ตอนที่แล้วบทที่ 21-22
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25-26

บทที่ 23-24


บทที่ 23

นางข้าหลวงอาวุโสอวี่เสียหน้า

“เพียะ!” ทันใดนั้นเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าอย่างรุนแรงก็ดังขึ้น รอยฝ่ามือแดงราวโลหิตบนใบหน้าของปี้เหลียน ทำให้ใจของผู้มองเห็นถึงกับสั่นสะท้าน

“นังหมารับใช้สกปรก เจ้าพูดกับเจ้านายว่าอย่างไรนะ?” เมิ่งอวิ๋นเสียงกำลังคิดบางอย่างอยู่ แต่หมารับใช้ที่โง่เขลาผู้นี้กลับกล้าใส่ไฟก่อน นี่ไม่ใช่การทำให้นางข้าหลวงอาวุโสอวี่เสียหน้าหรอกหรือ?

ไม่มีใครไม่รู้ว่านางข้าหลวงอาวุโสอวี่เป็นที่รู้จักในฐานะหัวหน้านางกำนัลมาโดยตลอด นางจึงคาดไม่ถึงว่าตนเองจะไม่อาจสอนนางสนมได้จริง ๆ เพราะเมื่อเจอพระสนมแล้วแต่กลับไม่คุกเข่าลง นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลย

“ทหาร ลากหมารับใช้ตัวนี้ไปจัดการเสีย เพื่อไม่ให้ไท่จื่อและพระสนมต้องเสียพระพักตร์ และไม่แหกกฎของตำหนักบูรพา” ทันทีที่นางข้าหลวงอาวุโสอวี่กล่าวจบ พวกทหารก็รีบวิ่งเข้ามา

เมื่อเจียงหลูเยวี่ยเห็นเช่นนั้นก็กังวลใจยิ่งนัก นางจึงกัดฟันคุกเข่าลงต่อหน้าเมิ่งอวิ๋นเสียง “หวังว่าพี่สาวจะให้อภัย ทั้งหมดเป็นความผิดของน้องเองเพคะ น้องไม่ทราบว่าพี่สาวจะมาปรากฏตัวที่นี่อย่างกะทันหัน จึงดีใจจนลืมทักทายเพคะ”

เมิ่งอวิ๋นเสียงได้ยินคำพูดนั้นก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “พูดเช่นนั้นก็แสดงว่าจะบอกว่าข้าผิดสินะ เป็นความผิดของข้าเองที่ทำให้เจ้าหวาดกลัวอย่างนั้นหรือ?”

นังดอกบัวขาว แกล้งไล่ต้อนให้จนมุมเลยดีกว่า

เมื่อถูกถามเช่นนั้น เจียงหลูเยวี่ยก็ตกตะลึง “นั่น...”

เมื่อเห็นการแสดงออกที่อ่อนแอของเจียงหลูเยวี่ย      เมิ่งอวิ๋นเสียงก็รู้สึกโล่งใจ “ลืมไปว่าข้าไม่ใช่คนไม่รู้สถานการณ์เช่นเจ้า  โบยสุนัขรับใช้ตัวนี้สักสามสิบไม้ก็เพียงพอแล้ว ในอนาคตหวังว่าเจ้าจะจำได้ว่าทุกครั้งที่เจ้าเจอข้าจะต้องทำเหมือนตอนนี้ ทั้งหมดที่ข้าทำไปก็เพื่อปกป้องเกียรติของตำหนักบูรพาของเรา!”

เมิ่งอวิ๋นเสียงอ้างว่าไม่ว่าจะทางซ้ายหรือขวาก็เป็นตำหนักบูรพา นางจึงต้องพยายามอย่างสุดความสามารถและทุ่มเทอย่างหนัก จนแทบจะสลักคำว่า “ตำหนักบูรพา” ลงบนหัวใจ

เจียงหลูเยวี่ยก้มศีรษะลง ลึกลงไปในดวงตาของนางคาดเดาไม่ได้ หากมองใกล้ ๆ ก็จะพบว่าเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง

แต่นางทำได้เพียงกัดฟันพยักหน้ารับคำเท่านั้น

ทันทีที่เมิ่งอวิ๋นเสียงและนางข้าหลวงอาวุโสอวี่จากไป เจียงหลูเยวี่ยก็กลับไปที่ห้องและทุบทุกอย่างที่สามารถทุบได้ ขณะที่ปากของนางก็พร่ำบ่นคำสาปแช่งเมิ่งอวิ๋นเสียง

เมื่อหญิงรับใช้เห็นเช่นนี้ก็ก้าวเข้ามาหาด้วยกายอันสั่นเทา “นายท่าน แล้วแม่นางปี้เหลียนเล่าเพคะ?”

ปกติแล้วการอบรมสั่งสอนเช่นนี้มักใช้แสดงให้คนนอกเห็นก็เพียงพอแล้ว ส่วนจะทำต่อไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นคือแม่นางปี้เหลียนเป็นหญิงรับใช้ส่วนตัวของไท่จื่อผินด้วย ฉะนั้นนางก็คงจะไม่ถูกลงโทษอย่างรุนแรง

“ตบ ข้าถูกบังคับให้ตบนางอย่างแรง แล้วยังถูกนำตัวไปโบยต่ออีกด้วย” ก่อนที่หญิงรับใช้จะได้สติ เสียงเกรี้ยวกราดก็ลอยเข้าหูนาง

แม้ว่านางจะสงสัยแต่ก็รับคำสั่งแต่โดยดี

ทันทีที่กลับมาถึงตำหนัก เมิ่งอวิ๋นเสียงก็ได้ยินเรื่องที่   เจียงหลูเยวี่ยใช้วิธีเชือดไก่ให้ลิงดู

“ไท่จื่อเฟย เหตุใดท่านจึงคิดว่าไท่จื่อผินผู้นั้นโหดร้ายนัก มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะถูกโบยสามสิบไม้หรือไม่ นางไม่เพียงแค่ไม่พอใจเท่านั้น แต่ยังทำให้ทุกคนไม่พอใจท่านด้วย นั่นไม่ใช่...” ชิงหลัวนวดน่องให้เมิ่งอวิ๋นเสียงขณะนึกถึงปี้เหลียนในใจหลายครั้ง

เมิ่งอวิ๋นเสียงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงอย่างผ่อนคลาย เมื่อได้ยินคำพูดนั้นนางก็ลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า “เบา ๆ หน่อย... มันเจ็บ... เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่ไม่ได้เป็นเพราะพวกเรา แต่เป็นเพราะไท่จื่อ”

“ไท่จื่อหรือ? อย่างไรเพคะ?”

เมิ่งอวิ๋นเสียงส่ายหน้า ชิงหลัวยังคงใสซื่อเกินไป แต่ตอนนี้นางเหนื่อยมากจนไม่สามารถอธิบายกับนางได้ แต่ก่อนจะหลับตาลง นางได้ทิ้งประโยคที่คลุมเครือไว้ และคิดว่านางจะรู้เองเมื่อเวลานั้นมาถึง

จากนั้นชิงหลัวก็ได้เข้าใจความหมายของคำพูดของเจ้านายตน

เป็นไปดั่งที่คาดไว้ ไม่กี่วันต่อมาเมื่อชิงหลัวออกจากประตูตำหนัก นางก็ได้ยินเสียงครหา

คำพูดเหล่านั้นบอกว่าไท่จื่อเฟยเย่อหยิ่งและร้ายกาจ แม้แต่หญิงรับใช้ของไท่จื่อผินก็ยังไม่ยอมปล่อย และยังกล่าวอีกว่าไท่จื่อเฟยอิจฉาริษยาและหึงหวงอย่างรุนแรง และเล่นงานนางสนมอย่างโหดเหี้ยม

.

บทที่ 24

พวกนางพูดถูกแล้ว

ชิงหลัวเล่าทุกเรื่องที่นางได้ยินในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาให้เมิ่งอวิ๋นเสียงฟัง ผู้ฟังไม่ได้เอ่ยคำใดและเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ แล้วกล่าวว่าพวกนางพูดถูกแล้ว

สิ่งนี้ทำให้ชิงหลัวคร่ำครวญครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ได้เป็นเพราะแย่งผู้ชายไม่ใช่หรือ? ไท่จื่อเฟยได้กลายเป็นมารหัวใจไปแล้วโดยไม่คาดคิด

“ชิงหลัวน้อย เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่าจิตใจมนุษย์นั้นช่างน่ากลัว? ไม่ว่าเจ้าจะอธิบายสิ่งที่ตัวเองคิดให้คนอื่นฟังอย่างไร มันก็ไม่อาจเปลี่ยนความคิดของพวกเขาได้” เมิ่งอวิ๋นเสียงรู้สึกว่าหายากนักที่นางจะอธิบายจริงจังเช่นนี้ แต่นางก็ยังพ่ายแพ้ต่อสีหน้าไร้เดียงสาของชิงหลัว

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ วัวยังฉลาดกว่าเจ้าเลย...”

ชิงหลัวเม้มปากแน่น นางเข้าใจสิ่งนี้

“ไป ออกไปเดินเล่นกัน” เมิ่งอวิ๋นเสียงก้าวเดินออกไปโดยไม่สนใจชิงหลัว

“ไท่จื่อเฟย ท่านกำลังจะออกไปข้างนอกอีกแล้วหรือ     เพคะ?” ไหนบอกว่าจะพักผ่อน ท่านเจ็บก้นจนแทบจะเดินไม่ไหวไม่ใช่หรือ?

“ออกไปสิ ไยไม่ออกไปเปิดหูเปิดตาสัมผัสโลกที่แสนวิเศษใบนี้บ้าง...” เมิ่งอวิ๋นเสียงยังคงเจ็บบั้นท้ายนัก เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้นางได้หาเรื่องใส่ตัวด้วยการกวัดแกว่งมีดดาบต่อหน้ากวนอู จนทำให้นางข้าหลวงอาวุโสอวี่ฝึกฝนนางหนักขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ราวกับว่าต้องการฝึกให้นางถึงระดับนางงามจักรวาล

ต่อให้ออกไปแล้วจะเป็นอย่างไร หากท่านไม่ได้ไปเดินรอบตำหนัก ท่านก็อาจจะอาละวาดอยู่ที่นี่ก็ได้ ชิงหลัวกล้าพูดเช่นนี้เพียงแค่ในใจเท่านั้น

“ถวายบังคมไท่จื่อเฟย”

“เยวี่ยเอ๋อคำนับพี่สาวเพคะ...”

วันนี้เจียงหลูเยวี่ยสวมชุดสีชมพูอ่อน ผมสลวยของนางสะท้อนแสงราวสายน้ำตกสีดำ ที่หว่างคิ้วมีชาดแต้มอยู่เล็กน้อย มีร่องรอยของความเกลียดชังแวบผ่านสายตาของนาง และหายไปอย่างรวดเร็ว

“ช่างบังเอิญยิ่งนัก ช่างบังเอิญเหลือเกินที่เราได้พบกันอีก...” เมื่อเมิ่งอวิ๋นเสียงเห็นเจียงหลูเยวี่ยคุกเข่าอยู่บนพื้น นางก็พูดพลางหัวเราะเยาะ

ชิงหลัวรู้สึกละอายใจ ไม่กี่วันนี้นางเพิ่งไปเจอนางสนมมา และประโยคแรกของไท่จื่อเฟยก็กล่าวว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ได้เจอกัน ในโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร หาก  ไป๋เฉาไม่ออกมาสืบเรื่องนางสนมก่อน แล้วไท่จื่อเฟยจะได้มาพบกับนางเช่นนี้ได้อย่างไร

“ราวกับว่าน้องและพี่สาวใจตรงกันว่าดอกไม้ในสวนกำลังเบ่งบาน น้องตื่นเต้นนักที่ได้ออกมาเดินเล่น แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับพี่สาว” เจียงหลูเยวี่ยกล่าวขณะก้มหน้าลง ถ้อยคำของนางไม่ได้มีสิ่งที่ผิดแปลกไป

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว น้องสาวโปรดลุกขึ้นเถิด” เมิ่งอวิ๋นเสียงแสร้งทำเป็นก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะช่วยพยุงนาง แต่ก่อนที่นางจะเอื้อมมือออกไป เจียงหลูเยวี่ยก็ได้รับความช่วยเหลือจากปี้เหลียนที่อยู่ข้างนางอย่างรวดเร็ว และมีร่องรอยของความหวาดระแวงอยู่ในสายตาของนาง ในช่วงไม่กี่วันนี้ ทันทีที่เจ้านายของนางเจอสตรีผู้นี้ก็จะต้องคุกเข่าลง จนเข่าของนางบวมแดงอย่างน่าเวทนา หากไม่ใช่เพราะไท่จื่อยุ่งกับงานจนไม่ได้กลับวัง เขาก็คงจะถลกหนังนางแล้วเป็นแน่

เมิ่งอวิ๋นเสียงยกยิ้มก่อนจะดึงมือกลับอย่างไม่สบอารมณ์นัก

เมิ่งอวิ๋นเสียงเดินเล่นข้างนอกสักครู่ ก่อนจะกลับไปที่ตำหนักเพื่อนอนหลับอย่างเต็มอิ่ม

“ปัง” เสียงประตูถูกเปิดออกอย่างแรง เมิ่งอวิ๋นเสียงที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราพลันตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน นางโกรธจัดจนเปิดปากด่าว่า “ท่านจิ่งหรง ทุกครั้งที่เข้ามาก็เป็นเช่นนี้ตลอด ช่วยเปลี่ยนบ้างไม่ได้หรืออย่างไร?”

จิ่งหรงหน้าเสียเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของเขายิ่งมืดมนขึ้นกว่าเดิม “เจ้าทำให้เปิ่นหวางเหลืออด คิดว่าสิ่งที่เจ้ากระทำลงไปนั้นดีแล้วหรือ?”

เมิ่งอวิ๋นเสียงรู้สึกเวียนหัวยิ่งนัก นางพยุงตัวเองขึ้นแล้วพยายามลืมตา “ข้าทำดีแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านเห็นแล้วว่าข้ามีเมตตา อ่อนโยนและใจกว้าง ท่านจึงมาเพื่อมอบรางวัลให้ข้าใช่หรือไม่?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด