที่โต๊ะพิธี ราวกับลังเลใจอะไรบางอย่าง

นักพรตเต๋าจิ่งฟงแสร้งทำเป็นไม่เห็นเธอ และค่อยๆโน้มตัวไปด้านหลังของผีตัวนั้น เมื่อเขาอยู่ห่างจากผีตัวนั้นเพียงสามเมตร เขาก็หยิบกระดาษยันต์สีเหลืองออกมาแล้วก็พูดว่า

“โอมพลังจงบังเกิด แสงอาทิตย์สาดส่อง ความมืดมิดจงหายไป วิญญาณร้ายถูกกำจัด ผีทั้งหมดจงสลายหายไป โอมเพี้ยง”

เมื่อร่ายคาถาเสร็จเขาก็เอายันต์จะไปแปะไว้บนหน้าผากของผีตัวนั้น  แต่ดูเหมือนว่าเขาจะแปะเอียงไปโดนที่ใบหน้าเหนือตาขวาของเธอ

ทันทีที่ยันต์แผ่นนี้ติดอยู่ที่หน้าผู้ผีผู้หญิง เธอก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวด และมีควันสีเขียวพวยพุ่งออกมาจากแก้มขวาของเธอ

ผิวบนหน้าของเธอหายไป เหลือเพียงเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อบางส่วนเท่านั้น ซึ่งดูทะลุทะลวงไปถึงกระดูก

“ไอ้หนู รีบจัดการมัน” พี่จิ่งฟงตะโกนมาซึ่งทำให้ฉันตกใจมาก

แต่ฉันก็รู้ได้อย่างรวดเร็ว ว่าฉันต้องทำยังไง

ในเวลานี้จิ่งฟงได้ผูกผีดุร้ายด้วยเชือกสีแดง ฉันรู้ว่าตอนนี้เป็นโอกาสดี ที่ฉันจะจัดการกับผีตัวนี้

ฉันหยิบกระบี่ไม่ท้อออกมาและแทงไปที่หัวของผีผู้หญิง

แต่… ฉันประมาทเกินไป มือฉันสั่น กระบี่เลยพลาดไปแทงโดนตาของเธอ

เมื่อเห็นว่าฉันแทงพลาด ฉันก็เลยดึงกระบี่ออกมาและกำลังจะแทงไปอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น ผีร้ายตัวนี้ก็ฉีกได้แดงที่มัดตัวของเธอออก แล้วกระแทกไปที่พี่จิ่งฟงอย่างรุนแรง

หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีผีผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งเข้าไปในโรงแรม ขึ้นไปทางบันได

พี่จิงฟง นั่งลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง สายตาเขามองไปที่ผีผู้หญิงแล้วอ้าปากค้าง

“ เจ้าหนูเจ้า เจ้ายืนรออะไรอยู่ รีบตามผีผู้หญิงคนนั้นไป

เธอได้รับบาดเจ็บแล้ว ถ้าไม่รีบจัดการกับเธอวันนี้ พวกคุณทุกคนจะต้องตาย”

“พี่จิ่งฟง แล้วฉันจะหาผีตัวนี้เจอได้ยังไง ในเมื่อพี่ไม่ไปกับฉัน แล้วฉันจะจัดการกับผีตัวนี้ได้ยังไง!!!”

“ฉันจะรอเธออยู่ด้านบนนะน้องชาย”

ด้วยเหตุนี้ พี่จิ่งฟงจึงหยิบกริชกระดาษที่พับด้วยกระดาษเงินกระดาษทองออกมา และพูดว่า “คุณสามารถใช้กริชนี้แทงไปที่ จุดศูนย์กลางพลังวิญญานนั้นได้เลย”

“ในโรงแรมนี้มีผู้คนอยู่มากมาย บางทีผีดุร้ายตัวนี้อาจจะสิงอยู่ในร่างของคนก็ได้ จำไว้ คนที่โดนผีสิงจะเดินเขย่งเท้า”

"เขย่งเท้าเหรอ" ฉันถามด้วยความสงสัย?

“เพราะส้นเท้าของมนุษย์เป็นจุดเดินลมปรานขนาดใหญ่ ส้นเท้าถูกออกแบบมาให้คนติดดินเพื่อรับพลังจากธรรมชาติ

ถ้าผีไปสิงคนมันจะซ่อนวิญญานจากด้านหลังส้นเท้าสู่ร่างกายส่วนบน

จึงกล่าวกันว่า ผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงมักจะถูกผีอำ”

ฉันขี้เกียจคุยกับพี่จิงเฟิงแล้ว ฉันหยิบกริชกระดาษแล้วค่อยๆ เดินจากบันไดไปยังชั้นสาม ทุกคนในชั้นเรียนของเราอยู่ที่ชั้นสาม

ไฟในทางเดินสว่างมากและไม่มีใครปรากฏในทางเดิน ในบางครั้งก็มีเสียงหัวเราะออกมา

ประตูของ 309 เปิดอยู่ ๆ มันดูแปลก ๆ ห้อง309 นี้เป็นห้องที่หลิวฉีฉีและผู้หญิงอีกคนอาศัยอยู่ แต่ผู้หญิงโดยทั่วไปชอบปิดประตู

ทําไมประตูถึงเปิด?

เนื่องจากผีผู้หญิงตัวนั้นน่าจะอยู่ในตึกนี้ ฉันจึงปล่อยรายละเอียดเหล่านี้ไปไม่ได้อย่างแน่นอน ฉันค่อยๆ เดินเข้าไปและได้ยินเสียงแปลก ๆ ราวกับว่ามีคนกําลังเคี้ยวอะไรบางอย่าง

หลิวฉีฉีกินอาหารอยู่หรือไม่? คุณไม่กลัวอ้วนเลยเหรอ

คุณกําลังคิดอะไรอยู่ในเวลานี้? ฉันส่ายหัวอย่างแรงและถามว่า "หลิวฉีฉี คุณอยู่ที่นั่นไหม"

เสียงดังมาจากด้านในของโถส้วม ห้องไม่ใหญ่ และฉันก็เห็นอะไรบางอย่าง ฉันขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะมีปัญหาจริงๆ คนธรรมดาจะตอบแน่นอนเมื่อได้ยินฉันตะโกน โดยเฉพาะ ฉันที่เป็นผู้ชาย

ฉันบิดลูกบิดประตูอย่างแรง แต่มันถูกล็อคอยู่ข้างใน

ฉันกระโดดถีบประตูอย่างแรง แล้วตัวล็อกประตูก็หัก

ฉันมองเข้าไปในห้องน้ำ แล้วฉันก็เห็น หลิวฉีฉี สวมชุดนอนสีขาวในเวลานี้ ใบหน้าของเธอซีดเซียว เธอคุกเข่าลงบนพื้น ดวงตาของเธอเป็นสีขาว และมีน้ำลายออกจากปากตลอดเวลา

ฉันอยากจะเข้าไปใกล้ๆ แต่เมื่อฉันมองไปข้างหลังของเธอ

ฉันเห็นผู้หญิงชุดแดง กำลังมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ

โปรดติดตามตอนต่อไป …..

แปลโดย theclassic108




































0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด