ตอนที่แล้วบทที่ 19-20
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23-24

บทที่ 21-22


บทที่ 21

อาหารเช้า

เมิ่งอวิ๋นเสียงเหลือบมองนางที่อยู่ด้านข้าง แล้วพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ขณะเริ่มเปิดศึกก่อนเล็กน้อย

“พอได้แล้ว ไท่จื่อเฟยนั่งลง” เมื่อเห็นว่าเยวี่ยเอ๋อถูกสตรีผู้นี้ข่มเหงด้วยวาจาอีกครั้ง จิ่งหรงก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก

ผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงรับใช้ก็หยิบเก้าอี้ตามคำสั่งก่อนหน้านี้มาวางตรงหน้าเมิ่งอวิ๋นเสียง

เมื่อเห็นเก้าอี้ เมิ่งอวิ๋นเสียงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่เก้าอี้ตัวนี้ไม่มีตะปู มิฉะนั้นบั้นท้ายของนางก็คงจะสะบักสะบอมไปมากกว่านี้

“เหตุใดยังไม่นั่งลงอีก? จะยืนกินข้าวหรือ?” เมื่อเห็นเมิ่งอวิ๋นเสียงยังคงยืนอยู่กับที่ จิ่งหรงก็รู้สึกสงสัยว่าสตรีผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา...

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เมิ่งอวิ๋นเสียงก็หัวเราะแห้งก่อนจะส่ายหน้า แล้ววางมือคู่งามลงบนเอวของตนอย่างแผ่วเบา แล้วนั่งลงอย่างแช่มช้า ท่าทางของนางดูราวกับสตรีตั้งครรภ์ที่พยายามทรงตัว มันทั้งดูน่าขันปนหดหู่ยิ่งนัก

เมื่อมองไปที่จิ่งหรงและเจียงหลูเยวี่ย ก็เห็นว่าพวกเขายังคงอิงแอบแนบชิดกันอย่างสงบราวไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย

เมิ่งอวิ๋นเสียงไม่ได้รู้สึกโกรธเลย นางนั่งจิบชาแล้วหลับตาลงพลางพูดเบา ๆ ว่า “หม่อมฉันคิดว่าไท่จื่อห่วงใยหม่อมฉันมากเกินไป จึงสั่งให้นางข้าหลวงอาวุโสมาสอนมารยาทในราชสำนักให้โดยเฉพาะ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการดีกว่าหากไท่จื่อจะทรงห่วงใยน้องสาวเป็นพิเศษ”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” สตรีผู้นี้ไม่เคยพูดจาสุภาพมาก่อน และมักพูดจากลับตาลปัตรเสมอ

หมายความว่าอะไร? ไท่จื่อก็ทำตัวปกติ คิดจะหาเรื่องเปิ่นกงอย่างเปิดเผยอย่างนั้นหรือ?

“หม่อมฉันแค่สงสัยว่าขาของน้องสาวหักหรือ? พบหน้าเปิ่นกงแล้วยังไม่รีบคุกเข่าอีก” การแสดงออกของนางอ่อนโยน ทว่าน้ำเสียงของนางร้ายกาจอย่างยิ่ง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ การแสดงออกของเจียงหลูเยวี่ยก็หยุดนิ่ง คิ้วของนางขมวดเล็กน้อย พลันดวงตาของนางก็มีน้ำตาคลอเบ้า นางมองจิ่งหรงด้วยความออดอ้อนทันที เมื่อเขาเห็นเช่นนี้ก็ถึงกับใจสั่นสะท้าน

“เป็นความผิดของน้องเองเพคะ น้องสาวจะรีบคุกเข่าให้พี่สาว...”

แม่ดอกบัวขาวนี้ก็ฉลาดเช่นกัน ครั้งแรกที่นางถูกตำหนิ แทนที่จะยอมรับผิดอย่างเดียว แต่กลับส่งสัญญาณไปยังผู้ชายของตนด้วย

ก่อนที่เจียงหลูเยวี่ยจะลุกขึ้น จิ่งหรงก็จับตัวนางไว้และให้นางนั่งลง แล้วขมวดคิ้วมองเมิ่งอวิ๋นเสียงก่อนจะพูดว่า             “เปิ่นหวางเคยบอกเจ้าไปแล้วว่า ในช่วงสองสามวันนี้เยวี่ยเอ๋อรู้สึกไม่สบาย ดังนั้นธรรมเนียมคุกเข่านี้จึงถูกยกเว้นไปก่อน...”

เมิ่งอวิ๋นเสียงกลอกตาหลายร้อยครั้งในใจ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องทำต่อ “เนื่องจากไท่จื่อได้ตรัสไปแล้ว...”

นางหยุดชั่วคราวแล้วพูดต่อ “เช่นนั้นเปิ่นกงก็จะรอให้น้องสาวฟื้นตัวเสียก่อน จึงจะไปรบกวนนางข้าหลวงอาวุโสอวี่ให้มาจัดการ มิฉะนั้นมันจะนานเกินไป เกรงว่าน้องสาวจะลืมธรรมเนียมไปและจะติดเป็นนิสัยไร้มารยาท เมื่อเจอเปิ่นกงแล้วเจ้าจะไม่คุกเข่าก็ไม่เป็นอะไรหรอก หากแต่ถ้าออกไปข้างนอกแล้วยังแสดงกิริยาเช่นนี้อีก ไท่จื่ออาจจะเสียพระพักตร์ได้...”

เมื่อเจียงหลูเยวี่ยได้ยินครึ่งแรกของประโยค เดิมทีนางก็คิดว่าเมิ่งอวิ๋นเสียงคงจะถูกไท่จื่อจัดการแล้ว แต่นางคาดไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้นี้จะพูดคำเหล่านี้ต่อ

เมิ่งอวิ๋นเสียงแสร้งทำเป็นไม่สนใจและเหลือบมอง      เจียงหลูเยวี่ย ก่อนจะหยิบขนมเปี๊ยะอีกชิ้นเข้าปาก แล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้ว่า “แม้ว่านางข้าหลวงอาวุโสอวี่จะแก่ชราแล้ว แต่นางก็ยังคงสอนมารยาทได้ดี จะเห็นได้ว่าเรียนกับนางเพียงไม่กี่วัน    เปิ่นกงก็ดูเป็นกุลสตรีมากขึ้นกว่าเดิมนัก...”

ชิงหลัวที่อยู่ด้านข้างรู้สึกอับอาย หากไม่พูดขณะที่ขนมเปี๊ยะเต็มปากก็จะยังพอดูน่าเชื่ออยู่บ้าง

“พอแล้ว เยวี่ยเอ๋อไม่ใช่สตรีที่ต่อปากต่อคำเก่งและหยาบคาย นางเป็นที่รู้จักในฐานะกุลสตรีมาโดยตลอด และนางจะไม่มีวันลืมธรรมเนียมเหล่านี้”

“ไท่จื่อกำลังจะบอกว่าภูมิหลังของหม่อมฉันในจวนไม่ดี หรือว่ากิริยาของทุกคนในวังไม่ดีเท่านางหรือเพคะ?”               เมิ่งอวิ๋นเสียงกลอกตาพลางยกยิ้มอ่อน

สตรีผู้นี้ยกจวนเสนาบดีมาขู่อีกแล้ว

บทที่ 22

ตีปากกระบอกปืน

สิ่งที่จิ่งหรงเกลียดที่สุดคือใบหน้าอันนิ่งสงบของ       เมิ่งอวิ๋นเสียง ขณะที่นางใช้วาจาเชือดเฉือนดั่งคมดาบ ดูเหมือนว่านางจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไป

“หากน้องสาวไม่ต้องการให้คนนอกสั่งสอน ข้าจะช่วยสอนให้ก็ได้...” เมิ่งอวิ๋นเสียงมีความคิดนี้มานานแล้ว ซึ่งคราวนี้เจียงหลูเยวี่ยตีปากกระบอกปืนด้วยตัวเอง

“ไท่จื่อเพคะ...”

จิ่งหรงขมวดคิ้ว หากเยวี่ยเอ๋อถูกส่งตัวให้สตรีผู้นี้สั่งสอน นางจะต้องกลืนกินเยวี่ยเอ๋อจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก มือใหญ่ของเขากุมฝ่ามือนุ่มของเจียงหลูเยวี่ยไว้แน่น เพื่อให้นางมั่นใจ

“หากเป็นเช่นนั้นก็ไปเรียกนางข้าหลวงอาวุโสอวี่มา”

เมื่อเมิ่งอวิ๋นเสียงได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของนางก็สดใสขึ้นทันทีพลางคิดว่าไท่จื่อผู้นี้หลอกง่ายเกินไป แต่สีหน้าของนางก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง

ทันทีที่เมิ่งอวิ๋นเสียงกลับมาที่ห้อง นางก็หยุดหัวเราะไม่ได้และคุยเรื่องนี้กับไป๋เฉาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ไป๋เฉา เจ้าไม่เห็นหรือว่าสีหน้าของเจียงหลูเยวี่ยนั้นน่าเกลียดราวกับต้องกินอึ...” เมิ่งอวิ๋นเสียงพิงไหล่ของไป๋เฉาขณะกุมท้องของตนไว้ ชิงหลัวเกรงว่านางจะหัวเราะจนหายใจไม่ทัน

ไป๋เฉาเหลือบมองเมิ่งอวิ๋นเสียงด้วยสายตาว่างเปล่า จากนั้นจึงเหลือบมองชิงหลัวที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใส นางข้าหลวงอาวุโสอวี่จะมาแน่นอน

“โอ๊ย ก้นของข้า...”

...

อีกไม่กี่วันต่อมา นางก็ได้ยินข่าวว่าเจียงหลูเยวี่ยกำลังได้รับการสอนบทเรียน ซึ่งถือว่าเป็นการล้างแค้นให้กับบั้นท้ายอันบริสุทธิ์ของนาง

แต่นางต้องการมากกว่านั้น วันนี้หลังจากที่นางข้าหลวงอาวุโสอวี่ไปที่ตำหนักของเจียงหลูเยวี่ยแล้ว เมิ่งอวิ๋นเสียงก็สะบัดก้นพาชิงหลัวตามออกไปเช่นกัน

“ไท่จื่อเฟย ท่านไม่ได้บอกว่าต้องการพักผ่อนหรือเพคะ?” ปกติหลังจากที่นางข้าหลวงอาวุโสอวี่กลับไปแล้ว ไท่จื่อเฟยก็จะล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที ขณะที่พึมพำว่าต้องการผนึกร่างของตนไว้กับเตียง แล้วเหตุใดวันนี้นางถึงทำตัวว่างนัก

“ไปกันเถอะ เปิ่นกงจะพาเจ้าไปดูความสนุก”             เมิ่งอวิ๋นเสียงจับแก้มเล็ก ๆ ของชิงหลัว เมิ่งอวิ๋นเสียงผิวปากและเดินไปยังตำหนักของเจียงหลูเยวี่ย

นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งอวิ๋นเสียงมาเยือนตำหนักของ          เจียงหลูเยวี่ย นางคาดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะอาศัยอยู่ในที่ที่ดีกว่าตน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะนางเป็นคนรักของจิ่งหรง ซึ่งจะนำมาเปรียบเทียบกับคนที่เขาเกลียดชังเข้ากระดูกดำเช่นนางได้อย่างไร

“ไท่จื่อเฟย พวกเราต้องรออีกนานเพียงใดหรือเพคะ” ไท่จื่อเฟยผู้สง่างามรีบมาที่หน้าตำหนักของนางสนม แต่กลับหลบซ่อนตัว หากใครรู้เข้าก็จะคิดว่าเป็นเรื่องน่าขันและดูไร้ศักดิ์ศรียิ่งนัก

“เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการไม่เตรียมตัวให้พร้อมหมายความว่าอย่างไร...” เมื่อนางพูดจบก็จ้องไปยังประตูตำหนักของเจียงหลูเยวี่ยที่ปิดอยู่

มีเสียงดังเอี๊ยด ประตูเปิดออกตามมาด้วยเสียงทักทาย...

ดวงตาคู่งามของเมิ่งอวิ๋นเสียงเป็นประกาย นางรีบโบกมือ “กุ้งแห้งน้อย ไปกันเถอะพวกเรา”

“ทักทายนางข้าหลวงอาวุโสอวี่...” เมิ่งอวิ๋นเสียงก้าวไปข้างหน้าโดยประสานมือวางไว้บนเอวด้านซ้าย ขณะย่อขาลงเพื่อก้มตัวทำความเคารพตามธรรมเนียม หลังจากเห็นว่านางข้าหลวงอาวุโสอวี่แสดงออกอย่างพึงพอใจ เมิ่งอวิ๋นเสียงก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะมองเจียงหลูเยวี่ย

เจียงหลูเยวี่ยตกตะลึงไปชั่วครู่ นางขมวดคิ้วแต่ก็ยังคงพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าว่า “พี่สาวทำให้ตื่นเต้นยิ่งนัก เหตุใดท่านจึงมาเยือนตำหนักอันยากไร้ของน้องสาวตอนนี้เล่าเพคะ?”

“ไม่มีอะไรหรอก เปิ่นกงว่างจึงออกมาเดินเที่ยวเล่น ว่าแต่นางข้าหลวงอาวุโสอวี่ ไม่ทราบว่าช่วงนี้เจ้าเหนื่อยเกินกว่าจะสอนหรือไม่ ผลลัพธ์ที่ได้ช่างน้อยนัก หรือว่าน้องสาวจะเป็นพวกหัวขี้เลื่อย?” เมิ่งอวิ๋นเสียงหรี่ตาลงขณะเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง นางมองนางข้าหลวงอาวุโสอวี่อย่างไร้เดียงสาและดูบริสุทธิ์ใจ

“ท่าน... ท่านหมายความว่าอย่างไร” ปี้เหลียนพูดอย่างโกรธจัด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด