ตอนที่แล้วตอนที่ 1094 มันคงไม่เคยคิดฝันว่าสถาปนิกของตัวเอง ..จะถูกเรา ชิงตัดหน้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1096 หา เฉิน ซื่อหง คนนี้ให้ฉัน!

ตอนที่ 1095 คุณอู๋ ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่า ..ทําไม?


หลินฟาน ได้รับทักษะด้านสถาปัตยกรรมในระดับบนสุด ตัวเขาเองเป็นสถาปนิกที่อยู่ในระดับชั้นนําที่กล่าวได้ว่าเหนือกว่ายุคสมัยปัจจุบันก็ว่าได้ แต่ หลินฟาน ยังคงต้องการความช่วยเหลือจาก อู๋ อีลี่..

หลินฟาน ได้รู้จักความรู้ในด้านสถาปัตยกรรม ในปัจจุบันเป็นอย่างดี.. และหลังจากการคัดกรองของเขาแล้ว เขาเองก็รู้สึกชื่นชอบ อู๋ อีลี่ คนนี้

แน่นอนว่า ถ้าหาก อู๋ อีลี่ คนนี้ไม่ยอมมาจริงๆ เขาก็จะไม่ฝืนใจอีกฝ่าย แต่เขาจะทำเพียงพยายามขอความช่วยเหลือจาก อู๋ อีลี่

“คุณอู๋ สามารถมาได้ นี่ถือว่า.. เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สําหรับผมจริงๆ ดังนั้นผมจะขอไม่พูดอะไรให้มากความ คุณอู๋ ตอนนี้เรามาพูดคุยกันถึงเรื่องสถาปัตยกรรม ถ้าผมได้ให้เงินคุณไป 2 หมื่นล้านในตอนนี้ เพื่อจะสร้างตึกระฟ้าสูง 500 เมตร คุณอู๋ คุณคิดว่าการออกแบบในอุดมคติที่เหมาะสมที่สุดของคุณ ..เป็นอย่างไร?” หลินฟาน ได้กล่าว พร้อมกับได้ตั้งคำถาม

อู๋ อีลี่ กล่าวว่า : “นี่.. ที่คุณถาม คือเป็นความคิดส่วนตัวของฉัน?”

หลินฟาน กล่าวว่า : “อืมม.. ใช่ครับ ผมแค่อยากจะปล่อยให้ คุณอู๋ ได้คิดมันออกมาโดยใช้ความคิดเห็นส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ต้องไปคํานึงถึงปัจจัยอื่นๆ”

อู๋ อีลี่ ได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า : “ฉันเองได้ชื่นชอบสถาปัตยกรรมมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันเองเคยเดินทางไปหลายสถานที่ตั้งแต่วัยรุ่น โดยพื้นฐานแล้วฉันเคยเห็นอาคารที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นในประเทศจีนมาทั้งหมดแล้ว ต่อมาฉันได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เรียนไปพลาง ไปเยี่ยมชมอาคารต่างๆ ในประเทศหลายแห่งไปพลาง สิ่งที่ทําให้ฉันรู้สึกประทับใจมากที่สุดก็คือ ..อาคารโบราณในแบบยุคสมัยจีนของเรานั้น สวยงามมากๆ แต่ก็ไม่ค่อยเห็นมันเลยในต่างประเทศ ในทางตรงกันข้าม สไตล์ของต่างประเทศ ก็ได้กลายมาเป็นกระแสหลักในประเทศจีน ฉันเองก็ได้มีความปรารถนาอย่างหนึ่ง ก็คือหวังว่าจะให้โลกได้รู้จักประเทศจีน.. และรู้จักความงามของสถาปัตยกรรมของหัวเซี่ย หรือของประเทศจีนเรา ดังนั้นฉันจึงได้ตัดสินใจที่จะกลับมาบ้าน และส่งเสริมสถาปัตยกรรมของจีน และมันคืออุดมคติตลอดชีวิตของฉัน”

“และหากถ้าเกิดฉันมีเงิน 2 หมื่นล้านจริงๆ ฉันคิดว่าฉันจะใช้มันสร้างอาคารสูง 500 เมตรนี้ เพื่อให้โลกได้ชื่นชมเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมจีน.. ทั้งอาคารหลังนี้เองจะกลายมาเป็นพรีเซนเตอร์ที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมจีนในยุคปัจจุบัน”

หลินฟาน ได้พยักหน้า : “คําพูดของ คุณอู๋ ลึกซึ้งมาก และมันก็สามารถเอาชนะใจผมได้เช่นกัน”

อู๋ อีลี่ ก็ได้ตาสว่างวาบ และดูเป็นประกายในทันที : “คุณหลิน ก็คิดเห็นแบบนี้เหมือนกันเหรอค่ะ?”

หลินฟาน ได้พยักหน้า แล้วพูดว่า : “ด้วยความเข้าใจของผมเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของโลก เมื่อมองไปทั่วโลกแล้ว สถาปัตยกรรมของเราหัวเซี่ย ยังคงเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุด คุณอู๋ คุณเคยจินตนาการไหมว่า ..โลกในอนาคต มันจะเป็นอย่างไร?”

อู๋ อีลี่ ได้ตกตะลึงไปจริงๆ : “โลกในอนาคต?”

หลินฟาน กล่าวว่า : “มันก็เหมือนกับในหนังไซไฟ เมืองแห่งโลกอนาคต ..ในแบบจินตนาการ เราทุกคนเองรู้ว่ากระแสหลักของภาพยนตร์ไซไฟ ยังคงเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูด (Hollywood) และภาพในจินตนาการของพวกเขาก็ยังคงเป็นแบบในสไตล์ตะวันตก และไม่มีองค์ประกอบของหัวเซี่ยเราเลย ในหัวเซี่ยของเราเองก็มีภาพยนตร์ไซไฟเช่นกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วมันกลับดูแย่มาก ในเรื่องจินตนาการก็ได้ขาดไปมาก และที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือ เรา.. ล้วนเลียนแบบภาพยนตร์ไซไฟจากตะวันตกมาทั้งสิ้น ทั้งผู้สร้างภาพยนตร์เหล่านี้ ก็ไม่ได้คิดกล้าได้กล้าเสียจริงๆ รู้อยู่แท้ๆ ว่าข้างๆ ตัวเอง มีสมบัติล้ำค่าที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่กลับเมินเฉยต่อมัน และกลับต้องไปเลียนแบบคนอื่น รวมถึงสินค้านําเข้าที่ไม่ลงรอยกัน ในเรื่องนี้ทําไมถึงไม่มีใครคิด ..คิดถึงโลกอนาคต ที่มีขึ้นตามองค์ประกอบของจีน?”

“อ่า?”

คําพูดของ หลินฟาน ทําให้ อู๋ อีลี่ รู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน และประกายไฟมันก็ได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ

หลินฟาน กล่าวว่า : “คุณอู๋ ได้กล่าวว่าคุณจะส่งเสริมสถาปัตยกรรมของจีนให้ดียิ่งขึ้น จริงๆ แล้วมันเกี่ยวข้องกับสิทธิในการพูดของหัวเซี่ย ในโลก ทั้งนี้ หัวเซี่ย เองก็กําลังพัฒนา และกำลังเพิ่มขึ้น ในอนาคตที่มองเห็นได้ ความแข็งแกร่งของชาติเราจะต้องเป็นอันดับหนึ่งของโลก เราเองเคยเป็นที่หนึ่งของโลก และในอนาคตเราก็จะเป็นที่หนึ่ง ในการวิเคราะห์ของผม โลกนี้ ..หากพูดให้ถูกก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง เมื่อเรามองโลกในฐานะของกษัตริย์ ความปรารถนาของ คุณอู๋ ก็จะเป็นจริง.. และสิ่งที่เราสามารถทําได้ ก็คือการพรรณนา วาดภาพโลกอนาคต และขีดเขียนสร้างมันขึ้นมาให้ได้ ..เป็นครั้งแรก”

คําพูดของ หลินฟาน ได้ทําให้ อู๋ อีลี่ ใจพลุ่งพล่าน.. นี่คือโลกอนาคตตามแนวคิด และองค์ประกอบของเรา หัวเซี่ย!

และ.. มันก็ได้ถูกวาดขึ้นครั้งแรกโดยเธอ กับหลินฟาน!

ลองถามดูว่า ..ใครจะปฏิเสธได้!

แล้วนี่.. ไม่ใช่ความฝันของ อู๋ อีลี่ เหรอ?

ในระหว่างการสนทนากับ หลินฟาน อู๋ อีลี่ พบว่า หลินฟาน ได้เข้าใจในสถาปัตยกรรม เขาไม่เพียงแต่เข้าใจสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่เขายังมีวิสัยทัศน์ที่เหนือกว่ายุคปัจจุบัน เขาเก่งมาก น่าทึ่งมากจริงๆ

หรือกล่าวได้ว่า นี่ไม่มีคนที่สองในโลกอีกแล้ว ,ที่รู้จักเธอ เข้าใจเธอดีมากไปกว่า หลินฟาน

หลินฟาน ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ เขาได้กลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหยุนเฉิง ในอายุ 21 ปี.. และนี่มันก็ราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอได้อยู่ในความมืดมาโดยตลอด แต่แล้วสวรรค์ก็ได้ส่ง โบเล่อ(1) มาให้กับเธอ..

ม้าที่วิ่งได้เป็นพันลี้ต่อวัน มักมีอยู่จริง.. แต่ โบเล่อ นั้นมักไม่มีอยู่จริง!(2)

โลกอนาคตตามโครงสร้างองค์ประกอบของหัวเซี่ย ..จะเป็นอย่างไร? อู๋ อีลี่ ก็ได้จินตนาการ และสามารถที่จะโหยหามันได้อย่าง ไร้ขีดจำกัด!

หลินฟาน ได้ยิ้มแย้ม แล้วพูดไปว่า : “ผมได้เห็นผลงานของ คุณอู๋ แล้ว และเข้าใจความสามารถของ คุณอู๋ และผมก็ถือว่า.. ไม่ได้มองคนผิด ผมเองได้เชื่อว่าคุณมีความสามารถพอที่จะเข้ามาช่วยงานผม และผมก็มีพลังพอที่จะช่วยคุณได้ เรามีความสัมพันธ์ของความสำเร็จ หากเราได้ร่วมมือกัน คุณอู๋ คุณยินดี และเต็มใจที่จะมาช่วยงานผมไหม?”

“ฉัน…”

อู๋ อีลี่ เธอเองยินยอมอย่างแน่นอน.. นับตั้งแต่วินาทีที่แรกที่เธอได้เห็น หลินฟาน เธอก็ได้หลงใหลในผู้ชายคนนี้ อู๋ อีลี่ ทุ่มเทให้กับอาชีพการงานมาโดยตลอด จนอายุสามสิบกว่าปีแล้ว เธอเองก็ยังไม่เคยมีแฟน นั่นก็เพราะไม่เคยมีผู้ชายคนไหน.. ที่สามารถทำให้เธอหวั่นไหวได้เลย

จนกระทั่งเธอได้มาพบกับ หลินฟาน เธอเหมือนกับได้ตกลงไปในห้วงแห่งความรัก ราวกับแสงจันทร์สีขาวนวลที่มันกำลังล่อลวงเธออยู่ เธอไม่อาจจะแก้ไขอะไรมันได้อีกแล้ว..

พอเมื่อได้พูดคุยกับ หลินฟาน เธอจึงยิ่งได้รู้ว่า หลินฟาน ไม่เพียงแต่มีเสน่ห์เฉพาะตัวเท่านั้นที่ทําให้เธอไม่อาจต้านทานได้.. แต่ความคิดของเขามันก็ยังเข้ากันได้ดีกับเธอมาก โอ้.. สวรรค์ ในโลกนี้ เธอคงไม่สามารถหาคนที่สองที่เข้ากันได้ดีกับเธอแบบนี้ ..ได้อีกแล้ว

แต่ อู๋ อีลี่ เธอก็ยังคงลังเลที่จะพูด และสุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

เพราะทันทีเมื่อเธอได้คิดถึงความเป็นจริง แรงกระตุ้นทั้งหมดของเธอ.. ที่ได้จินตนาการวาดฝันเอาไว้อย่างสวยงามทั้งหมด มันก็ได้พังทลายหายไปทันที และเธอก็ได้พยายามบังคับตัวเองให้สงบลง

“ต้องขอโทษคะ คุณหลิน.. ฉันเองเกรงว่าฉันจะช่วยคุณไม่ได้แล้ว” อู๋ อีลี่ ได้กล่าวออกมา แม้ว่าเธอจะเต็มใจ และปรารถนามากแค่ไหน แต่.. เธอ ก็ไม่สามารถทํามันได้

หลินฟาน ได้ถามว่า : “คุณอู๋ ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่า ..ทําไม?”

อู๋ อีลี่ ได้กัดริมฝีปากของเธอ แล้วพูดไปว่า : “อันที่จริงแล้ว.. วันนี้ที่ฉันไม่ได้รับโทรศัพท์ของพวกคุณ มันก็เป็นเพราะตอนนั้นฉันอยู่ที่หางโจว.. คือฉันได้ไปพบกับ เว่ย เทียนเฉิง ซีอีโอของ วั่นกู่ กรุ๊ป”

หลินฟาน ได้ขมวดคิ้ว : “เว่ย เทียนเฉิง?”

ช่างบังเอิญเหลือเกิน, วันนี้เขาได้นัดเจอกับ อู๋ อีลี่ เว่ย เทียนเฉิง เองก็ได้นัดเจอกับ อู๋ อีลี่ ด้วย?, นี่เป็นเรื่องบังเอิญ หรือว่า เว่ย เทียนเฉิง ได้รู้อยู่แล้วว่าเขาได้นัดเจอกับ อู๋ อีลี่ และเขาเลยคิดที่จะชิงตัดหน้า?

อู๋ อีลี่ ได้พยักหน้า แล้วพูดว่า : “อืมม.. ค่ะ ฉันเองก็ได้ให้สัญญากับ คุณเว่ย ไว้แล้วว่าจะช่วยเขาสร้างอาคารสำนักงานสาขาในเมืองหยุนเฉิง คือดังนั้น…”

อู๋ อีลี่ ได้ก้มหน้าลง สีหน้า และท่าทางของเธอเองก็ดูซับซ้อนมาก

หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “เดิมแล้ว ..เป็นเช่นนี้ ในเมื่อ คุณอู๋ ได้ให้สัญญากับ เว่ย เทียนเฉิง ไปแล้ว แล้วทําไมคุณถึงยังได้ต้องการมาพบผม?”

“ขอโทษ.. ฉันเองไม่ควรมาเลย” อู๋ อีลี่ ได้ยืนขึ้น หันหลัง และวางแผนที่จะจากไป

หลินฟาน กล่าวว่า : “ที่คุณมาพบผม ..เพราะคุณไม่พอใจกับโครงการของ วั่นกู่ และคุณต้องการสิ่งที่ดีกว่า หรือคุณมีอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ หรือไม่นั้นคุณเองก็ไม่ได้เต็มใจที่จะให้สัญญากับ เว่ย เทียนเฉิง ผมพูดถูกไหม?”

เป็นเรื่องปกติของคนที่จะหางาน ที่จะมีการสัมภาษณ์งานอยู่ในมือหลายๆ งานในเวลาเดียวกัน คนเก่งๆ ก็มักจะถูกแย่งชิงจากหลายบริษัท เรื่องพวกนี้ ..ก็เป็นเรื่องปกติ

หลินฟาน เองก็ไม่ได้โทษที่ อู๋ อีลี่ ได้ไปที่ วั่นกู่ กรุ๊ป..

อู๋ อีลี่ ได้หยุดอยู่กับที่ แต่ไม่ได้ตอบกลับคำถามของ หลินฟาน และดูเหมือนว่า ..เธอ จะไม่รู้ว่าควรที่จะพูดอย่างไรออกไปดี

หลินฟาน กล่าวว่า : “คุณสัญญากับ เว่ย เทียนเฉิง เอาไว้.. เรื่องนี้ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่หากถ้าคุณคิดว่าที่ของผมดีกว่า คุณก็สามารถคืนโครงการของทางนั่นไปได้”

อู๋ อีลี่ ได้ส่ายหัว : “คือ.. ฉันทำไม่ได้”

หลินฟาน กล่าวว่า : “ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ คุณอาจจะเป็นในกรณีที่สองแล้ว บวกกับที่คุณมีสิ่งที่พูดออกมาไม่ได้ งั้นคงเป็นว่าคุณได้ถูกบังคับให้ยอมรับ เว่ย เทียนเฉิง?”

หลินฟาน รู้สึกพูดไม่ออกจริงๆ ทําไม เว่ย เทียนเฉิง คนนี้ ถึงทํางานอย่างเปิดเผยไม่ได้ ถ้าเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรม อู๋ อีลี่ เลือกที่จะไป วั่นกู่ .. หลินฟาน เองก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่นี่เขากลับใช้วิธีการข่มขู่ อู๋ อีลี่ ให้เห็นด้วย ดังนั้นนี่ไม่สามารถโทษ หลินฟาน ได้แล้ว

หลินฟาน กล่าวว่า : “คุณอู๋ ผมไม่ได้คิดอยากที่จะฝืนคุณ แต่ผมอยากที่จะได้ยินคุณพูดจากใจจริงๆ ว่าคุณ ..อยากที่จะมาช่วยงานผมไหม?”

อู๋ อีลี่ ได้กัดริมฝีปากของเธอ แล้วพยักหน้า กล่าวไปว่า : “อืมม.. ใช่ ฉันอยาก”

หลินฟาน ได้ยิ้มเล็กน้อย : “แค่นี้ ..ก็พอแล้ว”

(1)[โบเล่อ (伯乐)] - หรือคือเป็นผู้ฝึกม้า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง หรือก็คือ ผู้ค้นพบบุคคลที่มีพรสวรรค์ และฝึกฝนจนเก่ง จนชำนาญ

(2)[ม้าที่วิ่งได้เป็นพันลี้ต่อวันมักมีอยู่จริง.. แต่ โบเล่อ นั้นมักไม่มีอยู่จริง (千里马常有,而伯乐不常有)] - หมายถึงผู้ที่สามารถค้นหา และคัดเลือกพรสวรรค์ ซึ่งหายากยิ่งกว่าพรสวรรค์ในตัวเอง

    ‘ม้าที่เดินทางได้ในหลายพันลี้ต่อวัน’ เป็นคำอุปมาอุปไมยของ พรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่ง ‘โบเล่อ ที่มีชื่อเสียงในด้านม้าที่เก่ง ก็มักจะหาได้ยาก’ เป็นอุปมาอุปมัยของคนที่เก่งในการค้นหา และคัดเลือกความสามารถที่โดดเด่น ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก ดังนั้นแม้ว่า จะมีม้าที่มีชื่อเสียงอยู่มาก แต่พวกมันก็ต้องตายลงไปในน้ำมือของทาส

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด