ตอนที่แล้วตอนที่ 4 เลือดที่ปลายลิ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 ผู้หญิงชุดแดง

ตอนที่ 5 นักพรตเต๋าคนนั้น



ความรู้สึกประหลาดๆเริ่มเข้ามาใกล้ฉัน ฉันขมวดคิ้วและมองไปทางทิศใต้ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉันก็วิ่งไปที่พงหญ้า ทั้งๆ ที่ฉันกลัวแต่ฉันก็อยากรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ตรงนั้น ฉันจะได้หายสงสัยสักที

ทันทีที่ฉันไปถึงพงหญ้า ฉันก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น

ฉันเห็นศพ ศพนั้นเน่าและส่งกลิ่นเหม็นจนฉันอยากจะอ๊วกแตก

ศพนั้นเน่ามากราวกับว่าศพนี้จมน้ำขึ้นอืดมาสองสามวันแล้ว

ผิวหนังของศพดูย่นๆน่าขยะแขยงมาก แม่เจ้าโว้ย”กลิ่นโคตรเหม็นเลยวะ

ฉันอยู่ห่างจากพงญ้าเพียง 5 เมตร ถ้าหวังลุ่ย และ ซู่หยาง หันมาทางนี้ก็จะเห็นฉันได้ชัดเจน

ฉันกลืนน้ำลายแล้วคิดว่าจะจัดการกับศพที่เดินได้นี้ยังงัยดี

ฉันจำวิธีในหนังสือได้ ต้องใช้เลือดอันบริสุทธิ์จากปลายลิ้นแล้วไปจูบในปากของศพเท่านั้นถึงจะสะกดร่างอันเน่าเปื่อยนี้ได้

อี๋!!!! ใครจะกล้าทำแบบนั้นว๊ะ แค่คิดก็สยองแล้วโว้ย”

ใครกันนะที่เป็นคนคิดวิธีการเหล่านี้ คนผู้นั้นคงจะบ้าจริงๆ

ขยะแขยงวะ โอ้ยฉันคงทำไม่ได้แน่ๆ

แต่ถ้าวิญญานชั่วร้ายนี้ไปที่เพื่อนของฉันละจะทำยังงัย

ไม่ได้การแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยให้เพื่อนของฉันต้องเห็นศพที่ฟื้นคืนชีฟนี้ได้อย่างแน่นอน

แม้ว่าฉันจะกลัวแต่ฉันก็ยังกัดฟันสู้ ฉันรีบวิ่งไป แผนการของฉันคือ ต้องทำให้ศพหล่นลงไปนอนกับพื้นแล้วฉันจะกัดลิ้นของฉันแล้วไปจูบกับปากของศพ แต่มันไม่เป็นเหมือนที่คิดเลย ความเป็นจริงมันโหดร้ายยิ่งนัก ฉันไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นแน่

ฉันวิ่งไปกระแทกศพนั้นอย่างแรง แต่ศพนั้นมันแข็งแรงมาก มันไม่สะทกสะท้านเลย และทันใดนั้นมันก็หันกลับมาอย่างรวดเร็วมันคว้าคอของฉันแล้วบีบคอฉันขึ้นมา

ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาต นี่ฉันต้องตายแล้วใช่มั้ย ฉันไม่น่าอวดเก่งเลย

ฉันหายใจไม่ออก ร่างกายของฉันมันไม่ตอบสนองอะไรเลย ฉันหายใจลำบากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาฉันพล่ามัว แต่ฉันก็กัดฟันใช้แรงเงือกสุดท้ายเอามือไปควักที่ดวงตาของมัน และมันก็ได้ผลจริงๆ

“เสียงคำราม”

ศพคำรามเสียงดัง และฉันก็หล่นลงบนพื้นและอ้าปากค้าง  ฉันเอาสิ่งที่อยูในมือมาดู ใช่แล้วมันคือดวงตาของศพนั่นเอง

ฉันรีบทิ้งดวงตานั้นอย่างรวดเร็ว มันน่าขยะแขยงมากๆจนขนลุกไปทั้งตัว

แล้วศพมันก็พุ่งตรงมาที่ฉันอีกครั้ง

ถ้าเป็นฉันตอนแรกคงกลัวแล้วขยับตัวไม่ได้ แต่ดีที่ก่อนหน้านั้นฉันเคยเจอศพมาก่อน ฉันผ่านเหตุการณ์อันน่ากลัวนี้มาแล้วหนึ่งครั้ง

ครั้งนี้ฉันเลยมีความกล้าและไม่กลัวเหมือนครั้งก่อน

ฉันลุกขึ้นยืนและวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับค่ายพัก

ฉันวิ่งได้สองก้าว ก็รู้สึกว่าไหล่ทั้งสองข้างถูกจับด้วยสองแขนของผีตัวนี้

ฉันขยับตัวไม่ได้เลย มันมาโดนที่แผลเก่าของฉัน ฉันเจ็บปวด เจ็บมากๆจนน้ำตาแทบจะไหล

“ช่วยด้วย ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยฉันด้วย”

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา ฉันหันมองไปข้างหลัง และฉันก็เห็นนักพรตเต๋าที่เลอะเทอะมอมแมมคนเดิม เขากำลังถือด้ายสีแดงไว้ในมือทั้งสองข้างที่พันอยู่รอบคอของศพ แล้วเขาก็กำลังดึงศพนั้นออกจากตัวของฉันอยู่

เมื่อฉันเห็นนักพรตลัทธิเต๋าที่เลอะเทอะคนนี้ จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนจิตใจดี เขามาช่วยฉันอีกแล้ว อยากจะจุ๊บแก้มของเขาสักสองที …

ไอ้เจ้าหนู เจ้ารีรออะไรอยู่ “ท่านนักพรตแพ่งสายตามาที่ฉัน”

รีบตามมา อย่าชักช้าอยู่เดี๋ยวจะไม่ทันการ แล้วนักพรตก็ลากศพเดินไป

ฉันไม่รอช้ารีบลุกขึ้นแล้วเดินตามไป ฉันกับนักพรตช่วยกันลากศพนี้ไปได้ประมาน2นาที ฉันกับนักพรตก็หอบแง๊กๆมันเหนื่อยมาก “ไม่ไหวๆมันเหนื่ยยจริงๆ” ฉันพูดออกมา ขอพักก่อนๆ

“ท่านนักพรต เราจะทำอย่าไรดีกับศพนี้”

“จะทำอะไรได้ละ? นอกจากเผามัน หรือเจ้าจะใช้ปกเจ้าจูปที่ศพเพื่อสะกดวิญญาณละ” ฮึฮึ

ท่านนักพรตเหลือบมองมาที่ฉันแล้วพูดว่า “อย่าเรียกฉันว่านักพรตเลย เรียกฉันว่าพี่ชายก็ได้ ฉันชื่อ จิ่งฟง เรียกฉันว่าพี่จิ่งฟงเถอะ”

"โอเค" ฉันพยักหน้าอย่างรวดเร็วและถามว่า "เราจะเผาศพนี้ยังงัย พี่จิ่งฟงต้องการใช้ไม้มาทำเชื้อเพลิงหรือไม่ เดวฉันจะไปหาไม้ให้พี่เอง”

เจ้าจะใช้น้ำมันเบนซินก็ได้ เจ้าหาได้มั้ยละ พี่ฟงกล่าวแล้วเขาก็นั่งลงบนพื้น หยิบบุหรี่มาจุดแล้วก็สูบ

กิริยาของเขาในตอนนี้ ถ้าฉันไม่เห็นเขาเคยปราบผีมาก่อน ฉันจะไม่เชื่อเลยว่าเขาคือนักพรตเต๋า

ฉันไปหากองฟืนมาตั้งไว้ที่ใต้เท้าของศพได้เป็นจำนวนมาก

ศพยังกระตุก กระตุก เป็น ระยะ ระยะ

เรียบร้อยแล้วคับพี่จิ่งฟง” ทันที่ที่นักพรตได้ยินเสียงของฉันเขาก็ลุกยืนขึ้นดูอย่างจริงจังมาก

เขาหยิบธูปขึ้นมาสามก้านออกจากกระเป๋าของเขา แล้วจุดด้วยไฟแช็กและโค้งคํานับต่อหน้าศพ

( เดิมทีเยี่ยนจุนเป็นปรมาจารย์ที่โหดเหี้ยม และ ภรรยาเขา ชื่อ หนานติง เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2453 เกิดที่มณฑลหูหนานตอนใต้ หลังจากที่เขาเสียชีวิต เขาขอให้ตระกูลเฉินขับรถนำศพกลับไปยังบ้านเกิดของเขา แต่ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุจึงไม่สามารถนำศพกลับไปถึงหมู่บ้านได้ ในขณะนั้นศพก็มีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ในที่สุดเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปิดผนึกศพทั้งสองนี้ ไว้ที่บ้านหลังนั้น )



สามวิญญาณดี เจ็ดวิญญาณร้าย ถูกผนึกไว้ในร่างกายนานเกินไป ถึงเวลาไปเกิดใหม่แล้ว หลับให้สบายนะอาจารย์ติง



นักพรตเต๋าถอนหายใจ จากนั้นเขาก็หยิบเครื่องรางออกมาพร้อมกับจุดไฟแช็ก แล้วโยนลงในฟืนใต้ฝ่าเท้าของศพ แล้วฟืนก็ติดไฟในทันที

ฉันมองไปที่ไฟตรงหน้า เสียงฟืนก็ส่งเสียงแตกดัง ป๊อกแป๊ก ป๊อกแป๊ก

ท่านนักพรตลัทธิเต๋า มันดูง่ายมากเลยนะที่ท่านจัดการมัน"

ฉันถามนักบวชลัทธิเต๋าด้วยความประหลาดใจยิ่งนัก

อันที่จริงฉันคิดว่าฉันก็จัดการมันได้เหมือนกันนะ

นี่เจ้าหนู? เจ้าคิดว่าศพนี้มันเป็นแค่ศพธรรมดารึ

เรื่องทั้งหมดนี้ที่มันเกิดขึ้นก็เพราะเองคนเดียวเลย

ถ้าข้าไม่มาช่วย เจ้าคงจะหายใจได้ถึงตอนนี้หรือ

เจ้านี้มัน…ไร้เดียงสาจริงๆเลย

เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวฉันนะ มีใครปล่อยศพนี้ออกมาหรือเปล่า?

นักพรตเต๋าขมวดคิ้ว “ไปไปเจ้ากลับไปได้แล้ว ข้าจะกลับไปเผาศพอีกศพที่บ้านหลังเดิม” แล้วนักพรตก็หันหลังเดินไปในทิศทางของบ้านร้าง

“เดี๋ยวก่อนๆ คุณจะหาอะไรกินกับฉันก่อนไหม”

ที่จริงฉันไม่ได้สนใจอะไรในตัวเขาหรอกนะ

แต่ฉันมีเรื่องที่สงสัยหลายอย่างที่ต้องถามเขา หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกระทันหันภายในคืนเดียว ฉันสับสนกับเรื่องราวเหล่านี้

"เจ้าไม่จําเป็นต้องกิน" นักพรตเต๋ามองกลับมาที่ฉันราวกับว่าเขาคิดอะไรบางอย่าง

“ฉันจะสามารถติดต่อกับท่านได้ยังงัยบ้าง” ฉันพูดอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นท่านนักพรตก็โยนนามบัตรมาให้ฉัน ฉันหยิบขึ้นมาดู

มองแวบเดียวฉันก็รู้เลยว่าเขาเป็นศิษย์ของสำนัก ภูเขาหลงหู่

หลังจากฉันพูดเสร็จ เงาของนักพรตลัทธิเต๋าก็หายไปจากสายตาของฉัน

ตอนนี้ฉันสับสนเป็นอย่างมาก ฉันมาที่ค่ายพักแห่งนี้และพบกับศพสองศพ

ฉันเดินกลับไปที่ค่ายด้วยความมึนงง หวังรุ่ยและคนกลุ่มใหญ่ได้กลับไปที่เต็นท์เพื่อนอนหลับแล้ว ฉันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่เต็นท์ “เฮ้ยยยยย … แล้วเต้นท์ของฉันอยู่ตรงไหนเนี่ย”

พวกนั้นได้เตรียมที่นอนไว้ให้ฉันมั้ยนะ

ฉันช่วยพวกเขาไว้โดยเปล่าประโยชน์จริงๆ ปัดโธ่เอ้ย

ฉันจะต้องหาเต็นท์ของ หวังลุ่ย  และ ซู่หยางให้เจอ

แล้วฉันก็เจอจริงๆ ฉันเข้าไปนอนเบียดกับพวกเขา

ฉันนอนไม่หลับทั้งคืนเอาแต่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ตอนนี้ฉัน

กําลังนอนอยู่ในเต็นท์และคิดเกี่ยวสิ่งต่างเหล่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นภาพยนตร์ มันลึกลับมาก

ฉันไม่ได้นอนจนถึงหกโมงเช้า ฉันถูกปลุกโดยครูหญิงชราตอนเจ็ดโมงเช้า เพื่อนของฉันก็ตื่นกันหมด

เหตุผลหลักๆที่พวกเขามาปลุกพวกเรา

เพราะพวกเขาหิวและปล่อยให้พวกเราลุกตื่นขึ้นมาทําอาหารให้พวกเขากิน

แต่ฉันไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยตอนนี้ ฉันง่วงนอนมาก ฉันเดินออกมาอยู่เงียบๆคนเดียว

ครูประจำชั้น  เดินมาหาฉันพร้อมกับในมือถือบุหรี่และนั่งยองๆ แล้วพูดว่า "ทําไมคุณไม่ไปช่วยทำอาหารกับพวกเพื่อนๆเธอละ"

ฉันไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยครับตอนนี้ " ครูประจำชั้นของเราเป็นคนร่าเริงมาก ถ้าคนในชั้นเรียนของเราไม่วิ่งไปที่ประตูของห้องครูใหญ่เพื่อสูบบุหรี่ ครูประจำชั้นของเราก็ไม่สนใจ และไม่ว่าอะไรเราเลย

ครูส่งบุหรี่แล้วก็จุดบุหรี่ให้ฉัน

ฉันสูบบุหรี่ แล้วฉันก็รู้สึกสบายหัวขึ้นมานิดนึง

“ครูคับ ครูคิดว่ามีผีในโลกใบนี้ไหม” ฉันไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันถามคําถามนี้กับครูประจำชั้นได้อย่าง



“ครูไม่รู้ เพราะครูก็ไม่เคยเห็นมัน แต่ครูไม่สามารถปฏิเสธบางสิ่งในโลกที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้”

ทําไม? เธอมีอะไรหรือเปล่า

อ๋อไม่ครับ ฉันถอนหายใจ  อันที่จริงฉันรู้อยู่ในใจแล้วว่ามีผีมีจริงหรือไม่  แม้ว่าสิ่งที่ฉันเจอเมื่อวานนี้จะเป็นความฝัน หรือความจริง  แต่หนังสือเล่มนี้ของปู่ที่อยู่กับฉันมันคือเรื่องจริง ….

โปรดติดตามตอนต่อไป …





















0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด