ตอนที่แล้วตอนที่ 177: ความลับของแฮร์ริส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 179: เดินทางถึงภูมิภาคดาวมฤตยู

ตอนที่ 178: ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรม


ตอนที่ 178: ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรม

“เซี่ยเฟยคุณเคยดื่มน้ำยาอเมทิสต์เข้าไปหรือเปล่า?” แฮร์ริสถาม

“ฉันไม่รู้ว่าแกต้องการจะพูดอะไรแต่แกมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ฉันสนใจคือแกเป็นใคร? มีจุดประสงค์อะไรถึงได้มาสอดแนมฉันทุกวัน?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

ระหว่างที่ชายหนุ่มพูดออกมาเขาได้ทำการปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างเต็มที่ และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะยังมีอายุไม่มากแต่บรรยากาศก็เต็มไปด้วยจิตสังหารอันท่วมท้น ท้ายที่สุดทั่วทั้งจักรวาลก็มีคนเคยไปทัวร์นรกอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนซึ่งเขาก็เป็นคนหนึ่งในนั้น

คนที่คลานขึ้นมาจากนรกจะได้รับทั้งความเยือกเย็นและให้ความรู้สึกถึงอันตราย ซึ่งมันก็คงจะไม่มีคำพูดไหนอธิบายไปได้ดีกว่านี้

อย่างไรก็ตามแฮร์ริสกลับไม่ได้ถูกทำลายโดยจิตสังหารของเซี่ยเฟย เพราะเขาก็ยังพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์

“จะไม่รู้ได้ยังไง! นั่นคือผลงานจากความพยายามเกือบทั้งชีวิตของฉันเลยนะ!!”

“น้ำยาอเมทิสต์คืออะไร?” เซี่ยเฟยถามอันธอย่างเงียบ ๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าจากชายชราตรงหน้า

“ฉันจะไปรู้จักได้ยังไง” อันธตอบกลับมาด้วยความสับสน

“น้ำยาอเมทิสต์ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าน้ำยาหยกม่วง มันคือน้ำยาปรับสภาพยีนที่คุณดื่มเข้าไปและทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของคุณเปิดขึ้นมาอย่างเต็มที่” แฮร์ริสเงยหน้าขึ้นไปมองช่องหน้าต่างพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย

เซี่ยเฟยจ้องไปที่อันธอย่างเงียบ ๆ และได้พบว่าวิญญาณตนนี้กำลังอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

ตัวของชายหนุ่มเองก็รู้สึกตกตะลึงเช่นเดียวกัน เพราะเขาเก็บเรื่องพื้นที่สมองส่วนที่ 7 เป็นความลับเอาไว้ตลอดเวลา และสิ่งที่ทำให้สมองของเขาเป็นแบบนี้นั่นก็คือน้ำยาหยกม่วงจริง ๆ

ผลงานจากความพยายามเกือบทั้งชีวิต?

‘แฮร์ริสมีความสัมพันธ์กับน้ำยาสีม่วงขวดนั้นงั้นหรอ?’ เซี่ยเฟยคิดอย่างสงสัยอยู่ภายในใจ

“พูดตามตรงว่าฉันเคยดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนสีม่วงเข้าไปขวดหนึ่ง แต่ฉันไม่แน่ใจว่าน้ำยาขวดนั้นคือน้ำยาอเมทิสต์ที่แกกำลังพูดถึงหรือเปล่า” เซี่ยเฟยพยายามพูดอย่างสงบทั้งที่ภายในใจของเขากำลังรู้สึกตกใจมาก

“น้ำยาอเมทิสต์มีรสเปรี้ยวอ่อน ๆ หลังจากดื่มเข้าไปภายใน 15 นาทีเซลล์ทั่วทั้งร่างกายจะถูกกระตุ้นจนทำให้ร่างกายอุณหภูมิสูงขึ้น หลังจากนั้นเซลล์สมองจะเริ่มทำการเคลื่อนไหวทำให้ผู้ดื่มรู้สึกง่วงนอนก่อนที่จะเป็นลมหมดสติไป” แฮร์ริสกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่เซี่ยเฟย

“ในช่วงเวลานี้เองพื้นที่สมองส่วนที่ 7 จะเริ่มบุกทะลวง โดยเซลล์บริเวณรอบ ๆ พื้นที่สมองส่วนที่ 7 จะพยายามเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเหมือนกับกระแสน้ำที่ปะทะเข้าใส่ประตู ซึ่งกระบวนการนี้จะทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ แต่เซลล์ก็ยังคงเคลื่อนที่ต่อไปอีกประมาณ 1 นาทีครึ่งก่อนที่มันจะหยุดลง”

“ฉันรู้เรื่องพวกนี้มาจากข้อมูลการทดลอง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตหลังจากดื่มอเมทิสต์เข้าไป ดังนั้นคุณจึงถือว่าเป็นมนุษย์คนแรกที่ดื่มอเมทิสต์แล้วยังมีชีวิตอยู่!”

แฮร์ริสเริ่มเล่าเรื่องต่าง ๆ ด้วยความตื่นเต้น

เซี่ยเฟยชำเลืองสายตามองไปยังอันธที่อยู่ตรงมุมห้อง เพราะในวันนั้นเขาตกอยู่ในอาการโคม่าทันทีหลังจากที่ดื่มน้ำยาชนิดนี้เข้าไป เขาจึงไม่รู้กระบวนการที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเขา และเมื่อเขาได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาก็ถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์แล้ว

อันธพยักหน้ายอมรับสิ่งที่แฮร์ริสอธิบายมาทั้งหมด ซึ่งในฐานะที่เขาได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเซี่ยเฟย เขาจึงเป็นผู้ยืนยันคำพูดของแฮร์ริสได้ดีที่สุด

“คุณทำได้ยังไง?! มีมนุษย์เข้าร่วมการทดลองหลายพันคนแต่คุณกลับรอดชีวิตมาเพียงแค่คนเดียว หรือว่าร่างกายของคุณจะแตกต่างจากมนุษย์โดยทั่วไป”

“ฉันแนะนำให้แกสนใจตัวเองจะดีกว่า ถึงแม้แกจะพิสูจน์ได้ว่าฉันดื่มน้ำยาอเมทิสต์เข้าไปจริง ๆ แต่มันก็เป็นเรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องของแก” เซี่ยเฟยจุดบุหรี่พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

“เรื่องนี้มันจะไม่เกี่ยวกับฉันได้ยังไง ในเมื่อฉันคือผู้อำนวยการคนแรกของศูนย์วิจัยพันธุ์กรรมของพันธมิตรและเป็นผู้คิดค้นน้ำยาอเมทิสต์ขึ้นมา” แฮร์ริสพูดอย่างกระตือรือร้น

“เป็นผู้คิดค้นน้ำยาแล้วยังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับกระตุกรอยยิ้มที่มุมปาก

“ฉันเคยเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญทางพันธุกรรมมาก่อนและมีความเชี่ยวชาญในเรื่องพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์มากเป็นพิเศษ เพื่อที่จะทำการศึกษาพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อันลึกลับฉันได้ทำการศึกษาข้อมูลจากอารยธรรมโบราณเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และฉันก็ได้พบว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์เปรียบเสมือนกับกำแพงที่ปิดบังความสามารถของมนุษย์เอาไว้ ตราบใดก็ตามที่พวกเราสามารถทำลายกำแพงนี้ลงไปได้ มนุษย์ทุกคนก็จะได้รับการวิวัฒนาการครั้งใหญ่”

“พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ถูกล้อมรอบด้วยสารที่มีชื่อว่าซีโร่ดีกรีเมสัน ซึ่งเป็นสสารที่แปลกประหลาดมาก โดยแรกเริ่มที่มนุษย์เกิดขึ้นมาทารกจะมีพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ที่ถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์ แต่หลังคลอดเป็นเวลา 24 ชั่วโมงสารแปลกประหลาดชนิดนี้จะถูกผลิตขึ้นมาด้วยความเร็วที่สูงมาก ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไป 72 ชั่วโมงซีโร่ดีกรีเมสันจะปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์เอาไว้อย่างสมบูรณ์”

“หลังจากที่ทำการวิจัยมาหลายปี ฉันได้พบว่าสมัยโบราณมนุษย์สามารถเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้อย่างเต็มที่ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันได้มีสารซีโร่ดีกรีเมสันกำเนิดขึ้นมาและทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดาที่อ่อนแอ”

“รู้อะไรไหมเรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมเลย มนุษย์ควรจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่ยืนอยู่เหนือจักรวาล แต่สารซีโร่ดีกรีเมสันชั้นบาง ๆ กลับทำให้มนุษย์กลายเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่ธรรมดา”

“ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ใช้เวลาหลายสิบปีในการหาวิธีทำลายสารซีโร่ดีกรีเมสันออกไป ซึ่งความล้มเหลวก็ไม่เคยทำให้ความมุ่งมั่นของฉันสั่นคลอนลงเลย”

“หลังจากที่ฉันทำวิจัยอย่างหนักมาเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดฉันก็ได้ค้นพบแร่ที่สามารถทำลายสารซีโร่ดีกรีเมสันลงไปได้ ซึ่งแร่ชนิดนี้เป็นแร่ชนิดพิเศษที่มีชื่อว่าซุปเปอร์โนว่าน็อกไซท์ โดยสารสกัดของมันสามารถที่จะเร่งพลังงานภายในเซลล์ได้จนถึงขีดสุด และเซลล์ที่ได้รับพลังงานสูงเหล่านี้ก็จะพุ่งเข้าไปทำลายสารซีโร่ดีกรีเมสัน แล้วเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์ขึ้นมา”

“น่าเสียดายที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์อ่อนแอเกินไปจนไม่สามารถต้านทานพลังทำลายจากเซลล์ที่ถูกเร่งพลังงานได้ มันจึงทำให้อาสาสมัครหลายพันคนต้องเสียชีวิตแล้วฉันก็ถูกตั้งค่าหัวจากพันธมิตรด้วยเหมือนกัน”

“ฉันไม่อยากจะเลิกทำการทดลองไปแบบนี้ ฉันจึงได้เดินทางไปยังเขตแดนไร้มนุษย์เพื่อหวังจะพบกับสารตัวใหม่ที่สามารถทำลายสารซีโร่ดีกรีเมสันได้โดยไม่สร้างอันตราย แต่หลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเงินของฉันก็เริ่มร่อยหรอลงเต็มที ฉันเลยเริ่มมาทำธุรกิจเป็นพ่อค้าลักลอบขายของเถื่อน”

“ถ้าพ่อแม่ของฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วได้พบว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาได้กลายเป็นพ่อค้าลักลอบขายของเถื่อนไปแล้ว ฉันก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเขาจะรู้สึกยังไง”

แฮร์ริสอธิบายสถานการณ์ในชีวิตของเขาอย่างยาวเหยียด

เซี่ยเฟยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแฮร์ริสจะเคยเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านพันธุกรรมอันดับต้น ๆ ของพันธมิตรจริง ๆ และสิ่งที่เขาทำมันก็ค่อนข้างจะเข้าขั้นเป็นคนบ้า

แต่มันอาจจะเป็นเพราะว่าเซี่ยเฟยก็มีความบ้าพอ ๆ กัน เขาจึงไม่คิดว่าแฮร์ริสทำอะไรผิดปกติเลย แน่นอนว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการเสี่ยงทำการทดลองกับมนุษย์ แต่คุณสมบัติของอเมทิสต์นั้น…

“แกบอกว่าแกทำการศึกษาเรื่องนี้มาหลายสิบปีแสดงว่าอายุจริง ๆ ของแกมากกว่า 100 ปีแล้วอย่างนั้นหรอ?” เซี่ยเฟยถาม

“ถ้าจำไม่ผิดปีนี้ฉันน่าจะมีอายุ 136 ปี” แฮร์ริสตอบ

คำตอบจากอีกฝ่ายทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะหากดูจากรูปร่างหน้าตาภายนอกแล้วแฮร์ริสควรจะมีอายุไม่เกิน 60 ปี แต่อายุที่แท้จริงของเขากลับมากกว่า 60 ปีไปมากกว่า 2 เท่า

“ทำไมหน้าแกถึงดูไม่แก่เลย?”

“เซี่ยเฟยนี่คุณไม่รู้หรือยังไงว่าถ้าหากผู้มีพลังสามารถเลื่อนระดับพลังของตัวเองได้มันจะช่วยเพิ่มอายุขัยให้กับเขาคนนั้นตามไปด้วย ว่ากันว่ามันเคยมีปรมาจารย์ในอารยธรรมโบราณบางคนถึงกับมีชีวิตอยู่เป็นอมตะเลยด้วยซ้ำ ในปัจจุบันมันก็น่าจะมีผู้เชี่ยวชาญที่เป็นอมตะหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ตัวตนของพวกเขาสูงส่งมากจนเกินไป พวกเราจึงไม่มีสิทธิ์ได้รู้จักตัวตนของพวกเขาเลย”

คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยได้ตระหนักว่าถึงแม้ฉินหมางกับทูรามจะดูแก่ แต่สุขภาพของพวกเขาก็ค่อนข้างดีมันน่าจะเป็นเพราะพวกเขามีระดับพลังที่สูงมากนั่นเอง

“มันเป็นเรื่องจริงอย่างที่เขาพูด ยิ่งนักสู้มีพลังสูงนักสู้คนนั้นยิ่งมีอายุยืนยาว” อันธกล่าว

“แล้วทำไมนายถึงไม่เคยบอกฉัน” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ก็นายไม่เคยถาม”

เซี่ยเฟยเบะริมฝีปากให้อันธเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันไปถามแฮร์ริสต่อว่า

“แกอยู่ในเขตแดนไร้มนุษย์มานานขนาดนี้แล้วแกได้ค้นพบสารที่แกได้พูดถึงหรือยัง?”

“จักรวาลนี้กว้างใหญ่เกินไปและเขตแดนไร้มนุษย์ก็เป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ของจักรวาล ฉันจะออกค้นหาสารนี้ต่อไปตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่” แฮร์ริสกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

คำพูดของชายชราคนนี้หนักแน่นมากและมันก็ทำให้เซี่ยเฟยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว

คนทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เคยมีความฝันเมื่อสมัยยังเด็ก แต่จะมีสักกี่คนที่ตั้งใจทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง

ถึงแม้ว่าแฮร์ริสจะค่อนข้างเลือกเส้นทางที่บ้าคลั่งไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยเขาก็ทำงานหนักอย่างไม่มีใครปฏิเสธได้

เซี่ยเฟยไม่ชอบสิ่งที่เรียกว่ากฎเกณฑ์มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาจึงค่อนข้างเข้าอกเข้าใจความคิดของแฮร์ริสเป็นอย่างดี

“ฉันเข้าใจแล้ว” เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาเบา ๆ

“คุณเข้าใจอะไร?” แฮร์ริสถามขึ้นมาอย่างสับสน

“แกแค่ใช้วิธีการผิดไปนิดหน่อย ในจักรวาลนี้มีนักโทษรอประหารอยู่มากมาย ทำไมแกถึงไม่ใช้คนพวกนั้นในการทดลอง ถ้าฉันเป็นผู้ตัดสินโทษของแกจริง ๆ โทษฐานที่แกใช้มนุษย์ผู้บริสุทธิ์ในการทดลองสมควรที่จะมีโทษถึงตาย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

หลังจากพูดจบเซี่ยเฟยก็ลุกยืนขึ้นและเตรียมที่จะจากไป

“คุณจะไม่ฆ่าฉันหรอ?” แฮร์ริสถาม

“ไม่ต้องห่วงฉันสามารถฆ่าแกได้ทุกเมื่อ แต่ในตอนนี้ฉันยังมีเรื่องที่ต้องเก็บไปคิดอยู่ 2-3 เรื่อง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายขึ้นมาเล็กน้อย

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด