ตอนที่แล้วตอนที่ 39
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 41

ตอนที่ 40


อเล็กซ์จึงถอดเสื้อคลุมตัวเองออก พร้อมสวมใส่ชุดเกราะที่โดดเด่นนี้ไว้ด้านใน

ซึ่งมันเป็นชุดเกราะเบา ไม่ใช่ชุดเกราะหนักแบบพวกนักรบหรืออัศวิน

เพียงแค่สวมใส่แนบเนื้อบางๆเท่านั้น แต่ด้วยวัสดุระดับสูง ความทนทานมันจีงมากกว่าพวกชุดเกราะหนักธรรมดาเสียอีก

อเล็กซ์สวมใส่ชุดเกราะเสร็จ เขาก็สวมเสื้อและสวมผ้าคลุมกลับไปตามเดิม จนทำให้ปกปิดชุดเกราะที่โดดเด่นจนหมด

หัวหน้าสมาคมและเอมิลก็ประหลาดใจ พวกเขาคิดว่าอเล็กซ์จะใส่ชุดเกราะนี้ไปโอ้อวดตามประสาวัยรุ่นเสียอีก

แต่ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ก็ดี จะได้หลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่ไม่จำเป็นต่างๆ

พวกเขาเริ่มไปรวบกลุ่มกับสมาชิกนักตกปลาคนอื่นๆ ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนอัธยาศัยดี

สมาชิก นักตกปลา ส่วนใหญ่จะเป็นพวกสามัญชนธรรมดา ที่ไม่ได้เย่อหยิ่งแบบพวกสายนักเวทย์ จึงทำให้ไม่ได้เกิดความวุ่นวายภายใน

พวกเขาล้วนกำลังตื่นเต้น ที่จะได้ไปบุกวังเบฟอก ที่ถือเป็นงานใหญ่ หากทำสำเร็จจะได้รับเงินตอบแทนมหาศาล

ส่วนอาวุธของพวกเขาส่วนใหญ่ที่อเล็กซ์สังเกตุดู พวกเขาจะมีส่วนหนึ่งที่ใช้ธนู ซึ่งถือเป็นอาวุธสำหรับพวกนักล่า

แต่มันก็สามารถใช้ยิงปลาใต้น้ำได้เช่นกัน จึงถือเป็นกำลังรบที่ดีในปฏิบัติการนี้

ส่วนพวกที่เหลือ ส่วนใหญ่จะใช้หอกเป็นอาวุธ เพราะมันเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการเผชิญหน้ากับสัตว์น้ำแล้ว

จะให้ใช้ขวานไปล่าปลา มันก็เป็นจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระและไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เป็นการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์

แต่มันก็พอมีบ้าง ที่มีพวกใช้ดาบเป็นอาวุธ แต่เจ้าพวกนี้มักเป็นนักล่าสัตว์น้ำที่ไม่ใช่ปลาซะมากกว่า

ส่วนที่น่าสนใจสุด ก็คือหัวหน้าสมาคม เขาใช้หอกรูปร่างประหลาด ที่มีปลายแหลมแยกออกมา 4 แฉก

เป็นเหมือนฉมวกแทงปลา แต่ดูจากรูปร่างแล้ว ก็น่าจะทำจากวัสดุไม่ธรรมดา แม้จุดประสงค์จะมีไว้แทงปลา

แต่หากเปลี่ยนมาใช่แทงคน มนุษย์ที่เป็นเป้าหมายก็คงไม่รอดเช่นกัน เพราะอาวุธทุกประเภทก็ใช้ในการโจมตีได้เหมือนกันหมด ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน

" เจ้าหนู เจ้าจงอยู่ข้างๆข้า และไม่จำเป็นต้องไปเสวนากับพวก สมาคมอื่นหรือพวกทหารมากนัก มันจะวุ่นวายเปล่าๆ "

เอมิลกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง อเล็กซ์จึงพยักหน้าเชื่อฟังอย่างง่ายดาย

เพราะเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปพูดคุยเรื่องไร้สาระมากนัก เขาควรจะโฟกัสไปที่ทำภารกิจให้สำเร็จดีกว่า

หลังจากจัดแจงหลายอย่าง ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางไปรวมกลุ่มกันที่ประตูตะวันออก

ด้วยรถม้าระดับพิเศษลากจูง พวกเขาจึงเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว

ซึ่งมีกลุ่มคนมารออยู่แล้ว ซึ่งพวกเขามีการจับกลุ่มกันเป็นหลายกลุ่มแยกออกจากกัน

เอมิลเห็นดังนั่นจึงหันมาอธิบายให้อเล็กซ์ฟัง

" พวกเขาทั้งหมด มาจากสมาคมนักผจญภัยและพวกทหารรับจ้างที่ร่วมในงานนี้ แต่มีนักผจญภัยกลุ่มหนึ่งที่โด่งดังในเมืองเรามาก …. "

" …. พวกเขาคือนักผจญภัย เรดทิวลิป ซึ่งเป็นกลุ่มนักผจญภัยที่ประกอบไปด้วยลูกหลานปลายแถวของขุนนางทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นพวกนี้ก็เก่งกาจมาก อย่าได้ดูถูกพวกสำอางเหล่านี้ "

เอมิลทำหน้าจริงจังพร้อมอธิบายให้ฟัง อเล็กซ์ก็ทำท่ายกมือขึ้นมากลางอก แล้วเขาก็ใช้ทักษะ ดวงตาจักระ เพ่งมองพลังงานของนักผจญภัยทุกคนรวมถึงกลุ่ม เรดทิวลิป ด้วย

' ส่วนใหญ่พวกเขาเป็นสายกายภาพ แถมมีพวกสายพลังเวทมนต์รวมอยู่ด้วยเล็กน้อย '

เอมิลที่สังเกตุอเล็กซ์ข้างๆ ก็กล่าวถามอย่างสงสัย

" เจ้าทำท่าทางแบบนี้ทำไม ? จริงสิ ตอนที่เจ้าใช้วิชาบีบอัดน้ำประหลาดนั่น รู้สึกว่าเจ้าจะทำท่าทางแบบนี้เหมือนกัน ? '

เอมิลทำท่าเลียนแบบอเล็กซ์ ซึ่งเป็นท่าที่เขาใช้ควบคุมจักระ

อเล็กซ์ได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ตกใจและตอบกลับไปอย่างสบายๆ

" มันเป็นเพียงท่าของทักษะคลาสของข้าเท่านั้น "

เอมิลที่ได้ฟังก็เข้าใจ บางคลาสล้วนมีเงื่อนไขประหลาด แถมคลาสอเล็กซ์ก็ยิ่งกว่าประหลาด จะมีเรื่องพวกนี้ก็ไม่แปลก

อเล็กซ์ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะถึงยังไงเรื่องนี้ก็อาจจะมีคนรู้เข้าในซักวัน แถมในอนาคตเขาก็มีวิธีจัดการกับเงื่อนไขนี้แล้ว คือการพัฒนาความชำนาญมันให้สูง

มันจะเป็นข้อเสียจริงๆ หากศัตรูรู้ข้อมูลนี้ไป ทำให้ศัตรูอาจจะสังเกตุว่าอเล็กซ์กำลังคิดทำสิ่งใดได้ มันจึงต้องเร่งแก้ไขให้ด่วน

แถมเอมิลก็ดูเป็นคนเชื่อถือได้ แม้จะดูล้นๆไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช้พวกต่ำช้าหรือเลวร้าย

เงื่อนไขของการเป็นพันธมิตร คือการที่มอบความไว้ใจให้กันและ แต่หากความไว้ใจนั้นถูกทำลาย ค่อยหาทางจัดการอีกทีคราวหลัง

หัวหน้าสมาคม นักตกปลา เป็นฝ่ายเดินไปคุยกับพวกกลุ่มนักผจญภัยด้วยตัวเอง เพื่อผสานงานและแสดงความจริงใจ

พวกเขารอกันซักพัก ก็มีกองทหารออกมาจากประตูเมือง ซึ่งพวกเขาล้วนแต่แผ่ออร่าแข็งแกร่งออกมา

" นี้คือหน่วยปฏิบัติการของกองทัพเมือง พวกเขาก็แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะหัวหน้าทหารหน่วยนี้ "

อเล็กซ์พยักหน้าเข้าใจและทราบดี คลาส ทหาร เป็นคลาสที่ค่อนข้างพิเศษ

คลาสขั้นสอง ของคลาส ทหาร มีจำนวนมหาศาล คลาส หัวหน้าทหาร เป็นเพียงคลาสหนึ่งที่ทหารทุกคนต้องมี เมื่อเลื่อนขั้นแรก

ส่วนคลาสอื่นๆที่จะตามมา ก็จะทำให้เขาแข็งแกร่งมากกว่าทั่วไป แต่คำเรียกก็ยังจะใช้ หัวหน้าทหารเช่นเดิม ซึ่งแต่ละคลาสจะนำไปสู่คลาสขั้นสามในอนาคต

หัวหน้าทหารหน่วยนี้คงจะมีความสามารถอื่นๆเสริมอยู่ด้วย แต่ดูแล้วคลาส หัวหน้า ทหาร ก็น่าจะเต็มแล้ว

ในส่วนของคลาสหนึ่งพัฒนามาคลาสสองนั้นค่อนข้างง่าย แต่การจะพัฒนาไปคลาสขั้นสาม

จะต้องมีคลาสขั้นสอง 2 อย่างเป็นอย่างต่ำ

ด้วยสิ่งนี้เงื่อนไขในการเป็นคลาสขั้นสามจึงยากมาก และแม้จะมีคลาสขั้นสองตันแล้ว ก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกไม่ได้….

ทางด้านฝ่ายติดต่อสื่อสารก็พูดคุยกัน จนในที่สุดพวกเขาก็ออกเดินทาง

ด้วยความที่เป็นขบวนใหญ่ จึงมั่นใจเรื่องความปลอดภัยแน่นอน แถมไม่จำเป็นต้องเดินทางเอง

อเล็กซ์จึงนั่งในรถม้าส่วนตัว และฝึกจักระเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เสียเวลาที่มีค่าไป

ขบวนเดินทางอยู่ครึ่งค่อนวัน มีพักกินอาหารกลางทางบ้างและเดินทางต่อ….

…..

ในเวลานี้อเล็กซ์และขบวนเดินทางทั้งหมด มาถึงท่าเรือและพบเข้ากับกองทหารเรือ ที่อยู่บนท่าน้ำขนาดใหญ่

แม้ไม่ใช่กองทัพเรือขนาดใหญ่ แต่พวกเขาล้วนมีคลาส นักตกปลา เหมือนกัน

แถมบนเรือก็มีการติดตั้งเทคโนโลยีต่างๆเอาไว้มากมาย ทั้งอาวุธสงครามทางน้ำและอุปกรณ์ดูแปลกๆ

ถ้าเทียบกับ สมาคมนักตกปลาเป็นเหมือนพวกยอดฝีมือจากพลเรือน พวกกองทัพเรือพวกนี้ก็เป็นกองกำลังจากทางการ ที่อาจจะเพียบพร้อมกว่า

พวกทหารเมืองกับทหารเรือ ทำความเคารพไปมา เสร็จแล้วพวกเขาก็ขึ้นไปบนเรือ

" เราอาจจะใช้เวลา 1 วัน ในการเดินทาง พรุ่งนี้ถึงจะเป็นการโจมตีที่แท้จริง "

อเล็กซ์นั้นอยู่ข้างรองหัวหน้าสมาคมตลอด ทำให้ถูกแนะนำข้อมูลหลายๆอย่าง

ในปฏิบัติการครั้งนี้ มีทั้งสมาคมนักตกปลา ทหารหน่วยปฏิบัติการเมือง ทหารเรือของอาณาจักร นักผจญภัยและทหารรับจ้าง

เรียกได้ว่าถือเป็นศึกใหญ่ศึกหนึ่ง ในการต่อสู้นี้จึงอาจจะมีการสูญเสียบ้างเล็กน้อย

" เจ้าหนู เจ้ากลัวหรือป่าว ? "

" หึ ถ้าข้ากลัวแล้วท่านจะช่วยปลอบข้าหรือ ? "

อเล็กซ์ตอบกลับไปอย่างผ่อนคลาย แน่นอนว่าด้วยอายุ อเล็กซ์จะถูกสงสัยถึงเรื่องนี้ก็ไม่แปลก

เพราะความเป็นอัจฉริยะ ถึงยังไงถ้าอ่อนประสบการณ์ ก็ต้องมีการหวั่นไหวกันบ้าง

แต่ด้วยการแสดงออกของอเล็กซ์ ทำให้เอมิลรู้สึก ไม่เหมือนมองเด็กน้อย แต่มองผู้เชี่ยวชาญที่มั่นใจในตัวเองมาก

เขาจึงเชิดจมูกด้วยความหมั่นไส้เล็กๆ และคิดว่าเจ้าหนูนี้ควรโดนประสบการณ์ตบสั่งสอนบ้าง

หลังจากนั้น พวกเขาก็ขนของต่างๆขึ้นเรือและออกเดินทางทันที

ในคืนนั้น พวกเขาได้ประชุมวางแผนกัน เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนให้เต็มที่ โดยที่อเล็กซ์ถือเป็นตัวสำคัญในงานนี้

…..

วันรุ่งขึ้น กองเรือกว่า 15 ลำ แล่นผ่านแม่น้ำแห่งหนึ่ง โดยที่เรือทุกลำ เคลื่อนไหวโดยมีสัตว์น้ำขนาดยักษ์ลากจูง

ซึ่งพวกมันเป็นสัตว์น้ำขนาดใหญ่ แต่เป็นเพียงระดับธรรมดาที่ถูกฝึกมา มันเป็นเหมือนพวกวัว ควาย ที่ใช้ได้แค่ลากจูงและใช้ต่อสู้ไม่ค่อยได้

ซึ่งในเวลานี้ พวกเขาเริ่มพบกับพวกเบฟอกให้เห็นบ้างแล้ว พวกมันกระโดดขึ้นมาบนเรือและพยายามโจมตี

แต่ผู้คนในปฏิบัติการนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ทุกคนแทบมีคลาสขั้นหนึ่งระดับสูงสุดเป็นอย่างต่ำ และส่วนใหญ่เป็นทหาร

ส่วนพวกนักผจญภัยไม่ต้องพูดถึง พวกเขาแข็งแกร่งมาก แทบไม่มีพวกเบฟอกหลุดรอดจากพวกเขาไปได้เลย

" เรากำลังจะถึงเส้นทางเข้าสู่ทะเลสาปแล้ว "

ทะเลสาปขนาดใหญ่ที่ว่า มีเส้นทางแม่น้ำหลายสายที่แยกผ่านออกไป ทำให้มีพวกเบฟอกบางตัวก็หากินผ่านแม่น้ำพวกนี้

ด้วยความที่พวกเขาจำเป็นต้องเดินทางผ่านโดยต้องใช้เรือ พวกเขาจะโดนตรวจพบอย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เพราะมันมีอุปกรณ์มากมายที่ต้องใช้ผ่านเรือ หากมาทางบก พวกเขาจะไปถึงกลางทะเลสาปที่กว้างใหญ่ได้ยังไง ?

เมื่อเลี้ยวเข้าทางโค้ง เส้นทางแม่น้ำก็แคบลง ทำให้กองเรือต้องค่อยๆต่อแถวเพื่อเดินทางต่อ

แต่ในช่วงจังหวะนี้ก็มีพวกเบฟอกจำนวนมาก พุ่งเข้ามาโจมตีบนเรือ

พวกมันบางตัวก็ถือเปลือกหอยที่แหลมไว้ใช้แทง หรือเป็นพวกไม้ใต้ทะเลเหลาจนแหลมเพื่อเป็นอาวุธ

แต่บางตัวก็ถืออาวุธเป็นแท่งโลหะเลย บางตัวก็ใช้ร่างกายตัวเองเป็นอาวุธ

ซึ่งพวกมันก็คือพวกเบฟอกประเภท ปู พวกมันเพียงใช้กล้ามหนีบก็สามารถตัดอวัยวะมนุษย์ได้แล้ว

การต่อสู้เพื่อฝ่าเส้นทาง เต็มไปด้วยความดุเดือด แต่ก็ยังไม่พบพวกเบฟอกระดับสูง

ดังนั้นการต่อสู้จึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่น กองเรือก็เคลื่อนตัวจนสามารถเข้ามาในเขตทะเลสาปได้สำเร็จ

พวกนักล่าที่เป็นคนของสมาคมนักตกปลา หรือจะเป็นนักล่าหน่วยทหารเรือ พวกเขาล้วนเล็งยิงธนูใส่พวกเบฟอกทั้งที่ขึ้นมาบนเรือและอยู่ใต้น้ำ

จนเลือดสีน้ำเงินของพวกมันไหลอาบทั่วทั้งทะเลสาปโดยรอบ

ทำให้ปลุกพวกสิ่งมีชีวิตอันตรายใต้ทะเลสาปให้ตื่นขึ้น

ณ วังใต้ทะเลสาป พวกแม่ทัพเปลือกหอยต่างเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาเริ่มจัดทัพและเคลื่อนไหวบางส่วนออกไปทันที

กลับมาทางด้านอเล็กซ์ เขาก็ลงมือชกต่อยใส่พวกเบฟอกที่พยายามปีนเรือขึ้นมาเช่นกัน

แต่เขาก็ไม่ได้ออกแรงมากนัก เพราะที่ด้านข้าง มีเอมิล ที่ควงหอกตัดทุกสรรพสิ่งที่เข้ามาใกล้อย่างดุเดือด

" ตรวจพบ ศัตรูจำนวนมากใต้น้ำ "

ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนจากพวกนักล่า ที่มีสัมผัสที่เฉียบคม

ต่อมาก็มีพวกเบฟอกจำนวนมากโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ ซึ่งพวกเบฟอกในคราวนี้ค่อนข้างมีระเบียบ

พวกมันทุกตัวไม่จำเป็นต้องใส่เกราะ เพราะบนตัวล้วนเต็มไปด้วยเกล็ด หรือไม่ก็เปลือกที่ทนทานแวววาว

ซึ่งเบฟอกพวกนี้มีเลเวลเผ่าพันธุ์ที่สูงกว่าปกติ ทำให้เกิดการวิวัฒนาการเป็นระดับสูงขึ้น

คล้ายๆระดับชนชั้นของพวกสัตว์อสูร ทำให้เจ้าพวกนี้เหนือกว่าพวกที่ผ่านมาแน่นอน

มันจึงทำให้พวกทหารเรือหรือคนของสมาคมที่แข็งแกร่ง เริ่มออกมารับมือมากขึ้นจนกลายเป็นศึกใหญ่

ในตอนนั้นเอง ในมุมหนึ่งที่มีพวกนักผจญภัยคุ้มกันอย่างแน่นหนา

จู่ๆก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้น แล้วแสงนั้นก็ตกลงใส่เหล่ามนุษย์ทุกคนบนกองเรือ

ซึ่งที่มาของแสง ก็คือหญิงสาวที่แต่งกายสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งเธอก็คือนักบวชที่ใช้พลังสายศรัทธา

แสงเหล่านั้นกลายเป็นบัพ ทำให้ทุกคนหึกเหิมและช่วยผ่อนคลายความอ่อนล้า

ทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้ พวกมนุษย์เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างท่วมท้น

แม้มนุษย์ไม่มีพรสวรรค์ทางด้านใดสุด แต่พวกเขาเรียนรู้จากความอ่อนแอ และพัฒนาความร่วมมือขึ้นมาจนเข้มแข็งขึ้น

ซึ่งในความจริง กำลังพลของเมือง เรดโรสัน สามารถสยบพวกเบฟอกพวกนี้ได้ไม่ยาก

แต่ที่ยากคือ การบุกวังใต้ทะเลสาปและกำจัดพวกมันอย่างถอนรากถอนโคนต่างหากที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ

เหล่าเบฟอกที่แม้จะมีเปลือกทนทานกว่าปกติ แต่พวกมันก็ทนทานโลหะและทักษะจำนวนมากที่มนุษย์สาดเข้าใส่ไม่ไหว

จนกองเรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนั้นเอง เรือหลังสุดก็ถูกบางอย่างโจมตีจากท้ายเรือจนเซอย่างหนัก

" มีสัตว์อสูรใต้น้ำขนาดใหญ่โจมตี !!!! "

พวกทหารเรือชั้นผู้น้อยต่างตื่นตระหนก แต่กองเรือขนาดใหญ่นี้ก็มีพวกอาวุธสงครามไว้รับมือแล้ว

ลูกธนูขนาดใหญ่ถูกยิงออกไปอย่างแรง จนฝ่าน้ำและยิงเข้าใส่สัตว์อสูรยักษ์จนหมดสภาพ และถูกพวกผู้เชี่ยวชาญของสมาคมนักตกปลาา ตามไปโจมตี

ทำให้กองเรือเร่งเดินทางเต็มกำลัง จนพวกเขามาถึงจุดที่มีพวกเบฟอกชุมนุมกันมากที่สุด

ในตอนนั้น พวกนักล่าก็เริ่มเห็นฝูงบางอย่างเข้ามาใกล้

" พวกลิซาร์ดแมนมาแล้ว พวกนักผจญภัยและทหารรับจ้างเตรียมรับมือ

พวกนักผจญภัยและทหารรับจ้าง ก็ต้องรับฟังคำสั่งจากหัวหน้า ที่เป็นทางการอยู่แล้ว และนี้ก็เป็นหน้าที่ที่พวกเขาได้รับมอบหมายมา

หลังจากนั้นเรือก็ได้เดินทางต่อ ท่ามกลางการต่อสู้ฝ่าวงล้อมที่ดุเดือด จนเรือมาถึงจุดที่พวกทหารเรือจดจำได้

" ที่ตรงนี้แหละ ที่เราเคยสำรวจวังของมันคราวก่อน "

เมื่อได้สัญญาณสั่งการ พวกเขาก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวเครื่องจักรบางอย่าง

โซ่และเครื่องจักรทำงาน ทำให้เห็นแท่งโลหะบางอย่างที่ดูคล้ายกับระฆังขนาดใหญ่

เสร็จแล้วพวกเขาก็หย่อนระฆังอันนั้นลงไปสัมผัสผิวน้ำ พร้อมคนของสมาคมนักตกปล ก็กระโดดลงไปในบนก้อนโลหะคล้ายระฆังอันนั้น

" พวกเราไป !!! "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด