ตอนที่แล้วบทที่ 60 – การฝึกฝนร่างกาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 62 – จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง

บทที่ 61 - ตงรื่อผู้กำพร้า


ตอนที่เธอกำลังมองผมเดินจากไป ฮัวหลุนบอกกับตงรื่อว่า “โอ้! เพื่อนพี่ช่างเป็นคนที่มีน้ำใจจริง ๆ เขารีบไปเร็วมาก”

แต่ตงรื่อบ่นผมอยู่ในใจ นี่มันเพื่อนประเภทไหนกัน? เขารีบหนีไปโดยทิ้งฉันไว้คนเดียว แล้วตอนนี้ฉันโดนหงเสวียจับตัวไว้ คงจะหนีไปไม่ได้อีกสักพักแน่

ปล่อยให้ตงรื่อรับมือกับหงเสวียไป ผมตระเวนไปทั่วถนนสายหลักอย่างเรื่อยเปื่อยหลังจากที่แยกจากพวกเขามา ขณะที่เดินเล่นไปทั่ว ผมสังเกตได้ว่ามีคนมุงอะไรกันอยู่ข้างหน้า พวกเขาทำอะไรกัน? ผมอดสงสัยไม่ได้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแบบเด็ก ๆ (แน่นอน ผมยังไม่โตเต็มที่เสียหน่อย) ผมเลยเดินเข้าไปดู มันเหมือนจะมีประกาศอะไรสักอย่าง ผมแทรกฝูงชนขึ้นไปข้างหน้า บนประกาศเขียนเรื่องการประลองเอาไว้ ในช่วงเดือนหน้า มันจะมีการประลองใหญ่ระดับประเทศ พวกเขาเชิญผู้เชี่ยวชาญจากทุกที่มาเพื่อร่วมแข่งขันกัน มันไม่จำกัดว่าต้องใช้วิชายุทธ์เท่านั้น เวทย์มนต์ก็ได้รับอนุญาต ผู้ชนะ 10 อันดับแรกจะได้เข้าร่วมกับกองพันมังกรดินโดยตรง ผมไม่ได้สนใจการประลองนี้มากนัก ผมมีมังกรทอง 5 กงเล็บเป็นสัตว์เวทย์อยู่แล้ว เป็นธรรมดาที่ผมจะไม่ได้สนใจมังกรเทียม

ผมกลับไปถึงสถาบันก่อนจะพบว่าตงรื่อยังไม่กลับมา ผมถามอาจารย์เหวินถึงการประลองที่ผมได้อ่านมาจากประกาศ

อาจารย์เหวินถามผมกลับ “เธออยากจะเข้าร่วมการประลองหรือจางกง? อืม!! มันก็ถือว่าเป็นโอกาสดีสำหรับเธอเหมือนกันนะ”

ผมสั่นหัวปฏิเสธ “ผมไม่ได้คิดจะลงแข่งครับ ทุกคนที่เข้าร่วมการประลองเป็นอัศวิน น่าจะมีผมเป็นนักเวทย์คนเดียว จะไปมีประโยชน์อะไรครับ? อีกอย่าง ผมไม่ได้อยากเข้าร่วมกับกองพันมังกรดินด้วย แต่มันน่าจะเหมาะกว่าถ้าอาจารย์ให้ตงรื่อเข้าร่วมประลอง”

ถึงตอนนี้อาจารย์เหวินเพิ่งรู้ว่าตงรื่อไม่ได้กลับมาพร้อมกับผม “แล้วตงรื่อไปอยู่ที่ไหน?”

ผมยิ้มให้เขาอย่างลึกลับ “เขา อืม!! เขาก็คงจะดี! น่าจะไปเที่ยวอยู่กับสาว ๆ คนที่ชื่อฮัวหลุนหงเสวียอะไรนั่นครับ”

อาจารย์เหวินขมวดคิ้ว “เฮ้อ เป็นแม่เด็กหงเสวียนั่นจริง ๆ”

“อาจารย์ก็รู้จักเธอ?” ผมถามออกไป

“แน่นอน ฉันต้องรู้จักอยู่แล้ว เธอเป็นหลานสาวขององค์ราชา ลูกสาวของน้องสาวของพระองค์ ตั้งแต่ที่ฉันพาตงรื่อไปเข้าร่วมงานเลี้ยงในวัง เธอก็ตามมารบกวนตงรื่ออยู่เรื่อย ๆ ฉันกลัวว่าเธอจะส่งผลต่อการฝึกฝนของตงรื่อ ฉันเลยให้ตงรื่อคอยหลบไม่ให้เจอเธอให้ได้มากที่สุด”

“อา! นี่อาจารย์ทำผิดแล้ว ทั้งผู้ชายกับผู้หญิง ยังไงก็ต้องแต่งงาน ทำไมอาจารย์ต้องเข้าไปขวางทางรักของหนุ่มสาวด้วย?” ผมพูดไปหัวเราะกิ๊กกั๊กไป

“เจ้าเด็กนี่! เธอนี่ไม่ได้มีความจริงจังเอาเสียเลย เหมือนเจ้าแก่เหล่าหลุนจริง ๆ หืม!! รอจนกว่าฉันได้ถามตงรื่อตอนเขากับมาก่อนเถอะ” อา! ตงรื่อ นายจะโทษฉันไม่ได้นะ ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้ตั้งใจ!!!

หลังจากผ่านไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ตงรื่อก็กลับมา ทันทีที่เขากลับเข้ามาก็เจอกับอาจารย์เหวินที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ “อาจารย์ครับ ผมกลับมาแล้ว”

“หือ!! เธอยังรู้อยู่นี่ว่าต้องกลับมา ฝึกวิชายังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง แต่กลับใช้เวลาไปตามจีบสาว เธอทำอาจารย์ขายหน้าแล้ว”

ปฏิกิริยาตอบสนองของตงรื่อไม่เหมือนกับที่ผมคิดเอาไว้เลย แทนที่เขาจะรีบยอมรับความผิดพลาดด้วยท่าทีหวาดกลัว หรือประหม่า เขากลับพูดเสียงเบา “ผมเป็นแค่เด็กกำพร้า คนนั้นเขาเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปตามจีบเธอ? ผมไปพักผ่อนก่อนนะครับ” (ตงรื่อถูกอาจารย์เหวินเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก เขาเริ่มติดตามอาจารย์เหวินมาตั้งแต่ตอนนั้น) หลังจากที่พูดจบ เขาหันหลังกลับและเดินออกไปทางห้องของเขา ปล่อยให้อาจารย์เหวินจ้องมาที่ดวงตาอันใสซื่อของผม ด้วยดวงตาอันดุร้ายของเขา ก่อนที่เขาจะเอ่ย “เด็กคนนี้!! ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้? อา! เขาไม่เคยเถียงอาจารย์มาก่อนเลย”

ผมครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะพูดดีหรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก “เขาน่าจะรู้สึกผิดเพราะว่าเขาคิดว่าตัวนั้นด้อยกว่า แต่อาจารย์วางใจได้ เดี๋ยวผมจะตามเข้าไปปลอบเขาเอง ยังไงเสีย ผมก็เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ผมไม่น่าทิ้งเขาไว้ให้อยู่คนเดียวตั้งแต่แรก”

ตอนที่ผมกลับไปถึงห้อง ผมเห็นตงรื่อนั่งอยู่ที่มุมห้อง นั่งจ้องมองพื้นอันว่างเปล่าอย่างโง่งม ผมเดินเข้าไปข้างหน้าเขา แล้วถาม “เกิดอะไรขึ้นตงรื่อ? มีใครมารังแกนายหรือเปล่า? มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรปล่อยนายไว้ที่นั่นคนเดียว”

ตงรื่อไม่ได้ขยับเลยขณะที่พูดตอบ “มันไม่ใช่ความผิดของนาย”

“แล้วถ้าอย่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้น? อย่าเป็นแบบนี้ได้มั้ย? ฉันก็เป็นคนธรรมดา แล้วมันเป็นยังไงล่ะ? คนอื่นจะพูดยังไงก็ปล่อยให้เขาพูดไปเถอะ” ผมเริ่มเขย่าเขาที่ไหล่อย่างแรง

และทันใดนั้นเอง ตงรื่อสะบัดตัว และผลักผมออกอย่างแรง ก่อนที่จะคำรามใส่ผม “ถึงนายจะเป็นคนธรรมดา นายก็ยังมีพ่อมีแม่ มีครอบครัว แล้วฉันล่ะมีอะไร? ฉันมันไม่มีอะไรเลย ฉันเป็นเด็กกำพร้า นายรู้มั้ย? ว่าพวกเขาพูดถึงฉันว่ายังไง? พวกเขาบอกว่าฉันเป็นพวกเลือดผสม ไอ้พวกเลือดผสม นายรู้มั้ย???”

ตอนนี้เองที่อาจารย์เหวินพุ่งเข้ามาจากด้านนอก เขากอดตงรื่อไว้แน่น “เด็กน้อย! อย่าเป็นอย่างนี้ เธอยังมีฉันอยู่นะ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน” ดูเหมือนว่าตงรื่อจะพบกับความอบอุ่นในอ้อมกอดของอาจารย์เหวิน เขาปล่อยน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย อาจารย์เหวินที่กอดเขาอยู่ก็เริ่มหลั่งน้ำตาออกมาเช่นกัน

“เด็กน้อย! บอกฉันมา ใครเป็นคนพูดว่าเธอเป็นพวกเลือดผสม? บอกอาจารย์มา!” รอบตัวของอาจารย์เหวินดูเหมือนจะมีรังสีที่เย็นเยียบแผ่ออกมา เขาดูโกรธ โกรธจนปล่อยกลิ่นอายของการฆ่าออกมา ผมเชื่อว่าถ้ามีชื่อหลุดออกมาจากปากของตงรื่อ อาจารย์เหวินต้องไปหาเขาทันทีแน่ ดาบของอาจารย์เหวินต้องได้สัมผัสกับเลือดแน่ ๆ บางทีตงรื่ออาจจะรู้เรื่องนี้ ดังนั้นเขาแค่ยังร้องไห้อยู่ และบอกว่า “อาจารย์อย่าถามเลย”

“บอกอาจารย์มา!” อาจารย์เหวินจับไหล่ของตงรื่อแน่น ผมที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบเข้าไปหาทันที จับมือของอาจารย์เหวินไว้ แล้วรีบพูด “อาจารย์ครับ รบกวนอาจารย์ไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวของกับเรื่องนี้อีก ถ้าอาจารย์ลงมือ มันจะกลายเป็นเรื่องผู้ใหญ่รังแกเด็กขึ้นมา เรื่องของเด็ก ก็ให้เด็กอย่างพวกเราจัดการกันเอง เดี๋ยวผมพาตงรื่อไปถามหาความยุติธรรมเอง” ตอนนี้ผมก็โกรธแล้วเหมือนกัน เหมือนมีน้ำมันเดือดอยู่ในตัว มีคนกล้ามารังแกเพื่อนของผมด้วยเหรอเนี่ย ดูเหมือนพวกนั้นจะคิดว่าตัวเองใช้ชีวิตมานานพอแล้ว

อาจารย์เหวินเริ่มสงบลงหลังจากได้ยินสิ่งที่ผมพูด เขาถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นจางกง ฉันขอให้เธอช่วยเรื่องนี้ที”

ผมตอบเสียงเย็น “อาจารย์อาจจะไม่รู้ แต่ก่อนที่ผมจะมาถึงเมืองนี้ พลังเวทย์ของผมบรรลุระดับเมธีเวทย์แล้ว” ผมต้องให้ความมั่นใจกับเขา ผมเลือกที่จะเปิดเผยความแข็งแกร่งของผม

ทั้งอาจารย์เหวินและตงรื่อตกตะลึงไปทั้งคู่ เมธีเวทย์อายุน้อยขนาดนี้ ใครมันจะยอมรับเรื่องนี้ได้?

พอคิดว่าทั้งคู่อาจจะยังไม่เชื่อ ธาตุแสงที่ทรงพลังปรากฏออกมา ผมปล่อยดวงเวทย์สีทองโปร่งแสงออกมาจากจุดสะสมพลัง หลังจากหมุนวนอยู่รอบตัวผม มันกลับไปอยู่ที่จุดสะสมพลัง นี่คือหนึ่งในเวทย์แห่งแสงที่ตรงไปตรงมา และทรงพลังที่สุด การโจมตีด้วยพลังงานบริสุทธิ์

ดูเหมือนตงรื่อถึงกับลืมความเสียใจของเขา ตอนที่เขาพูด “อา!! นายดูทรงพลังมากจริง ๆ จางกง”

ผมหยุดการใช้เวทย์ แล้วบอกกับตงรื่ออย่างแน่วแน่ “ดีมาก ไอ้น้องชาย! พรุ่งนี้พวกเราไปหาไอ้พวกที่มันรังแกนาย แล้วค่อยแก้แค้นกัน พวกเราคนธรรมดาก็เป็นคน ในอนาคตพวกเราจะต้องเป็นใหญ่เป็นโตได้แน่นอน”

คำพูดของผมดูเหมือนจะทำให้เขาสงบสติอารมณ์ได้ เขาจับมือผมแน่น นี่ถือว่าเป็นอันตกลง

หลังจากที่อาจารย์เหวินกลับไปพักผ่อน ผมถามหาเรื่องราวจากตงรื่อว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ด้วยอาการกัดฟันกรอด เขาบอกผมว่าหลังจากที่ผมจากไปแล้วเกิดอะไรขึ้น

มันกลายเป็นว่าหลังจากที่ผมจากไป หงเสวียที่เกาะติดตงรื่อไม่ปล่อย บังคับให้เขาเดินเล่นเป็นเพื่อนกับเธอ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาไปพบเข้ากับกลุ่มของลูกขุนนาง ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเป็นลูกของเจ้าเมือง หรือลูกของเสนาบดี พวกเขาทุกคนต่างพยายามตามติดพันหงเสวีย แน่นอนว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เสน่ห์แรงจริง ๆ ไม่ว่าจะหน้าตา หรือชาติกำเนิด มันเป็นธรรมดาที่เจ้าพวกนั้นจะเกิดอาการอิจฉาตงรื่อ ที่สามารถอยู่เป็นเพื่อนกับหงเสวียได้ และเริ่มพ่นคำว่าร้ายเข้าใส่เขา คำหยาบคายทุกชนิดถูกหยิบออกมาใช้ ตั้งแต่เด็กตงรื่อไม่ค่อยได้สมาคมกับผู้อื่นมากนัก และไม่ได้อยากจะตอบโต้กลับ เขาเลยได้แต่อยู่เฉย ๆ แต่หลังจากที่หงเสวียเริ่มตอบโต้แทนเขา นั่นทำให้เขาโกรธและเริ่มต่อสู้กับพวกลูกขุนนางเหล่านั้น ก่อนที่จะกลับมาที่สถาบัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด