ตอนที่แล้วChapter 48: Went back to tell once nine certainly
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 50 Growing Myriad Spirits Great Array

Chapter 49 The female of Luo Family


洛家之女

ดินแดนบรรพชนสำนักอาชูร่า,ตั้งอยู่ด้านหลังเขาทะเลทมิฬ.

อย่างไรก็ตาม,ภายในดินแดนบรรพชนเวลานี้กับไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย,ลมปราณวิญญาณที่แห้งเหือด,อย่าว่าแต่สมุนไพรวิญญาณเลย,แม้แต่หญ้าวิญญาณยังไม่มีด้วยซ้ำ,ทั่วทั้งดินแดนบรรพชน,เต็มไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวเหงาหงอย,ทุกอย่างดูเย็นยะเยือบ,ราวกับเป็นพื้นที่แห้งแล้งมานานหลายปี.

เห็นชัดเจนว่า,ชีพจรวิญญาณในดินแดนบรรพชน,ได้ถูกช่วงชิงไปหมดแล้ว.

นอกจากนี้ของล้ำค่าในดินแดนบรรพชนทั้งหมด,ต่างก็ถูกเก็บกวาดไปจนสิ้น.

ลู่เผิงที่ตามหลังลู่อี้ผิงมา,เห็นดินแดนบรรพชนเวลานี้ ก็เผยความเจ็บปวดขมขื่นอย่างที่สุดออกมา.

หลายสิบปีก่อนเมื่อเข้าเคารพเป็นคนของสำนักอาชูร่า,แม้นว่าจะเป็นเพียงสำนักชั้นสอง,ทว่าศิษย์สำนักอาชูร่าก็มีจำนวนถึงหมื่นคน,ทั่วทั้งเทือกเขาทะเลทมิฬดูคึกคักเป็นอย่างมาก,เมื่อเห็นดินแดนที่อ้างว้างโดดเดี่ยวเช่นนี้ก็ทำให้เศร้าใจไปเหมือนกัน.

ในเวลานั้น,ลู่อี้ผิงที่ยกมือขึ้นหนึ่งขึ้นผลักมันไปด้านหน้าบนอากาศที่ว่างเปล่า,เวลานั้นลำแสงสีทองที่พุ่งไปยังส่วนลึกของดินแดนบรรพชน,ทั่วทั้งดินแดนบรรพชนที่กำลังสั่นไปมา ก่อนแผ่รัศมีแสงสีทองปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าทันที.

พลังที่มากล้นกำลังหลั่งไหลราวกับน้ำหลาก,พลังก่อกำเนิดที่ส่วนลึกของพื้นดินกำลังสั่นไหว.

ลู่เผิงที่ตกใจเป็นอย่างมาก,นี่คือพลังแก่นกำเนิดของดินแดนบรรพชนอย่างงั้นรึ?

หลายปีมานี้,สำนักอาชูร่าไม่เคยมีใครสามารถกระตุ้นแก่นกำเนิดของดินแดนบรรพชนได้เลย,เวลานี้ลู่อี้ผิงกับสามารถกระตุ้นแก่นกำเนิดของดินแดนบรรพชนได้อย่างง่ายดาย อย่างคาดไม่ถึง?

พลังลึกลับนี้,ลู่อี้ผิงรู้ได้อย่างไร?

ลู่เผิงที่รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากในใจ.

ริ้วแสงในมือของลู่อี้ผิง,ชีพจรวิญญาณหนึ่งเส้นที่ลอยออกไป,พลังวิญญาณเทวะที่แผ่ออกมา,ราวกับทะเลคลั่งที่ไหลบ่ากระจายไปทั่วดินแดนบรรพชน.

“ชีพจรวิญญาณระดับเทวะ!”ลู่เผิงที่อุทานออกมาด้วยความตกใจ.

หลังจากชีพจรวิญญาณระดับเทวะลอยออกไป,ริ้วแสงเส้นหนึ่งที่ลอยละล่องบนท้องฟ้า,ก่อนที่จะลอยพุ่งลงไปยังส่วนลึกของดินแดนบรรพชน,ผสานเข้ากับแก่นต้นกำเนิดของดินแดนบรรพชนอาชูร่า.

ทันใดนั้น,พื้นที่แห้งแล้ง,เปล่าเปลี่ยวก็ถูกเปลี่ยนเป็นมีชีวิตขึ้นมาทันที,ลมปราณวิญญาณที่มากล้นกระจายไปทั่ว,อากาศที่แห้งเหือดกลับมาอุดมสมบูรณ์,ทุกอย่างที่เปลี่ยนไปในบัดดล.

บนยอดเขาสูงที่แห้งเหี่ยว เริ่มมีต้นไม้ใบหญ้าเกิดขึ้น.

ลมปราณวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์,ลู่เผิงที่สูดหายใจลึก,รูขุมขนที่เบิกกว้าง,ราวกับว่าจิตใจได้รับการชำระล้าง.

“หลังจากนี้,แก่นกำเนิดบรรพชนอาชูร่า,จะอยู่ในการควบคุมของเจ้า.”ลู่อี้ผิงเอ่ย.

“ข้า? ไม่ได้ ๆ.”ลู่เผิงที่ได้ยินที่ตื่นตะหนก,เอ่ยออกมาว่า“คุณชาย,ข้าเป็นเพียงอาวุโสเล็ก ๆ เท่านั้น,นอกจากนี้ยังมีความแข็งแกร่งที่อ่อนแอ,บางทีสำนักอาชูร่าอาจจะยังมีอาวุโสใหญ่เหลืออยู่.”

ลู่อี้ผิงที่เอ่ยขัด“ข้าให้เจ้าควบคุม,ทุกการควบคุมก็จะมีเพียงเจ้าที่ควบคุมได้.”

เห็นอีกฝ่ายที่ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง,ท้ายที่สุดเขาก็เอ่ยกล่าวตอบรับด้วยความเคารพ.

“แม้นว่าตอนนี้เจ้าจะศึกษาวิชากระบี่อาชูร่าเพียงระดับเริ่มต้น,ทว่าพลังบ่มเพาะของเจ้าก็ยังคงดูธรรมดา.”ลู่อี้ผิงเอ่ย“ข้าจะส่งชุดวิชาบ่มเพาะราชวงศ์อาชูร่ายุคโบราณให้เจ้าได้บ่มเพาะ”จากนั้นที่ลำแสงจาดนิ้วของลู่เผิงก็ถูกส่งออกไปประทับเข้าไปบนหน้าผากของลู่อี้เผิง.

วิชาบ่มเพาะราชวงศ์อาชูร่า,นั้นเป็นวิชาบ่มเพาะที่ต้องฝึกฝนด้วยลมปราณเทวะในดินแดนบรรพชนอาชูร่า,ก่อนหน้านี้เขาได้มอบเม็ดยาทองคำเทพแท้จริงให้ลู่เผิงไปแล้ว,มันจะช่วยทำให้ระดับบ่มเพาะของเขายกระดับแบบก้าวกระโดด.

จากนั้น,ลู่อี้ผิงก็สั่งการให้พวกจางจินทั้งสี่แม้แต่หวงจิวฟินิกซ์เซียนทองคำทำการเปลี่ยนแปลงสภาพเทือกเขาทะเลทมิฬ.

ในขณะที่พวกจางจินกำลังปรับสภาพเทือกเขาทะเลทมิฬ,เจ้าจื่อเห่าก็กลับวิหารเทพยุทธ์,ซึ่งเป็นสาขาประจำทวีปเทพยุทธ์นั่นเอง.

บิดาของเจ้าจื่อเห่า,เจ้าเซี่ยง ที่เห็นหน้าอกของเจ้าจื่อเห่ามีรอยกระบี่ที่ฟันเป็นรอยลึกไปจนถึงกระดูก,ก็เอ่ยสอบถามอีกฝ่ายทันที.

หลังจากได้ฟังเรื่องราว,เจ้าเซี่ยงที่ใบหน้ากลายเป็นบิดเบี้ยว “ลู่อี้ผิงกล่าวเตือนไม่ให้พวกเราใกล้ชิดกับวิหารปิศาจทมิฬอย่างงั้นรึ?”

“ใช่,เขาเอ่ยว่าหากหอเทพยุทธ์และวิหารปิศาจทมิฬยังคงคบหากันอยู่,เวลานั้นก็อย่าโอดครวญก็แล้วกัน.”เจ้าจื่อเห่าพยักหน้ารับ.

“หอเทพยุทธ์ของพวกเราจะคบหากับใคร,ก็เป็นเรื่องของหอเทพยุทธ์,ลู่อี้ผิงเอ่ยอะไร,เราก็ต้องทำตามรึไง!”รองหัวหน้าสาขาเทพยุทธ์,ยวีจื่อฟางกล่าวหยัน“เขาคิดว่าตัวเองเป็นจ้าวพิภพเหิงหยวนรึไง? ทุกคนทั่วโลกถึงต้องเชื่อฟังเขา? นี่มันเรื่องน่าหัวเราะ บัดซบอันใดกัน!”

เจ้าเซี่ยงที่ดูลังเลเล็กน้อย“ลู่อี้ผิงเดินทางไปกับอาวุโสเล็ก ๆ สำนักอาชูร่าอย่างคาดไม่ถึง,นอกจากนี้เขายังสังหารเข่อเจี่ย, ไม่ลังเลที่จะล่วงเกินหยางซือหยวนและสำนักเฟยฮัวเลย,นี่เขาและสำนักอาชูร่าเกี่ยวข้องอันใดกัน?”

“เท่าที่ดู,ดูเหมือนว่าลู่อี้ผิงและสำนักอาชูร่าจะเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกัน!”

“เอาล่ะ เวลานี้แจ้งไปยังวิหารปิศาจทมิฬและสำนักเฟยหัวก่อน,บอกพวกเขา ว่าเข่อเจี่ยถูกลู่อี้ผิงสังหารไปแล้ว!”

......

ลู่อี้ผิงที่อยู่ที่เทือกเขาทะเลทมิฬเป็นเวลาสองวัน.

จากนั้นเขาก็ออกเดินทางมุ่งไปยังเมืองหลวงจักรวรรดิไป่ฮัว.

ศูนย์ใหญ่สำนักเฟยฮัวนั้นอยู่ใกล้กับเมืองหลวงไป่ฮัว,อยู่ไม่ไกลกันนัก,อาจกล่าวได้ว่าข้ามเมืองหลวงไป่ฮัวไปก็เป็นสำนักเฟยฮัว.

ในระหว่างเดินทาง ยิ่งใกล้เมืองหลวงไป่ฮัว,ก็ยิ่งพบกับสตรีมากขึ้นเท่านั้น,น้อยครั้งที่จะได้พบกับบุรุษ.

“จักรวรรดิไป่ฮัว,เป็นอาณาจักรสตรี,ที่มีแต่สตรีรึไง.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่กวาดตามองเหล่าสตรีที่มีมากมาย.

เหล่าสตรีที่พวกเขาเห็น,นับว่าเต็มไปด้วยสตรีที่งดงามไม่น้อย.

จางจินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“จักรพรรดินิไป่ฮัว,จียวีนั้น,เป็นดั่งวีระสตรี,เหล่าข้าราชบริพารกว่า 90% เป็นสตรี,กล่าวได้ว่า ที่นี่เป็นดินแดนของสตรีก็ไม่แปลก,แม้แต่เจ้านิกายและประมุขตระกูลล้วนแต่มีสตรีนั่งครองตำแหน่งทั้นนั้น,ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าจักรวรรดิไป่ฮัวคือดินแดนสตรีเป็นใหญ่นั่นเอง.”

เมื่อลู่อี้ผิงมาถึงเมืองหลวงไป่ฮัว,พบว่าเมืองหลวงนั้นมีบุรุษน้อยมากจริง ๆ,จำนวนคนสิบคน จะมีสตรีไปถึงเก้าคนแล้ว.

ทุกหนทุกแห่ง บนถนน,แม้แต่บนสนามประลอง,คู่ต่อสู้บนเวทีประลองล้วนแต่เป็นสตรีทั้งหมด.

“จูเหริน,ข้าเองก็อย่างลองมาอยู่ที่นี่ดูเหมือนกัน.”วัวกระทิงเขาทองคำที่รู้สึกมองเห็นแล้วคันขึ้นมาในใจ.

ลู่อีผิงเผยยิ้ม“เจ้ามาที่นี่,ไม่ใช่ว่าต้องการมาหาเหล่ากระทิงสาวหรอกรึ?”

ในเวลาเดียวกัน,ทันใดนั้น,เสียงของผู้คนก็ดังอื้ออึงดังก้องกังวานไปทั่วทุกที่

“ธิดาศักดิสิทธิ์โหลวถง!”

“ธิดาศักดิ์สิทธิ์โหลวถง!”

ลู่อี้ผิงที่จดจ้องมองออกไป,เห็นที่ไกลออกไปเห็นราชรถคันงามที่หรูหราเคลื่อนที่ช้า ๆ เข้ามา.

ด้านหน้าของราชรถ,มีกลุ่มทหารอารักขาจำนวนมากกว่าร้อยคน.

บนราชรถนั้นมีสตรีที่งดงามล่มเมืองนั่งอยู่.

ในทวีปเทพยุทธ์,ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดจำนวนสี่ตระกูล,ประกอบด้วย ตระกูลหว่านคือตระกูลอันดับหนึ่ง,ตระกูลอวิ๋นคือตระกูลอันดับสุดท้าย,ส่วนรองจากตระกูลหว่านก็คือตระกูลโหลวนั่นเอง.

บรรพชนชราตระกูลโหลว,กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในสามของเทพกระบี่ทวีปเทพยุทธ์,โหลวหนิง กล่าวได้ว่าเป็นเทพกระบี่เพียงคนเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในทวีปเทพยุทธ์แห่งนี้.

โหลวถงเป็นสตรีของตระกูลโหลว,ถือเป็นผู้เยาว์อัจฉริยะเหมือนกับอวิ๋นไห่เทียน,ทว่ากับมีชื่อเสียงมากกว่าอวิ๋นไห่เทียนและเจ้าจื่อเห่าไปมาก.

เพราะโหลวถงไม่ใช่เพียงแค่เป็นคนของตระกูลโหลว,ทว่ายังเป็นศิษย์ของเจียงซู่ซู่ บรรพชนชราสำนักไท่อี้อีกด้วย.

เจียงซู่ซู่ เป็นน้องสาวในสายโลหิตของเจียงยวี.

เหล่าผู้คนรอบ ๆ ถนน,ผู้ฝึกตนต่างก็เห็นราชรถตรงมาต่างก็เปิดทางทันที มีแม้แต่บางคนที่คุกเข่าลงด้วยความตื่นเต้น.

“ธิดาศักดิ์สิทธิ์โหลวถงมาครั้งนี้,ได้ยินมาว่ากำลังไปเยือนสำนักเฟยฮัว,ว่ากันว่านางและเจ้าสำนักเฟยฮัวนั้น เป็นดั่งพี่สาวน้องสาวที่สนิทกัน!”

“มีคนเอ่ยว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์เชี่ยวชาญสองวิถี,เป็นสตรีที่งดงามเป็นอย่างมาก,ไม่รู้ว่าใครจะเป็นบุรุษที่โชคดีที่ได้รับความโปรดปราณจากนาง,ได้ยินมาว่าคุณชายเจ้าจื่อเห่า,คุณชายเฉินหยวนเองก็สนใจในตัวนาง,ไม่รู้ว่าใครกันที่จะได้ใจของธิดาศักดิ์สิทธิ์โหลวถงไปครอง.”

ภายในฝูงชนที่มีเสียงกระซิบกระซาบกันเบา ๆ.

เพียงไม่นาน,ขบวนของโหลวถงก็มาถึงจุดที่ราชรถทองคำอยู่.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด