ตอนที่แล้วNH-ตอนที่ 36 เอาชนะความกลัวของตนเอง (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปNH-ตอนที่ 38 เอาชนะความกลัวของตนเอง (3)

NH-ตอนที่ 37 เอาชนะความกลัวของตนเอง (2)


“นักรบโครงกระดูก ลุยเลย!” ลุกซ์ สั่งให้ มอนสเตอร์อัญเชิญของเขา แบก เฮเลนไว้ด้านหลัง

ในขณะเดียวกันก็ให้ จับ แอนอี้ และ อาเซล พาดไว้บนบ่นเหมือนกระสอบ

ส่วนแมทตี้ที่ฟื้นตัวเขารีบวิ่งไปเคียงข้างพวกเขา เมื่อเด็ก ๆ ทุกคนอยู่ที่ขอบห้องโดยเอาหลังพิงประตูทองสัมฤทธิ์ ลุกซ์ ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

จากนั้นเขาก็เฝ้าดู เดียโบล และ ดาร์กดรักเกอร์ ต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวอย่างเข้มข้น

ดาบคู่ของดาร์กดรักเกอร์ ได้เปล่งประกายขณะที่มันเตรียมใช้ฟาดฟันใส่ อัศวินดำตรงหน้า

เดียโบล เองก็ไม่ท้อถอยและเตรียมที่จะปลดปล่อยสกิลฟาดฟันของเขาเช่นเดียวกัน

เมื่อการโจมตีของทั้งสองปะทะกัน ดาร์กดรักเกอร์ ก็ถอยหลังไป 1 ก้าว ในขณะที่ เดียโบล ได้ไถลออกไปหลายเมตร ถึงกระนั้น แสงประกายของดวงตาสีทองที่ส่องผ่านภายในหมวกของอัศวินดำก็ไม่ได้สั่นไหว

เดียโบลได้พุ่งเข้าหา ดาร์กดรักเกอร์ และ แทงดาบไปข้างหน้า ดาร์กดรักเกอร์ พยายามเบี่ยงตัวเพื่อหลบ แต่ก็ถูกโล่ทรงกลมของเดียโบลขวางเอาไว้

อันเดด ทั้งสองต่างแลกหมัดกันหลายครั้ง โดย เดียโบล จะเป็นฝ่ายถูกผลักกลับมาซะส่วนใหญ่ ถึงกระนั้น สิ่งมีชีวิตมีชื่อของลุกซ์ ก็เปิดใช้งาน สกิลปัดป้อง ได้สำเร็จหลายครั้ง และ สร้างความเสียหายต่อศัตรูที่อยู่ตรงหน้า

หลังจากมองดูการต่อสู้ เด็ก ๆ ก็เริ่มฟื้นความสงบและตระหนักได้อย่างชัดเจน พวกเขาทั้งหมดรู้สึกประหลาดใจที่โครงกระดูกที่เคยต่อสู้เคียงข้างพวกเขาในช่วงการระบาดของมอนสเตอร์ กลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้

พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เดียโบล จะสามารถยืนหยัดต่อกรกับ ดาร์กดรักเกอร์ ที่เป็นมอนสเตอร์สูงสุดของระดับ 1 ได้ด้วยตัวเอง

“สุดยอดมาก” แมทตี้ กล่าวพูดอย่างตะกุกตะกัก “แม้ว่าความแข็งแกร่งจะต่างกัน แต่เดียโบลก็สามารถโต้กลับได้”

“เดียโบลจะสามารถเอชนะมันได้ไหม?” เฮเลน กล่าวถาม

“ไม่” ลุกซ์ ตอบกลับ “ดาร์กดรักเกอร์ แข็งแกร่งกว่าเดียโบลในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยตัวคนเดียว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เพราะยังมีพวกเธอทุกคนอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นฉันจะช่วย เดียโบลเอง ส่วน นักรบโครงกระดูกคอยปกป้องพวกเด็ก ๆ เอาไว้”

ลุกซ์ ไม่รอคำตอบใด ๆ ขณะที่เขาพุ่งเข้าไปในสนามรบและชี้นิ้วไปที่ศัตรูของพวกเขา

“ศรแห่งความมืด!”

ลูกศรแห่งความมืดได้พุ่งออกมาจากนิ้วของ ลุกซ์ และ โดนเข้าที่ใบหน้าของ ดาร์กดรักเกอร์ เพียงแต่น่าเสียดาย ที่มันไม่ได้ทำให้ติดสถานะตาบอด อย่างที่เขาหวังเอาไว้

ดาร์กดรักเกอร์ ชำเลืองมองไปยังทิศทางของ ลุกซ์ ด้วยความรำคาญ แต่ก่อนที่มันจะได้ทันทำอะไร โล่ก็กระแทกเข้าใส่ร่างของมัน จนทำให้มันไถลไปไกลหลายเมตร

ขณะที่ ดาร์กดรักเกอร์ กำลังจะตอบโต้การโจมตี หมาป่าพงไพร ก็กระโดดเข้ามาและตะปบบเข้าที่ใบหน้าของอันเดด 1 ที ก่อนที่จะรีบวิ่งหนีไป

นับตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น หมาป่าพงไพร ก็ใช้กลยุทธ์โจมตีแล้วถอยตามเจตจำนงค์ของเดียโบล เพราะมันอ่อนแอกว่า ดาร์กดรักเกอร์ มาก และ อาจจะตายได้ทันทีหลังจากถูกโจมตีเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม เดียโบล กลับใช้มันอย่างมีประสิทธิภาพและสั่งให้มันโจมตีมอนสเตอร์ระดับ 1 ตัวนี้จนมันไม่สามารถตอบโต้ได้

“ศรแห่งความมืด!”

ลูกศรแห่งความมืดอีก 1 ดอก ได้พุ่งตกลงไปใส่หัวของ ดาร์กดรักเกอร์ แน่นอนว่า สกิลนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ เนื่องจากจุดประสงค์เดียวของมันก็คือทำให้เป้าหมายติดสถานะตาบอด เพียงแต่น่าเสียดาย ที่สถานะตาบอด ไม่ได้ทำงานอีกครั้ง จนทำให้ ลุกซ์ สงสัยว่า ศัตรูของพวกเขามีภูมิตคุ้มกันต่อสถานะตาบอดหรือไม่

คราวนี้ ดาร์กดรักเกอร์ ได้กลายเป็นบ้าคลั่งโดยสมบูรณ์ ศัตรู 3 คนได้โจมตีมันพร้อมกัน และ ทำให้มันยากที่จะตัดสินใจได้ว่าจะจัดการใครก่อน

เดียโบล อยู่ใกล้กับ ดาร์กดรักเกอร์ มากที่สุด และ พร้อมที่จะเคลื่อนไหวทันทีที่อีกฝ่ายเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตมีชื่อนี้ ได้รับการปรับปรุงอย่างมาก แม้กระทั่งค่าสถานะก็กลายเป็นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพราะงั้น มันจึงสามารถพอที่จะตอบโต้การโจมตีของ ดาร์กดรักเกอร์ ได้ทัน

ลุกซ์ เองก็เริ่มคุ้นเคยกับรูปแบบการโจมตีของ บอสมอนสเตอร์ เขากำลังรอโอกาสที่จะโจมตีและจัดการกับมันอย่างรุนแรง

ดาร์กดรักเกอร์ ร้องออกมาอย่างโหยหวนขณะที่มันเปิดใช้งานสกิลฟาดฟันอีกครั้ง แต่ เดียโบล ที่มีพลังป้องกันระดับหนึ่ง ได้เข้าไปขวางเอาไว้โดยใช้โล่ของเขา

ในขณะเดียวกัน หมาป่าพงไพร และ ลุกซ์ ก็พุ่งเข้าใส่ ดาร์กดรักเกอร์ จากทางด้านซ้ายและขวาของมัน

“ฟาดฟัน!” ลุกซ์ คำรามออกมาขณะที่ เอาท์เบรกเกอร์ที่ส่องแสงสีแดงเข้ม ได้ฟันเข้าไปที่ร่างของอันเดด จนลดพลังชีวิตของมันไป 1 ใน 10 จากการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ส่วนหมาป่าพงไพร ก็ตวัดกรงเล็บไปที่หัวของ ดาร์กดรักเกอร์ และ สร้างความเสียหายให้กับมันเล็กน้อย

ดาร์กดรักเกอร์ ถอยหลังกลับไป 1 ก้าว เนื่องจากการผสานการโจมตีของพวก ลุกซ์ ดังนั้นมันจึงได้ยกดาบทั้งสองขึ้นมาป้องกันทันที

ทางด้าน ลุกซ์ เองก็ถอยห่างเพราะเขาไม่ต้องการเผชิญหน้ากับการโจมตีของ ดาร์กดรักเกอร์ โดยปราศจากการป้องกัน อย่างไรก็ตาม ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มก็ไม่ลังเลที่จะยิงศรแห่งความมืดใส่อันเดดตรงหน้า

คราวนี้สถานะตาบอดเริ่มทำงานจนทำให้มีหมอกสีดำไหลออกมาจากดวงตาของ ดาร์กดรักเกอร์

“แอนดี้!,อาเซล! ตอนนี้แหล่ะโจมตีเลย!” ลุกซ์ ตะโกนชื่อ ซึ่งทำให้ นักเวทย์ดวอร์ฟทั้ง 2 กลับมามีสติอีกครั้ง

“ชะ-ใช่แล้ว พวกเรามาที่นี่เพื่อต่อสู้ ไม่ใช่การเฝ้าดูเสียหน่อย” แอนดี้ พึมพัมออกมาขณะที่เขายกคฑาเวทย์ขึ้นและเล็งไปที่อันเดดที่ติดสถานะตาบอด หลังจากร่ายคาถาสั้น ๆ ลุกไฟขนาดเท่าลูกเทนนิสก็ปรากฏขึ้นที่ปลายคฑาเวทย์ของเขาทันที

“ลูกบอลไฟ!”

เช่นเดียวกัน อาเซล ก็ร่ายเวทย์โจมตีของเขาเองและยิงมันในเวลาเดียวกันกับที่เพื่อนของเขาทำ

“ลูกบอลน้ำ!”

เวทย์มนตร์ทั้ง 2 ได้ผลักร่างของ ดาร์กดรักเกอร์ ถอยไป 2-3 ก้าวจากจุดที่มันยืนอยู่ และ สิ่งนี้ทำให้นักเวทย์ทั้งสองเริ่มฟื้นฟูความมั่นใจกลับมา

“ใช่แล้ว พวกเราทำได้!” ลุกซ์ ตะโกนขึ้น “นี่ไม่ใช่การต่อสู้ตัวต่อตัว! แต่มันคือการต่อสู้ 8 ต่อ 1! ฝ่ายพวกเรามีจำนวนที่มากกว่า ดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องไปกลัว เดียโบล และ ฉัน จะคอยปกป้องพวกเธอทุกคนเอง ดังนั้นจงจับอาวุธขึ้นมาและต่อสู้กลับซะ!”

โคเล็ตต์,แมทตี้ และ เฮเลน กำอาวุธในมือแน่น หลังจากได้ยินคำพูดของ ลุกซ์ และ เห็นการโจมตีของ แอนอี้ และ อาเซล ความกล้าหาญของพวกเขาก็กลับมาอีกครั้ง

“ชาร์จ!” โคเล็ตต์ กล่าวพูดออกมาขณะที่เธอวิ่งเข้าไปหา ดาร์กดรักเกอร์ พร้อมกับใช้กระบองของเธอเตรียมพร้อมที่จะโจมตี

แมทตี้ ได้วิ่งเข้าไปเคียงข้าง โคเล็ตต์ เพราะไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้เธอต่อสู้เพียงลำพัง ดังนั้นเขาจึงจับดาบของเขาแน่น และ พุ่งไปข้างหน้าและฟันเข้าที่ร่างของ ดาร์กดรักเกอร์ ที่แกว่งไปมา

ทันทีที่ แมทตี้ รู้สึกว่าดาบของเขาโดนร่างของมอนสเตอร์ตัวนี้ เลือดของเขาก็กลายเป็นเดือดพล่านและพร้อมที่จะต่อสู้ เขาไม่ได้รู้สึกกลัวอีกต่อไป และ เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีร่วมกับสมาชิกในปาร์ตี้ของเขา

“ลำแสงศักดิ์สิทธิ์!” โคเล็ตต์ ตะโกนขณะที่เธอฟาดกระบองไปที่ขาขวาของ ดาร์กดรักเกอร์ จนทำให้มันเสียการทรงตัว

เฮเล่น นักบวชของปาร์ตี้ ก็เริ่มร่ายคาถา ทันใดนั้น ศรแห่งแสงสว่าง ก็ได้พุ่งออกมาจากปลายคฑาของเธอ และเตรียมโจมตีใส่ อันเดด ที่ตามหลอกหลอนเธอในความฝันตลอดช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

“ศรศักดิ์สิทธิ์!”

ลูกศรแห่งแสงสว่าง ได้พุ่งเข้าใส่หน้าอกของ อันเดด จนทำให้มันส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด พลังศักดิ์สิทธิ์ และ เวทย์มนตร์แห่งชีวิตนั้น ถือเป็นพิษร้ายแรงต่อพวก อันเดด ดังนั้น การโจมตีของ โคเล็ตต์ และ เฮเลน จึงสร้างความเสียหายให้กับมันได้อย่างมาก

ทันใดนั้น ดาร์กดรักเกอร์ ก็คำรามออกมา และ มีหมอกสีแดงไหลออกมาจากร่างกายของมัน สถานะตาบอดเองก็สูญเสียผลกระทบของมันไปเช่นเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ มอนสเตอร์สูงสุดระดับ 1 กลับมามองเห็นแมลงที่รวมกลุ่มกันโจมตีมันได้ในที่สุด

“ระวัง มันกำลังจะเข้าสู่สถานะบ้าดีเดือดแล้ว!” ลุกซ์ ตะโกนขึ้นทันที “โคเล็ตต์ แมทตี้ รีบถอยไปก่อน! ให้เดียโบลเข้าไปเผชิญหน้ากับมันก่อน! แอนดี้,อาเซล,เฮเลน หยุดยิงเวทย์มนตร์และรอฟังสัญญาณจากฉัน!”

เด็ก ๆ เชื่อฟังคำสั่งของลุกซ์ โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ และปล่อยให้ เดียโบล เข้าไปต่อสู้กับ ดาร์กดรักเกอร์ แบบตัวต่อตัว

พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่า ลุกซ์ ได้กลายเป็นหัวหน้าปาร์ตี้แทน โคเล็ตต์ไปแล้ว ดังนั้น คนแคระเหล่านี้จึงฟังคำสั่งของเขาและเริ่มจัดขบวนทัพใหม่

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นแถบค่าพลังชีวิตของศัตรู แต่ ลุกซ์ ก็มั่นใจในความเสียหายที่พวกเขาทำนั้น ได้เกินกว่าครึ่งหนึ่งของค่าพลังชีวิตของ ดาร์กดรักเกอร์ ไปแล้ว เพราะงั้น มันจึงได้เข้าสู่สถานะบ้าดีเดือด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด