ตอนที่แล้วตอนที่ 4
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6

ตอนที่ 5


สกิล

คงง่ายกว่าถ้าจะคิดว่ามันเป็นรูปแบบหนึ่งของเวทมนตร์

แต่ถ้าเทียบกับเวทมตร์ที่ใครก็ใช้ได้ถ้าหากรับรู้ถึงมานาแล้ว สกิลคือพลังพิเศษสำหรับผม

ใช่แล้ว

มันมีไว้สำหรับผมคนเดียวเท่านั้น

ในหน้าต่างสกิลนั้นมีสกิลทั้งหมดสองสกิล

ผมเลือกอันแรก

.

.

.

.

วงแหวนพลัง

ติดตัว

มานาแทนที่ด้วยพละกำลัง

วงแหวนมานาแทนที่ด้วยวงแหวนพลัง

ทุกเวทมนตร์ของผู้เล่นตอนนี้จะได้รับผลจากพละกำลัง

ทุกความเคลื่อนไหวของผู้เล่นตอนนี้จะได้รับผลจากพละกำลัง

.

.

.

นี่คือคำอธิบายทั้งหมดที่ผมได้อ่าน แต่ผมก็อดแปลกใจเล็ก ๆ ไม่ได้

“แทนที่มานา…ด้วยพละกำลังงั้นเหรอ?”

มานา แก่นรากฐานที่จำเป็นสำหรับเวทมนตร์

มันปะปนอยู่ในอากาศ แต่มันเบากว่า แผดเผาง่ายยิ่งกว่า และถ้าหากมีสิ่งอื่นเจือปน มันจะสลายและหายไป

เป็นสสารที่จัดการได้ยากมาก

มันล้ำค่า ไม่ใช่เพราะมันหายาก แต่เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ควบคุมมันได้

จำเป็นต้องใช้งานมานาให้ได้เพื่อที่จะใช้มานาในการร่ายเวทย์

มานาเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบของจอมเวทย์

แต่แทนที่มานาด้วยอย่างอื่นงั้นหรือ?

ไม่ว่าจะเป็นจอมเวทย์ชั้น 1 ที่ต่ำที่สุดหรือยอดจอมเวทย์ชั้น 8 มานาก็เป็นสิ่งที่มิอาจแทนที่ด้วยสิ่งอื่นได้

“บ้าอะไรกันเนี่ย? มันไม่มีเหตุผลเลย…”

ผมพึมพำด้วยความสับสน แต่ผมก็รีบสลัดความคิดและดูวงแหวนมานาของตัวเอง

วงแหวนมานา สำหรับคนที่รู้สึกถึงมานาและค้นคว้าเกี่ยวกับมัน วงแหวนจะอยู่ในจุดที่ใกล้กับหัวใจ

มันเหมือนกับพื้นที่กักเก็บมานา

ไม่าเพียงเท่านั้น มันยังเป็นศูนย์กลางการร่ายเวทย์ที่ใช้เพื่อจุดและเพิ่มผลของมานา

และมันยังเพิ่มปริมาณมานาที่คนเราจะใช้ในแต่ละครั้ง และถ้าหากฝึกเวทมตร์มาแล้ว วงแหวนมานาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

ในเวลาที่ผ่านมา วงแหวนมานาของผมนั้นมีอยู่สี่วง

มันเป็นวงแหวนจำนวนที่เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันอย่างมาก แต่ในเมื่อผมปล่อยมานาออกมาไม่ได้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากการไม่มีวงแหวนมานาอยู่เลย

แต่ในตอนนี้

“ไม่มีเลย…มันหายไปหมดแล้ว…”

วงแหวนมานาทั้งหมดของผมหายไป

ในจุดที่เคยมีวงแหวนอัดกันอยู่อย่างแน่นหนา ได้เกิดแถบสีแดงที่เปล่งแสงปรากฏขึ้น

มันเป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึงความ ‘ไร้สิ้นสุด’

และที่กลาง ‘วงแหวน’ นี้ พละกำลังก็ตื่นตัวที่จะเข้าไป

“อะไร…นี่มันอะไรกัน?”

สถานการณ์บ้า ๆ นี่มันอะไร

จู่ ๆ วงแหวนมานาที่ผมใช้ทั้งหัวใจและจิตวิญญาณฟูมฟักมันขึ้นมาได้หายไปแล้ว

จอมเวทย์ที่ไม่มีวงแหวนมานาน่ะเหรอ?

เดี๋ยวสิ ตอนนี้ผมยังเป็นจอมเวทย์อยู่รึเปล่า?

“แล้วเวทมนตร์ของเราล่ะ…”

ผมเริ่มตื่นตระหนก ผมเริ่มรู้สึกมึนหัวเมื่อหัวใจเต้นแรงและความกลัวก็แล่นผ่านความเย็นมาถึงกระดูกสันหลัง

ผมสั่นด้วยความกลัว

กลัวที่ผมจะไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อีกไปตลอดชีวิต

“โถ่โว้ย…บัดซบ”

มีเวลาไหนในชีวิตบ้างที่ผมรู้สึกอึดอัดขนาดนี้?

ผมหายใจเข้าลึกเพื่อพยายามจะทำใจให้เย็นลง

ถ้าหาก-

ถ้าหากผมใช้เวทมนตร์ไม่ได้อีกเลย…

ถ้าแบบนั้นผมก็…

“เฮ่อ…”

ผมหลับตา หายใจสั้น ๆ และยื่นมือออกไป

ผมพยายามร่ายเวทย์อย่างเคย มีบางอย่างที่น่าสนใจเกิดขึ้น

.

.

.

ขั้นแรกก็คือ เก็บมานาดิบที่กระจัดกระจายอยู่ในอากาศ

ขั้นที่สอง เพิ่มพลังของมานาที่รวบรวมมาผ่านวงแหวนมานา

ขั้นที่สาม ขึ้นรูปมานาที่เพิ่มพลังแล้ว

จากนั้นจึงจะปล่อยเวทย์ออกมาได้

นี่คือพื้นฐานที่เรียกว่า ‘กฎแห่งสาม’ พื้นฐานของเวทย์ทั้งมวล

แต่แล้ว

“นี่มัน…ได้ยังไงกัน?”

ผมได้พลิกรากฐานทั้งหมดบนหัวไป

เวทย์ที่ผมร่ายคือเวทย์สอง 2 วงแหวนพื้นฐาน ‘ลูกไฟ’

ทันทีที่ผมเริ่มร่าย วงแหวนมานาของผมก็…

ไม่สิ

วงแหวนใหม่ของผมเริ่มที่จะสะบัดไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ และลูกไฟที่ลุกโชนก็โผล่ขึ้นมาเหนือฝ่ามือ

“นี่มัน…เร็วมาก”

รวบรวม เพิ่มพลัง ขึ้นรูป

ด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว ผมได้ทะลวงผ่านขั้นตอนเหล่านี้ซึ่งตามปกติจะต้องใช้เวลา 10 วินาที

มันง่ายดาย

มันทั้งเร็วและง่าย

การลดเวลาร่ายเวทย์นั้นจะเพิ่มประสิทธิภาพของจอมเวทย์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด

“ทำไมมันถึงได้…”

ฟึ่บ!

แค่เหลือบมองทีเดียวก็บอกได้เลยว่าลูกไฟที่เกิดจากพละกำลังนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าลูกไฟที่เกิดจากมานา

‘แล้วเวทย์ประเภทอื่นล่ะ…?’

ผมทดลองกับเวทธาตุอื่น

น้ำ, ไฟ, ดิน, ลม

เวทมนตร์พื้นฐานทั้งสี่ตอบสนองแบบเดียวกัน

เวทย์ทั้งหมดก้าวข้ามสามขั้นตอนของการรวบรวม เพิ่มพลัง ขึ้นรูป และก่อตัวขึ้นมาเลยโดยตรง

ในความเร็วที่บ้าคลั่ง

‘เวทย์แบบอื่นก็ใช้ได้ด้วยวิธีเดียวกัน…’

เมื่อมานาแทนที่ด้วยพลังเท่านั้น ผมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ และวงแหวนมานาก็เปลี่ยนเป็นวงแหวนพลัง

ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก

ใช่แล้ว

ผมยังใช้เวทมนตร์ได้

ปลดปล่อยตัวเองจากสิ่งเหนี่ยวรั้งที่ชื่อว่ามานาและวงแหวนมานา เวทมนตร์แบบใหม่ได้เกิดขึ้นจากแหล่งพลังใหม่

กลายเป็นเวทมนตร์ที่มีแต่ผมเท่านั้นที่ใช้ได้

“นี่น่ะเหรอ…พลังของอาติแฟกต์”

ผมตื่นเต้นอย่างประหลาด

ผมหันไปมองหน้าต่างสกิล

จากนั้น

ผมก็ได้เห็น

.

.

.

จอมเวทย์คลั่ง

ติดตัว

วิธีใช้เวทมนตร์ที่ออกแบบโดยดราก้า ผู้มีปัญหาในการปล่อยมานา

คุณสามารถโจมตีศัตรูโดยการร่ายเวทย์จากภายในร่างกาย

.

.

.

โลกใบใหม่ได้เปิดให้ผมแล้ว

.

.

.

คุณสามารถโจมตีศัตรูได้โดยการอัดเวทมนตร์ใส่ตัวเอง

คุณไม่ได้รับผลจากเวทมนตร์ที่ตัวเองร่าย

พละกำลังจะเพิ่มพลังให้กับเวทมนตร์ของคุณ

เวทมนตร์ของคุณจะเพิ่มพลังทำลายตามความเสียหายกายภาพ

.

.

.

“อัดเวทมนตร์ในร่ายกายเพื่อโจมตีงั้นเหรอ?”

นี่คือเหตุผลที่ต้องใช้ ‘พละกำลัง’ แทนมานาสินะ

เหตุผลที่ภารกิจแรกคือการเตะและต่อย

ดราก้า ผู้ที่ปลดปล่อยเวทมนตร์ออกมาไม่ได้

เขาได้ต่อสู้โดยการอัดพลังเวทย์ใส่แขนและขาของตัวเอง

“ใครจะไปคิดเรื่องแบบนี้ได้กัน?”

ในตอนนั้นเองหน้าต่างภารกิจก็เริ่มสะท้อนแสง

.

.

“ภารกิจใหม่งั้นเหรอ?”

ผมอ่านมัน

.

.

.

ภารกิจ

ทดสอบวิธีการ

โดยใช้วงแหวนพลังและ ‘พละกำลัง’ ในการโจมตีเป้าหมายกายภาพ

โจมตีเป้าหมายกายภาพ : 0/1

* รางวัล : Strength +10

.

.

.

ภารกิจให้ใช้สกิลทำอะไรซักอย่าง

ลมหายใจอันตื่นเต้นของผมกลับคืนมาเป็นปกติ

หัวใจที่ลุกโชนด้วยไฟเองก็เย็นลงแล้ว

อนาคตที่ดูมืดมิดราวกับความว่างเปล่าได้เริ่มส่องประกายมาทีละน้อย

ทันทีที่ผมใจเย็นลง ผมก็เริ่มเห็นสิ่งใหม่

‘วิธีการนี้…เป็นเรื่องที่เราไม่เคยคิดมาก่อนเลย’

ถือเวทมนตร์ไว้ในมือและปล่อยกำปั้นมันออกไป

‘เราจะทำได้ไหมนะ?’

มันไม่ใช่การถามคำถามเล็กน้อยอย่าง

ผมจะเป็นจอมเวทย์ได้ไหม?

ผมจะแข็งแกร่งขึ้นได้ไหม?

ผมจะเป็นมหาจอมเวทย์ได้ไหม?

มันเป็นคำถามอย่าง ‘ผมจะเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ไหม?’ ที่ยากแม้แต่จะจินตนาการต่างหาก

แน่นอนว่าคำตอบมันแน่อยู่แล้ว

‘ผมต้องทำมัน’

.

.

.

ด้วยลูกไฟในมือและก้อนน้ำแข็งในอีกมือ ผมยืนหน้าหุ่นไล่กา

หุ่นไล่กากับจมูกแปลก ๆ กับดวงตาที่ไม่ได้สร้างมาอย่างดีด้วยซ้ำนั้นมองผมกลับมาราวกับจะล้อเลียน

เพราะแบบนี้ ผมถึงไม่ลังเลที่จะปล่อยหมัดใส่เจ้าหุ่นไล่กาตรงหน้า

“มือซ้าย!”

ตู้ม!

ลูกไฟที่ถือในมือซ้ายระเบิดหัวหุ่นไล่กาและเผาหุ่นในทันทีที่สัมผัส

“มือขวา!”

ชิ้ง!

ก้อนน้ำแข็งในมือขวาแช่แข็งหุ่นไล่กาที่ลุกไหม้

และจากนั้น

เพล้ง!

หุ่นไล่กาที่ถูกแช่แข็งนั้นแตกเป็นล้านชิ้นเมื่อผมซัดด้วยหมัดเสริมพลัง

‘ว้าว’

เมื่อได้เห็นพลังอันไม่น่าเชื่อ ผมก็ผงะมาข้างหลัง

.

.

.

ภารกิจสำเร็จแล้ว

ได้รับรางวัล

Strength เพิ่มขึ้น 10

.

.

.

หุ่นไล่กาที่ล้อเลียนผมเมื่อวินาทีก่อนนั้นไม่เหลืออยู่อีกแล้ว

เหลือแค่เพียงกิ่งไม้ที่ติดไฟกับรอยไหม้ที่กระจายกับพื้น

“เราทำลายหุ่นไล่กานั่นได้…”

มันก็เป็นแค่หุ่นไล่กา ทำไมถึงผมถึงอ่อนไหวขนาดนี้กัน?

ผมรู้

เพราะสำหรับคนอื่น มันเป็นเพียงแค่หุ่นไล่กาธรรมดา

แต่สำหรับผม มันคือตัวตนที่แข็งแกร่งเกินกว่าผมจะทำได้แม้กระทั่งการสัมผัส

ตัวตนน่ารำคาญที่อยู่ไกลเกินระยะเวทมนตร์ของผมเสมอมา สิ่งที่ล้อเลียนผมอยู่ตลอดมา

ผมฝันถึงฝันมาตลอด 6 ปีที่อยู่ในโรงเรียน

ฝันว่าวันหนึ่ง ผมจะใช้เวทมนตร์โค่นเจ้าหุ่นไล่กานั่นไปให้ได้

จนถึงตอนนี้ ผมถูกหยุดในขั้น ‘ปลดปล่อย’ เวทย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่ในตอนนี้ ความฝันนั้นเป็นจริงแล้ว

ด้วยกำปั้นของผมเอง

“นี่คือ…เวทมนตร์ของดราก้า”

ผมจ้องมองซากหุ่นไล่กาด้วยดวงตาว่างเปล่า

ผมรีบหยิกตัวเองและขยี้ตา

มันไม่ใช่ฝัน

มันไม่ใช่ภาพหลอนเช่นกัน

ทั้งหมดคือความจริง

ผมล้มลงกับพื้นและตะโกน

“โว้ว”

ผมล้มลงเงยหน้ากับดินแข็ง ๆ

“...สวยจัง”

พระจันทร์สองแสงยามวิกาลในท้องฟ้ายามค่ำคืนช่างดูงดงามยิ่งกว่าที่เคยเห็นมา

แม้แต่พื้นดินแข็ง ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับเตียงอันนุ่มนิ่ม

ได้เอนกายนอนแบบนี้ ร่างกายเริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อยล้า

ควาามเหนื่อยล้าจากการออกกำลังวันนี้ ประกอบกับความเศร้าโศกในหกปีที่ผ่านมา ทั้งหมดทั้งมวลได้ถาโถมเข้ามาบนตัวผมราวกับน้ำตก

ดวงตาทั้งสองข้างหนักอึ้ง

ผมต้องตื่นขึ้น

ผมต้อง…

…ช่างเถอะ

คร่อกกกกก…

.

.

.

.

หลังจากตื่นนอนแล้วผมก็กลายเป็นคนดังขึ้นมาด้วยเหตุผลอื่น

“อะไรน่ะ? เจ้านั่นหลับอยู่นี่เหรอ?”

“ดูเหมือนว่าเขาจะฝึกตรงนี้จนถึงเช้าตรู่เลยนะ ชู่ว เขาหลับอยู่แน่ะ”

“เราปลุกเขาไม่ดีกว่าเหรอ?”

ผมคงต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ

ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ให้นอนกลางดินแบบนี้…

“ไม่นะ…เขาตายแล้วเหรอ?”

“ไม่มีทาง โดนเวทย์สายฟ้าไปเขายังไม่เป็นอะไรเลย…โว้วว! รูน! ตกใจเป็นบ้า”

แต่ผมก็ลืมตาขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรผิดปกติ

จากนั้นผมก็ลุกขึ้นเหยียดตัวและหักคอส่งเสียงกร๊อบแกร๊บ

“ทำไมทุกคนถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ? ไม่เคยเห็นคนนอนข้างนอกกันรึไง?”

“ใช่ ชั้นเพิ่งเคยเห็นขุนนางนอนกลางดินทั้ง ๆ ที่มีหอพักดี ๆ ห่างออกไปอีก 100 เมตรก็วันนี้นี่แหละ”

บัดซบ

เถียงออกไปไม่ได้ด้วยสิ

“รูน นายเมารึไง?”

“หมายความว่าไงที่ว่าเมาน่ะ? ชั้นเหนื่อยก็เลยหลับไปแค่นั้นเอง”

มันดูเหมือนกับว่ามีคน 10 คนกำลังเค้นคอเอาอะไรบางอย่างจากผม

จากการที่ถูกมองเหมือนกับสัตว์หายาก สุดท้ายความอับอายก็เกิดขึ้นกับผมจนได้

ผมอยากจะขุดหลุมแล้วเข้าไปอยู่ในนั้น

แต่ผมก็เหนื่อยที่จะทำเป็นไม่ใส่ใจขณะที่เก็บข้าวของและเริ่มเดินไปทางหอพัก

“ยอดไปเลยนะ…ไม่ว่าจะมองทางไหนก็เถอะ”

“ว่าแต่ว่า หุ่นไล่กาที่พังนั่น…ฝีมือรูนเหรอ?”

“ไม่มีทางอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”

คำพูดของพวกเขาแล่นเข้ามาถึงหูผม แต่ใครจะสนถ้าพูดถึงผมกันเล่า?

ถึงจะน่าแปลกที่รอยยิ้มบนริมฝีปากของผมไม่คิดจะหุบก็เถอะ

นานแค่ไหนกันนะที่ไม่ได้ตื่นมาแล้วสดชื่นแบบนี้?

ถ้าให้ตอบ นี่คงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เข้าโรงเรียนมา

ในตอนที่เดินเข้าห้องพัก เจสันเพื่อนร่วมห้องพักของผมก็ถามขณะที่กำลังแปรงฟัน

“โย่ รูน เมื่อวานนายไปนอนข้างนอกมาเหรอ?”

ใช่ ผมเดาว่ามันคือการนอน ‘ข้างนอก’ นะ

ผมยักไหล่แทนที่จะตอบเจสันไป

เจสันเองก็หรี่ตากับท่าทีของผม

“เอ๋? เดี๋ยวสิ นี่นายออกไปนอกโรงเรียนเหรอ? หรือว่า…ตายแล้ว! นายไปเจอผู้หญิงมาเหรอ? จนถึงเช้าเนี่ยนะ???”

.

.

.

เจสัน เดมอน

ลูกชายคนโตจากตระกูลเดมอนที่มีความมั่งคั่งจากการทำเหมืองเหล็ก

สำหรับผมที่พบเจอกับความยากลำบากในการเรียกคนในโรงเรียนว่า ‘เพื่อน’ แล้วนั้น เขาเป็นคนดี

เป็นไอบ้าเวรตะไลที่จะกระโดดข้ามรั้วโรงเรียนไปดื่มไวน์อย่างสนุกสนานกับผู้หญิงในตอนที่เบื่อ

บางครั้งก็มีคนว่ากันว่าเราจะสบายใจกับคนที่มีนิสัยตรงกันข้ามเสียมากกว่า

เจสันกับผมนั้นเองก็สบายใจกันในเทือกนั้น

“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย!”

“ไอ้บ้านี่! สุดท้ายแกก็ตื่นขึ้นมาจากการโดนเวทย์สายฟ้า แล้วก็พูดว่า ‘ไม่นะ~ ชั้นจะตายแบบนี้ไม่ได้! ทุกวันที่ผ่านมาชั้นเอาแต่อ่านหนังสือ! ชั้นต้องกลายเป็นชายเต็มตัว!’”

“นี่แกพูดบ้าอะไรกันอยู่เนี่ย?”

“ยังไงล่ะ ท่านรูน รู้สึกยังไงบ้างหลังจากที่ได้กลายเป็นชายเต็มตัว?”

ผมไม่อยากจะคุยกับเขาอีกแล้ว

“ชั้นจะไปอาบน้ำ”

ผมเข้าห้องอาบน้ำกับผ้าเช็ดตัว

เจสันเองก็พึมพำเรื่อยไป

‘ใช่สิ นายต้องล้างตัวนั่นแหละนะ ลูบ ลูบ’

ไอ้นี่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ

.

.

.

ซ่า!

ผมลอยในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น

“อา จริงด้วย”

ขณะที่ลอยตัว ผมนึกได้ว่าลืมดูภารกิจหลังจากที่ตื่นนอน

“ภารกิจ”

ผมยังไม่ชินกับหน้าต่างกึ่งโปร่งใสที่ปรากฏตรงหน้าเลย

ผมจะชินกับมันในซักวันใช่ไหม?

มันไม่ได้ต่างจากภารกิจจากเมื่อวานเท่าไหร่

แต่จะว่าไป มันก็มีจุดที่ต่างอยู่นะ…

.

.

.

ภารกิจทำซ้ำได้

ฝึกฝนร่างกาย I

เมื่อคุณเป็นผู้เล่นที่เชื่อมโยงกับดราก้าผู้ทำลายล้างโลก คุณต้องฝึกฝนร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมกับการเพิ่มพลัง

ต่อย : 0/200

เตะ : 0/200

หมุนเตะ : 0/200

* รางวัล Strength +10

.

.

.

รางวัลยังคงเป็น ‘Strength +10’ เหมือนเดิม แต่จำนวนที่ต้องฝึกนั้นเพิ่มขึ้น

“เฮ่อ…ต้องเหนื่อยอีกแล้วสิ”

แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าผมก็ไม่ได้หายไปในเร็ว ๆ นี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด